ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0118
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0120

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0119


บทที่ 38 เอลเดอร์ลิช พ่อพระของคนตาย (1)

* * *

พวกเรากำลังยืนอ่านจิตรกรรมฝาผนังด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“จะให้ข้า… ยอมรับเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ”

ลิลี่เป็นฝ่ายเปิดปากพูด

ปราสาทเก่าในหุบเขาถูกค้นพบอย่างง่ายดาย

ด้านในเป็นทางเดินยาว ตอนแรกก็กังวลนิดหน่อย แต่เอาเข้าจริงกลับไม่พบเดธไนท์ที่เคยกลัว และไม่พบกับดักที่ปราสาทเก่าแก่มักติดตั้งไว้

โถงทางเดินถูกสลักด้วยจิตรกรรมฝาผนัง

บนภาพวาดมีชายคนหนึ่งกำลังถือขวาน ดวงตากำลังลุกเป็นไฟ

ท้องฟ้าเหนือจุดที่ชายคนดังกล่าวยืน มีภาพของวังวนขนาดใหญ่

…วังวนแบบนี้ เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?

“น่าจะสื่อถึงโลกแห่งความตาย หรือไม่ก็โลกวิญญาณ”

ไม่ผิดจากที่เขาพูด ตามตำนานของต่างโลก โลกวิญญาณจะถูกพรรณนาด้วยภาพวังวนลึกลับบนท้องฟ้า

แต่ปัญหาก็คือ

“นี่มัน… ข้าไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?”

มีลูกโป่งลอยอยู่เหนือศีรษะชายเจ้าของดวงตาลุกเป็นไฟและใบหน้าบึ้งตึง

ฝั่งตรงข้ามชายถือขวาน คือบุคคลที่มีแขนเพลิงสี่ข้างขนาดมหึมา

ฉันไม่รู้ว่ามันสื่อถึงอะไร

ลิลี่เปิดปากพูด

“…ราชันโลกวิญญาณ”

ภายในโลกวิญญาณ ชายที่มีดวงตาลุกโชนใต้ลูกโป่ง กำลังแกว่งขวานใส่ราชันโลกวิญญาณ

ฉากถัดมาคือภาพของชายคนเดิม กำลังยืนเหยียบหน้าอกราชันโลกวิญญาณที่ล้มลง

ด้านหลังชายคนนั้น มีชายหญิงคู่หนึ่งตามมาไม่ห่าง

“…ชายที่ไปไหนมาไหนกับลูกโป่ง เสียชีวิตและถูกส่งไปยังโลกวิญญาณ แต่เพื่อให้มีชีวิตรอด เขาเอาชนะราชันโลกวิญญาณและส่งตัวเองกลับมายังโลกวัตถุอีกครั้ง”

ลิลี่จ้องฉันด้วยแววตาซับซ้อน

“ในสายตาฉัน ชายคนนั้นดูเหมือนกับ… หรือจะเข้าใจผิดไปนะ”

ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

ทำไมถึงต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น?

ทันใดนั้น

กึก! กึก!

เสียงฝีก้าวดังมาจากอีกฟากหนึ่งของโถงทางเดิน

ด้านหลังเงาดำ มนุษย์ หรืออาจจะอันเดดสองคน ปรากฏตัวขึ้น

หากไม่นับผิวหนังที่ค่อนข้างม่วง ทุกอย่างดูเหมือนกับมนุษย์ปกติ

หนึ่งชายหนึ่งหญิงจ้องฉันก่อนจะก้มศีรษะ

“กำลังรออยู่พอดี ท่านพ่อ คำทำนายของปฐมนักพยากรณ์เป็นจริงอีกครั้ง”

“…พวกนายเป็นใคร”

“ทายาทของท่าน”

ทั้งสองมองมาทางฉันด้วยรอยยิ้มจริงใจ

“ท่านคือพ่อของเรา เป็นเพราะท่าน พวกเราจึงได้เกิดใหม่ เราคือทายาทของท่าน อดามาและฮาวา”

เมื่อสมองคนเราเริ่มประมวลผลในเรื่องยากๆ มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดอาการเหม่อ

หากคิดจะเอาตัวรอดในป่า คนเราจำเป็นต้องฝืนเอาชนะอาการสมองขาวโพลนให้ได้ในทุกสถานการณ์ นั่นคือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้และฝึกฝนระหว่างการดิ้นรนเป็นเวลานาน

สูดลมหายใจยาวและทำใจให้ว่าง ฉันขจัดความสับสน

“…ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันไม่มีความทรงจำส่วนนั้นเหลือเลย”

“ไม่เป็นไร จำได้หรือไม่ นั่นไม่สำคัญ”

อดามาและฮาวายังคงสุขุม ราวกับเป็นตัวแทนบรรยากาศอันเงียบงันของปราสาท

ทันใดนั้น ลิลี่พูดขึ้น

“…ต้นไม้”

ฉันหันไปมองลิลี่ รูม่านตาของเธอกลายเป็นสีแดง ลิลี่กำลังมองโฉมวิญญาณของอีกฝ่าย

“วิญญาณของพวกเขาคือต้นไม้หนึ่งต้น… ต้นไม้ที่มีผลแอปเปิล”

“เธอหมายถึงสองต้น?”

ลิลี่ส่ายหน้า

“หนึ่ง”

“แค่หนึ่ง? หมายความว่ายังไง”

แปลว่ามีคนเดียวที่มีวิญญาณ?

ฉันตีความแบบนั้น แต่คำตอบของลิลี่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“พวกเขาใช้วิญญาณร่วมกัน”

ฉันหันไปมองคนทั้งสองอีกครั้ง พวกเขายังยิ้มและมองมา ชุดคลุมที่ได้แรงบันดาลใจจากใบไม้ มอบเสน่ห์อันลึกลับและแปลกประหลาด

“ช่วยตามมาได้ไหม? ท่านพ่อ”

ทั้งสองหันหลังกลับพร้อมกัน จากนั้นก็เดินนำทางพวกเรา

ผ่านไปราวยี่สิบนาทีเห็นจะได้

สุดทางเดินยาวเป็นทางเดินสั้น แสงจากด้านบนส่องลงมายังใจกลาง

ท่ามกลางแสงสว่างมีต้นไม้หนึ่งต้น

“นี่คือเครื่องมือที่ท่านพ่อใช้ช่วยเรา”

“…ฉันจำไม่ค่อยได้”

ฉันเดินเข้าใกล้ต้นแอปเปิลและพูดต่อ

“จำไม่ได้ว่าเคยถือต้นแอปเปิล… ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น… ฉันถือขวาน”

แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่นั่นคือเหตุผลที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยภาพจิตรกรรมฝาผนังชายถือขวาน

อดามาพูด

“ขวานของท่านเติบโตจนกลายเป็นสิ่งนี้… ลืมไปแล้วหรือ ท่านชอบเหลาต้นแอปเปิลมาทำด้ามขวาน”

พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากระฆังร็อคเบลล่าที่ลบความทรงจำ?

ไม่สิ

ทั้งสองอาจไม่ได้พูดโดยเค้นความทรงจำ

แต่ท่องคำที่อยากจะพูดซ้ำไปมา และพยายามจดจำด้วยพลังใจทั้งหมด

เหมือนกับกิโฮเต้

“สิ่งนี้อัดแน่นไปด้วยเจตจำนงของท่าน รวมถึงเจตจำนงของเราที่ยังหลงเหลือ”

จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ จึงรีบนำเข็มชี้ทองคำออกจากเสื้อ

เข็มชี้ทองคำกำลังหมุนติ้ว หมายความว่าสมบัติทองคำอยู่ใกล้มาก

เงยหน้ามองต้นไม้

อาจฟังดูเหมือนเรื่องไร้สาระ แต่ถ้าคำนึงจากสถานการณ์…

“นี่คือสมบัติทองคำ”

ตรงกันข้าม ลิลี่มั่นใจ

ต้นแอปเปิลคือสมบัติทองคำ?

ฉันเอาแต่จ้องต้นแอปเปิล ยอมรับตามตรงว่าตกใจมาก

สมบัติทองคำไม่ใช่เครื่องมือหรอกหรือ?

ราวกับอ่านความคิดฉันออก อดามากับฮาวาเดินเข้าใกล้ต้นแอปเปิลและวางมือลง

“นี่คือสมบัติทองคำ”

“มันเคารพเจตจำนงของผู้ปกครอง”

ทันใดนั้น รอยสัก ‘เส้นวงกลม’ บนหน้าผากพวกเขาส่องแสงสีน้ำเงิน

เวลาเดียวกัน ต้นไม้ส่องแสงและหดตัวลงจนกลายเป็นไม้เท้า

หัวไม้เท้าทำจากคริสตัลทรงกลมที่ข้างในมีใบไม้ฝังอยู่ ก้านไม้เท้าดูคล้ายรากไม้คดเคี้ยว

เฉกเช่นสมบัติทองคำชิ้นอื่น มันส่องแสงสีทองคำเจือจาง

“ไม้เท้าคนตาย”

“สิ่งนี้และพวกเรารอคอยท่านมาตลอด ท่านพ่อเอลเดอร์ลิช”

พวกเขาคุกเข่าลงในท่ายื่นไม้เท้ามาทางฉัน

* * *

อดามาและฮาวาจำไม่ได้ว่าพวกตนเสียชีวิตอย่างไร

เพียงจำได้เลือนรางว่า พวกตนเคยอาศัยอยู่ในยุคก่อนยุคทอง

สมัยนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

พวกเขากลายเป็นวิญญาณไร้สติที่เร่ร่อนไปทั่วโลกวิญญาณ และใช้ชีวิตด้วยความเจ็บปวด

แต่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันเสมอ จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม

จนกระทั่งวันหนึ่ง ใครบางคนตกลงมาตรงหน้า เป็นคนตายที่ร่วงหล่นผ่านวังวนยักษ์เหนือท้องฟ้าโลกวิญญาณ

ท่ามกลางสติอันเลือนราง พวกเขาเห็นอกเห็นใจคนตายหน้าใหม่

จนกระทั่งคนตายลุกขึ้นยืน

คนตายสังเกตเห็นว่าในมือของตน กำลังถืออาวุธที่เคยใช้สมัยยังมีชีวิต

คนตายตัดสินใจท้าทายเป้าหมายที่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จ

เพื่อไม่ให้สูญสิ้นสติ คนตายนำดินของโลกวิญญาณใส่ปากเคี้ยว

เขากัดฟันเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรคที่ขวางทาง

ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า เขาจารึกความสำเร็จใดไว้บนโลกวิญญาณบ้าง

แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เขาปีนกลับไปยังโลกมนุษย์ได้อีกครั้ง

อดามาและฮาวาที่คอยให้ความช่วยเหลือขณะเขาอยู่ในโลกวิญญาณ ถูกคืนชีพโดยคนตายและกลายเป็นสักขีพยานบนโลกมนุษย์

อดามาและฮาวา ที่ในภายหลังจะกลายเป็นหนึ่งในโฉมผู้ปกครอง ลั่นสัตย์สาบานด้วยโฉมคนตาย

เพื่อผู้มีพระคุณ ข้าจักรอคอยตราบชั่วนิรันดร์

* * *

คังซอนฮูก้มมองไม้เท้าในมืออยู่พักใหญ่ มนุษย์สองคนผู้เกิดมาพร้อมโฉมคนตาย ทำเพียงยืนมองผู้มีพระคุณจากอดีตกาลของตน

ลิลี่ยืนรอข้างคังซอนฮูเงียบๆ

“ฉันมีคำถาม”

อดามาและฮาวาตั้งใจฟัง

“พวกนายรู้จักนัคชารอนไหม”

ฮาวาพยักหน้า

“ลูกหลานของเราเอง”

“พวกเขาคิดถึงพวกนายนะ”

“พวกเราก็คิดถึงเหล่าลูกชายและลูกสาวเหมือนกัน”

“อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เอง ถ้าขี่ม้าก็คงใช้เวลาสองวัน แต่ว่า… ถ้าพวกนายอยากไปหา ก็คงทำไปนานแล้วสินะ”

“เราออกจากที่นี่ไม่ได้”

สีหน้าอดามาค่อนข้างเศร้าขณะพูด

“พวกเราต้องคอยยับยั้งกาลอส แม้แต่ปราสาทก็ถูกสร้างเพื่อยับยั้งกาลอส”

“กาลอส?”

“ท่านไม่เห็นหรือ มังกรผู้ปลิดชีพตัวเองเพื่อติดตามบิดา”

“โครงกระดูกจิ้งเหลนยักษ์ในพายุสีดำ?”

อดามาพยักหน้า

“เทพผู้รังสรรค์ทรงกระโดดลงมาและกลายเป็นผืนธรณี จากนั้น ในบรรดามังกรซึ่งเป็นลูกหลานรุ่นแรกของพระองค์ มีบางตนเลือกที่จะจบชีวิตเพื่อติดตามบิดา วิญญาณนั้นคือกาลอส ปัจจุบันกลายเป็นปีศาจสัญลักษณ์แห่งความตาย”

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ยับยั้งกาลอสไว้?”

“ลมหายใจของกาลอสจะแผ่ปกคลุมโลก ถึงแม้ตอนนี้จะเรียกว่ามังกรไม่ได้ แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าปุถุชนเกือบทั้งหมดบนโลก ลมหายใจแห่งความตายสามารถปกคลุมโลกได้ไม่ยาก”

ฮาวาพูดต่อ

“ข้าเป็นกังวล ปราสาทหลังนี้ทรุดโทรมลงมากแล้ว แต่พลังของปีศาจยังคงเดิม ข้าสัมผัสได้ว่าผนึกของกาลอสค่อยๆ คลายออก”

“…”

ฉันครุ่นคิดเป็นเวลานาน

นานจนบรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วน

“…ถ้าจัดการกาลอสได้ พวกนายก็จะได้พบหน้าลูกหลานใช่ไหม”

“ใช่ครับ แต่ว่า… การจะฆ่ากาลอส ท่านต้องมีพลังทัดเทียมนิรันดร์ชนเป็นอย่างน้อย”

“ลิลี่ ไปกันเถอะ”

“อื้อ”

ลิลี่ยังคงหน้านิ่งราวกับคิดไว้แล้ว เธอไม่แม้แต่จะคัดค้าน

ก่อนจะจากไป ฉันหันกลับไปพูด

“แล้วเจอกันข้างนอกนะ”

อดามาและฮาวาเอาแต่จ้องแผ่นหลังของฉัน

พวกเราเดินผ่านโถงยาว แม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ดูเหมือนว่าจะคิดตรงกัน

“ฉันพอจะรู้แล้วว่านักบุญหญิงมาทำอะไรแถวนี้”

“เธอจะฆ่าตัวตาย”

พวกเราต่างรู้จักมีดที่เธอคาบ

ลิลี่อาจรู้จักพลังของมันดีกว่าฉัน

“คงคิดจะใช้พลังของโคล์บ’ รานเดอจูเพื่อทำลายปีศาจ”

* * *

วีว่าซิสซิโม่เดินผ่านเนินสูงจนกระทั่งถึงเชิงเขา

พื้นดินแห้งๆ สีดำสนิทและภูมิประเทศแบบภูเขาหินทำให้เส้นทางค่อนข้างลื่น และยิ่งเป็นเช่นนั้นเมื่อเดินลึกเข้าไป

ภูเขาชันขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปในพายุสีดำ

เธอแสบตาจนน้ำตาไหล รู้สึกเหมือนตกลงไปยังใจกลางผืนป่าที่ไฟไหม้ โลกทั้งใบดูพร่ามัว

สายลมขี้เถ้าพัดผ่านวีว่าซิสซิโม่อย่างต่อเนื่อง

บรรดาสัตว์อสูรที่ติดตามปีศาจสังเกตเห็นนักบุญหญิง แต่ก็ทำเพียงปล่อยผ่าน

เพราะนักบุญหญิงในยุคสมัยนี้ เป็นเพียงนักบุญหญิงที่บกพร่อง

เป็นแค่ลูกหลานดวงดาวไร้พรสวรรค์ ปัดเป่าไม่ได้แม้กระทั่งปีศาจในปาก

ที่เธอเป็นนักบุญหญิงได้ ก็เพราะสืบทอดโฉมนักพยากรณ์มาจากรุ่นก่อน

แถมยังเลิกพยากรณ์ไปแล้วด้วย

เธอสาบานว่าจะไม่พยากรณ์อีก ถึงกับยอมลงทุนคาบมีดปีศาจไว้ในปาก

‘นักพยากรณ์ที่ไม่พยากรณ์ ก็เหมือนกับคนตายที่นอนในหลุมศพ’

คำพูดที่กล่าวโดยใครสักคน ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง

นักบุญหญิงที่ไม่ยอมพยากรณ์และปัดเป่าปีศาจไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับเปลือกที่ข้างในว่างเปล่า

แต่ถึงแม้จะเป็นแค่เปลือก

เธอก็ควรทำอะไรสักอย่าง เพื่อยับยั้งปีศาจที่คิดจะทำให้โลกปกคลุมด้วยความตาย

นั่นคือศรัทธาของวีว่าซิสซิโม่

แหงนหน้ามองมังกรยักษ์ตรงหน้าที่เหลือแต่กระดูก หญิงสาวครุ่นคิด

นักบุญหญิงจับมีดในปาก

มือของเธอสั่นระริกไม่หยุด

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด