ตอนที่แล้วตอนที่ 9-3 ยั่วยุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-5 สนามประลอง

ตอนที่ 9-4 ดาบนามว่าประหารปรปักษ์


ลินลี่ย์หันหน้ามามองน้องชาย  เขายิ้มพลางกล่าว  “วอร์ตัน, บลูเมอร์ผู้นี้รู้วิธีการที่ได้ผลและยังท้าทายเจ้า ดูเหมือนเขามั่นใจมาก”

วอร์ตันพูดด้วยความมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงพี่ใหญ่ เรานักรบเลือดมังกรกลัวคนในระดับเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“นั่นคือความเชื่อมั่นที่เจ้าควรมี”

ลินลี่ย์ชำเลืองมองบลูเมอร์ที่หายลับตาไป  “ข้าสังเกตเห็นกระบี่ของบลูเมอร์ดูเหมือนว่าจะมีความพิเศษ”

“ใช่แล้วกระบี่ของบลูเมอร์รวดเร็วมาก เมื่อเขาเข้าร่วมแข่งขันคัดตัวเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์เขามีชื่อเสียงในเรื่องกระบี่ไว แต่กระบี่ไวปกติจะไม่ทรงพลังนัก เขาอาจจะเอาชนะศัตรูที่เป็นระดับเก้าธรรมดาได้  แต่เพราะพลังป้องกันของข้าต่อให้เขาฟันใส่ข้าได้ ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของข้าได้”   วอร์ตันยังมั่นใจมากอยู่  “ถ้าการแข่งคัดเลือกศิษย์กิตติมศักดิ์คัดเอาผู้ชนะเลิศในการแข่งขันทั้งหมด  มีแนวโน้มว่าผู้ชนะเลิศอาจไม่ใช่เขาก็ได้”

ลินลี่ย์ยิ้มและใช้ไหล่เขากระทบไหล่วอร์ตัน  “พอได้แล้ว, ศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามหรือ? ฮึไปกันเถอะ ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว”

ในฐานะเชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกร  ลินลี่ย์และวอร์ตันมีความภาคภูมิใจกันทั้งสองคน

บลูเมอร์รีบแจ้งให้จักรพรรดิโจฮันน์ทราบถึงเรื่องท้าประลองและจักรพรรดิโจฮันน์ส่งคนไปถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับวอร์ตัน หลังจากทรงทราบว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่ โจฮันน์มีราชโองการทันทีให้จัดการตระเตรียมสนามประลองฝีมือระหว่างอัจฉริยะทั้งสองคน

ชาวเมืองหลวงทุกคนตื่นเต้นหลังจากที่ได้ทราบข่าวการประลองที่จะมีขึ้นนี้

คนหนึ่งบลูเมอร์เป็นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามนักรบระดับเก้า

อีกคนหนึ่งสืบสายตระกูลนักรบเลือดมังกรวอร์ตันอัจฉริยะจากสถาบันโอเบรียน!

ที่สำคัญที่สุด...

อัจฉริยะทั้งสองคนนี้กำลังหมายปององค์หญิงเจ็ดเพราะนิสัยของคนทั่วไปชอบมีส่วนร่วมในการนินทาอยู่แล้ว  หลายๆคนเริ่มพูดว่าอัจฉริยะทั้งสองคนเปิดศึกชิงนางเพื่อองค์หญิงเจ็ด  ข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับวอร์ตัน บลูเมอร์และนีน่าเริ่มเป็นที่พูดคุยกันตามถนนตรอกเล็กซอกซอยในเมืองหลวง

เมืองแชนน์ด้านตะวันออก คฤหาสน์ของเคานท์วอร์ตันบนถนนโบลเดอร์ ภายในลานฝึกฝีมือ

ลินลี่ย์และวอร์ตันต่างยืนอยู่ด้านตรงข้ามของสนามฝึกฝน  พ่อบ้านแอชลีย์, ฮิลแมน, บาร์เกอร์และคนอื่นๆ กำลังมองดูอยู่ห่างๆ

การประลองที่จะมีขึ้นวันที่ 4กุมภาพันธ์นั้นวอร์ตันจะต้องชนะ

ลินลี่ย์จ้องมองวอร์ตัน “วอร์ตัน! เนื่องจากบลูเมอร์มีชื่อเสียงทางด้านใช้กระบี่ไวโจมตี  ข้าจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้าใช้กระบี่ไวโจมตี  จงอย่าลังเลแม้แต่น้อย ใช้พลังทั้งหมดของเจ้าสู้กับข้า”

“ได้เลย, พี่ใหญ่” เขาเปลือยกายท่อนบน วอร์ตันแปลงร่างของเขาทันที

เกล็ดมังกรสีฟ้าเริ่มครอบคลุมร่างทั้งหมดของวอร์ตัน  แขนและขาของเขาเริ่มปกคลุมไปด้วยเกล็ดเช่นกันขณะที่เล็บของเขาเริ่มงอกยาวออกมาและแหลมคม หางมังกรผุดออกมาจากด้านหลัง และเขามังกรเดี่ยวงอกออกมาจากหน้าผาก

ตาของเขายังคงเป็นสีดำ มีประกายสีทองเป็นครั้งคราว

“นี่คือร่างนักรบเลือดมังกรที่มีอำนาจที่แท้จริงของตระกูลเรา”  เมื่อเห็นร่างแปลงของน้องชายลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาตะโกนเสียงดังลั่นทันที  “วอร์ตัน! โจมตีข้าสุดกำลัง เร็ว”

“เข้าใจแล้ว”

ตาของวอร์ตันเป็นประกายและกระโจนจากพื้นเต็มกำลังทำให้พื้นดินที่เขายืนอยู่สั่นสะเทือน ร่างแปลงของวอร์ตันพลันพร่าเลือนขณะที่เขาจู่โจมใส่ลินลี่ย์มือของเขาจับดาบศึกประหารปรปักษ์แน่นที่มีคราบโลหิตติดอยู่เสมอ

“กวัดแกว่งของเบาเสมือนเป็นของหนัก!” เทพกระบี่เลือดม่วงในมือของลินลี่ย์แฝงไปด้วยพลังที่หนักหน่วงมหาศาลดูเหมือนจะลอยขึ้นด้วยความเร็วที่เชื่องช้าเข้าหาดาบประหารปรปักษ์ มันสามารถต้านรับดาบพิฆาตได้ด้วยวิถีที่แปลกประหลาด

“ปัง!”  พลังทั้งสองปะทะกัน

ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกดาวตกขนาดยักษ์กระแทกใส่เนื่องจากพลังประหลาดจากแรงระเบิดถูกส่งผ่านเข้าไปในเทพกระบี่เลือดม่วงของเขา

“เขาแข็งแรงอย่างเหลือเชื่อจริงๆ แรงฟันปกติจากเขาเท่ากับเราในร่างมนุษย์ที่ใช้เคล็ดกวัดแกว่งของเบาเสมือนของหนัก”  ลินลี่ย์อดถอนหายใจชมเชยไม่ได้ นักรบเลือดมังกรมีระดับความแข็งแรงที่ทรงพลังจริงๆ

ลินลี่ย์บิดตัวเหมือนพายุหมุนหลบเฉียดวอร์ตันไปอย่างง่ายดาย

“ควั่บ!”

ประกายม่วงปรากฏขึ้นเก้าครั้ง นี่เป็นเพียงการโจมตีที่ใช้ระดับความเร็วธรรมดาของเทพกระบี่เลือดม่วง  ลินลี่ย์ยังคงกังวลแม้ว่ากระบี่ของบลูเมอร์จะไวมากก็ตามแต่บางทีเขาน่าจะทำได้เพียงเข้าถึงความเร็วระดับนี้เป็นอย่างมากที่สุด

เมื่อเท้าของเขาแตะพื้นได้ วอร์ตันกระโจนกลับหลังหลบอย่างรวดเร็วขณะที่เขาใช้ดาบศึกประหารปรปักษ์ในมือป้องกันการโจมตีของลินลี่ย์

แต่แม้จะสามารถป้องกันการโจมตีได้หกครั้ง แต่พลังโจมตีจากลินลี่ย์ถูกต้องร่างของวอร์ตันสามครั้ง พลังโจมตีนี้เป็นพลังโจมตีปกติที่ลินลี่ย์ใช้ตอนอยู่ในร่างมนุษย์

“แคล้ง  แคล้ง แคล้ง!”

เสียงโลหะดังก้องได้ยินสามครั้ง  เส้นขาวเลือนรางสามขีดปรากฏอยู่บนเกล็ดสีฟ้าของวอร์ตัน

“ฮ่าฮ่า...วอร์ตันดูเหมือนว่าข้าไม่ได้ใช้พลังสักนิดนะ ข้าไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้เลยแม้แต่น้อย”

วอร์ตันมองดูพี่ชายอย่างจริงจัง  “พี่ใหญ่ ไม่ต้องออมมือ”

“ในร่างมนุษย์ลินลี่ย์เป็นเพียงนักรบระดับเก้าชั้นต้น

แต่ตอนนี้วอร์ตันเป็นนักรบเลือดมังกรระดับเก้าชั้นสูงแล้ว  ในแง่ของความแข็งแกร่ง ปราณยุทธหรือพลังป้องกันตัว เขาโดดเด่นกว่าลินลี่ย์มากมาย

“ใต้เท้าถ้าท่านยังออมมือต่อไป ข้าเกรงว่าวอร์ตันจะล้มท่านได้ง่ายๆ”  เกทส์ตะโกนลั่นจากข้างๆ

ลินลี่ย์หัวเราะส่ายศีรษะ

“วอร์ตันระวังให้ดี”

ลินลี่ย์เคร่งขรึมมากขึ้นและจากนั้นเขาเริ่มเร่งความเร็วทันที ลานฝึกทั้งหมดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยลมพัดกระโชกรุนแรงทันทีเนื่องจากร่างของลินลี่ย์ใช้ความเร็วระดับที่น่ากลัว

“ควั่บ!” เทพกระบี่เลือดม่วงฟันใส่วอร์ตันและดูเหมือนจะกดข่มวอร์ตันไว้ในพื้นที่รอบตัวเขา

เคล็ดกำหนด!

วอร์ตันรู้สึกว่าแรงกดดันที่เหลือเชื่อกำลังมาทางเขา แต่เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายนี้เลือดมังกรในกายของเขาเริ่มเดือด วอร์ตันคำรามลึกระเบิดปราณเลือดมังกรในตัวทำให้พลังป่าเถื่อนนี้ระเบิดออกมาจากดาบศึกประหารปรปักษ์ของเขา

“ควั่บ”

อากาศที่กักตัวเขาไว้ถูกตัดเปิดและดาบศึกปะทะเข้ากับเทพกระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์โดยตรง

แต่เทพกระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์เพียงสั่นเล็กน้อย  จากนั้นเปลี่ยนเป็นเงากระบี่หกสาย ในช่วงเวลากระชั้นเช่นนั้นวอร์ตันไม่สามารถใช้ดาบศึกของเขาป้องกันได้

“ฮ่าาาาห์!”วอร์ตันกำลังหมัดซ้ายซึ่งมีแสงสีฟ้าครอบคลุม

“ปัง  ปัง ปัง ปัง!”

เงากระบี่หกสายเปลี่ยนเป็นตัวกระบี่เลือดม่วงแท้อีกครั้งหนึ่งแทงใส่วอร์ตันอีกครั้งมันแฝงรังสีทะลุทะลวงน่ากลัวจนทำให้วอร์ตันสั่น

การกวัดแกว่งของเบาเสมือนเป็นของหนัก! รวดเร็วดุจสายฟ้า!

ในพริบตา ลินลี่ย์แทงใส่จุดเดิมบนร่างวอร์ตันถึงสี่ครั้ง  การแทงซ้ำๆ เหล่านี้แทงผ่านปราณยุทธและเกล็ดป้องกันตัวของวอร์ตันตอกเข้าไปในเนื้อของเขา

ไม่ช้าเขาก็แทงผ่านเกล็ดได้  อย่างไรก็ตามลินลี่ย์รั้งกระบี่และถอยกลับออกมา

วอร์ตันยืนตะลึงอยู่กับที่  จากนั้นเงยหน้ามองดูลินลี่ย์เขาพูดด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ  “พี่ใหญ่,ท่านเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?” เขาไม่มีความสามารถพอตั้งตัว จากตรงนี้ ใครๆ ก็พอจะจินตนาการในสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาโจมตีสั้นๆ  แต่ลินลี่ย์ก็ยังโจมตีเต็มที่ได้สี่ครั้ง!

“เจ้าเรียกนั่นว่าเร็ว?  ถ้าข้าใช้จนถึงขีดจำกัดข้า  แล้วในสถานการณ์อย่างนั้นข้าจะยังโจมตีได้อีกหกกระบี่  นี่อาศัยความเร็วล้วนๆไม่ได้อาศัยความลี้ลับหรือความรู้แจ้งกฎที่ลึกซึ้งเลย  ถ้าข้าใช้เคล็ดระลอกลม...”  รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์  “ในพริบตาเดียวข้าสามารถใช้กระบี่โจมตีได้หลายร้อยทีหรืออาจมากกว่านั้น!”

ที่ใดมีลม กระบี่ของเขาสามารถปรากฏได้

พลังของเคล็ดระลอกลมอยู่บนพื้นฐานคำๆ เดียวคือ ‘เร็ว’  เร็วมากจนดูเหมือนเป็นการเทเลพอร์ต แต่เพราะความเร็วในการเข้าถึงดังกล่าวก็หมายความว่าพลังโจมตีในแต่ละครั้งจะไม่สูงมากนัก  แต่ด้วยพลังโจมตีของกระบี่เป็นร้อยผสานเข้าด้วยกันพลังโดยรวมจึงสูงส่งอย่างน่าประหลาด

“โจมตีร้อยกระบี่?”  วอร์ตันตกใจ “แต่... ยังดีที่ความเร็วของบลูเมอร์ยังด้อยกว่าท่านมาก  พี่ใหญ่, ถ้าเขาไวขนาดนี้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ดีกว่า”

“อย่าหวังแต่อาศัยโชค”  ลินลี่ย์เตือนอย่างเย็นชา  “วอร์ตัน,เจ้ามั่นใจมากพอนะว่าเจ้ารู้จักความเร็วสูงสุดของบลูเมอร์?”

“ไม่, ข้าไม่รู้”  วอร์ตันส่ายศีรษะ

“ใช้พลังของเจ้าทั้งหมดจู่โจมใส่ข้า”  ลินลี่ย์กล่าวจริงจัง

“ได้เลย พี่ใหญ่”  วอร์ตันเคร่งขรึมขึ้นเช่นกัน  “การโจมตีนี้เป็นสิ่งที่ข้าพัฒนาขึ้นมาจากความเข้าใจเคล็ด‘กวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบา’  ชื่อของท่าก็คือ ‘ดาบเดี่ยวสังหาร’ วอร์ตันจับดาบศึกประหารปรปักษ์ด้วยมือทั้งสอง  และเงาโลหะสะท้อนอยู่ที่คมดาบ

รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์

“นั่นคือชื่อที่ข่มขวัญดี”  ลินลี่ย์กวัดกระบี่เลือดม่วงในมือเดียว

“ควั่บ!” วอร์ตันเร่งความเร็วในระดับสูงสุดและปรากฏตัวต่อหน้าลินลี่ย์ในพริบตาดาบศึกประหารปรปักษ์ดูเหมือนจะร่ายรำอยู่ในมือของเขาคล่องแคล่วเหมือนกับใบไม้ร่วง  “วืด!”มันฟันเข้าใส่ลินลี่ย์

แม้ความประทับใจที่มันแสดงออกดูเหมือนกับจะเคลื่อนไหวได้ช้า  แต่ในพริบตาก็มาถึงหน้าลินลี่ย์แล้ว เมื่อเผชิญกับพลังฟันเช่นนี้ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงพลังอำมหิตและกระหายเลือดที่แฝงมากับดาบ

ลินลี่ย์ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

“แคล้ง  แคล้ง แคล้ง....”

ดูเหมือนลินลี่ย์จะกลายเป็นดวงอาทิตย์ขณะที่เขาแผ่รัศมีสีม่วงเป็นล้านสายประกายแสงสีม่วงนี้สว่างเจิดจ้าเข้าปะทะกับดาบศึกประหารปรปักษ์ พลังโจมตีที่น่ากลัวของดาบศึกประหารปรปักษ์ที่เดิมทีครองพลังที่ช้าแต่กลับต่อต้านสลายโดยแสงเจิดจ้าสีม่วงนับล้านๆ สาย

“ปัง!”  ดาบศึกถูกส่งกระเด็นไป และวอร์ตันเองถูกประกายสีม่วงฟันหลายครั้งส่งผลให้เขาปลิวกระเด็นเช่นกัน

วอร์ตันไอสองครั้งและลูบอกขณะลุกขึ้นยืน

“ไม่เลวมันทรงพลังมาก” ลินลี่ย์พูดอย่างเห็นด้วย  “ความจริงต้องใช้ถึงสิบ..ไม่ใช่สิสิบหกกระบี่ของข้าโจมตีจึงจะสลายพลังโจมตีของเจ้าได้”  เมื่อใช้ระลอกลมทุกกระบี่ที่ฟันใส่ค่อนข้างอ่อนแอ

ความจริงถ้าลินลี่ย์ต้องโจมตีเต็มกำลังการฟันแต่ละครั้งจะมีพลัง 25% ของแรงฟันของวอร์ตัน

พูดให้ถูกก็คือลินลี่ย์สามารถสลายพลังโจมตีของวอร์ตันด้วยการฟันเพียงสี่ครั้งเท่านั้น

“ตามหลักการไม่น่าจะมียอดฝีมือระดับเก้าที่รับมือเจ้าได้ เว้นแต่พวกเขาจะเป็นสุดยอดนักรบ  ในกรณีของเจ้า เจ้าอาจสู้ด้วยฝีมือเจ้าได้”ลินลี่ย์พูดทำนองเห็นด้วย

“นอกจากนี้”  ลินลี่ย์มองวอร์ตัน  “เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้ควบคุมปราณยุทธของเจ้าให้คล่องแคล่วขึ้นและวิธีเคลื่อนไหวให้ว่องไว เจ้าไม่ควรปล่อยให้คู่ต่อสู้โจมตีใส่ที่จุดเดียวซ้ำๆ หลายครั้ง”

วอร์ตันพยักหน้า

“ใต้เท้า”  บ่าวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแสดงความเคารพ  “ใต้เท้ามีคนผู้หนึ่งบอกว่าชื่อเรย์โนลด์แจ้งว่ามาขอพบท่านลินลี่ย์”

“เรย์โนลด์?”  ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย

ลินลี่ย์ไม่สนใจคุยกับน้องชายต่อไปรีบวิ่งออกไปนอกคฤหาสน์  ลินลี่ย์ไม่ได้พบน้องสี่เรย์โนลด์มาเก้าปีเต็ม

เมื่อไปถึงลานหน้าคฤหาสน์ลินลี่ย์ชะลอฝีเท้าลง

เมื่อเห็นร่างที่อยู่นอกประตู  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาย้อนเวลากลับไปช่วงเวลาเยาว์วัยที่สุขใจที่สุดซึ่งได้ใช้เวลาร่วมกับพี่น้องของเขา เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสี่คนไปที่สวรรค์วารีหยกเพื่อดื่มกินและสนุกสนาน

วันเวลาที่ห่างไกลเหล่านั้นสนุกสนานมาก

และตอนนี้ เรย์โนลด์ในปัจจุบัน...

เรย์โนลด์สวมชุดยาวเรียบง่าย  แต่เอวของเขาตอนนี้ตั้งตรง เขาใช้เวลาอยู่ในกองทัพนานปีจึงทำให้เขามีราศีของทหาร  และตอนนี้เรย์โนลด์สูง 1.9 เมตร

“น้องสี่!”

เรย์โนลด์กำลังรออยู่หน้าประตูได้ยินเสียงตะโกน  เขาชะเง้อมองทันที และตาเขาเป็นประกาย  ลินลี่ย์เปลี่ยนไปเช่นกันอัจฉริยะที่แพรวพราวตอนนี้สำรวมและสงบมากขึ้นกว่าเดิม  “พี่สาม!”

“ฮ่าฮ่า...”

สองพี่น้องวิ่งเข้ามากอดกันและกัน

“คาดไม่ถึงเลยว่าเป็นเจ้า,น้องสี่ เจ้าคงเข้าร่วมกองทัพแน่  เป็นเวลาเจ็ดหรือแปดปีแล้วใช่ไหม? ตอนที่เจ้ายืนอยู่ที่หน้าประตู ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นเจ้าจริงๆ  ข้ายังสงสัยตัวเองอยู่  ทำไมนายทหารถึงมาที่นี่?”  ลินลี่ย์หยอกล้อ

เรย์โนลด์ตีหน้าอกลินลี่ย์เบาๆ  “พี่สาม, โธ่เอ๊ย, ข้าไม่มีทางเลือกได้แต่ร่วมกองทัพ  ผู้อาวุโสของข้าบังคับข้าแล้วข้าจะทำอะไรได้?”

“โชคดีที่ตอนที่ข้าโดดงานเยลส่งคนมาแจ้งข้าว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวง  ตอนข้ากลับข้าตั้งใจมาเยี่ยมน้องชายเจ้าและมองหาเจ้าด้วย ข้ารู้สึกมั่นใจว่าเมื่อมาถึงเมืองหลวง เจ้าจะต้องไปบ้านน้องชายแน่แล้วดูสิ? เจ้าอยู่นี่จริงๆ”

“ฮ่าฮ่า,เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”

หลังจากแยกจากกันเก้าปี พี่น้องทั้งสองนี้มีเรื่องราวนับไม่ถ้วนต้องสนทนากัน  พวกเขาไม่เจอกันมานานเก้าปี  เก้าปีต่อมาบุรุษทั้งสองต่างก็ประสบความสำเร็จ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด