ตอนที่แล้วตอนที่ 27 : ก้าวหน้าในวิชาต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29 : สร้างความคุ้นเคย

ตอนที่ 28 : ช่วยเหลือ


หลินมู่ครุ่นคิดว่านี่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะกินผลไม้จิตหรือเขาควรจะรอจนกว่าตัวเองมีพลังขั้น 7

‘สัตว์พวกนั้นสู้กันเพื่อแย่งผลไม้นี่ ลิงตัวนั้นมีพลังขั้น 7 ข้าน่าจะรอจนกว่าจะมีร่างกายขั้น 7 เหมือนมัน’

หลินมู่คิด

เขาไม่รู้เลยว่าฤทธิ์ของผลไม้จะส่งผลกับเขามากเพียงใด หลินมู่รู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่จะรอให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนกินมัน หลินมู่เก็บผลไม้สีม่วงขนาดเท่าผลองุ่นกลับไป

หลินมู่ลุกขึ้นและตัดสินใจออกล่าสัตว์ในป่า เขาต้องการเนื้อเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นไปอีกเพื่อที่จะได้ตอบสนองความต้องการในการฝึกฝนของเขา เขาเข้าป่าและค้นหาสัตว์ป่า

กว่าหลินมู่จะกลับกระท่อมก็ตกกลางคืนแล้ว ครั้งนี้เขาสังหารได้สองตัว หนึ่งคือกระต่ายเขาดำและอีกหนึ่งคือลูกหมูป่าจมูกแดง พวกมันไม่ได้มีเนื้อให้เขามากนัก แต่ก็น่าจะพออยู่ได้สองมื้อ

หลินมู่ฝึกต่อไปกับวิชาหมัดทลายศิลาและพบว่าตัวเขากำลังพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เขากินมื้อค่ำและท่องบทสงบใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กำลังจะหลับ แต่ตอนนั้นเองรอยแยกมิติก็ได้เปิดออก

รอยแยกมิติเปิดออกห่างไม่กี่ศอกจากกระท่อม ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเข้าป่าในยามกลางคืน หลินมู่ควานหาในรอยแยกมิติและเจอก้อนหินก้อนเล็กในครั้งนี้ เขาสังเกตมันอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบอะไรที่พิเศษจากมัน

หลินมู่ผู้เหนื่อยล้ารีบหลับต่อ ในห้วงหลับใหลเขานึกย้อนทบทวนการฝึกและวิเคราะห์และพยายามหาจุดผิดพลาด เขาฝึกต่อไปในห้วงหลับใหลเพื่อให้หมัดกับวิชาปราณเข้ากันมากขึ้น

หลังจากตื่นนอน เขาอยากจะอาบน้ำเพราะเขาไม่ได้อาบในเมื่อคืนเพราะขี้เกียจและเหนื่อยเกินไป น้ำในลำธารเริ่มเย็นขึ้นเป็นสัญญาณของฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา หลินมู่เก็บแอปเปิ้ลเปรี้ยวบนต้นออกมาด้วย เขามีสิ่งที่อยากจะลองดู

ในกระท่อม เขาใส่เนื้อกระต่ายเขาดำกับเครื่องเทศและเครื่องปรุงรส แต่ครั้งนี้เขาหั่นแอปเปิ้ลใส่หม้อต้มลงไปด้วย เขาฝึกตนขณะที่รอให้อาหารเสร็จ กลิ่นหอมที่แตกต่างออกไปลอยโชยออกมาจากหม้อ

กระต่ายต้มแอปเปิ้ลนั้นมีความเปรี้ยวเล็กน้อยที่กลมกล่อมเข้ากับเครื่องเทศและไขมันส่วนเกินในเนื้อ รสชาติทำให้หลินมู่สดชื่นและเขาคิดว่าเขาควรทำอาหารด้วยวิธีนี้บ่อยขึ้น

หลินมู่เข้าไปในป่าเพื่อล่าสัตว์อีกครั้ง ขณะที่อยู่ในป่าเขาได้ยินเสียงการต่อสู้ เขาเดินเข้าป่าในเส้นทางเดิมแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนบนเส้นทางนี้ เขาตามเสียงไปและถึงที่โล่งที่น่าจะเกิดจากฝีมือคน ต้นไม้หายไปเป็นรัศมีวงกลม

เขามาที่นี่ไม่กี่วันก่อนและต้นไม้ยังมีอยู่ เขาเดินต่อไปหาต้นตอเสียงและถึงในหนึ่งนาที หลินมู่แอบดูจตากพุ่มไม้และเห็นกลุ่มคนกำลังต่อสู้อยู่กับหมาป่าหลักเหล็กสามตัว

มีศพหมาป่าหลังเหล็กสี่ตัวกองบนพื้น บางทีอาจจะถูกพวกเขาฆ่า เขามองใกล้ ๆ เพื่อดูชุดเกราะและเห็นสัญลักษณ์ของแต่ละคน มันคือสัญลักษณ์ของทหารรับจ้าง ‘โลหิตคลั่ง’

พวกเขาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างที่มาในเมืองสัปดาห์นี้ มีห้า่คนกำลังต่อสู้อยู่กับหมาป่าหหลักเหล็ก สองคนบาดเจ็บพร้อมกับมีพลาดแผลหลายแห่ง มีเลือดไหลออกมาเป็นระยะ ๆ ที่พวกเขาสู้

ทหารรับจ้างอีกสามคนนั้นดูไม่บาดเจ็บเท่าใดนัก แต่คนหนึ่งมีรอยกรงเล็บและรอยข่วนมากมายบนชุดเกราะ หลินมู่ตัดสินใจรออยู่รอบนอกและไม่ยุ่งเกี่ยวในการต่อสู้ หนึ่งในมารยาทพื้นฐานของนักล่าคือการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของนักล่าคนอื่นจนกว่าพวกเขาจะขอร้องหรือตกอยู่ในอันตราย

หลินมู่คิดว่ามันน่าจะเป็นแบบเดียวกันกับทหารรับจ้างด้วย เขามองทหารรับจ้างสู้เป็นเวลา 5 นาทีจนกระทั่งทหารรับจ้างอีกคนบาดเจ็บและเลือดไหลออกมาเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็ฆ่าหมาป่าหลักเหล็กที่เหลือได้อีกตัว

แต่มันก็ดูเหมือนว่าหมาป่าหลักเหล็กนั้นได้เปรียบและทหารรับจ้างก็เริ่มเหนื่อยล้า หลบินมู่เห็นได้เลยว่าพวกเขาเริ่มช้าลงและทำผิดพลาด

“อย่ายอมแพ้มันนะ เหลืออีกแค่สองตัวเราก็จะได้พักไปทั้งเดือนแล้ว”

หนึ่งในทหารรับจ้างที่บาดเจ็บพูดขึ้นมา

“บ้าเอ้ย ข้ารู้ว่าเราต้องถอยออกมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่เหลือแม้กระทั่งแรงให้ถอยแล้ว”

ทหารรับจ้างที่เพิ่งจะบาดเจ็บบ่น

“หุบปากซะ เจ้าสองคน ตั้งใจฆ่ามันเร็ว”

ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตะโกน

ขณะต่อสู้ หนึ่งในทหารรับจ้างก้าวเท้าผิดในตอนที่หลบและล้มลง จังหวะนี้เองหนึ่งในหมาป่าก็กระโจนเข้าใส่เขา

ไม่นะ! อย่าให้มันไปถึงตัว”

หัวหน้าตะโกนและพยายามจะขวางมันแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหมาป่าหลังเหล็กนั้นเร็วกว่าเขามาก และหมาป่าอีกตัวก็เข้ามาขัดทหารรับจ้างด้วย

ทหารรับจ้างที่บาดเจ็บล้มลงยังคงงุนงงจากแรงกระแทกที่ล้มและตอบสนองไม่ทัน ทหารรับจ้างที่เหลือกำลังตึงเครียดและยอมตัดใจไปแล้วว่าพวกเขาจะต้องเสียพี่น้องร่วมรบไปอีกคน

แต่ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้แต่มองด้วยความตกตะลึงเมื่อหมาหมาป่าหลังเหล็กที่อยู่กลางอากาศโดนซัดด้วยพลังมหาศาลและกระแทกเข้ากับต้นไม้ เมื่อทหารรับจ้างมองหมาป่าหลังเหล็กที่กระเด็นออกไปพวกเขาก็พบว่ากะโหลกของมันหายไปหลายส่วน

ทหารรับจ้างที่ล้มลงเบิกตากว้างและเห็นหลินมู่ยืนอยู่ด้วยการตั้งท่าหมัดและหมัดขวาที่ยื่นออกมา เขาเห็นเศษชิ้นเนื้อและคราบโลหิตในกำปั้นและใบหน้าของหลินมู่

หมาป่าหลังเหล็กอีกตัวตกใจกับการตายในพริบตาของพวกพ้อง ทหารรับจ้างฉวยโอกาสนี้ฆ่าหมาป่าตัวสุดท้ายด้วยการโจมตีประสานที่มันหลบไม่ได้

ทหารรับจ้างทั้งหมดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อไร้อันตรายตรงหน้า เมื่อพวกเขากลับมาจนคลายความตึงเครียด หัวหน้าก็หันมามองคนที่ช่วยพรรคพวกของเขา

คนที่เขาต้องการจะคุยด้วยนั้นยังอยู่ในท่าตั้งหมัดและหลับตา หลินมู่กำลังคิดถึงความรู้สึกที่เขาปล่อยหมัดทลายศิลาในมือ เขาเกือบจะใช้วิชาได้อย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว แต่มันก็ยังขาดการใช้งานพลังชีวิตที่ดีพอ พลังวายุในมือของเขาสลายไปก่อนที่จะได้ปล่อยออกมา

หลินมู่ได้ยินเสียงคนเรียกเขาและลืมตาขึ้น

“ขอบคุณเจ้ามากนะที่ช่วยสหายของเรา”

หัวหน้ากลุ่มยืนอยู่หน้าหลินมู่

“หา อ๊ะ ใช่ ไม่เป็นไร”

หลินมู่พูดตะกุกตะกัก

หลินมู่คิดว่าพวกเขาจะโมโหเล็กน้อย แต่มันแตกต่างจากที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง เพราะหลินมู่นั้นตั้งสมาธิกับการจดจำความรู้สึกของวิชาที่ใช้ เขาจึงไม่ทันได้รู้ว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยโลหิตขณะที่เขาพูด โลหิตบางส่วนไหลเข้าปากจนเขาบ้วนออกมาด้วยความขยะแขยง

*ถุด*

‘ขยะแขยงชะมัด’

หลินมู่คิด

หัวหน้าทหารรับจ้างเองก็งุนงงเล็กน้อยจากท่าทีแปลก ๆ ของหลินมู่และการถ่มน้ำลายของเขา ทหารรับข้างคนอื่นในตอนนี้รวมตัวกันพยุงพรรคพวกที่บาดเจ็บ

พวกเขาเดินมาที่หลินมู่และกล่าว

“พวกเราขอขอบคุณเจ้าจากใจ”

พวกเขาพูดพร้อมกัน

“เราอยากจะตอบแทนเจ้าที่ช่วยเหลือสหายเรา”

หัวหน้าตอบ

หลินมู่แปลกใจเล็กน้อยจากข้อเสนอของทหารรับจ้างและคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ข้าขอเสื้อหมาป่าหลังเหล็กได้หรือไม่?”

“แค่นั้นเองรึ?”

หัวหน้าเลิกคิ้วถาม

“ใช่ เท่านี้ยังไม่พอที่เจ้าช่วยเราหรอกนะ อย่างน้อยเจ้าต้องเอาซากหมาป่าทั้งตัวกลับไป”

ทหารรับจ้างที่เกือบโดนหมาป่าสังหารพูดขึ้นมา

“ไม่ล่ะ ตอนนี้ข้าต้องการเนื้อเท่านั้น”

หลินมู่ส่ายหน้าตอบ

“แต่สำหรับคนเช่นเจ้า เจ้าควรได้มากกว่านั้น”

หัวหน้าตอบ

หลินมู่คิ้วขมวดด้วยความสับสนกับคำพูดของหัวหน้า เขาไม่เข้าใจว่า ‘คนเช่นเจ้า’ หมายถึงสิ่งใด

“ใช่ ในฐานะของศิษย์นิกาย เจ้ามีสิทธิ์ขอสิ่งอื่นอีก พวกข้าไม่ติดใจหรอกนะ”

ทหารรับจ้างอีกคนกล่าว

ในที่สุดหลินมู่ก็ได้เข้าใจว่าเหตุใดทหารรับจ้างถึงได้ใจกว้างและมีมารยาทกับเขา พวกเขาเข้าใจผิดว่าหลินมู่เป็นศิษย์นิกายต่อสู้นั่นเอง ด้วยพลังที่หลินมู่แสดงออกมาทั้งที่อายุยังน้อย ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะเข้าใจผิดและคิดว่าหลินมู่เป็นคนเช่นนั้น เพราะคนที่มีร่างกายขั้น 8 ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกกะโหลกหนาของหมาป่าหลังเหล็ก

“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอเนื้อมากที่สุดเท่าที่ท่านจะให้ได้ก็แล้วกัน”

หลินมู่ตอบหลังจากคิดครู่หนึ่ง

หลินมู่คิดว่าตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้เนื้อของสัตว์ที่แข็งแกร่งแบบไม่ต้องเสียอะไร เขาก็แค่รับโอกาสนี้ไว้และไม่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดของพวกทหารรับจ้าง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด