ตอนที่แล้วตอนที่ 8-51 วอร์ตัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-53 อาคันตุกะ

ตอนที่ 8-52 ตระกูลเบรุต


“ในแง่ของเชื้อสายและบุคลิกภาพ เคย์ลันเป็นคนดี”วอร์ตันกอดนีน่าไว้ในวงแขนและพูดอย่างอ่อนโยน “ข้าเกรงว่าพระบิดาของเจ้าจะยกเจ้าให้แต่งงานกับเคย์ลัน”

นีน่าพยักหน้า  “ก็จริงอยู่ที่พระบิดาให้คุณค่ากับเคย์ลันเนื่องจากพรสวรรค์ทางด้านเวทของเขา  ในอนาคตเขามีโอกาสเป็นหัวหน้าจอมเวทระดับเก้าได้และมีกระทั่งโอกาสได้เป็นปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนได้  จักรวรรดิมียอดฝีมือเซียนอยู่หลายคน  แต่ส่วนใหญ่เป็นนักรบระดับเซียนมีปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนอยู่น้อยมาก”

วอร์ตันรู้สึกได้ว่าเคย์ลันเป็นผู้คุกคามคนหนึ่ง

แม้ว่าลามอนต์เป็นศิษย์ของวิทยาลัยเทพสงคราม  แต่เขาเป็นแค่ศิษย์กิตติมศักดิ์ นอกจากนี้ตระกูลของเขาไม่มีอำนาจคุกคามเท่าใดนัก  วอร์ตันคือนักรบเลือดมังกร  ตราบใดที่จักรพรรดิไม่โง่  เขาก็คงเลือกวอร์ตันแน่นอน

แต่ถ้าเคย์ลันแข่งขันกับวอร์ตัน  หลายๆ อย่างก็คงแตกต่างออกไป  ที่สำคัญบิดาของเขาก็คือมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของจักรวรรดิมีทั้งอำนาจและอิทธิพล

“นีน่า” วอร์ตันเคร่งขรึม

“หืม?”นีน่าขดตัวอยู่ในอ้อมแขนวอร์ตันเงยหน้ามองเขา

“ข้ากำลังจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทและทูลขอพระองค์เป็นการส่วนตัวให้พระองค์ยกเจ้าให้แต่งงานกับข้า”  วอร์ตันพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

นีน่าตกใจจากนั้นมีแววปลาบปลื้มดีใจปรากฏอยู่บนใบหน้านาง

“จริงหรือ?” นีน่าตื่นเต้นมาก

“ถูกแล้ว” วอร์ตันพยักหน้า  “นีน่า, ก่อนที่ข้าจะทำเช่นนั้น,เจ้าสามารถทูลบอกพระชนกของเจ้าเพื่อดูทีท่าก่อน”

นีน่าสายศีรษะอย่างจนใจ  “ข้าคิดว่าข้าบอกเจ้าไปแล้ว  พระชนกของข้าพระองค์ก็ยังต้องทรงทำใจพระองค์บอกอยู่คำเดียว”อย่าเพิ่งเร่ง“”อย่าเพิ่งเร่ง“...  แต่พระชนกข้าประทับใจเจ้าอย่างมากและเห็นคุณค่าของเจ้าเช่นกัน  ถ้าเจ้าทูลขอพระราชทานกับพระองค์ข้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสสูง” นีน่าพูดอย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง

มีแต่เพียงพี่สาวนางคนหนึ่งเท่านั้นที่ได้แต่งงานกับคนที่นางรักเพราะบรรดาพี่สาวน้องสาวของนีน่าการแต่งงานของพวกนางเป็นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทางการเมืองทำให้ไม่มีความสุขมากนัก

วอร์ตันพยักหน้าเล็กน้อย

“อย่ากังวลไปเลยนีน่าข้าจะไม่ยอมให้ใครพรากเจ้าไปจากข้า” วอร์ตันกระชับอ้อมแขนกอดนีน่าไว้ในแผงอ้อมอกที่ใหญ่ของเขา

ณ มณฑลพายัพหมู่บ้านยอดเมฆห่างไกลจากเมืองเอกมณฑลที่ด้านตะวันตกของหมู่บ้านยอดเมฆมีป่าอยู่ผืนหนึ่ง ลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงกำลังซ้อมมืออยู่กับบีบี

“บีบี อย่าบังคับข้าเลย” ลินลี่ย์พูดอย่างจนใจขณะควงดาบหนักอดาแมนเทียม  “ถ้าเจ้ายังโจมตีข้าอย่างนี้ต่อไปอย่างนั้นข้าอาจเผลอใช้สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินก็ได้นะ”

“หึหึ พี่ใหญ่,ข้ารู้ว่าท่านห่วงใยข้าเกินกว่าจะลงมือเช่นนั้นกับข้า” บีบีโฉบไปมาอยู่ในกลางอากาศและพูดด้วยภาษามนุษย์

เมื่ออสูรเวทเข้าถึงระดับเซียนแล้วพวกมันสามารถเปลี่ยนขนาดได้อย่างอิสระและสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่เฉพาะอสูรเวทระดับเทพเท่านั้นจึงจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้

ในทั่วทวีปยูลานมีแต่ราชันย์แห่งป่าทมิฬและราชันย์แห่งเทือกเขาอสูรวิเศษเท่านั้น สองอสูรยอดฝีมือชั้นเทพทั้งสองนี้สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้

สำหรับบีบีใครจะรู้กันว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดก่อนที่เขาจะเข้าถึงระดับนั้น?

“เจ้าเด็กร้ายกาจ”  ลินลี่ย์ถอนหายใจ  “ข้าบรรลุถึงระดับเซียนแล้วอุตส่าห์ยกระดับเรื่องความเร็วและพลังป้องกันจนทันเจ้า แต่เจ้ากลับยกระดับเป็นชั้นเซียนด้วยเช่นกัน  ความเร็วในการยกระดับของเจ้าช่างเหลือเชื่อจริงๆ”

แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการโจมตียังคงเป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันสองอย่าง

ความเร็วของการตวัดดาบไวกว่าความเร็วในการเคลื่อนไหวมาก  ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขายังสามารถป้องกันการโจมตีของบีบีได้ทัน  ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับบีบี ลินลี่ย์ทำได้แค่ยืนอยู่กับที่และใช้ดาบหนักป้องกันตนเอง

“หึหึ” บีบีหัวเราะอย่างย่ามใจ

ความจริงสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินของลินลี่ย์ยังคงเป็นท่าที่คุกคามบีบีได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินทั้งหมดที่ไม่สนใจการป้องกันภายนอกก็ทำให้พลังป้องกันของบีบีไร้ประโยชน์ได้

แต่ลินลี่ย์จะใช้พลังโจมตีที่โหดอำมหิตต่อบีบีได้ยังไง?

ดังนั้นบีบีจึงสนุกกับการซ้อมมือกับลินลี่ย์อย่างต่อเนื่อง

“พอเถอะ ร่างข้ามีรอยกรงเล็บเจ้าสองรอยแล้ว  เจ้าพอใจหรือยัง?”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะลูบศีรษะบีบี “กลับกันเถอะ,ได้เวลากินแล้ว”

ขณะที่พูดลินลี่ย์กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ จากนั้นแต่งตัวด้วยชุดใหม่

“พี่ใหญ่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว”  บีบีบินมาเกาะไหล่ลินลี่ย์และหัวเราะคิกคัก

ในกลุ่มของลินลี่ย์ปัจจุบันนี้ ถ้าลินลี่ย์หลีกเลี่ยงการใช้สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินที่นี่ไม่มีใครต่อกรกับบีบีได้เลย บีบีเป็นอสูรเวทระดับเซียนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหนือใครๆ

“บีบี, เจ้าเป็นอสูรเวทแบบไหนกันแน่?”  ลินลี่ย์เดินพลางสนทนากับบีบี

“ข้าก็ไม่รู้จริงๆ เหมือนกัน”  บีบีส่ายหัวรัว

ทันใดนั้นลินลี่ย์จำอะไรบางอย่างได้จากนั้นเขาหันมามองบีบีอย่างประหลาดใจ “บีบี, เจ้าจำได้ไหมย้อนไปเมื่อเราทำสัญญาเสมอภาคกัน  ข้าถามว่าเจ้าชื่ออะไร? ตอนนั้นเจ้าบอกว่า ‘เบยเบย’ เจ้าไม่ต้องการพูดอะไรอื่นที่เจ้าต้องการพูดให้ชัดๆใช่ไหม?”

ลินลี่ย์จำฉากภาพนั้นได้ชัดเจน

“หนูเงาน้อย เจ้าชื่ออะไร?”  ลินลี่ย์ถามมันในใจ

หนูเงาน้อยพูดอะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้น  “เบย..เบย..”

ลินลี่ย์จ้องมองดูหนูเงาน้อย

“หนูเงาน้อยพูดอะไรกันแน่?”  ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจริงๆ

เดลินโคเวิร์ทที่ลอยอยู่ข้างตัวเขาลูบเครายาวและพูดบอกเขาทางใจ  “ลินลี่ย์, หนูเงาน้อยตัวนี้ยังเป็นทารก  เขายังไม่สามารถเปล่งเสียงให้เป็นคำได้แม้ว่าจะพยายามสื่อสารทางใจกับเจ้าก็ตาม ตอนนี้ก็แค่สื่อสารด้วยคำง่ายๆ”

เนื่องจากการเชื่อมต่อทางใจกับลินลี่ย์เขาจึงรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของหนูเงาน้อย แต่หนูเงาน้อยยังไม่สามารถพูดได้เลย

“ก็ได้ เมื่อเจ้าบอกว่า ‘เบย..เบย’ งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าบีบี เป็นยังไงบ้าง?”  ลินลี่ย์ยิ้มขณะมองดูหนูเงาน้อย

หนูเงาน้อยดูเหมือนจะไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จากนั้นมันพยักหน้าอย่างมีความสุข

และตั้งแต่นั้นลินลี่ย์จึงตั้งชื่อเขาว่า ‘บีบี’

“ข้าพูดแบบนั้นหรือ?”

บีบีสะดุ้ง

“โอว, ใช่แล้ว” บีบีจำได้  “ข้าจำได้แล้วตอนนี้  เมื่อยังตัวเล็กมากๆ ยังเด็กมาก  ข้ายังไม่สามารถลืมตาได้เลย  ข้าได้ยินเสียงที่ใกล้ชิดมากอบอุ่นมากพูดกับข้า”

ลินลี่ย์มองบีบีทันทีเขาไม่เคยได้ยินบีบีพูดเรื่องนี้มาก่อน

เป็นเรื่องธรรมดาที่อสูรเวทจะยังไม่สามารถลืมตาได้ทันที่พวกมันเกิด  ในเวลานั้นเป็นไปได้ว่าบีบีเพิ่งจะเกิดมาไม่นาน นั่นคือความทรงจำที่ห่างไกลมาก  ถ้าลินลี่ย์ไม่ขุดขึ้นมา บีบีก็คงนึกไม่ออกเช่นกัน

“เสียงนั้นบอกว่าข้าเป็นของตระกูลหนึ่ง เสียงนั้นสั่งให้ข้าซ่อนตัวอยู่ในลานหลังคฤหาสน์ตระกูลของท่านและไม่ให้วิ่งเพ่นพ่าน  และจากนั้นเสียงนั้นก็หายไป”  บีบีงงงวยอยู่มาก

“ตระกูลเบ..อะไรเหรอ?”  ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย

“ข้ายังนึกได้ไม่ชัด ดูเหมือนจะเป็นเบย์...เบย์...โอว!”  ตาน้อยๆ ของบีบีเป็นประกาย “เบรุต, ใช่แล้วดูเหมือนจะเป็นเบรุตเสียงนั้นที่บอกข้าว่าข้าเป็นสมาชิกของตระกูลเบรุตที่ทรงอำนาจ  เสียงนั้นบอกข้าไม่ให้วิ่งเพ่นพ่าน  เพราะข้างนอกมีอันตราย  นั่นคือสาเหตุให้ข้าอยู่ในลานหลังคฤหาสน์ของท่านมาตลอดเวลาพี่ใหญ่, เนื่องจากข้าเติบโตที่นั่นอย่างช้าๆ”

ลินลี่ย์เข้าใจในตอนนี้

“ตระกูลเบรุต?” ลินลี่ย์งงงวย  “อสูรเวทก็มีตระกูลด้วยหรือ?”

บีบีส่ายหัวอย่างสับสนเช่นกัน  “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่เคยพบพ่อแม่หลังจากที่ข้าเกิด ข้าแค่อยู่ที่หลังคฤหาสน์ของท่านและทั้งหมดที่ทำก็คือกินเศษซากปรักหักพัง”

ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้ในความทรงจำ– ตระกูลเบรุต!

ลินลี่ย์มั่นใจอย่างแน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลที่ทรงอำนาจใดๆในทวีปยูลานว่ามีชื่อ เบรุต  แต่ตระกูลนี้เป็นไปได้ว่าอาจเป็นตระกูลของอสูรเวท

ตระกูลของอสูรเวท?

ลินลี่ย์ไม่รู้เรื่องนี้เพราะเขาไม่ใช่อสูรเวท

แต่บีบีไม่รู้เรื่องอย่างอื่น  เพราะเขาไม่มีพ่อแม่

ผ่านไปสิบกว่าวันลินลี่ย์ยังอยู่ในหมู่บ้านยอดเมฆ   ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับแม็คเคนซีพวกเขาทุกคนต้องเดินทางไปเยือนตระกูลชาร์คภายในสามสิบวัน

“พี่ลินลี่ย์ มีจดหมายถึงท่าน”  เจนน์วิ่งมาจากข้างนอกอย่างตื่นเต้น

“โอว, น่าจะมาจากหอการค้าดอว์สัน”

หอการค้าดอว์สันส่งจดหมายมาให้ทุกเดือน  ลินลี่ย์เดินออกมาทันที  มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งจูงม้าอยู่ข้างนอก  เมื่อเห็นลินลี่ย์ เด็กหนุ่มคำนับและพูดอย่างสุภาพ  “ท่านลีย์, เชิญรับจดหมายท่าน”

ลินลี่ย์รับจดหมายพลางหัวเราะ  “เดือนหน้า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่อีกแล้ว”

เด็กหนุ่มมองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย

“ในช่วงเดือนหน้า ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว”  ลินลี่ย์ตัดสินใจนานแล้วว่าอีกไม่กี่วันเขาจะเดินทางไปตระกูลชาร์ค

บาดแผลของเขาหายนานแล้วและหลังจากแปลงร่างมังกร เขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียน นั่นได้เวลาที่เขาจะไปเยี่ยมน้องของเขาเสียที

เป็นเวลานานแล้วนานแล้วที่เขาไม่ได้พบกับวอร์ตันเลย ในใจของเขา ลินลี่ย์น้องชายที่เป็นญาติซึ่งเหลืออยู่คนเดียวของเขา

“ขอรับ, ท่านลีย์”  เด็กหนุ่มพูดด้วยความเคารพจากนั้นก็ขี่ม้าจากไป

ส่วนลินลี่ย์เขาเปิดจดหมายออกอ่านดู  จดหมายมีข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกิจการปัจจุบันของศาสนจักรเจิดจรัสและทวีปยูลานทั้งหมด  มีข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับเรย์โนลด์จอร์จและเยล  ในตอนท้ายพูดถึงวอร์ตัน

“จอร์จช่างน่ากลัวจริงๆ”  ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย

ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลวอลช์จอร์จยังคงอยู่ในเส้นทางก้าวหน้าภายในจักรวรรดิยูลาน  เขาเองมีพรสวรรค์มากอยู่แล้ว  แต่ที่สำคัญมากกว่า...

องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิยูลานประสบความสำเร็จรับสืบทอดราชสมบัติกลายเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิยูลาน

ก่อนที่องค์ชายสามจะเสวยราชสมบัติเป็นจักรพรรดิ  จอร์จก็สนิทกับพระองค์มากอยู่แล้ว ทั้งสองคนมีแนวคิดทางการเมืองอย่างเดียวกัน  ตอนนี้องค์ชายสามสืบราชสมบัติต่อจากพระชนกกลายเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่  จอร์จกลายเป็นมุขมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในจักรวรรดิยูลาน

ทั่วทั้งทวีปยูลานมีมุขมนตรีอยู่สิบสองคนแต่ละคนมีพลังและอำนาจที่ไม่ธรรมดานอกจากนี้จอร์จยังเป็นรองมหาเสนาบดีฝ่ายขวาของจักรวรรดิยูลาน

“เมื่อเทียบกันแล้ว เรย์โนลด์ยังทำไม่ได้ดีเท่าจอร์จ”  ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาอ่านเรื่องของวอร์ตันอย่างตั้งใจ  ลินลี่ย์คิดโดยทั่วไปว่าวอร์ตันกำลังทำอะไรอยู่

แต่พอได้อ่านจดหมาย...

“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ตกใจ   “วอร์ตันทูลขออภิเษกสมรสกับองค์หญิงเจ็ดต่อจักรพรรดิ?”

หอการค้าดอว์สันส่งข่าวนี้มาที่เมืองเบซิลไม่นานนี้ ที่สำคัญเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันที่แล้ว

“จักรพรรดิไม่ทรงเห็นด้วย?”

ลินลี่ย์ขมวดคิ้วและอ่านต่อไป  “โชคดี แม้ว่าพระองค์ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย”

ตามจดหมายนั้นจักรพรรดิยังคงทอดเวลาออกไป

ลามอนต์ก็ทูลขอเรื่องเดียวกันนี้นานแล้ว  และตอนนั้นจักรพรรดิไม่ทรงเห็นด้วย  ตอนนี้วอร์ตันก็ทูลขอไปแล้ว  จักรพรรดิก็ยังทรงไม่เห็นด้วย  สิ่งที่พระองค์พูดก็คือ  “นีน่ายังอายุเยาว์ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

นีน่าอายุยี่สิบเอ็ดแล้วนางไม่ถือว่าอายุน้อย

แต่นีน่าเป็นทั้งจอมเวทและเป็นนักรบและสายธาตุสัมพันธ์ในฐานะจอมเวทของนางคือเวทน้ำซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายจอมเวทอายุขัยของนีน่าจะยืนยาวมาก เป็นเรื่องง่ายๆ หากนางจะมีอายุยืนยาวถึง 300-400ปี  เพราะเหตุนี้เองจึงเป็นเรื่องจริงที่ว่านางไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงาน

“อีกคนเป็นบุตรของมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของจักรวรรดิ ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม” ลินลี่ย์บอกได้ทันทีว่าใครเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของน้องชายเขา นั่นคือบุตรชายของมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเป็นจอมเวทนามว่าเคย์ลัน

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่เป็นใจ”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้วประกายเยือกเย็นฉายผ่านในดวงตา  “ไม่ว่ายังไง ข้าจะปล่อยให้วอร์ตันเดินตามเส้นทางเดียวกับข้าไม่ได้แน่ พรุ่งนี้,  พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมตระกูลชาร์ค  หลังจากบรรลุข้อตกลงแล้วเราจะมุ่งตรงสู่นครหลวง

ลินลี่ย์ตัดสินใจแล้ว

แต่ในช่วงเวลานั้นเอง...

“ใต้เท้า, ใต้เท้า!”เสียงที่คุ้นเคยของเกทส์ดังขึ้น  เกทส์ดูมีชีวิตชีวามากที่สุดในพี่น้องทั้งห้า

“ใต้เท้า!”  ไม่ใช่แค่เกทส์เท่านั้น  คนอื่นๆ ก็ตะโกนเช่นกัน

ลินลี่ย์หันหน้าไปทางลานฝึกด้วยท่าทางมึนงง  ขณะนั้นเกทส์และคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาหาเขาทันทีใบหน้าของทุกคนมีอาการดีใจ

“พวกท่านทุกคนดูมีความสุขกันมาก  มีข่าวดีอะไรหรือ?”  ลินลี่ย์หัวเราะ

“พี่รอง, พี่รองเป็นนักรบระดับเก้าได้แล้ว!”  เกทส์พูดเป็นคนแรก

“อังเก้พี่รองของเราจะเป็นระดับเซียนหลังจากแปลงร่างแล้ว”  เฮเซอร์น้องคนที่สามพูดด้วยความดีใจ

ลินลี่ย์ตกใจ

ในบรรดาห้าพี่น้องบาร์เกอร์เป็นคนแรกที่เข้าถึงระดับเก้า หลังจากเขามีพลังระดับเซียน  น้องๆอีกสี่คนล้วนแต่เป็นนักรบระดับแปดชั้นสูงก็ยังคงฝึกหนักต่อไป คาดไม่ถึงเลยว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่เข้าถึงระดับเก้าในเวลาไม่นาน

“ตัวข้า บีบี บาร์เกอร์ อังเก้  พวกเราทั้งสี่คนเข้าถึงระดับเซียนกันได้แล้ว”ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลหนึ่งจะมีนักสู้ระดับเซียนถึงสี่คน  ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือ... น้องๆอีกสามคนสามารถบรรลุระดับเซียนได้ทุกเมื่อเช่นกัน

ลินลี่ย์ไม่มีความคิดอื่นใด  เขาได้แต่ยิ้มกว้าง

บางทีในวันต่อมาอาจมีบางคนวิ่งมาบอกเขาว่ามีหนึ่งในห้าพี่น้องบรรลุระดับใหม่ก็ได้ อย่างนั้นพวกเขาก็ยังจะมีระดับเซียนอีกคนในระดับของพวกเขา

ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าการที่เขาตัดสินใจช่วยบาร์เกอร์และน้องๆนับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดอย่างแน่นอน ตอนนี้นอกจากบาร์เกอร์และอังเก้แล้ว น้องๆ อีกสามคนอาจมองได้ว่าเตรียมจะเป็นระดับเซียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด