ตอนที่แล้วตอนที่ 24 : การซื้อขายครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 : ฆ่าครั้งแรก

ตอนที่ 25 : ตามหาโรงเตี๊ยม


หลินมู่กำลังยืนอยู่หน้าร้านจิงเหว่ย เขายืนมองหน้าร้าน

ก่อนที่จะเข้าไป เขาเรียกของทั้งหมดที่จะขายออกมาเช่นเดียวกับเรียกเอาาเงินจำนวนพอดีที่จะเก็บไว้ในกระเป๋าเงิน

ตอนนี้เขามีวัตถุดิบสี่อย่างที่อยากจะขาย พวกมันเป็นหนังและเขี้ยวของหมูป่าจมูกแดง หนังกิ้งก่าไม้สองหาง และขนหงส์ปีกตะขอ

เงินที่ได้จากการขายวัตถุดิบเหล่านี้มิอาจเทียบกับจำนวนเงินที่เขาได้จากการซื้อขายในวันนี้เลย แต่มันก็น่าจะให้เขาได้เหรียญเงินมาบ้าง เพราะสำหรับหลินมู่แล้วเงินทุกเหรียญย่อมมีค่า

เมื่อหลินมู่แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อม เขาหายใจเข้าลึกและดันประตูร้านเข้าไป ประตูยังคงฝืดที่จะผลักและส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่นเมื่อเปิดออก

ร้านยังคงเหมือนเดิมจากที่เขาจากไปครั้งก่อน เว้นเสียแต่ว่าโต๊ะขายนั้นสะอาดไร้ฝุ่นเพราะนางต๋วนเค่อที่รออยู่ในโต๊ะขายาแล้ว

ต๋วนเค่อนั่งที่โต๊ะขายขณะอ่านตำรา นางสวมชุดสีเขียวอ่อนยาวและเส้นผมมัดเป็นซาลาเปาปักด้วยปิ่นหรูหราในรูปใบไม้

ต๋วนเค่อละสายตาจากตำราและมองมาทางหลินมู่ที่เพิ่งจะเดินเข้ามา แต่เมื่อนางมองเขาใกล้ ๆ ก็รู้สึกว่าเขาดูต่างจากแต่ก่อน จนกระทั่งเขาเดินมาถึงหน้านางจึงได้รู้ว่าเหตุผลคือสิ่งใด

‘ทะลวงพลังจนมีร่างกายขั้น 6 แล้วรึ? ยังไม่ถึงสัปดาห์เดียวด้วยซ้ำที่เขามีร่างกายขั้น 4’

ต๋วนเค่อคิดด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย

หลินมู่กำลังคิดว่าเขาจะพูดอะไรกับนางต๋วนเค่อจึงไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าตกใจเล็กน้อยของนาง เขายืนอยู่หน้านางและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ข้าเอาของมาขายน่ะ”

“เอาออกมาให้ข้าดูสิ”

ต๋วนเค่อพูดสั้น ๆ

หลินมู่เปิดถุงและหยิบวัตถุดิบออกมาทีละชิ้น ทีแรกเขาหยิบเอามัดขนหงส์ปีกตะขอมาวางก่อน ตามด้วยเขี้ยวหมูป่าจมูกแดง จากนั้นจึงนำม้วนหนังหมูป่าจมูกแดงและกิ้งก่าไม้สองหางออกมา

ต๋วนเค่อคลี่หนังสัตว์ออกมาตรวจดู เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดบกพร่องจึงวางลงและดูเขี้ยวหมูป่าหารอยแตก จากนั้นจึงนับจำนวนขนนก

หลังจากตรวจดูวัตถุดิบทั้งหมดแล้ว ต๋วนเค่อหันมามองหลินมู่

“ข้าให้ 1 เงินค่าหนังกิ้งก่าไม้สองหาง 5 เงินค่าหนังหมูป่าจมูกแดง 2 เงิน 50 ทองแดงค่าขนหงส์ปีกตะขอ 2 เงินค่าเขี้ยวหมูป่าจมูกแดง”

“ย่อมได้ ข้าขาย”

หลินมู่พูด

“เจ้าอยากจะซื้ออะไรหรือไม่?”

ต๋วนเค่อถามด้วยเสียงสูงราวกับว่าไม่พอใจที่หลินมู่เอาแต่มาขายของและไม่ซื้ออะไรเลย

“ตอนนี้ข้ายังไม่ซื้อ”

หลินมู่ด้วยน้ำเสียงเดียวกับนาง

เมื่อเห็นว่าหลินมู่ไม่ได้คิดจะซื้ออะไร ต๋วนเค่อหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากโต๊ะขายและนับ 10 เงิน 50 ทองแดงก่อนจะส่งให้หลินมู่

หลินมู่กำลังจะหันกลับ แต่ต๋วนเค่อก็พูดออกมาก่อน

“การใช้ดาบของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลินมู่หยุดเมื่อได้ยิน เขาพูด

“ดาบมันยอดเยี่ยมแล้วก็ช่วยข้าได้มากเลย มันไม่เคยทื่อเลยซักครั้งแม้ว่าข้าจะเอามันไปตัดต้นไม้ก็ตาม”

หลินมู่พูดด้วยความประทับใจ

มุมปากต๋วนเค่อกระตุกเมื่อได้ยินว่าหลินมู่ใช้ดาบสั้นไปตัดไม้

‘ถ้าท่านปู่อยู่ที่นี่จะต้องสั่งสอนไอ้เด็กนี่แน่ ใช้ดาบของท่านปู่ตัดไม้งั้นเรอะ ดูถูกกันนัก’

ต๋วนเค่อคิด

“เจ้าก็ซื้อขวานไปตัดไม้สิ ใช้ดาบแบบนั้นมันไม่ถูกนะ”

ต๋วนเค่อแนะนำ

“แล้วก็ถ้าจะถลกหนังสัตว์ เจ้าต้องหามีดที่ใช้งานโดยเฉพาะ เจ้าจะทำงานง่ายขึ้นอีกเยอะ”

ต๋วนเค่อพูดต่อเมื่อเห็นว่าหลินมู่ครุ่นคิดจากคำแนะนำของนาง

หลินมู่คิดว่าคำแนะนำของต๋วนเค่อนั้นดี และเขาควรจะมีขวานตัดไม้และมีดถลกหนัง ถึงไม่คิดจะใช้มันเป็นเครื่องมือ มันก็ยังเป็นอาวุธสำรองในยามคับขันได้

“จริงด้วย ข้าอยากได้ทั้งสองอย่างเลย ขอข้าเลือกได้ไหม?”

หลินมู่ถาม

ต๋วนเค่อพยักหน้าและออกมาจากหลังโต๊ะขายและเดินไปที่ชั้นวางของด้านขวา นางมองด้านบนชั้นและหยิบมีดสั้นที่เก็บในฝักหนังออกมา มีดนั้นยาว 10 เซนติเมตรและมีใบมีดโค้ง

หลังจากหยิบมีดออกมาแล้วนางก็ดูอีกมุมหนึ่งของชั้นและหยิบเอาขวานที่แขวนอยู่ด้านข้างออกมา ขวานนี้ดูธรรมดามาก

นางนำของทั้งสองชิ้นมาวางบนโต๊ะขายให้หลินมู่ที่กำลังมองพวกมันดู เมื่อเห็นว่าของดูใช้ได้ เขาก็พูด

“ราคาล่ะ?”

“ทั้งหมด 5 เงิน ขวาน 2 เงิน มีด 3 เงิน”

ต๋วนเค่อตอบ

หลินมู่ตกใจเล็กน้อยที่ราคามีดนั้นแพงกว่าขวาน แต่จากนั้นก็เข้าใจว่ามีดนั้นมีคุณภาพที่เหนือกว่าขวานมาก

หลินมู่นำ 5 เงินออกมาจากกระเป๋ายื่นให้ต๋วนเค่อที่เก็บเหรียญเข้าโต๊ะขาย หลินมู่รับเครื่องมือสองชิ้นและเก็บไว้ในถุงเปล่า

เมื่อเดินออกจากร้าน เขาเดินไปที่ถนนสายหลัก

เมื่อหลินมู่ออกไปแล้ว ต๋วนเค่อยังคงมองประตูอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งประตูด้านหลังนางเปิดพร้อมกับชายชราจิงเหว่ยที่เดินออกมา

“เด็กคนนั้นรึ?”

จิงเหว่ยถามต๋วนเค่อ

“ใช่ เจ้าเด็กหลินมู่คนนั้น เขามาขายของอีกแล้ว”

ต๋วนเค่อตอบ

จิงเหว่ยมองดูสีหน้าหลานสาวอย่างละเอียดและถาม

“เด็กคนนั้นต่างไปจากเดิมรึ?”

“ตอนนั้นท่านปู่พูดถูกแล้ว”

ต๋วนเค่อพูด

จิงเหว่ยเลิกคิ้วสงสัย

“เด็กคนนั้นมีร่างกายขั้น 6 แล้ว”

ต๋วนเค่ออธิบายต่อเมื่อเห็นใบหน้าสงสัยของปู่

จิงเหว่ยเองก็ตกใจเล็กน้อย เหมือนกับต๋วนเค่อที่เพิ่งรู้เรื่องนี้

“เด็กคนนี้จะต้องมีความลับไม่ผิดแน่ ไม่มีทางใดเลยที่จะเป็นขั้น 6 ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ข้าถึงกับคิดว่ามีคนคอยช่วยเหลือเขาอยู่”

จิงเหว่ยพูดหลังจากคิดไม่นาน

“ท่านปู่ ถ้ามีคนช่วยเหลือเขาและยังปกปิดตัวเองจากท่านได้ เขาก็ต้องเป็นคนที่มีพลังบ่มเพาะสูงมาก เราต้องหาและยืนยันให้ได้ ไม่อย่างนั้นเรามีปัญหาแน่”

ต๋วนเค่อกล่าว

“ไม่ รออีกหน่อยเถอะ เราซ่อนตัวที่นี่มานานหลายปีแล้ว ถ้าเราเผยตัวไปเสียก่อน แผนทั้งหมดของเราจะเสียเปล่า”

จิงเหว่ยพูดด้วยความหนักแน่น

ต๋วนเค่อผงะเล็กน้อยจากคำตอบของปู่แต่ก็ไม่ถามต่อ

ย้อนมาที่ถนนสายหลัก หลินมู่กำลังมองหาโรงเตี๊ยม เขาอยากจะหาห้องสักห้องในโรงเตี๊ยมในเมือง เขารู้ว่ามันจะยากสักหน่อยเพราะนายพรานคนอื่นที่ไม่มีบ้านในเมืองจะต้องจองโรงเตี๊ยมล่วงหน้ารับหน้าหนาวแล้ว

เขาไปที่โรงเตี๊ยมแรกและเดินผ่านประตูเข้าไป มีอยู่หลายคนที่ยืนอยู่รอบจุดรับรอง พวกเขาส่วนใหญ่ดูเหมือนพ่อค้ากับนายพรานและคนทั่วไปปะปนกัน

หลิอมู่เดินไปยังคนที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าและถาม

“ที่นี่มีห้องว่างหรือไม่?”

“ไม่เหลือห้องเลย พวกเราโดนจองทุกห้องเป็นเวลาสามวัน ถ้าเจ้าจะมาหาที่อยู่ช่วงหน้าหนาว เจ้าค่อยกลับมาดูในอีกสามวันนะ”

คนที่นั่งโต๊ะหน้าพูดตามมารยาทราวกับว่าเขาพูดประโยคนี้ซ้ำมาหลายครั้งมากแล้ว

เมื่อได้ฟังคำตอบ หลินมู่เดินออกจากโรงเตี๊ยมและไปดูโรงเตี๊ยมอื่นตามถนน

สุดท้ายเขาก็ได้ไปดูทุกโรงเตี๊ยมและก็ได้รับคำตอบที่คล้ายกัน คนเหล่านั้นบอกให้เขากลับมาในอีกสามวันเพราะเวลานี้พวกพ่อค้าจองโรงเตี๊ยมเต็มหมดแล้ว หรือไม่ก็มีคนจองเผื่อหน้าหนาวไว้เต็มแล้ว

‘อีกสามวันข้าต้องกลับมาใหม่สินะ อย่างเลวที่สุดคือข้าหาห้องไม่ได้และต้องไปเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ แทน อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็มีเงินเหลือเฟือแล้ว’

หลินมู่คิด

เมื่อล้มเหลวในการหาโรงเตี๊ยม หลินมู่กลับไปที่กลางเมืองที่มีเหล่าพ่อค้าตั้งร้านค้าเปิดของขาย เขาทิ้งเลื่อนที่ทำไว้กับพ่อค้าที่ซื้อซากสัตว์สองตัวจากเขาไป

เขาไม่อยากจะลากเลื่อนไปรอบเมือง เขาจึงคิดว่าจะมาเก็บมันคืนทีหลังถ้าเขาหาห้องไม่ได้ในวันนี้ เขามาถึงกลางเมืองใน 10 นาทีและคุยกับชายหนุ่มที่รับซากสัตว์ของเขาไป

ชายหนุ่มชี้ไปทางกรง ที่ข้างกรงมีเลื่อนทำมือของหลินมู่เก็บไว้อยู่ หลินมู่ขอบคุณชายหนุ่มและเริ่มลากเลื่อนออกจากเมือง เมื่อไร้น้ำหนักบนเลื่อน มันก็ง่ายกว่าเดิมมากที่หลินมู่จะลากมัน

เขาออกจากเมืองหลังจาก 15 นาทีโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีชายสองคนตามเขามาโดยตลอด พวกมันอยู่ห่างจากหลินมู่จนหลินมู่ไม่ทันสังเกตเห็นเลย

เขาเดินทางมาถึงครึ่งทางก่อนถึงกระท่อมก่อนจะเก็บเลื่อนไว้ในแหวนได้ เพราะนักเดินทางและนายทรานที่เข้าเมืองในตอนนี้นั้นมีจำนวนมากกว่าตอนเช้า

เมื่อเขามาถึงที่ที่ร้างผู้คนมากพอ เขาเก็บเลื่อนไว้ในแหวน แต่ครั้งนี้มีชายสองคนซ่อนอยู่หลังเนินดิน ทั้งคู่ได้เห็นเลื่อนหายไป

ชายทั้งสองตกใจแต่ก็นึกถึงเรื่องที่เจอมาก่อนในตอนเช้าและเข้าใจว่าหลินมู่มีสมบัติเก็บของเช่นกัน

ความโลภในดวงตาพวกเขาเพิ่มมากขึ้น พวกเขาคิดไปไกลแล้วว่าพวกเขาจะร่ำรวยเพียงใดหลังจากฆ่าหลินมู่และชิงของทั้งหมดมา

ชายทั้งสองเตรียมอาวุธของตัวเองไว้ในมือก่อนจะเข้าใกล้หลินมู่

“หยุดเดี๋ยวนี้”

ชายคนหนึ่งพูด

“ให้ตายเถอะ อีกแล้วเรอะ”

นี่คือความคิดเดียวของหลินมู่เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด