ตอนที่แล้วตอนที่ 8-42 มาตามนัด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-44 เพื่อนบ้าน

ตอนที่ 8-43  ชุมนุมในเบซิล


คืนนั้นลินลี่ย์ร่วมทานมื้อค่ำที่หอโถงใหญ่ของปราสาทที่ทำการ

“คีน, เจนน์มาข้างนอกสักเดี๋ยวเถอะ” หลังจากอาหารค่ำแล้วลินลี่ย์เรียกพวกเขาออกไป จากนั้นเดินออกจากห้องโถงใหญ่เข้าไปในสวนที่เงียบสงบด้านหลัง

คีนและเจนน์มองหน้ากันเองจากนั้นเดินตามลินลี่ย์เข้าไปในสวนเช่นกัน

สวนในยามราตรีเงียบสงบลินลี่ย์มองดูเจนน์กับคีนแล้วยิ้มให้  “เจนน์, คีนมีบางเรื่องที่ข้าต้องแจ้งให้พวกเจ้าได้รับรู้ไว้”

คีนกับเจนน์จ้องมองลินลี่ย์อย่างมึนงง

“ศาสนจักรเจิดจรัสกับข้ามีความแค้นต่อกันในระหว่างเรา  เราจะไม่มีทางหยุดยั้งจนกว่าอีกฝ่ายจะถูกทำลาย”

คำพูดของลินลี่ย์สร้างความตกตะลึงให้กับเจนน์กับคีนทันที  พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์ไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเขาจะเป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักรเจิดจรัส

ศาสนจักรเจิดจรัสคือองค์กรใหญ่อย่างมิต้องสงสัย

ลินลี่ย์ลดเสียงลง “ห้าปีที่แล้วเมื่อข้าสู้กับศาสนจักรเจิดจรัส เป็นไปได้ว่าจะทำให้พวกเขารู้ว่าข้าอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียน  ห้าปีที่แล้วกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสได้ตระหนักถึงความคงอยู่ของแฮรุ  ข้าเชื่อว่าลำพังแค่เรื่องนี้พวกเขาคงพบว่าข้าตามพวกเจ้าทั้งสองคนมาที่เมืองเซียร์แล้ว”

หลายคนรู้ว่าตอนนั้นยอดฝีมือลึกลับผู้ขับขี่เสือดำคอยคุ้มครองคีนและเจนน์เดินทางมาเมืองเซียร์จนทำให้คีนได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง

นี่ไม่ใช่ความลับ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ทางศาสนจักรเจิดจรัสจะพบความจริงเรื่องนี้

“ข้าสงสัยว่าศาสนจักรเจิดจรัสคงซ่อนคนสอดแนมไว้สองสามคนในเมืองเซียร์แห่งนี้”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น

ทันทีที่เขาตัดสินใจมาเมืองเซียร์  ลินลี่ย์เตรียมแผนไว้เรียบร้อยแล้ว

สเตลห์ผู้นั้นเคยปะทะฝีมือกับเขามาก่อน หลังจากสู้กันครั้งนั้นศาสนจักรเจิดจรัสคงตระหนักได้แน่นอนว่าลินลี่ย์เป็นอันตรายต่อพวกเขามากเพียงไหน  ถ้าพวกเขาไม่ส่งคนมาฆ่าเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างนั้นศาสนจักรเจิดจรัสก็คงเป็นกลุ่มคนโง่จริงๆ

“อย่างนั้นเราควรจะทำอย่างไรดี?”  คีนและเจนน์สับสนทั้งคู่

“เจนน์, ก่อนอื่นเลยข้าขอถามเจ้า เจ้ายังต้องการติดตามข้าหรือเปล่า?” ลินลี่ย์จ้องมองเจนน์

เจนน์พยักหน้าโดยไม่ลังเล

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “ข้าเกรงว่าภายในปราสาทของเจ้าจะมีสายลับของศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการให้พวกเจ้ารู้...   ข้าตั้งใจจะออกจากเมืองเซียร์คืนนี้”

“อะไรนะ?”  เจนน์มองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ  “พี่ลีย์, ท่านตั้งใจจะไปตามลำพังตนเองอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ต้องห่วง,ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนพวกเจ้าเล็กน้อย  ไปที่เมืองเบซิลก่อน และจะเข้าพักในโรงแรมไนล์ทางด้านตะวันออกของเมือง  เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าไปหาข้าที่นั่น”  ลินลี่ย์มั่นใจในความสามารถของตนเองมากว่ารับมือคนของศาสนจักรเจิดจรัสได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถพาเจนน์กับคีนไปพร้อมกับเขา

ถ้าเขาพาคนกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นไปด้วย  เขาอาจจะทำร้ายเจนน์กับคีนไปโดยปริยาย

“โรงแรมไนล์ ทางด้านตะวันออกของเมือง  เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาก  ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน”  คีนพยักหน้า ช่วงเวลาห้าปีมานี้ เขาไปเยือนเมืองเอกมณฑลถึงสองสามครั้ง

ลินลี่ย์วางแผนนี้ไว้นานแล้ว

ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะฆ่ากองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสได้หรือไม่ก็ตาม ที่สำคัญการฆ่าคนเหล่านั้นมิได้สร้างความแตกต่างอะไรมากมาให้กับศาสนจักรเจิดจรัสเลย

ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา  เขาจะฆ่าพวกนั้น  ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะ

สำหรับเจนน์เมื่อเวลาที่พวกเขาไปสมทบกับห้าพี่น้องบาร์เกอร์และซาสเลอร์ลินลี่ย์คงไม่ต้องกังวลว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะมาไม้ไหนอีก

“อย่างนั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย”  ลินลี่ย์หัวเราะ

“เดี๋ยวนี้เลยเหรอ?”  เจนน์และคีนสะดุ้ง

“ทันทีเลยวิธีอย่างนั้นทำให้คนศาสนจักรเจิดจรัสไม่ทันรู้ตัว”  ลินลี่ย์หัวเราะจากนั้นกลายเป็นร่างเลือนรางบินขึ้นไปในอากาศและหายไปในสวนด้านหลัง

ในขณะนั้นเสือดำเมฆาแฮรุพร้อมทั้งบีบีออกเดินทางด้วยความเร็วสูง

เงาร่างเลือนรางทั้งสามพุ่งวาบผ่านกำแพงเมืองเซียร์สูงยี่สิบเมตรไปลงอีกฝั่งหนึ่งได้อย่างง่ายดาย  แม้ว่ากำแพงเมืองจะมีประโยชน์ใช้ป้องกันนักสู้ธรรมดาได้ก็ตาม  แต่ยอดฝีมือระดับลินลี่ย์ในปัจจุบันกำแพงเหล่านั้นไม่มีอะไรมากกว่าประตูที่ค่อนข้างสูง

ลินลี่ย์ขี่อยู่บนหลังของแฮรุ  ลมราตรีพัดผ่านตัวลินลี่ย์

“ข้าว่าข้าค่อนข้างชอบความรู้สึกการเดินทางยามราตรี”  ความรู้สึกถึงลมพัดเย็นปะทะใบหน้าของเขาทำให้ลินลี่ย์รู้สึกสดชื่นมาก

แสงจันทร์ดูเหมือนกับทำให้โลกคลุมไปด้วยชั้นผ้าโปร่งบางภาพทุกอย่างมองดูเหมือนความฝัน

ราตรีนี้ มีคนกำลังขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูงเช่นกัน  คนพวกนี้กำลังเร่งรีบไปแจ้งข่าวดีกับลินดอน  อย่างไรก็ตามระยะทางห่างเกินร้อยกิโลเมตรจากเมืองเซียร์ไปยังเมืองที่ลินดอนพักอาศัยอยู่

ลินลี่ย์มาถึงเมืองเซียร์ยามราตรีแล้ว พวกผู้ดูแลกิจการของเมืองเซียร์ก็ได้รับข่าวราวๆ หกโมงเย็น และพวกเขาส่งคนออกไปก็เป็นเวลาเจ็ดนาฬิกาแล้ว

ราวๆ แปดนาฬิกายามค่ำลินลี่ย์ก็ออกไปจากเมืองเซียร์

เวลานี้คนส่งข่าวยังคงอยู่บนถนน  เวลาเก้านาฬิกา  คนส่งข่าวมาถึงเมืองที่ลินดอนและพวกพักอยู่ในที่สุด  เมืองมีแสงไฟเล็กน้อยบุรุษผู้น่าสงสารถูกลมหนาวเดือนพฤศจิกายนพัดใส่รู้สึกถึงความอบอุ่นเพียงน้อยนิด

“ท่านลินดอน”  คนส่งข่าวมาถึงที่พักของลินดอน  เมื่อเห็นลินดอนที่ประตูทางเข้าเขาโดดลงจากหลังม้าทันที  “ท่านลินดอนมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เราพบว่าลินลี่ย์มาถึงเมืองเซียร์แล้ว”

ตาของลินดอนซึ่งอยู่กับที่มีประกายเย็นชา

“ลินลี่ย์?”  ลินดอนทั้งตกใจและดีใจพร้อมกัน

นางรอมาเป็นเวลาห้าปีเต็มจนรู้สึกเบื่อหน่าย  และจากนั้นคืนนี้จู่ๆก็มีรายงานเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ซีค, ซีค!  พวกเจ้าจงออกมากันให้หมด” เสียงเยือกเย็นของลินดอนดังขึ้นสองสามครั้ง และเทวทูตอีกห้าคนรีบออกมาทันที

เทวทูตทั้งหกนี้สิงอยู่ในร่างของมนุษย์ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงจำกัดเพียงเท่ากับนักรบระดับเก้า

แต่แก่นวิญญาณข้างในยังคงเป็นเทวทูต

พวกเขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งแน่นอน เพื่อประโยชน์แก่ความรุ่งเรืองของมหาเทพของเขา  พวกเขายินดีจะเสียสละชีวิตได้ทุกเมื่อ

เมื่อได้ยินว่ามีข่าวลินลี่ย์กลับมายังเมืองเซียร์เทวทูตอีกห้าคนก็ตื่นเต้นเช่นกัน  ภารกิจของพวกเขาก็คือฆ่าลินลี่ย์

“ไปกันเดี๋ยวนี้เลย”  ลินดอนสั่งทันที

“ขอรับ”  อีกห้าคนรับคำโดยไม่ลังเล

ลินดอนและเทวทูตคนอื่นไม่สนใจคนส่งข่าว ทั้งหกคนอาศัยกำลังขาของตนเองเริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองเซียร์ทันที  ในฐานะนักสู้ระดับเก้าคนหนึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเร็วที่พวกเขาใช้อาจเร็วมากกว่าม้าเสียอีก

เช้าวันต่อมา

ภายในคฤหาสน์ธรรมดาในเมืองเซียร์ คืนก่อนนั้นลินดอนและคนของนางใช้พักอยู่ที่นี่เมื่อตอนไปถึงเมืองเซียร์

“อะไรนะ?  ลินลี่ย์หายไปแล้ว?”  ลินดอนจ้องมองบุรุษชุดขาวข้างหน้านางด้วยสายตาเย็นชา

บุรุษชุดขาวพูดทันที  “ท่านลินดอนคนที่เราวางเป็นสายอยู่ในปราสาทเจ้าเมืองก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขาเพียงแต่พบว่าเช้านี้ลินลี่ย์และอสูรเวททั้งสองของเขาหายไป  มีแนวโน้มว่าพวกเขาคงออกไปจากเมืองเซียร์แล้ว

“บึ้ม!”

ลินดอนโกรธใช้หมัดทุกโต๊ะหินข้างหน้านางจนแหลกเป็นชิ้น  เทวทูตอีกห้าคนก็โกรธด้วยเช่นกัน

ทั้งหกคนใช้เวลาห้าปีอยู่ที่นี่  พวกเขาเพิ่งได้รับข่าวการมาถึงของลินลี่ย์  แต่จากนั้นในพริบตาเขาก็หายไปอีก

บุรุษชุดขาวกระวนกระวายใจเช่นกัน   เขารู้ว่าคนทั้งหกที่ด้านหน้าของเขาแข็งแกร่งทรงพลัง แม้แต่ผู้ดูแลกิจการของมณฑลพายัพก็ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของหกคนนี้

อย่างไรก็ตามบุรุษชุดขาวนี้ไม่รู้ว่าคนทั้งหกนี้เป็นเทวทูตจริงๆ

ในชั่วเวลาขณะจะตายเมื่อลินดอนและคนอีกทั้งห้าเลือกที่จะแสดงพลังของเทวทูตออกมา

“จงไปสืบดู, ไปสืบมาค้นให้ได้ว่าลินลี่ย์ไปที่ใด นอกจากนี้..จงใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่เรามีอยู่ทั่วมณฑลพายัพแห่งนี้  เราต้องหาตัวลินลี่ย์ให้ได้  ลินลี่ย์ต้องอยู่ในมณฑลพายัพแน่นอน”  ลินดอนกล่าวอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงอำมหิต

“ขอรับ”  บุรุษชุดขาวรับคำทันที

พวกเขาไม่สามารถหาลินลี่ย์พบถึงห้าปี ลินดอนเริ่มกังวลใจว่าลินลี่ย์บางทีอาจจะออกไปจากจักรวรรดิโอเบรียน ที่สำคัญเนื่องพวกเขาไม่พบร่องรอยของเขาเลย  จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะแน่ใจว่าลินลี่ย์อยู่ที่ใดกันแน่

แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเขารู้แน่ชัดแล้วว่าลินลี่ย์อยู่ในดินแดนมณฑลพายัพ

ขณะที่ลินดอนได้แต่รู้สึกโกรธจัดและจนใจในวันที่สามพวกเขาก็ได้รับข่าวจากเมืองเอกเบซิล

“ลินลี่ย์ปรากฏตัวที่เมืองเอกเบซิล”

ทันทีที่พวกเขาได้รับข่าวลินดอนและสหายร่วมงานตื่นเต้นกันมาก

“ท่านหญิง,เราจะไปกันเดี๋ยวนี้หรือเปล่า” ทั้งห้าคนมองดูลินดอนอย่างคาดหวัง ลินดอนคือหัวหน้าหน่วย ความจริงในบรรดาเทวทูตประทับร่าง ลินดอนนับว่ามีชื่อมากที่สุด

พวกเทวทูตที่ประทับอยู่ในร่างสามารถสนับสนุนพลังได้ระดับเก้าเกือบทั้งหมดเป็นเทวทูตสองปีก มีเพียงสามคนที่เป็นเครูบ (ทูตสวรรค์) เทวทูตสี่ปีกและอีกสามคน มีแต่ลินดอนที่เป็นสตรีเพียงคนเดียว

“แม็คเคนซี่อยู่ในเมืองนั้นนะ”

ลินดอนขมวดคิ้ว “แม็คเคนซี่เข้าถึงระดับเซียนมาเกือบหกสิบปีแล้วจากที่เราได้รับรายงานพลังของเขาเป็นเซียนระดับกลาง  ถ้าเขาเข้ามาขวางหลายๆ อย่างจะซับซ้อนขึ้น”

“ท่านหญิงถ้าเราทุ่มกำลังฆ่าแม็คเคนซี่ก็ไม่น่าจะยาก” เทวทูตที่อยู่ใกล้ๆ อีกคนนามว่าซีคเอ่ยขึ้น

“ใช่แล้ว  เมื่อเราทุ่มเทสุดกำลังร่างประทับของเราจะพังทลายและใช้พลังที่แท้จริงของเราทุกคนได้  พวกเราห้าคนเป็นเทวทูตสองปีก  ขณะที่ท่านเป็นทูตสวรรค์  แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็น่าจะมีเวลาพอฆ่าลินลี่ย์ได้

เมื่อได้ยินบริวารของนางกล่าวลินดอนลังเล

ความจริงถ้าเทวทูตไม่สนใจว่าร่างประทับจะพัง  พวกเขาย่อมใช้พลังที่แท้จริงในช่วงเวลาสั้นๆได้แน่นอน แต่มีแนวโน้มว่าหลังจากโจมตีสองสามครั้ง ร่างของพวกเขาจะสลายเป็นผุยผง

เมื่อทูตสวรรค์เครูบและเทวทูตสองปีตั้งพยุหะและยอมให้ร่างพังทลายจากการใช้พลังเต็มที่  แม้แต่เซียนระดับกลางก็อาจตายในเงื้อมมือพวกเขา

“ไม่ต้องเร่งร้อน”  ลินดอนกล่าวอย่างใจเย็น  “ทุกคนใจเย็นก่อน  การทุ่มเทกำลังครั้งสุดท้ายจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสุดท้ายของเขา  ลินลี่ย์ยังไม่คู่ควรให้ทำอย่างนั้น เราสามารถหาโอกาสที่ลินลี่ย์อยู่ในร่างของมนุษย์และจัดการฆ่าเขาโดยตรงก็ได้”

“ท่านหญิงอย่างนั้นท่านตั้งใจก็คือ...” ทั้งห้าคนมองดูลินดอน

“ลินลี่ย์ไม่รู้จักพวกเราทั้งหกคน”  รอยยิ้มอำมหิตปรากฏบนใบหน้าของลินดอน

วันนั้นกลุ่มของลินดอนนำโดยคนชุดขาวขี่ม้าออกไปจากเมืองเซียร์เช่นกัน

“ท่านหญิงรถม้าของทางการเป็นของกองกำลังประจำเมืองเซียร์” บุรุษชุดขาวรายงานลินดอนด้วยน้ำเสียงเบาทันทีที่เห็นพวกเขา

“โอว? เป็นเจนน์และคีนใช่ไหม?”  ลินดอนมองดูขบวนอยู่แต่ไกล

ความสัมพันธ์ของเจนน์และคีนกับลินลี่ย์เป็นเรื่องที่ลินดอนค่อนข้างรู้ดีอยู่แล้ว

“มีบริวารของเจ้าปะปนเข้าไปในขบวนพวกเขาด้วยหรือไม่?”  ลินดอนลดเสียง

“ขอรับ, ท่านหญิง”บุรุษชุดขาวพยักหน้า  ลินดอนกล่าวยิ้มๆ“ก็ดีแล้ว ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา

กลุ่มของลินดอนเดินทางได้รวดเร็วมากกว่ากลุ่มของคีนและเจนน์มาก   ในพริบตาพวกเขาก็แซงผ่านไป  สาเหตุที่คีนและเจนน์ต้องเดินทางไปเมืองเบซิลในคราวนี้เป็นเพราะพวกเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำประจำปี

กลุ่มของลินดอนและขบวนของเจนน์ต่างก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเอกเบซิล สำหรับลินลี่ย์พอมีเวลาเขาไปจองห้องพักในโรงแรมด้านทิศตะวันออกของเมือง

มีบ้านหลังน้อยตั้งอยู่ด้านหลังโรงแรม  ลินลี่ย์พักอยู่ที่นั่น

“ข้ามาเมืองเอกเบซิลเป็นขบวนใหญ่อย่างนั้น  มีแนวโน้มว่าคนของศาสนจักรเจิดจรัสจะจำข้าได้  สงสัยจริงๆว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะส่งใครมาในครั้งต่อไป

ลินลี่ย์ไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย  เขากระตือรือร้นมากเป็นปกติอยู่แล้ว

“ข้ายังไม่เผชิญหน้ากับคนที่สามารถสู้กับข้าโดยตรงหรือบังคับให้ข้าใช้พลังคลื่นร้อยชั้นแห่งเคล็ดสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินได้เลย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด