ตอนที่ 22 : ศึกแรก
สิ่งที่หลินมู่เห็นข้างหลังลิงก็คือต้นไม้สูง 2 ศอก มันเป็นต้นไม้สีเขียวเข้มที่มี 6 ใบ มีผลสีม่วงขนาดเท่าผลองุ่นอยู่บนต้นไม้ หลินมู่คิดว่าเขาตาฝาดไปเมื่อเห็นควันจาง ๆ ลอยออกมาจากผลไม้นั้น
“ไม่สิ นั่นไม่ใช่ควัน นั่นมันปราณจิต!”
หลินมู่พูดออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรีบเอามือปิดปากเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอาจจะตกอยู่ในอันตราย
โชคดีที่พวกสัตว์ทั้งสองไม่ได้ยินที่หลินมู่พูด ต้นไม้ที่ลิงกำลังปกป้องก็คือสมุนไพรจิตและยังเป็นต้นที่ออกผลมาแล้วด้วย ที่มันตั้งท่าจะต่อสู้กันดูเหมือนจะเป็นเพราะสมุนไพรจิตต้นนี้
พวกมันมีพลังบ่มเพาะแต่กำเนิดและไม่ต้องใช้วิชาบ่มเพาะพลังในการเป็นขอบเขตชำระปราณเหมือนกับมนุษย์ แต่มันสามารถรับประทานสมุนไพรจิตเพื่อเร่งการก้าวหน้าของพลังบ่มเพาะได้
ด้วยเหตุนี้เอง สมุนไพรจิตหรือผลไม้จิตที่เติบโตในป่าจึงมักจะมีการต่อสู้แย่งชิงจากสัตว์มากมายและบางครั้งก็เป็นมนุษย์ที่ต่อสู้แย่งชิงกันเองถ้าหากพวกเขามาเจอเข้า
หลินมู่เคยเห็นสมุนไพรจิตและผลไม้จิตมาก่อนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีแบบที่คุณภาพสูง แอปเปิ้ลจิตที่โตในสวนเมืองเหนือนั้นเป็นผลไม้จิตที่คุณภาพต่ำที่สุดแต่ก็ยังมีค่าถึงลูกละหนึ่งทอง หลินมู่จินตนาการไม่ออกเลยว่าสมุนไพรจิตที่คุณภาพระดับนี้จะมีราคาแพงเพียงใด
ในตอนนี้ ความคิดอันบ้าคลั่งได้เกิดขึ้นในใจหลินมู่ เขากำลังคิดถึงทุกวิธีการที่เขาจะแย่งสมุนไพรจิตเพื่อนำมาใช้เอง
‘ถ้าข้าได้สมุนไพรจิตนั่นมา ข้าจะต้องเข้าสู่ขอบเขตชำระปราณได้แน่นอนด้วยบทสงบใจ’
หลินมู่คิด
หลินมู่สังเกตการณ์สัตว์ทั้งสองต่อไปขณะที่คิดหาแผนชิงสมุนไพรจิต ในขณะนี้ สัตว์ทั้งสองขู่คำรามใส่กันพยายามจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า ลิงยักษ์น่าจะปกป้องสมุนไพรจิตมานานแล้ว ส่วนเสือดำนั้นน่าจะเพิ่งมาเจอและอยากได้ไปครอง
ผ่านไปไม่กี่นาที เสือดำทนไม่ไหวอีกต่อไปและเริ่มลงมือก่อน มันกระโจนเข้าใส่ลิงยักษ์ด้วยกรงเล็บ ฝ่ายลิงร้องเสียงดังเมื่อเสือดำเข้าใกล้และยืดแขนเข้าขัดขวาง กรงเล็บเสือดำซัดใส่กลางอกลิงขณะที่แขนยาวของลิงนั้นทุบไปที่ด้านข้างของเสือดำซึ่งทำให้เสือดำถอย
เสือดำเดินวนรอบลิงเพื่อหาจังหวะต่อไปในการโจมตี ลิงถูกกรงเล็บซัดที่กลางอกและมีโลหิตไหลออกมาจากแผล ขณะที่เสือดำนั้นไม่เป็นอะไรเลยหลังจากที่ลิงตอบโต้ เพียงเท่านี้ก็บอกได้แล้วว่าเสือดำนั้นเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่า ส่วนลิงนั้นกำลังเสียเปรียบ
ต่อมาลิงก็ได้ขยับตัวมาข้างหน้าด้วยแขนและยืดแขนคู่ทุบไปที่กลางหลังเสือดำ เสียงร้องที่อัดแน่นไปด้วยความทรมานของเสือดำดังก้องป่า แต่มันก็ยังทรงตัวได้และฝังเขี้ยวลงบนเข่าลิง เสียงกระดูกหักน่ากลัวดังลั่นเมื่อเสือดำทำกระดูกสะบ้าเข่าลิงหัก
ลิงร้องโหยหวนด้วยความทุกข์ระทม ดวงตาของมันแดงก่ำไปด้วยโลหิตแห่งโทสะ มันไม่ยับยั้งความคิดอีกต่อไปแล้ว มันเข้าตะลุมบอนกับเสือดำด้วยสัญชาตญาณดิบ
กว่าการต่อสู้จะจบลง ลิงเสียตาไปหนึ่งข้างพร้อมกับรอยแผลฉีกมากมายบนร่าง มันขยับตัวไม่ได้เพราะเข่าที่เจ็บปวดอย่างมาก เสือดำเองก็บาดเจ็บสาหัสด้วยซี่โครงที่หักหลายซี่รวมถึงขาหน้าที่หักลากพื้น
พวกมันทั้งสองหายใจรวยริน แต่เสือดำยังคงสภาพดีกว่า เสือดำคลานมองหาจังหวะที่จะปลิดชีวิตลิง หลินมู่ได้เห็นตลอดการต่อสู้และเขาเองก็กำลังรอโอกาสโจมตีเช่นกัน
เมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าลิงคงมีชีวิตได้อีกไม่นาน หลินมู่เข้าใกล้จุดอับสายตาของเสือดำ ลิงที่ตาบอดไปแล้วหนึ่งข้างมิได้รับรู้อะไรมากนักเพราะเสียเลือดไปมาก เสือดำเห็นลิงตัวกระตุกและลงมือ มันกดลิงจมลงกับพื้นและขย้ำหลอดลม
มันกัดฝังเขี้ยวแน่นขณะที่ลิงโจมตีสะเปะสะปะใส่เสื้อดำ จังหวะนี้เองหลินมู่รีบพุ่งตัวไปที่เสือดำในไม่กี่ลมหายใจ เสือดำได้ยินเสียงหลินมู่เข้าใกล้และจำเป็นต้องปล่อยเขี้ยวออกจากหลอดลมลิงเพื่อเตรียมรับมือหลินมู่ แต่ลิงก็จับขาของเสือดำไว้แน่น
เสือดำร้องคำราม มันพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือลิง หลินมู่ไปที่ข้างตัวเสือดำและฟันดาบสั้นใส่คอของมันแต่ก็พลาดและฟันโดนหลังแทนเมื่อมันพลิกตัว
เสือดำโจมตีหลินมู่ด้วยขาหลังซึ่งเป็นอิสระและเกือบจะทำให้หลินมู่บาดเจ็บ แต่หลินมู่ก้าวขาไปด้านข้างหลบทัน มือของลิงที่จับขาหน้าข้างหนึ่งของเสือดำอ่อนแรงลง และเสือดำก็เกือบจะเป็นอิสระ
หลินมู่ฟันอีกครั้งและไม่โดนเสือดำเลย มันพลิกตัวหันหลบการโจมตี เมื่อเห็นว่าเสือดำกำลังจะหลุดจากมือลิง หลินมู่ถือดาบสั้นด้วยสองมือและกระโดดใส่มันโดยไม่สนว่าตัวเองอาจจะบาดเจ็บ มันกางกรงเล็บใส่หลินมู่ตอบกลับจึงพลาดลำตัวของหลินมู่และเฉียดแขนซ้ายเป็นแผลตื้น ๆ
หลินมู่ใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดแทงเสือดำที่กลางอก จากนั้นเขากลิ้งตัวหลบการโจมตีของเสือดำอีกครั้งโดยทิ้งดาบสั้นที่ปักอกเสือดำไว้ เมื่อเห็นว่าแทงสำเร็จ หลินมู่ก็ทิ้งระยะตัวเขากับเสือดำ
เสือดำร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแต่ก็มิอาจทำอะไรเพื่อดึงดาบออกมาได้ เมื่อหันไปดูอีกครั้งก็เห็นว่าลิงตายแล้ว มันพยายามลากตัวเองไปหาหลินมู่เพื่อพยายามโจมตีเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่มันก็อ่อนแอเกินไปและล้มลงหลังจากเดินได้ไม่ถึงสามก้าว
หลินมู่รอ 5 นาทีก่อนจะเข้าใกล้เสือดำ เขาจิ้มตัวเสือดำอย่างระมัดระวังด้วยกิ่งไม้เพื่อดูว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อมั่นใจว่ามันตาย หลินมู่ดึงดาบออกจากอกของมัน สายโลหิตไหลออกมาจากรูแผลที่อกเสือดำ
หลินมู่เก็บเสือดำไว้ในแหวนและทำเช่นเดียวกันกับลิงด้วย จากนั้นจึงเดินไปที่สมุนไพรจิตและเด็ดเอาผลออกมา เขาจะถอนต้นออกมาจากพื้นดินด้วยแต่มันก็เหี่ยวในทันทีและกลายเป็นผุยผง หลินมู่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
หลินมู่มองผลไม้สีม่วงขนาดเท่าองุ่นในมือ มันไม่มีปราณจิตโชยออกมาจากผลอีกแล้วหลังจากที่เด็ดมาจากต้น หลินมู่เก็บผลไม้ไว้ในแหวนและเตรียมออกจากป่า
หลินมู่โชคดีมากที่ไม่ได้เพียงแค่ผลของสมุนไพรจิตในวันนี้แต่ยังได้สัตว์ชั้นสูงถึงสองตัวมาด้วย และเขาก็โชคดีที่กลุ่มพ่อค้าจะมาถึงเมืองในวันพรุ่งนี้และเขาจะได้ขายซากสัตว์พร้อมกับกล่องไม้หอม พรุ่งนี้เขาจะทำเงินได้มหาศาลซึ่งทำให้เขาอยู่รอดได้ทั้งฤดูหนาวเป็นแน่
เมื่อหลินมู่มาถึงกระท่อมในอีก 3 ชั่วโมงให้หลัง สิ่งแรกที่เขาคิดก็คือการทำรถเลื่อนที่เขาจะได้แบกซากสัตว์ไปที่เมือง เขาจะปล่อยให้ใครเห็นเขาใช้แหวนไม่ได้ เขาจึงต้องใช้วิธีการนี้
เขาตัดต้นไม้ที่ขนาดพอเหมาะและมัดด้วยเถาวัลย์ที่แข็งแรงเข้าด้วยกันจนเป็นแพเลื่อน เขามัดเถาวัลย์เข้าด้วยกันและติดมันไว้ที่ปลายเสาไม้ที่เขาทำจากหน่อต้นไม้ มันจะเป็นมือจับให้เขาลากเลื่อนได้
กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็ตกกลางคืนแล้ว หลินมู่เตรียมข้าวและเนื้อที่จะปรุงไว้แล้ว เพราะเขาจะได้กินมันทันทีที่ทำเลื่อนเสร็จ
หลังจากจบมื้ออาหาร หลินมู่จมอยู่กับการฝึกหมัดทลายศิลา เขาฝึกยาวนานไปจนถึงเที่ยงคืนจนสมาธิหดหาย จากนั้นเขาจึงนั่งลงท่องบทสงบใจ
ด้วยการฝึกในเวลาเช้า หลินมู่รู้สึกได้ว่าเขากำลังจะทะลวงพลังและไม่แปลกใจที่เขาเพิ่มพลังหลังจากดูดซับพลังชีวิตทั้งหมดมาจากเนื้อสัตว์ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่ผิวหนังและปวดเมื่อทะลวงพลังเป็นร่างกายขั้น 6
เขากำลังจะลุกขึ้นดีใจแต่ก็รู้สึกว่าแหวนสั่น เขาเสียการทรงตัวขณะที่รอยแยกมิติปรากฏหน้าจุดที่เขานั่ง
“หา บัดซบ”
หลินมู่สบถและเอี้ยวตัวหลบด้านข้างเพื่อไม่ให้ทั้งตัวของเขาหล่นไปในรอยแยก
แขนของเขาทั้งข้างถูกดูดเข้าไปในรอยแยกมิติจนเขาติดอยู่กับพื้นในท่าประหลาด ถ้าหากมีคนมาเห็นหลินมู่ในท่านี้จะต้องระเบิดเสียงหัวเราะเป็นแน่