ตอนที่แล้วตอนที่ 211 ดาบไร้ลักษณ์และเฒ่าบอดซอกำสรวล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 213 กรงเล็บเพลิงภูตพรายฉายประกาย

ตอนที่ 212 ขลุ่ยวิเศษ


“ในที่สุดก็เสร็จจนได้”  เซรีนมองดูอาวุธจักรกลชุดใหม่สีหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจ

ขลุ่ยวิเศษชมดูอยู่ชั่วขณะและตัดสิน“มันสวยดีนะ”

“สวยมากเหรอ?” เซรีนขมวดคิ้วทันที นางไม่ชอบการตัดสินประเมินในลักษณะนี้ จึงบ่นพึมพำ  “ไม่สวย แต่ทรงพลัง  ลุงขลุ่ยวิเศษ,ช่วยข้าทดสอบหน่อยเถอะ”

“ข้าน่ะเหรอ?” ขลุ่ยวิเศษชี้หน้าตนเอง เขายืนงงอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาหัวเราะอย่างเก้อเขิน  “ข้าต้องขอโทษด้วย  ข้าไม่เคยลองใช้อาวุธจักรกลมาก่อน”

“อย่างนั้นเราจะทำยังไงดี?”  เซรีนทำหน้าผิดหวัง  “ลุงหน้าไพ่ก็ไม่อยู่ที่นี่เสียด้วย...”

ลุงหน้าไพ่....

ขลุ่ยวิเศษยิ้มขณะที่เขาพูดอย่างใจดี “โปรดอย่ากังวลใจ ข้าจะไปบอกให้เขากลับมา  ตอนนี้เขากลับมาที่ค่ายทหารแล้ว”

“เยี่ยมเลย!”  เซรีนตื่นเต้นและกระโดดตัวลอย ผมที่รวบเป็นหางม้าของนางปัดไปมาดูน่ารัก  “ลุงขลุ่ยยอดเยี่ยมที่สุด!”

ขลุ่ยวิเศษยิ้มขณะที่เขายืนเขามีร่างสูงโปร่งและมีรอยยิ้มที่อบอุ่นมีมารยาทดีเหลือเชื่อ  เขาพยักหน้าให้เซรีนและหัวเราะ  “ข้าจะไปแล้ว โปรดรักษาตัวให้ดี”

พูดจบเขาเดินจากออกไปช้าๆ

มารยาทที่สุภาพและดูมั่นใจทำให้เซรีนนัยน์ตาเป็นประกาย เซรีนกุมมือทั้งสองของนางไว้ที่ระดับอก“ว้าว ลุงนี่ หล่อมากจริงๆ”

แต่เมื่อขลุ่ยวิเศษกลับไปที่ค่ายทหารใหม่  เขาก็ต้องประหลาดใจ  ความจริงไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน

มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?

รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของขลุ่ยวิเศษและเขาเดินออกไปนอกประตูแสง

เมื่อขลุ่ยวิเศษปรากฏตัวอยู่ข้างถังเทียนปฏิกิริยาแรกของเขาไม่ใช่กับแสงเงินที่ระเบิดออกมาจากกรงเล็บภูตพรายและกัวอวี่ และไม่ใช่การโจมตีตาข่ายเพลิงอย่างรุนแรงของถังเทียน  แต่เป็นเพลงบรรเลงเอ้อหูที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ!

ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงสีเงิน  ร่างสูงโปร่งของเขายืนอยู่เงียบๆ

เขาหันหน้าไปและสายตาของเขาจับอยู่ที่จุดดำเล็กจุดหนึ่ง เป็นบุรุษตาบอดนั่งอยู่บนรถเข็น

ทำนองเพลงเศร้าโศกอย่างนั้น  แสดงว่าทั้งชีวิตของเขา ต้องพบมาแต่ความโชคร้าย

ขลุ่ยวิเศษยืนอยู่ตรงนั้นยืดตัวขึ้นท่าทางเศร้าปรากฏอยู่ในสายตาเขา เขาถอนหายใจ

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันมาก  แต่ขลุ่ยวิเศษก็ยังสามารถเห็นได้ หลิงซิ่วที่กำลังเตรียมจะใช้หอกเงินของเขาแทงชายตาบอดเหมือนกับถูกหวดด้วยค้อนอย่างรุนแรงจนปลิวกระเด็นและกระอักเลือด

ในอากาศเลือดของเขาไหลลงบนพื้น ตาหลิงซิ่วยังคงปิด เขายังคงไม่ได้สติ

สายตาของขลุ่ยวิเศษเศร้าหมองลง  ขณะที่เขาลอยตัวไปเหมือนกับสายลม

ภายใต้แสงเงินทั่วทั้งท้องฟ้า  เขาลดศีรษะเล็กน้อยขลุ่ยในมือจ่อเข้ากับริมฝีปาก

※※※

จากสภาพที่เห็นเห็นได้ชัดว่าหลิงซิ่วกำลังจะตกไปอยู่ในท่ามกลางอสูรหินกรวด ทันใดนั้นร่างสีแดงวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน  เป็นนกฟลามิงโกนั่นเอง

นกฟลามิงโกใช้ปากของมันคาบหลิงซิ่วที่หมดสติและใช้พลังวิ่งออกมา

ความเศร้าบนใบหน้าของชายชราตาบอดที่กำลังสีซอยิ่งมีมากยิ่งขึ้น  เขาสีเครื่องสายหนักขึ้น ในท่ามกลางความโศกเศร้าและเดียวดาย

อสูรหินกรวดที่ชะงักและตะลึงกันทั้งหมดจู่ๆ ก็มีนัยต์ตาสีแดงพวกมันเริ่มส่งเสียงกู่ทีละตัวๆ  อสูรหินกรวดตัวหนึ่งเหวี่ยงหมัดใส่นกฟลามิงโก

ฟลามิงโกกระโดดหลบไปข้างๆหมัดหินฟาดใส่พื้นตำแหน่งเดิมที่เขาอยู่ ฝุ่นทรายกระจายขึ้นฟ้า

ทันใดนั้นอสูรหินกรวดทุกตัวตื่นขึ้นทันที  และเริ่มโจมตีใส่นกฟลามิงโกทีละตัว

ในพริบตานกฟลามิงโกก็ล้อมรอบไปด้วยอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด

ทันใดนั้นเองเสียงขลุ่ยที่ชัดและไพเราะดังก้องสะท้อนในอากาศ  เสียงขลุ่ยเหมือนกับสายลมที่อบอุ่นอ่อนโยนพัดผ่านเข้ามาในสนามรบ

อสูรหินกรวดหยุดอยู่กับที่ทุกตัวแสงสีแดงในดวงตาเริ่มหมองลง

นกฟลามิงโกฉวยโอกาสวิ่งหนี

ชายชราบอดนักดนตรีบรรเลงซอที่นั่งอยู่บนรถเข็นส่งเสียงอุทานหยุดสีซอเอ้อหูในมือ เบ้าตาที่ว่างเปล่าของเขาหันมาทางเสียงขลุ่ย

เสียงขลุ่ยที่ไพเราะทำให้สตรีชุดดำรู้สึกสะดวกสบายมาก  รังสีฆ่าฟันในหัวใจนางสลายออกไป  นางไม่รู้สึกกระตือรือร้นอยากสู้แม้แต่น้อย

นางรู้สึกได้ว่ามันทรงพลัง  หัวใจนางถูกความตกใจครอบงำอย่างช่วยไม่ได้

เสียงเพลงของชายชราบอดเป็นเหมือนกับฝันร้าย แต่เสียงขลุ่ยนี้กลับมีพลังวิเศษบางอย่างและช่วยฉุดรั้งหัวใจผู้คน

นั่นคือนักสู้ที่ใช้เสียงเพลงที่ทรงพลังอีกคนหนึ่ง

นางเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว  และคิดทบทวนหาดูว่านักสู้สายสำเนียงเพลงผู้สามารถสู้กับเฒ่าบอดซอกำสรวลนี้

ในฐานะตำแหน่งม้าขององค์การวิญญาณมืดนางรู้จักทำเนียบนักสู้สวรรค์วิถีเป็นอย่างดีลึกซึ้งมากกว่านักสู้ธรรมดา  ถ้าใครบางคนค้นคว้าทำเนียบรายชื่อนักสู้สววรค์วิถีลึกลงไป  พวกเขาจะตระหนักได้ว่าอันดับนักสู้ของชายชราตาบอดมือสีซอผู้นี้อยู่ในตำแหน่งนี้มาเกินกว่าสิบปีโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นคืออันดับที่ 9900

นั่นคืออันดับที่พิเศษมาก

จากอันดับที่ 9901ถึง 10000 ร้อยรายชื่อนี้ถูกยกย่องว่าเป็นพื้นที่ขับเคี่ยวของนักสู้ร้อยคน

เมื่อเข้าสู่ธรรมเนียบนักสู้สวรรค์วิถี  ก็หมายความว่าสุดยอดนักสู้ 10000 คนในสวรรค์วิถีจะมีชื่อปรากฏต่อหน้าคนเป็นล้านๆ  ความรุ่งเรือง, ความมั่งคั่ง, สมบัติ,วิทยายุทธทุกอย่างจะสำเร็จได้ นั่นคือความฝันของนักสู้นับไม่ถ้วน

ในรายชื่อที่ยาวเหยียด  แต่ละคนในรายชื่อล้วนมีฝีมือกันทั้งนั้น ความอิจฉาทำให้พวกเขาพยายามคิดหาวิธีทำให้ตนเองที่อยู่ในทำเนียบยอดฝีมือสวรรค์วิถีได้เพิ่มสถานะยิ่งขึ้น

ในเขตพื้นที่ขับเคี่ยวร้อยอันดับเป็นพื้นที่ยากลำบากเนื่องจากเป็นพื้นที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์วิถี  นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดและเป็นพื้นที่รุนแรงที่สุด

แม้แต่อันดับของกัวตงก็ยังเปลี่ยนแปลงอยู่ในเขตพื้นที่ขับเคี่ยวร้อยอันดับ แต่เขาไม่เคยหลุดตำแหน่งในสวรรค์วิถีเลยสักครั้ง  นั่นหมายความว่าเขามีพลังที่สูงล้ำ

ตำแหน่งของเฒ่าบอดซอกำสรวลมักจะถูกจับตาอยู่เสมอ  อยู่ในอันดับที่ 9900เป็นตำแหน่งที่ควรค่าแก่การคิด ตำแหน่งนี้แสดงว่าวิทยายุทธเป็นอมตะพลังของเขาได้รับการยอมรับจนออกจากพื้นที่ขับเคี่ยวร้อยอันดับสุดท้าย

จากรายชื่อในทำเนียบพลังของเฒ่าบอดซอกำสรวลย่อมแข็งแกร่งกว่ากัวตงแน่นอน

ไม่ว่าชายชราตาบอดจะแสดงพลังออกมาเช่นไร  พลังทั้งหมดก็เหมาะสมกับตำแหน่งของเขาเช่นกัน

แต่..สตรีชุดดำไม่เคยคิดว่าจะมีคนอื่นที่เป็นยอดฝีมือต่อสู้ด้วยเสียงเพลงมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเฒ่าบอดซอกำสรวลปรากฏออกมาจากที่ใดไม่แจ้งชัด

นักสู้ผู้ใช้สำเนียงเพลงเป็นนักสู้ประเภทโดดเดี่ยว  เพราะไม่เพียงแต่นักสู้สายสำเนียงเพลงจะต้องเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนเท่านั้น แต่พวกเขาจำเป็นต้องได้สถานที่สมบูรณ์เพื่อทำความเข้าใจทุกสำเนียงในโลก

ไม่ว่าจะเป็นยุคใดเป็นเรื่องยากมากที่จะมีนักสู้สายเสียงเพลงที่แข็งแกร่งและทรงพลัง

นั่นคือใครกันแน่....

ทันใดนั้นสตรีชุดดำชำเลืองมองเฒ่าบอดซอกำสรวลนางอดตะลึงมิได้

ชายชรานั่งนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

※※※

เมื่อขลุ่ยวิเศษปรากฏตัวขึ้นในกลางอากาศ  ทุกคนต่างผงะถอยหลัง

โดยเฉพาะเวลาที่กัวอวี่และกรงเล็บภูตพรายกำลังต่อสู้กันอย่างตั้งใจ  เสียงเพลงกึกก้องดึงดูดความสนใจของทุกคน

แต่ขณะที่เคล็ดสังหารทั้งสองปะทะกัน  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้เพราะเพลงของเขา

ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยรัศมีเงิน

หน้าซีดขาวของกัวอวี่ถูกย้อมเป็นสีแดง  เขาขบริมฝีปากเบาๆและจ้องมองกรงเล็บภูตพรายด้วยตาเจิดจ้าของเขา มือที่ถือกระบี่อยู่ สั่นอย่างไม่อาจตรวจสอบได้

วิชากรงเล็บที่แข็งแกร่งนัก

แขนของเขาเจ็บและชาไปหมด  ขณะที่อกของเขาร้อนแทบไหม้  จากวันที่เขาสำเร็จวิชาท่าฟันไร้ลักษณ์  เขาไม่เคยใช้ต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เขาไม่เคยคาดเลยว่าพอใช้ออกครั้งแรกก็พบกับบุคคลที่น่ากลัวขนาดนั้น....

ความมั่นใจของเขาถูกสั่นคลอนแต่ดวงตาของกัวอวี่เป็นประกายทันที กรงเล็บภูตพรายกำลังจางหายไปต่อหน้าเขา

กัวตงที่เฝ้าสังเกตดูการต่อสู้นี้จากภายในข่ายเพลิงถอนหายใจโล่งอก  ขุนพลวิญญาณนี้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน!  แต่กระบี่ของกัวอวี่ก็แข็งแกร่งเช่นกัน

กัวตงมองดูอย่างโล่งใจ

กรงเล็บภูตพรายจางลงขณะที่เขาจ้องดูกัวตงอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไร

เมื่อกรงเล็บภูตพรายหายไปสิ้นเชิง  กัวอวี่ยิ้มอย่างผู้มีชัย  นักสู้จักรกลที่เหลืออยู่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา

ในทุกวันนี้ นักสู้สายจักรกลทั้งหมดไม่มีมาตรฐานฝีมือที่สูงส่งเลย

ในทำเนียบนักสู้สวรรค์วิถี  ไม่มีรายชื่อของนักสู้สายจักรกลเลยแม้แต่คนเดียว นั่นก็เพียงพอจะเห็นได้ว่านักสู้สายจักรกลตกต่ำลงเพียงไหน

ตรงกันข้ามกลับเป็นนักสู้สายสำเนียงเพลงนั่น ทำให้เขาคิดหนัก  แต่กัวอวี่คิดว่าก็ยังจะได้ชัยชนะอยู่ดี

เขามั่นใจเต็มเปี่ยมกับไม้ตายท่าฟันไร้ลักษณ์

นับแต่นี้ไปกระบวนท่าไร้ลักษณ์จะต้องถูกยกย่องเชิดชู

กระบี่โปร่งใสสะเทือนและสั่นขณะที่แทงใส่ตำแหน่งที่ขลุ่ยวิเศษกำลังเพ่งสมาธิบรรเลงเพลงขลุ่ย

ก่อนอื่นเขาต้องกำจัดนักสู้สายสำเนียงเพลงนี้นักสู้สายสำเนียงเพลงกลัวการเข้ามาใกล้ของศัตรู นักสู้สายสำเนียงเพลงจะโง่พอวิ่งหาที่หลบใกล้ๆ

รังสีกระบี่เหินผ่านฟ้าพุ่งเข้าหาขลุ่ยวิเศษ

ทันใดนั้นเงาร่างสีฟ้าวิ่งเข้ามาขวางหน้าขลุ่ยวิเศษไว้ กลับเป็นนักสู้สายจักรกลนั่นเอง

กัวอวี่เบะปากนับเป็นทางเลือกที่ถูกแล้วที่นักสู้สายจักรกลต้องปกป้องนักสู้สายสำเนียงเพลง  แต่นักสู้สายจักรกลจะหยุดยั้งเขาได้อย่างไร?

น่าขัน

นัยน์ตาของกัวอวี่เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขณะที่เขาเงื้อกระบี่ขึ้นอีกครั้ง

※※※

ระหว่างช่วงที่กรงเล็บภูตพรายหายไป  ความโกรธในใจของถังเทียนเพิ่มขึ้น  เป็นความโกรธตัวเขาเอง

กรงเล็บเพลิงภูตพราย!

ทำไมกรงเล็บเพลิงภูตพรายของตัวเขาเองถึงได้อ่อนแอนัก

ถังเทียน  เจ้าอ่อนแอขนาดนี้ได้ยังไง?

กรงเล็บภูตพรายต้องผิดหวังกับตัวเจ้ามากมายในตอนนี้เป็นแน่...

ข่ายเพลิงที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้ถังเทียนรู้สึกรังเกียจมันมากยิ่งขึ้น ความเร็วของเขาเร็วขึ้นทุกที กรงเล็บเพลิงภูตพรายในมือเขาไม่มีการเก็บยั้งไว้เนื่องจากเขาทุ่มเทออกไปทั้งหมด

เป็นเพราะก่อนนั้นเขาฝืนใช้กรงเล็บเพลิงภูตพรายเกินกำลัง  เขาจึงได้รับบทเรียนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บภายในทั่วตัวและทำให้ถังเทียนระมัดระวังตัวขณะใช้วิชานี้

แต่ในขณะนี้ความโกรธกำลังแผดเผาตัวเขา ความไม่สบายใจของเขาทั้งหมดถูกแผดเผาหายไป

ถังเทียนรู้ดีว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นไม้ตายที่ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายทุ่มเทชีวิตบัญญัติสร้างขึ้นมา  ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งไปกว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายพ่ายแพ้ต่อคนอื่น เรื่องเช่นนั้นจะทำให้ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายเสียใจ ทั้งนี้เนื่องจากความจริงที่ว่าพลังของกรงเล็บภูตพรายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ และระดับนักสู้ดั้งเดิมของวิชากรงเล็บภูตพรายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่เช่นกัน

กรงเล็บภูตพรายในตอนนี้ต้องตายด้วยความขมขื่น...

น่ารังเกียจจริงๆ

ความรู้สึกโกรธในตัวเขาทั้งหมด ทำให้ถังเทียนเพ่งสมาธิทั้งหมดอยู่ข้างหน้า เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ข่ายเพลิงและความรู้สึกของกรงเล็บเพลิงภูตพรายรวมตัวอยู่ในนิ้วของเขา

รูปลักษณ์ของเขาเร็วขึ้นปราณแท้ที่ปลายนิ้วเขามากขึ้นทุกที

พลังงานปราณกระเรียนในร่างของเขาไม่เคยพลุกพล่านขนาดนี้มาก่อน

ปลดปล่อยกรงเล็บอย่างรวดเร็ว

ปลดปล่อยปราณเที่ยงแท้ให้มากขึ้น

ถังเทียนมองเห็นภาพข้างหน้าเป็นสีแดง  หัวใจของเขากำลังร่ำร้องด้วยความโกรธ

จงโกรธเกรี้ยว..กรงเล็บเพลิงภูตพราย!

จงโกรธ...กรงเล็บเพลิงภูตพราย!

พลังกรงเล็บเพลิงภูตพรายออกมาจากปลายนิ้วของเขาและเปลี่ยนแปลงรูปเงียบๆ

※※※

ด้านหลังข่ายเพลิงกัวตงสังเกตดูกัวอวี่ เขาสบายใจอย่างมากที่รู้ว่าเวลาที่เขาทุ่มเทอบรมให้กับกัวอวี่มิได้สูญเปล่า

อนาคตของกัวอวี่จะต้องสดใสมากขึ้น  มากกว่าที่เขาทำได้

การต่อสู้ครั้งนี้เสี่ยง  แต่เขาผ่านมาได้โดยไม่มีเหตุร้ายใดๆ  เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับกัวอวี่  สำหรับนักสู้สายจักรกลอีกคนหนึ่ง พวกเขาไม่สามารถคุกคามกัวอวี่ได้

ขณะที่ขุนพลวิญญาณนักสู้สายสำเนียงเพลง..

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยตอหนวดเคราของกัวตงมองดูเยือกเย็น  เขามั่นใจว่าเขาสามารถกำจัดเขาได้ตราบเท่าที่เขาต้องการ

เขาแค่ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตต่อไปเพียงเพื่อให้กัวอวี่มีโอกาสต่อสู้

ขณะที่ถังเทียนที่ได้แต่วิ่งวนรอบข่ายเพลิงของเขาอย่างต่อเนื่องกัวตงไม่สนใจเลยเขาเลยแม้แต่น้อย บางครั้งก็มีไฟสว่างวาบและมีประกายไฟกระจายออกมา  ในสายตาของกัวตงนี่เป็นแค่เพียงลูกเล่นเท่านั้น

เคล็ดวิชาที่ไร้ประโยชน์แบบนี้มันไร้ค่า

ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ด้วยกัน พลังของกัวอวี่มากกว่าถังเทียนอย่างเห็นได้ชัด  ภายใต้อำนาจของกัวตง กัวอวี่มีคุณสมบัติเพียงพอต่อสู้เพื่อจัดอันดับในพื้นที่ช่วงชิงร้อยอันดับ

ทันใดนั้นกัวตงมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เขาอุทานออกมา “เอ๊ะ?”

วินาทีต่อมาม่านตาของเขาขยายออก

ข่ายเพลิงรอบๆตัวเขายุบทลายเสียงสนั่นและสลายเป็นประกายขึ้นไปในท้องฟ้า

ร่างๆหนึ่งกำลังหอบหายใจ ใช้ดวงตาแดงจ้องมองเขา

* *******************************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด