ตอนที่แล้วตอนที่ 8 โลดโผน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 ทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน

ตอนที่ 9 ใช้เวทมนตร์โดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ


"รบกวนปิดประตูทีครับคุณแกรนท์ เราขอสลายฝูงชนก่อน ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะครับ" ตำรวจบอกเขาว่า

อดัมรีบปิดประตู อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองสองแม่ลูกที่ยืนอยู่ตรงโถงทางเดินกำลังจ้องมองมาที่เขา

อดัมหัวเราะเบา ๆ “ฮ่าฮ่า… พ่อว่าตอนนี้แม็กนัสตัวน้อยของเรามีชื่อเสียงแล้วล่ะ”

“ยังดีที่ลูกไม่มีเรียนอีก 5 วัน ลูกควรอยู่บ้านนะจ๊ะ ปล่อยให้เรื่องมันสงบไปเอง” เกรซแนะนำ

“แม่จ๋า ผมขอให้บ๊อบบี้มาอยู่ด้วยกันซัก 5 วันได้ไหมฮะ” แม็กนัสถาม

"ได้เลยจ่ะที่รัก พรุ่งนี้แม่จะเอาขนมกับพวกหนังสือนิทานมาให้ลูกทั้งสองคน" เธอตกลงทันที

เหตุนี้เองแม็กนัสจึงกลับไปนอนที่ห้องของเขาอย่างมีความสุขพลางกลิ้งไปมาบนเตียงอยู่พักใหญ่ๆ รอไป 2-3 ชั่วโมงก็ยังนอนไม่หลับ

จิตใจของเขามันไม่สงบ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แปลกประหลาดมากในทุกแง่มุม แม็กนัสเป็นเด็กที่ชอบเรื่องราวของพวกฮีโร่และพลังวิเศษอะไรแบบนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ความคิดนั้นเปลี่ยนไป ประการแรกภาพเหมือนพูดได้ แล้วเหตุที่เกิดขึ้นบนรถบัส ดัดเหล็กได้ ไม่โดนไฟครอก

แล้วเขาก็ตัดสินใจจะลองอะไรบางอย่าง เขาลุกขึ้นค่อยๆ เปิดประตูห้องดูสถานการณ์ภายนอกห้องและพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ โชคดีที่บ้านพวกเขามีห้องน้ำ 2 ห้อง ชั้นล่างหนึ่งห้องและอีกห้องอยู่ที่ชั้นบน ซึ่งเขาใช้อยู่คนเดียว

เขาล็อคประตูและไปที่อ่างล้างหน้า เปิดน้ำใส่แก้วเซรามิกที่อยู่วางอยู่ที่อ่างล้างหน้าแล้วเอามือจุ่มลงไป เขารู้สึกว่าน้ำเย็น

จากนั้นเขาพยายามทำซ้ำสิ่งที่เขาทำกับแท่งโลหะในรถบัส เขานึกภาพมือของเขาถูกไฟลุกโชน

ไม่นานเขาก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนไป มันพุ่งสูงขึ้นๆ แต่เขาไม่ได้คิดถึงขีดจำกัดความร้อนของแก้วเซรามิก

*เพ้งงง*

แก้วแตกเสียงดังและน้ำตกลงในอ่าง มันกลายเป็นไอน้ำที่แผ่ออกมา นั่นคือความร้อนของน้ำ มันกำลังเดือด

แม็กนัสมองไปที่มือของเขาด้วยความกังวล เขาไม่รู้ว่านี่เป็นคำอวยพรหรือคำสาป ~เราเป็นอะไรไปกันแน่นะ~

เขายังคงทำการทดลองต่อไปแต่ระมัดระวังมากขึ้น เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นในการใช้พลังของเขา และในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาบ้าง ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องแล้วก็ฝุบหลับไป

ยามราตรีขณะที่แม็กนัสกำลังหลับ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างทิ่มแทงที่คอของเขาจนเจ็บ อย่างกับหินแหลมๆ ทิ่ม

ดวงตาของเขาเบิกโพลงเล็กน้อยในขณะที่ยังง่วงอยู่ เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คอของเขา ล็อคเก็ตนั่นเอง เขาเลยดึงมันออกแล้วโยนทิ้งไปทั้งๆ ที่หลับตาอยู่นั่นแหละ

ขณะที่เขาหลับไหล ล็อกเก็ตที่หล่นอยู่ไม่ไกล บินกลับไปหาแม็กนัสแล้วผูกคอของเขาด้วยตัวมันเอง…

...

เช้าวันรุ่งขึ้น

แม็กนัสตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกคันที่คอ เขาเห็นว่ามันคืออะไรและก็ต้องตกใจ มันเป็นล็อกเกตไม้แบบเดียวกันที่ผูกด้วยด้ายสีดำที่คอของเขา

~แปลกจัง เมื่อคืนฉันไม่ได้โยนมันทิ้งไปเหรอ?~ เขาสงสัย

แต่แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่เขาทำเมื่อคืนนี้และรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาคงมีพลังเหมือนซูเปอร์ฮีโร่จริงๆ แหะ

~ น่าสงสัยจังว่าเราจะเป็นเหมือนซูเปอร์แมนหรือเปล่าน้า? แต่ตอนนี้เราอ่อนแอเกินไป เราก็เห็นอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกฮีโร่ที่พยายามแสดงพลังก่อนพวกเขาฝึกฝนอย่างเหมาะสม พวกเขาถูกตื้บและมารู้ตัวทีหลังว่ายังไม่แข็งแกร่งพอ~

เขารีบไปห้องน้ำ แปรงฟัน แล้วลงไปชั้นล่าง ช่วงนี้เขาคงต้องอยู่บ้านแต่พ่อแม่ยังต้องไปทำงาน ข่าวยังคงพูดถึงเขาอยู่แถมมีพวกปาปารัสซี่สองสามคนเฝ้าอยู่นอกบ้าน

เขานั่งลงที่โต๊ะอาหารที่พ่อของเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบๆ เขากำลังอ่านรายงานเกี่ยวกับแม็กนัส มีการคาดเดากันว่าแม็กนัสจะได้รับรางวัลบางอย่าง แต่พวกเขาได้ไม่สนใจ แม็กนัสปลอดภัย นั่นคือรางวัลที่ดีที่สุดแล้ว เขาวางกระดาษลงและเริ่มกินอาหารเช้า

อาหารเช้าเป็นแซนวิชและน้ำส้มง่ายๆ แม็กนัสก็กินอย่างมีความสุขเช่นกัน แต่เมื่อเขาหยิบแซนวิชอีกชิ้นจากถาด มือของเขาไปชนกับแก้ว

มันเริ่มล่วงลงจากโต๊ะ แม็กนัสรีบยื่นมือไปทางมันด้วยความตกใจ มันลอยอยู่กลางอากาศจนกระทั่งแม็กนัสคว้ามันไว้ได้

เขาคิดว่าไม่มีใครเห็น แต่จริงๆ แล้วพ่อของเขาเห็น อดัมขยี้ตา ~ ทำไมฉันถึงเห็นแบบนั้นน่ะ? เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับเหรอ?”~

แม็กนัสกินต่ออย่างมีความสุข เกรซไม่เห็นอะไรเลยเธอจึงไม่ได้ตอบสนองอะไร

*ติ๊งต่อง*

กริ่งประตูดังขึ้น เกรซไปดู บ๊อบบี้นั่นเอง เขามาพร้อมกับเป้ที่ใส่เสื้อผ้าใบเล็กของเขา แน่นอนว่าเป็นของที่จะมาพักที่บ้านพวกเขานั่นเอง

“อรุณสวัสดิ์ฮะคุณน้า คุณอา” เขาทักทายอย่างสุภาพและเข้ามาในห้องอาหาร

“โอเคจ่ะ แม็ก เรากำลังจะออกไปทำงานเหมือนกัน แม่ทำอาหารกลางวันไว้ให้ลูกสองคนแล้ว ยังมีของว่างอีกนิดหน่อย ขอให้สนุกนะจ๊ะ” เกรซจูบเขาที่แก้มก่อนสั่งลาแล้วจากไป

ทันทีที่พวกเขาออกไป ก็เจอนักข่าวบางคนขอให้พวกเขาสัมภาษณ์แม็กนัส พวกเขาเฝ้ารออยู่ที่นั่นเหมือนไฮยีน่าซุ่มรอเหยื่อ พวกเขาพยายามที่จะเข้าหาพวกเขา แต่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจพวกนั้นและตรงไปที่รถของพวกเขา นักข่าวไม่มีความกล้าพอที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้ไกลเกินไป เนื่องจากทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร พวกเขาไม่ต้องการลงเอยด้วยข่าวที่ตัวเองล่วงเกิน

แม็กนัสปิดประตูแล้วหันกลับมามอง "แล้ววันนี้นายจะทำอะไร บ๊อบบี้?"

บ๊อบบี้ยักไหล่ “ก็นี่บ้านนาย นายก็ควรบอกฉันสิ”

“อืม งั้นไปดูหนังกัน วันนี้ฉันออกไปข้างนอกไม่ได้จริงๆ” แม็กนัสตัดสินใจ

พวกเขาเปิดทีวีดู ยุคนั้นมีแค่สามช่อง BBC1, BBC2 และก็อีกช่องนึงมั้ง

และตอนนี้ไม่มีหนังฉายสักช่อง

"เอาล่ะ ช่างเรื่องดูหนังเหอะ ไปเล่นบอร์ดเกมที่ห้องของฉันกันดีกว่า" แม็กนัสตัดสินใจ

ทั้งสองคนขึ้นไปชั้นบน แม็กนัสพวกเกมการ์ด เกมกระดานอื่นๆ และก็พวกของเล่น

พวกเขาเล่นอยู่สักสองสามชั่วโมงในขณะที่กินของว่าง แต่อย่างว่าคนเราคงไม่สามารถใช้เวลาทั้งวันเล่นพวกนี้ได้ทั้งวันอยู่แล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปกินข้าวกลางวันกัน

“อ๋า นี่เย็นชืดหมดแล้ว…” บ๊อบบี้พูดขณะเติมอาหารในจาน มีไส้กรอก มันบด และขนมปัง

“เอามาให้ฉันนี่ ฉันจะโชว์อะไรให้นายดู” แม็กนัสพูด

เขาหยิบจานมาวางบนฝ่ามือ จากนั้นเขาก็เอามืออีกข้างไปเหนืออาหาร แล้วไม่กี่นาที อาหารก็เริ่มปล่อยไอน้ำออกมา

“ให้ตายเหอะแม็ก นายทำงั้นได้ไง” บ๊อบบี้เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“อืม จุ๊ๆ มันเป็นความลับ ฉันบอกทุกคนไม่ได้หรอก ขนาดพ่อแม่ฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้” แม็กนัสพูดอย่างมีเลศนัย

“ไม่เอาน่า…เพื่อน ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ฉันไม่มีเพื่อนคนอื่นอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงพ่อแม่หรอก” บ๊อบบี้ขอร้อง

แม็กนัสรู้สึกแย่จริงๆ ที่บ๊อบบี้ไม่มีเพื่อนคนอื่นอีก ถึงเขาจะไม่มีเพื่อนนอกจากบ๊อบบี้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง ในทางกลับกัน บ๊อบบี้เป็นมิตรกับทุกคนมาก แต่ก็ยังถูกเพิกเฉยอยู่ดี

“ก็ได้ แต่นายต้องสาบานกับฉันก่อนในนามของพระเจ้าหรือใครก็ตามที่นายรักที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แม้ว่าจะเข้าใจผิดก็ตาม” แม็กนัสกล่าว

บ๊อบบี้กลืนน้ำลายเมื่อเห็นความร้ายแรงของสถานการณ์ เขาพยักหน้า "ฉันสาบาน ฉันสาบาน เรื่องนี้จะเป็นความลับของเราตลอดไป เอ้อ จริงสิ มีครั้งหนึ่งฉันว่าฉันเคยเห็นเรื่องนี้ในทีวีที่ไหนสักแห่งนี่แหละ... จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน"

แม็กนัสส่ายหน้า “โง่แล้ว นั่นเขาไว้ให้คนที่จะแต่งงานเขาพูดกัน ไงก็เหอะ ตามฉันมา”

เขาพาบ็อบบี้ไปที่ห้องน้ำ ใส่น้ำลงในแก้ว "จุ่มน้ำแล้วลองดูอุณหภูมิดิ๊"

บ๊อบบี้ทำตามที่ขอ "อืม มันก็เย็นๆ นะ"

"เดี๋ยว รอแป๊บ" แม็กนัสพูดแล้วยื่นมือหยิบแก้วไป

2 นาทีต่อมา เขาก็ส่งน้ำคืนให้บ๊อบบี้ "ทีนี้ ลองดู"

บ๊อบบี้เพิ่งเอานิ้วไปแตะน้ำ เขาดึงมันกลับอย่างรวดเร็ว “ให้ตายเถอะ ร้อนชะมัด นิ้วแทบไหม้ นายทำได้ไง?”

"ฉันไม่รู้ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นในวันที่ฉันหลงทาง ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่เคยรู้สึกหนาวอีกเลย ฉันสามารถวิ่งหรือปั่นจักรยานได้เร็วขึ้นและนานขึ้น ฉันไม่เหนื่อยง่ายอีกแล้ว แถมฉันยังสามารถสร้างความร้อนจากมือของฉันได้อีกด้วย ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันยังทำอะไรได้อีก” แม็กนัสอธิบาย

"ว้าว นายอย่างกับซูเปอร์ฮีโร่เลย ฉันแน่ใจว่าพลังของนายน่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อนายโตขึ้น หนังสือการ์ตูนบอกมาน่ะ" บ๊อบบี้แสดงความคิดเห็นเสียงดังลั่น

“ใช่ ฉันก็ว่างั้น อีกอย่าง ฉันยังไม่ได้บอกนายเรื่องภาพวาดที่พูดได้ในวังบักกิงแฮมใช่ไหม ฉันไม่ได้โกหกนะ” แม็กนัสกล่าวเสริม

“จริงดิ๊? งั้นเราก็ต้องลองไปคุยกับมันดูนะ บางทีเราอาจได้รู้อะไรเกี่ยวกับพลังของนายก็ได้” บ๊อบบี้แนะนำ

“ฉันรู้ ฉันก็ว่างั้น แต่ฉันเดาว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะ รอคนพวกนี้จะหายไปจากบ้านของเราก่อน แล้วนายก็ควรตามฉันไปด้วย” แม็กนัสพูด

แต่ทันใดนั้นเขาเห็นใบหน้าของบ๊อบบี้เศร้าลง

"เกิดอะไรขึ้น?" แม็กนัสถาม

“แม็ก ฉันว่าฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน เราจะออกจากที่นี่เร็วๆ นี้ แล้วฉันก็ต้องเปลี่ยนโรงเรียนเหมือนกัน” บ๊อบบี้เผย

"อะไรนะ! ทำไมละ?" แม็กนัสถาม เขายังเสียใจเพราะเขาไม่อยากเสียเพื่อนรักไป

“ฉันได้ยินมาว่า… ครั้งนี้เราไม่มีเงินจ่ายค่าจำนองบ้าน และธนาคารจะยึดบ้านของเรา” บ๊อบบี้พูดด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย

แม็กนัสรู้สึกแย่ บ็อบบี้เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา เด็กชายตบไหล่เพื่อนของเขา “ไม่ต้องกังวลนะ ฉันแน่ใจว่าทุกอย่างจะดีขึ้น นายก็แค่ได้ยินที่พวกเขาพูดกันเฉยๆ ไว้ให้พวกเขาแน่ใจจริงเหอะ เขาถึงจะมาบอกนาย”

*เห่อออ*

“ฉันหวังว่านายจะพูดถูกนะ แม็ก”

...

ณ พระราชวังบักกิงแฮม,

ผู้ช่วยของราชินีมารายงานพระองค์ว่า "ฝ่าบาท นี่บันทึกทั้งหมดของ 10 ปีที่ผ่านมาเพคะ มันถูกตรวจสอบแล้ว ไม่มีเด็กที่มีนามสกุลเพนดราก้อนเพคะ"

ตอนนี้ราชินียังทรงพระเยาว์และมีพละกำลัง เธอหักปากกาในมือด้วยความโกรธ

"เรียกพวกพ่อมดมาอีกที และบอกพวกเขาให้ติดต่อเราเรื่องนี้ อ่า... ดัมเบิลดอร์ ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่ฉันต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ" พระองค์ออกคำสั่งอย่างรุนแรงและทุบโต๊ะด้วยกำปั้นของพระองค์

ผู้ช่วยทิ้งพระองค์ไว้ตามลำพังในห้องทำงาน ราชินีก้มลงมองกระดาษบนโต๊ะ เอกสารเหล่านี้มีไว้สำหรับลายเซ็นของเธอ

"หืม? ให้เด็ก 9 ขวบถูกเสนอจอร์จ ครอส หรอ?" แล้วพระองค์ก็อ่านเอกสารทั้งหมด ในไม่ช้าพระองค์ก็มีรอยยิ้มบนพระพักต์ของพระองค์

พระองค์รีบโทรหาผู้ช่วย "ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพิธีมอบรางวัลจอร์จ ครอส ครั้งหน้านี้ได้รับการครอบคลุมสูงสุด เราจะเป็นผู้มอบให้เอง จะมีอะไรดีไปกว่าการประชาสัมพันธ์ว่าจะมอบเหรียญพลเรือนสูงสุดให้กับเด็กอายุ 9 ขวบผู้กล้าหาญ"

“เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะจัดการทันที” ผู้ช่วยออกไปดุจธนู

สำหรับราชินีแล้ว การรักษาภาพลักษณ์ของราชวงศ์ไว้อย่างสมพระเกียรติสูงสุดคือสิ่งสำคัญที่สุด ผู้คนต้องไม่สูญเสียศรัทธาในมงกุฎ และตราบใดที่ผู้คนมีศรัทธา ก็จะไม่มีใครมาคุกคามเธอได้

นั่นถือเป็นความคิดที่ผิดพลาดเพราะเวทมนตร์ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของคุณ

_____________________________

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด