ตอนที่แล้วตอนที่ 8-39 เวลาผ่านไปเชื่องช้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-41 พลังคลื่นร้อยชั้น

ตอนที่ 8-40 ร่างแปลงนักรบอมตะ


เมื่ออ่านข้อความในจดหมายเกี่ยวกับเรื่องวอร์ตัน  ลินลี่ย์อดเริ่มขมวดคิ้วมิได้

“วอร์ตันลงสมัครเพื่อรับคัดเลือกในกระบวนการรับศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามหรือ?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างงง และค่อนข้างไม่พอใจ  “ทำไมเขาต้องไปเข้าวิทยาลัยเทพสงคราม? แม้แต่ศิษย์ที่เทพสงครามสอนด้วยตัวเองอย่างมากก็บรรลุระดับเซียน  แล้วยังไงนักรบเลือดมังกรไม่สามารถบรรลุระดับเซียนด้วยตนเองหรือ?”

ลินลี่ย์รู้ดีว่าการเข้าวิทยาลัยเทพสงครามจะไม่มีผลต่อการพัฒนาของเขามากนัก

ที่สำคัญนักรบเลือดมังกรได้รับประกันแล้วว่าจะกลายเป็นนักสู้ชั้นเซียนระดับสูงในที่สุด  สำหรับสุดยอดนักรบไม่มีอะไรที่ไร้สาระ

เพื่อให้เป็นระดับเทพ...

แม้ว่าจะผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่เทพสงครามโอเบรียนได้ก่อตั้งจักรวรรดิไม่มีศิษย์กิตติมศักดิ์หรือศิษย์ที่เรียนโดยตรงแม้แต่คนเดียวที่ถึงระดับเทพใช่ไหม? ระดับเทพไม่ใช่สิ่งที่นักสู้ระดับเทพจะสอนกันได้

“ความเข้าใจเรื่องกฎและหลักการของโลกจะสอนกันได้ง่ายๆยังไง?  ทุกคนมีความรู้เป็นของตนเองเส้นทางที่คนอื่นๆ ใช้อาจจะไม่เหมาะกับตัวเองก็เป็นได้”

ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจกับการตัดสินใจของน้องชายเรื่องการสมัครเพื่อรับคัดเลือกเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม

อย่างไรก็ตาม น้องชายของเขาเติบโตแล้ว

“ข้าไม่สามารถตำหนิวอร์ตันในสิ่งที่เขาเลือกด้วยตนเองได้”  ลินลี่ย์ยังคงอ่านต่อ ท้ายที่สุดสีหน้าขำขันก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์  “ฮ่าฮ่า, อย่างนี้นี่เองเจ้าเด็กนี่  วอร์ตัน...ฮะฮะ...”

จดหมายที่เยลส่งให้นั้นอธิบายรายละเอียดถึงเหตุผลที่วอร์ตันลงสมัครเพื่อให้ได้รับโอกาสเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม  เหตุผลหลักเป็นเพราะองค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิ

“ข้าหวังว่าวอร์ตันจะทำได้สมบูรณ์แบบชีวิตรักไม่ล่มสลาย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไม่เหมือนข้า” ลินลี่ย์อวยพรน้องชายในใจ

ความจริงเหตุผลที่วอร์ต้องการกลายเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามเพราะนางนั่นเอง  เนื่องจากปรมาจารย์ของวิทยาลัยสงครามก็คือเทพสงครามโอเบรียนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิโอเบรียนนั่นเอง เมื่อเข้าวิทยาลัยเทพสงครามได้ การได้สมรสกับองค์หญิงแห่งวังหลวงสำหรับวอร์ตันก็เป็นเรื่องง่าย

หลังจากอ่านจดหมายจบ เปลวเพลิงก็ลุกโชนจากมือของลินลี่ย์

“แครก..”  จดหมายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ลินลี่ย์เดินกลับคฤหาสน์เคียงข้างกับรีเบ็คกา

วันคืนแห่งการฝึกฝนที่สงบสุขของเขายังคงดำเนินต่อไป  ลินลี่ย์ยังคงติดตามเรื่องราวของวอร์ตัน  ตามรายงานในจดหมาย องค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิเป็นหญิงที่งดงามมากและนางมีความน่ารักและจิตใจดี  นางยังได้รับการดูแลจากพระชนกและชนนีเป็นอย่างดีเป็นเหตุผลที่ทำให้นางมีคนติดพันนางอยู่หลายคน

หลายคนมีสถานะทางสังคมที่สูงส่งและยศศักดิ์สูงกว่าวอร์ตัน

อย่างไรก็ตาม...

องค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับวอร์ตัน  นางมักจะไปเล่นและหยอกเย้าเขาอยู่บ่อยๆ

ปีต่อมาการแข่งขันเพื่อเข้าวิทยาลัยเทพสงครามก็เริ่มขึ้น นี่คือปีที่สี่ซึ่งลินลี่ย์และพวกพ้องอาศัยอยู่ที่นี่หมู่บ้านยอดเมฆ

“พี่ลินลี่ย์คะ,มีจดหมายค่ะ”

รีเบ็คกาเอาจดหมายมาส่งให้เขาอีกครั้งหนึ่ง  ลินลี่ย์เปิดจดหมายและเริ่มอ่านทันที  เมื่อว่าเรื่องของเหตุการณ์เวลา  จดหมายนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการแข่งขันใหญ่

เพราะด้วยความสามารถของน้องชายเขา  เขาน่าจะประสบความสำเร็จได้

“โอว?เขาพลาดหรือ?”  เมื่ออ่านเนื้อความในจดหมายลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

การแข่งขันเพื่อรับคัดเลือกเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามส่งผลให้บุรุษหนุ่มนามบลูเมอร์ได้ตำแหน่งนั้น ผลการแข่งขันเช่นนี้ไม่ใช่แบบที่บุรุษที่เหลือคนสุดท้ายจะได้รับตำแหน่ง

เป็นชุดผู้แข่งขันที่เข้ารอบสิบคนสุดท้าย  จากสิบคนสุดท้ายเหล่านี้  เทพสงครามหรือศิษย์ที่เขาสอนส่วนตัวจะเลือกศิษย์กิตติมศักดิ์เอง

วอร์ตันกลายเป็นหนึ่งในสิบคนสุดท้าย  แต่ในที่สุดวิทยาลัยสงครามเลือกบลูเมอร์

“ยังมีอัจฉริยะคนอื่นด้วยหรือ?”  ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก

บลูเมอร์ปัจจุบันอายุ 32 ปีแต่ก็เป็นนักรบระดับเก้าแล้ว พรสวรรค์ธรรมชาติที่น่าทึ่งอย่างนี้นับว่าเหลือเชื่อจริงๆ

“แต่ในเรื่องของพรสวรรค์  วอร์ตันน่าจะอยู่เหนือกว่าเขา  ปีนี้วอร์ตันเพิ่งจะ 21 ปีแต่ก็เป็นนักรบระดับแปดแล้ว” ลินลี่ย์เพิ่งรู้มาเดือนหนึ่งแล้วว่าวอร์ตันเป็นนักรบระดับแปด

อายุ 21 ปีเป็นนักรบระดับแปดก็นับว่าน่าทึ่งเช่นกัน

“หืม?” เมื่ออ่านข้อมูลเบื้องหลังของบลูเมอร์มีสิ่งที่สะดุดตาของลินลี่ย์

“พี่ชายของบลูเมอร์ก็คือกระบี่เซียนอัจฉริยะโอลิวิเยร์หรือ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก โอลิวิเยร์คืออัจฉริยะผู้เข้าถึงระดับเซียนไม่นานก็เอาชนะเซียนดาบดาราดิลลอนได้

มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เซียนชั้นต้นจะเอาชนะเซียนที่เข้าสู่ระดับเซียนมาเป็นเวลาหลายปี

สิ่งที่จำเป็นก็คือความเข้าใจและความรู้ในระดับที่สูงขึ้น

ตัวอย่างเช่น ลินลี่ย์ในตอนนี้ระดับความรู้และความใจของเขาถึงระดับเดียวกับเซียนชั้นสูงแล้ว  เพราะความแข็งแกร่งภายนอกของเขาและปราณยุทธยังต่ำมาก  จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าสู่ระดับเซียนในตอนนี้

ทันทีที่พลังภายนอกและพลังภายในของเขาถึงระดับที่ต้องการแล้ว  เขาจะเข้าสู่ระดับเซียน

นี่คือเหตุผลที่ลินลี่ย์ในตอนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกปราณยุทธของเขา เขาต้องการบรรลุเป็นนักรบระดับเก้าให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้

“ข้าสงสัยจริงว่าตอนนี้วอร์ตันจะรู้สึกยังไง”  ลินลี่ย์สงสัยอยู่ในใจ  เด็กน้อยฟันหลอแก้มยุ้ยจากเมื่อหลายปีก่อนตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูวอร์ตันจริงๆ

“จักรพรรดิโอเบรียน  ถ้าจดหมายนี้ถูกต้องก็ควรจะรู้แล้วว่าวอร์ตันคือทายาทของตระกูลนักรบเลือดมังกรเนื่องจากพลังของวอร์ตัน เขาสามารถแปลงเป็นร่างมังกรแน่นอน  ในฐานะนักรบเลือดมังกรทางราชวงศ์คงไม่รู้สึกเสื่อมเสียหากวอร์ตันจะแต่งงานกับพระธิดาขององค์จักรพรรดิ

ความจริง ลินลี่ย์ไม่ค่อยรู้สึกนับถือพวกเชื้อพระวงศ์หรือราชตระกูลเลย

สิ่งเดียวที่เขากลัวและเคารพก็คือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างแท้จริงอย่างเทพสงคราม, พรตสูงสุด,ราชันย์มือสังหารและราชันย์แห่งไพรทมิฬและเทือกเขาอสูรวิเศษ  คนผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก

ความรู้และความเข้าใจแจ่มแจ้งเป็นเรื่องที่สำคัญพลังกายก็สำคัญเช่นกัน! สำหรับลินลี่ย์ที่ระดับปัจจุบันโดยเฉพาะพลังภายนอกและพลังภายในเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก

เมื่อใช้เคล็ดวิชาเดียวกันคือ ‘กวัดแก่วงของเบาเสมือนเป็นของหนัก’  พลังโจมตีของลินลี่ย์ยังอ่อนกว่านักสู้ระดับเซียนเป็นสิบเท่า

และเป็นความจริงที่เหมือนกันสำหรับเคล็ดสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน

ในเวลานี้บางทีลินลี่ย์สามารถทำร้ายนักสู้ระดับเซียนให้บาดเจ็บหนักได้ถ้าเขาป้องกันตัว  แต่ถ้านักสู้ระดับเซียนใช้วิชานี้  เขาจะทำให้คู่ต่อสู้ตายได้ทันที

คลื่นสามชั้นก็เหมือน แต่พลังของแรงสั่นสะเทือนก็มีระดับแตกต่างกันสิ้นเชิง  พลังสั่นสะเทือนที่ปล่อยออกมาโดยนักสู้ระดับเซียนจะสูงมากกว่าสิบเท่า

“พื้นฐาน!”

ลินลี่ย์นั่งสมาธิอยู่บนเตียงของเขา กล้ามเนื้อทั่วร่างทั้งหมดกระตุกราวกับว่ามีหนอนนับไม่ถ้วนไต่ยั้วเยี้ยอยู่ใต้ผิวหนัง เส้นเลือดบนหน้าผากของลินลี่ย์ปูดโปนออกมาเช่นกัน

ปราณยุทธสีดำม่วงโคจรอย่างรวดเร็วแต่ละรอบจะมีประสิทธิภาพเฉพาะตน บำรุง ส่งเสริมปราณยุทธเลือดมังกรที่ไม่ซ้ำกัน

ภายในพื้นที่ตันเถียนของเขา

ปราณยุทธของเขามีระดับความหนาแน่นสูงอยู่แล้ว  ปราณยุทธที่เหมือนของเหลวโคจรไปช้าๆต่อเนื่องเข้าไปในกลางตันเถียนของเขา

“เฮ้อออ”

ลินลี่ย์ระบายลมหายใจยาวและเมื่อเขาระบายลม หมอกที่เขาพ่นออกมาจากปากของเขาเป็นเหมือนกับตัวกระบี่

“ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะก้าวหน้าจากระดับแปดชั้นสูงเป็นนักสู้ระดับเก้า” ในอดีตสี่ปีที่แล้วลินลี่ย์เพิ่งเข้าถึงระดับแปดชั้นสูงแต่เมื่อฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดดูเหมือนต้องใช้เวลามากที่สุด

ตอนนี้ เมื่อลินลี่ย์แปลงร่าง  เขาจะยังเป็นนักสู้ระดับเก้าชั้นสูง

ตราบใดที่เขาบรรลุสู่ระดับเก้า ลินลี่ย์จะเป็นกลายเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นต้นในร่างแปลงมังกร

ระดับเก้าชั้นสูงถึงระดับเซียนชั้นต้นคือการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงระหว่างสองระดับนี้

“ฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”  ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังดังขึ้นมาจากนอกห้อง ลินลี่ย์ลุกจากเตียง มึนงง  “ทำไมพี่น้องบาร์เกอร์ถึงได้มีความสุขนัก  นี่ยังเช้าตรู่อยู่เลยไม่ใช่หรือ?”

เวลานี้ท้องฟ้าแทบยังไม่สว่างและพื้นโลกยังมีหมอกหนาปกคลุม คนธรรมดาจะไม่สามารถเห็นคนที่อยู่ห่างเกินห้าเมตร  ทั้งหมดที่จะเห็นได้ก็คือหมอก

“พี่บาร์เกอร์ทำไมพวกท่านเอะอะกันแต่เช้ามืดอย่างนี้เล่า?  เราพี่น้องยังต้องการหลับต่อนะ!”  รีเบ็คกาส่งเสียงไม่พอใจ

สายตาของลินลี่ย์กล้าแข็งมากกว่าคนธรรมดา ทันทีที่มองเขาสามารถบอกได้ว่าพี่ใหญ่ของห้าพี่น้องบาร์เกอร์ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้

“พี่ใหญ่ทำไมเจ้าดีใจมากนักเล่า?”  พี่น้องอีกสี่คนรุมล้อมเข้ามาในห้องด้วยเช่นกัน

“ข้าสำเร็จแล้ว  ข้าสำเร็จผ่านระดับเก้าไปแล้ว”  บาร์เกอร์ตื่นเต้นพูดกับน้องชายทั้งสี่คน  “ฮ่าฮ่า เมื่อข้าแปลงกายข้าสามารถบรรลุพลังชั้นเซียนระดับต้นได้”

ร่างแปลงของนักรบอมตะจะคล้ายคลึงกับนักรบเลือดมังกรในส่วนที่เกี่ยวข้องนี้  ถ้าในร่างมนุษย์ปกติของพวกเขา  พวกเขาจะเป็นนักรบระดับเก้า  เมื่อแปลงร่างพวกเขาจะเป็นระดับเซียน

“ระดับเซียนชั้นต้นหรือ?” ซาสเลอร์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องตัวเองตกใจเช่นกัน

ลินลี่ย์,สองสาวพี่น้องและพี่น้องบาร์เกอร์อีกสี่คนตะลึงเช่นกัน

ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย

“บาร์เกอร์,ท่านก้าวหน้าไประดับใหม่จริงๆ หรือนี่?” ลินลี่ย์ตื่นเต้นจนควบคุมตนเองไม่ได้

บาร์เกอร์พยักหน้า “ถูกแล้วท่านลินลี่ย์, ข้าบรรลุระดับใหม่จริงๆ” ในอดีตพี่น้องบาร์เกอร์ก็เรียกลินลี่ย์ว่าท่านอยู่แล้ว  ตอนนี้ที่พวกเขาอยู่ในหมู่บ้าน  ทุกคนปฏิบัติตัวเหมือนกับลินลี่ย์เป็นคนชั้นสูงและห้าพี่น้องเป็นองครักษ์คุ้มกัน  ดังนั้นพวกเขาจึงนับถือลินลี่ย์เป็น “ท่าน” ต่อไป

หลังจากผ่านไปสี่ปี ทุกคนก็คุ้นเคยกับสถานะเช่นนี้

ที่สำคัญห้าพี่น้องบาร์เกอร์เป็นคนซื่อตรงห้าวหาญ จิตใจของพวกเขาไม่มากเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนลินลี่ย์และซาสเลอร์  การตัดสินใจในกลุ่มนี้จะมีลินลี่ย์เป็นหลัก

“ไปที่ลานว่างด้านตะวันตกกันเถอะ เราไปดูพลังในปัจจุบันของท่านกัน”  ลินลี่ย์พูดทันที

ทุกคนตื่นเต้นวิ่งออกไปจากคฤหาสน์ไปยังลานว่างฝั่งตะวันตก  เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นชาวบ้านในหมู่บ้านจึงยังหลับอยู่ ไม่มีผู้ใดเห็นสักคน

“ทันทีที่เขาแปลงกาย  เขาจะเป็นระดับเซียน นายท่านต้องใช้เวลานานเท่าใดข้าจึงจะบรรลุระดับนั้นได้บ้าง”เสือดำเมฆาแฮรุพูดเรื่องค้างคาใจบางอย่างกับลินลี่ย์

แฮรุเป็นอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูงมานานแล้ว

“โกรววว”  บีบีคำรามใส่เขาอย่างขุ่นเคือง  “แฮรุอย่านึกว่าข้าไม่เข้าใจเจตนาเจ้าเล่ห์ของเจ้านะ เจ้าเล็งแก่นเวทระดับเซียนที่เจ้านายมีอยู่น่ะสิ”

ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาลูบศีรษะมัน

สำหรับอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูงจะบรรลุเป็นระดับเซียนพวกมันจำเป็นต้องบรรลุด้วยตัวเอง  แต่แน่นอน ถ้าพวกมันได้กินแก่นเวทระดับเซียนในสายธาตุเดียวกันกับตัวเอง  ก็มีโอกาสสูงที่พวกมันจะบรรลุระดับสูงได้ทันที

แต่แน่นอน โอกาสล้มเหลวก็มีเช่นกัน

“โกรววว”  แฮรุคำรามใส่บีบีเช่นกัน  “บีบี ข้าไม่เหมือนเจ้า  เจ้าแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลาสี่ปี  แต่ข้าหยุดนิ่ง”

บีบีคืออสูรเวทแบบไหนไม่มีใครตอบได้อย่างแน่นอน

แต่บีบีก็เป็นอสูรเวทแบบหนึ่งที่มีพรสวรรค์ธรรมชาติที่น่ากลัวยิ่งกว่าเสือดำเมฆา  แม้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา  บีบีก็มีพลังเทียบเท่าแฮรุแล้ว  ความจริงบีบียังคงเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง

หลังจากสี่ปีที่ผ่านมานี้ ระดับของบีบีในปัจจุบันนี้ก็อาจกำจัดเสือดำเมฆาได้อย่างง่ายดาย

ในเรื่องความเร็วหรือพลังป้องกัน บีบีนับว่าน่ากลัวมาก

“มีแนวโน้มว่าแม้แต่นักสู้ระดับเซียนคงต้องใช้ความพยายามมากถึงจะฆ่าบีบีได้  หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความชื่นชมสี่ปีที่แล้วพลังป้องกันของบีบีก็สูงมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสูงมากจนบอกไม่ถูก

“แฮรุ,แก่นเวทระดับเซียนที่เจ้านายมีเป็นแก่นเวทชนิดธาตุมืด  แต่เจ้าเป็นอสูรสองสายธาตุคือธาตุลมกับธาตุมืดถ้าเจ้ากินไปโอกาสล้มเหลวก็มีสูงเช่นกัน มันไม่คุ้มกัน ส่วนข้าเป็นอสูรเวทธาตุมืดล้วนๆ เมื่อข้าถึงที่สุดของการพัฒนาโอกาสที่ข้าจะพัฒนาก้าวหน้าหลังจากกินแก่นเวทก็ยังสูงกว่าเจ้าอยู่ดี”  บีบีพูดอย่างหยิ่งยโส  “อะไร, เจ้าไม่พอใจเหรอ?  จะลองกรงเล็บข้าใช่ไหม?”

แฮรุครางเบาๆ จากนั้นก็เงียบ

บีบีเชิดหัวน้อยๆ อย่างหยิ่งยโส  แฮรุเป็นอสูรเวทที่หยิ่งมากแต่ก็ยังหงอต่อบีบี

เวลานี้บาร์เกอร์เตรียมแปลงร่าง

“บีบี พอได้แล้ว”  ลินลี่ย์เพ่งมองบาร์เกอร์ที่ยืนอยู่หน้าทุกคน

“ฮ่าฮ่า ทุกคนดูให้ดี”

บาร์เกอร์ตื่นเต้นมาก เสียงกล้ามเนื้อพองตัวจนได้ยินกล้ามเนื้อทั่วร่างของเขามีเสียงแตกดังต่อเนื่อง กล้ามเนื้อบนร่างของบาร์เกอร์เริ่มขยายอย่างรวดเร็วขณะที่ในเวลาเดียวกันสีผิวและกล้ามเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน

เสียงแตกดังราวกับฟ้าร้อง!

บาร์เกอร์ที่แต่เดิมสูง 2.2เมตรแต่ร่างกายขยายพร้อมกับกล้ามเนื้อที่ปูดขึ้นในพริบตาบาร์เกอร์กลายร่างจนดูเหมือนยักษ์ใหญ่ที่น่ากลัว แข็งแกร่ง สูงราวสามเมตร

ผิวทั่วตัวของบาร์เกอร์เปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน

ผิวและกล้ามเนื้อของเขาเหมือนกับว่าสร้างขึ้นมาจากหินและกล้ามเนื้อขนาดใหญ่นั้นเห็นได้ชัดว่ามีพลังมากจนมิอาจหยั่งได้  แค่มองดูเขาใครๆ ก็บอกเรื่องนี้ได้และจากนั้นผิวสีเขียวอ่อนนั้นเริ่มปรากฏชั้นเกราะที่เหมือนกับหินอ่อนสีขาวทันทีและคลุมไปทั้งตัวนอกเหนือจากใบหน้า  แม้แต่ศีรษะของเขาก็มีหมวกหินอ่อนสีขาวคลุม

ชุดเกราะและหมวกที่เพิ่มขึ้นมาทั่วร่างกายของเขาดูแปลกและน่ากลัว

จากนั้นบาร์เกอร์ลอยขึ้นไปในอากาศทันทีบินเป็นวงโฉบไปมาในอากาศ

“ฮ่าฮ่าระดับเซียน  นี่คือพลังระดับเซียน”  บาร์เกอร์กระแทกหมัดยักษ์ทั้งสองเข้าด้วยกันเมื่อเขาทำเช่นนั้นก็มีระลอกพลังกระจายออกมา

นี่คือนักรบอมตะระดับเซียน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด