ตอนที่แล้วตอนที่ 8-33 เส้นทางของสี่พี่น้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-35 สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน

ตอนที่ 8-34 ในห้วงวิกฤติ


เมืองเดโกเป็นเมืองขนาดกลางซึ่งมีประชากรสามแสนคน ในฐานะที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ชายขอบระหว่างมณฑลพายัพและแถบเมืองเลียบทะเลเหนือ  ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเข้าออกจากเมืองกันมาก

“เรามาถึงแล้ว”

เมื่อเห็นเมืองอยู่ในระยะห่าง  ลินลี่ย์หยุดชะงัก

การวิ่งเดินทาง 800กิโลเมตรในหกชั่วโมง ไม่ได้สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้ลินลี่ย์แม้แต่น้อย  ความจริงนับว่ายังห่าง  ห่างจากระดับความเร็วสูงสุดที่ลินลี่ย์ใช้  สำหรับเสือดำเมฆาแฮรุ มันยิ่งเดินทางได้ง่ายๆสบายสำหรับมัน

“เรามาถึงแล้ว พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย” ซาสเลอร์หันศีรษะไปมองดวงอาทิตย์ซึ่งยังลอยสูงอยู่ในทิศตะวันตก  เขาถอนหายใจ

ในความทรงจำของเพอร์รี่  เขาเล็งตำแหน่งว่าเป็นเมืองที่จะต้องไปให้ถึงก็เพราะเพอร์รี่ตั้งใจจะเดินทางไปเมืองเดโกเพื่อต้อนรับกลุ่มนี้ด้วยตนเอง

ลินลี่ย์กับซาสเลอร์เข้าพักในคฤหาสน์ที่ไม่ไกลจากสถานที่นัดพบ

มีเงินเสียอย่างทำให้อะไรหลายๆอย่างง่ายขึ้น!

หลังจากนั้นลินลี่ย์และซาสเลอร์เริ่มฝึกฝนอยู่เงียบๆรอการมาถึงของหน่วยคุ้มกันซึ่งกำลังจะตกลงไปในกับดักของพวกเขา

หลังจากผ่านไปราวๆสิบวันจากที่เดินทางเกือบสองพันกิโลเมตรบนเส้นทางของเลียบเมืองแถบทะเลเหนือคนของสเตลห์ก็มาถึงชายแดนเมืองแถบทะเลเหนือ

“ไฮ่ย่าห์, ไฮ่ย่าห์!” บุรุษคนหนึ่งหวดแส้ใส่ม้าเร่งให้มันเข้าไปใกล้สเตลห์  เขาพูดด้วยความเคารพ “ใต้เท้า  เราได้รับแจ้งข่าวว่าผู้ดูแลกิจการด้านมณฑลพายัพเคานท์เพอร์รี่ถูกฆ่าตายเราควรไปต่อตามเส้นทางที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่?”

สเตลห์นั่งอยู่บนหลังม้าเงียบไปครู่หนึ่ง  จากนั้นกล่าวอย่างใจเย็น  “เคานท์เพอร์รี่มีศรัทธาและความซื่อสัตย์ต่อองค์ประมุขอย่างมิต้องสงสัย  เขาจะไม่ทรยศต่อองค์ประมุข  ไปตามเส้นทางเดิมของเรา”

“ขอรับ ใต้เท้า”  อัศวินที่อยู่ข้างเขารับคำอย่างเคารพ

ความจริงอัศวินไม่ต้องกังวลใจอะไรเลย

ที่สำคัญเคานท์เพอร์รี่มีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อศาสนจักรเจิดจรัสอย่างไม่คลอนแคลน  เขาจะไม่เป็นคนทรยศแน่นอน  และประการที่สองถ้าพวกเขาทรมานเพื่อเค้นข้อมูลจากเพอร์รี่ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็คงรีดเอาข้อมูลความลับเกี่ยวกับศาสนจักรเจิดจรัส พวกเขาคงไม่คิดจะถามเรื่องแผนการของหน่วยงานนี้แน่

นอกจากนี้หน่วยงานนี้อยู่ภายใต้การกำกับของสเตลห์ มีอะไรที่พวกเขายังจะต้องกลัวอีก?

ตกยามราตรี  หน่วยของสเตลห์ก็มาถึงเมืองเดโกในที่สุด  เป็นเวลานานก่อนเพอร์รี่ตายกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสในเมืองเดโกก็ได้รับคำสั่งของพวกเขาไว้แล้ว

พวกเขารอคอยหน่วยนี้เป็นเวลานานแล้ว

“ใต้เท้าทั้งหลายคืนนี้โปรดพักสักหน่อยเถิด อาหารและเครื่องดื่มได้จัดเตรียมไว้ให้พวกท่านแล้ว”  ผู้ดูแลกิจการประจำเมืองเดโกกล่าวด้วยความเคารพ

ยอดฝีมือระดับเก้าถาม  “เร็วๆ นี้พวกเจ้ามีพบเจอปัญหาอะไรบ้างไหม?”

“ไม่มีเลย” ผู้ดูแลกิจการกราบเรียนด้วยความเคารพ

“ดี, พวกเจ้าไปได้แล้ว พนักงานพวกนั้นหลังจากเตรียมอาหารเสร็จแล้วก็ให้ไปด้วยเช่นกัน  ที่นี่เราไม่จำเป็นต้องมีพวกเขา”  ยอดฝีมือระดับเก้ากล่าว

“ขอรับ” ผู้ดูแลกิจการพูดอย่างนอบน้อม

สเตลห์ลงจากหลังม้าและตรงเข้าไปในที่พักและเข้าไปพักในห้อง  “สกาโรว์, เจ้าค่อยมาเรียกข้าตอนเวลาอาหารค่ำ”  เขาปิดประตู

นักสู้ระดับเก้ารับคำอย่างสุภาพ

สกาโรว์คือหัวหน้าหน่วยคุ้มกันนี้  แต่พอสเตลห์มาถึง เขาต้องฟังสเตลห์ในทุกเรื่องเป็นธรรมดา  สกาโรว์ตรวจสอบบ่าวทาสที่รับใช้ทุกคนอย่างใกล้ชิด  เมื่อเห็นว่าพวกเขาเป็นคนธรรมดากันทุกคนเขาไม่กังวลอีกต่อไป

“พาพวกเขาออกไปได้”  สกาโรว์สั่ง

พี่น้องทั้งห้าคนถูกนำลงมาจากรถทันที  โชคดีที่รถโดยสารมีขนาดกว้างขวาง มิฉะนั้นพี่น้องที่ร่างใหญ่โตทั้งห้าคนคงไม่สามารถนั่งอยู่ได้

“ฟังนะ พวกเจ้าทั้งห้าคน  ถ้าพวกเจ้าส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก  ครั้งแรกที่พวกเจ้าทำเช่นนั้น  ข้าจะหักแขนพวกเจ้า  ถ้าทำครั้งที่สอง ข้าจะตัดลิ้นของพวกเจ้า”  สกาโรว์พูดอย่างเย็นชา

จากนั้นบริวารของเขาแก้ผ้าที่มัดปากพี่น้องทั้งห้าออก

ห้าพี่น้องจ้องมองสกาโรว์อย่างแค้นเคือง แต่พวกเขารู้ว่าสกาโรว์เป็นคนที่พูดจริงทำจริง  ทั้งห้าไม่ตั้งใจจะทำเรื่องโง่ๆสร้างความลำบากให้ตัวพวกเขาเอง

“สกาโรว์, คงจะมีสักวันที่เราห้าพี่น้องจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ได้”  พี่คนโตของตระกูลบาร์เกอร์พูดเสียงเย็นชา

สกาโรว์หัวเราะเบาๆ

คนอื่นอาจไม่รู้  แต่เขารู้ว่า..นั่นเป็นเรื่องในอนาคต พี่น้องทั้งห้าคนนี้จะกลายเป็นร่างประทับของทูตสวรรค์  เนื่องจากวิญญาณของพวกเขาจะต้องถูกทำลาย

“ถ้าพวกเจ้ามีโอกาส  ข้ายินดีให้พวกเจ้าลอง”  สกาโรว์แค่นเสียงเยาะเย้ย

พี่น้องบาร์เกอร์อาศัยอยู่ในแปดแคว้นอิสระดินแดนเหนือ พวกเขาเป็นกำพร้าที่ชายชราซึ่งพวกเขาเรียกว่าปู่เลี้ยงดูมา

ปู่เป็นเจ้าของร้านอาหารธรรมดาและมีฐานะเพียงพอจะเลี้ยงดูพี่น้องทั้งห้าคนนี้  ตั้งแต่อายุยังน้อย  พี่น้องทั้งห้ามีร่างกายที่แข็งแรงมาก  ปู่ของพวกเขาเคยเป็นนักรบในกองทัพมาก่อนเช่นกันดังนั้นตั้งแต่พวกเขายังเด็กปู่จึงฝึกฝนพวกเขา คาดไม่ถึงเลยว่าห้าพี่น้องจะมีพรสวรรค์อย่างน่าประหลาด  เมื่อพวกเขาอายุสิบหกปี  เฉพาะพลังกล้ามเนื้อของพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกเขามีพลังถึงระดับหก  ตอนนี้พี่น้องทั้งห้าคนอายุสามสิบปี  พลังภายนอกของพวกเขาก็เทียบเท่านักรบระดับแปด

หลังจากปู่ของพวกเขาตาย  ห้าพี่น้องจึงเข้าร่วมกับกองทัพ

ภายในดินแดนแคว้นของพวกเขาซึ่งเป็นหนึ่งแปดแคว้นอิสระตอนเหนือพี่น้องเหล่านี้มีบุคลิกที่เหี้ยมหาญ นำพาทหารโดยไม่พลาดท่า  ในการรบพุ่งระหว่างแว่นแคว้นนักรบระดับแปดนับได้ว่าเป็นนักรบระดับสูง พี่น้องทั้งห้าคนนี้มีร่างกายที่ทนทานอย่างเหลือเชื่อและมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก

อย่างไรก็ตาม....

ในที่สุดพวกเขาถูกกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสพบตัว ศาสนจักรเจิดจรัสส่งยอดฝีมือระดับเก้าที่อยู่ใกล้เคียงไปสองคนนำกำลังคนไปจับพวกเขา  พวกเขาต่อต้าน แต่เมื่อพวกเขาทำ คนของศาสนจักรเจิดจรัสกลับกำจัดครอบครัวของพวกเขาหมดสิ้น

พี่น้องบาร์เกอร์จ้องดูคนรอบตัวเหล่านี้ไม่วางตา

ก่อนนี้ห้าพี่น้องมีภรรยาสามคนและลูกสองคนอยู่ในกลุ่มพวกเขา  อีกสองคนยังไม่ได้แต่งงานแต่พวกเขาก็ยังมีคนที่พวกเขารัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกศาสนจักรเจิดจรัสทำลาย

“พวกเขามาถึงแล้ว”

ลินลี่ย์ให้ความสนใจอยู่ที่ลานบ้านทุกวันเขาเห็นว่าคฤหาสน์ที่ว่างเปล่าก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วยผู้คนและตัดสินจากเสียงคนสองสามคน

สายตาของซาสเลอร์เป็นประกายแวววาวครู่หนึ่ง  เขาหัวเราะอย่างน่ากลัว  “เรารอมาเกินกว่าสิบวันแล้ว  ในที่สุดก็ได้เวลาเสียที  ลินลี่ย์, เราจะลงมือกันเมื่อใด?”  ซาสเลอร์มองดูเขา  พวกเขามีพลังเหนือกว่าชัดเจน  ไม่ว่าลงมือเมื่อไหร่ ก็คงประสบความสำเร็จ

“รอตอนกลางคืน” ลินลี่ย์ตัดสินใจ

ซาสเลอร์พยักหน้าเช่นกัน

เสือดำเมฆาแฮรุที่อยู่ใกล้ๆแกล้งซ่อนตัวอยู่ในหญ้าของลานบ้าน เวลาผ่านไปเงียบๆ จนกระทั่งตกกลางคืน เมืองเดโกเงียบขึ้นทุกขณะ  ยิ่งตกดึกก็ยิ่งเงียบสนิท

ลินลี่ย์ยังนั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นทันที

“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์ชำเลืองมองซาสเลอร์  “ระวังให้ดี”

“อย่าห่วง” ซาสเลอร์หัวเราะด้วยความมั่นใจ  “ข้ากำลังจะเรียกภูตผีอมตะออกมาเดี๋ยวนี้แหละ”  หลังจากนั้นสองวินาทีซอมบี้ริ้วทองสองตนปรากฏตัวออกมาจากอากาศ หลังจากนั้นมีร่างมนุษย์คลุมชุดสีดำอยู่ในกลางลาน

“นี่คืออะไร?” ลินลี่ย์เหลือบมองดูมนุษย์ชุดคลุมดำนั้น

“นี่คือภูตพรายโบราณระดับเก้าชั้นสูง”  ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ

ลินลี่ย์พยักหน้าฝ่ายเขามียอดฝีมือแข็งแกร่งหลายตน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามียอดฝีมือระดับเก้าสองคน  ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจะซุ่มโจมตี  การต่อสู้นี้จะไม่ต้องพิสูจน์ท้าทายเลย

“ไปกันเถอะ”

ลินลี่ย์กระโดดข้ามกำแพงโดยตรงมีบีบีและเสือดำเมฆาตามหลังมาติดๆ ซาสเลอร์ ซอมบี้ริ้วทองและภูตพรายโบราณของเขายังคงตามหลังลินลี่ย์

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงที่พักนั้น

“แยกกันลงมือ ข้าจะจัดการกับนักสู้ที่เฝ้าดูแลห้าพี่น้องและจากนั้นเราจะเข่นฆ่าตรงไปอีกห้องหนึ่ง” ลินลี่ย์พูดลดเสียง

“ไปกันเถอะ”

ห้าพี่น้องบาร์เกอร์อยู่ในห้องเดียวกัน  ข้างนอกห้องมีนักรบระดับแปดสองคนยืนเฝ้า  ทั้งสองคนกำลังผ่อนคลาย กวาดตามองดูรอบๆขณะคุยกัน

“หืม?”

ก่อนที่พวกเขาจะตาย  ดูเหมือนพวกเขารู้สึกอะไรได้บางอย่าง  ขณะที่พวกเขาหันไปมอง  แต่ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นก็คือประกายแสงม่วงสองสาย

เลือดฉีดพุ่งจากคอของคนทั้งสอง

“ฉัวะ!”  บีบี,แฮรุและภูตพรายโบราณและซอมบี้ริ้วทองทั้งสองบุกเข้าไปอีกห้องหนึ่ง  ขณะที่ลินลี่ย์วิ่งเข้าไปในห้องที่มีห้าพี่น้อง

เมื่อเข้าไปในห้องพี่น้องตระกูลบาร์เกอร์จ้องมองสัตว์ประหลาดข้างหน้าด้วยความประหลาดใจตลอดทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีดำและมีหนามงอกออกมาจากหน้าผากและมีสีดำ ยิ่งกว่านั้นนัยน์ตาสีทองเข้มเยือกเย็นถึงขั้วหัวใจของคนที่เห็น

“เจ้า เจ้าเป็นใคร?” ไม่ว่าบาร์เกอร์จะบึกบึนขนาดไหน ตอนนี้พวกเขาก็ยังตกใจ

แต่สิ่งที่สนองตอบคำถามของเขาก็คือประกายดาบสีม่วง

“ควั่บ!”

ด้วยการตัดของเทพกระบี่เลือดม่วงเชือกสีทองเข้มก็ขาดทั้งหมด หลังจากเชี่ยวชาญเคล็ด ‘กำหนด’ ลินลี่ย์ก็ใช้ประโยชน์ของเทพกระบี่เลือดม่วงในระดับใหม่ด้วยเช่นกัน

เคล็ด ‘กำหนด’ ไม่ได้จำกัดแค่อาวุธ

หมัดก็สามารถเรียกใช้‘พลังกำหนด’ของสวรรค์ได้ ดาบหรือมีดก็สามารถทำได้เช่นกัน กระบี่เลือดม่วงเดิมก็คมกล้าอยู่แล้ว ตอนนี้ลินลี่ย์โคจรพลังยุทธเข้าไปจึงทำให้การตัดเชือกเป็นงานที่ง่ายดายมาก

เมื่อเห็นเชือกขาดสะบั้นห้าพี่น้องก็เข้าใจได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้มาช่วยเหลือพวกเขา  แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ขอบคุณ  ทันใดนั้น...

“บัดซบเอ๊ย!”  เสียงโกรธเกรี้ยวตะโกนขึ้น

“อ๊า...” เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดดังขึ้น

ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนและเขารีบหันหน้าไปทางลานบ้านทันที เขาเห็นภูตพรายโบราณชุดดำร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดบนพื้น  ขณะที่ศิลบนพื้นลานบ้านเต็มไปด้วยรอยแตก เห็นได้ชัดว่ารอยแตกหักเหล่านี้เกิดจากแรงกระแทกพื้นของภูตพรายโบราณ นอกจากนี้ยังมีรอยเลือดสีเขียวอยู่บนพื้นเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”  ลินลี่ย์ตกตะลึง

ซาสเลอร์ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน  “ไม่ดีแน่ มียอดฝีมืออยู่ที่นี่” ภูตพรายโบราณเป็นนักสู้ระดับเก้าชั้นสูงและมันมีร่างที่แข็งแกร่งทนทาน ยอดฝีมือในห้องสามารถทำร้ายมันจนบาดเจ็บหนักได้และเล่นงานจนมันปลิวกระเด็นในท่าเดียว  นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว

“บีบี, แฮรุ กลับมา”  ลินลี่ย์สั่งทางใจ

บีบีและแฮรุกลายร่างเป็นเงาดำเลือนรางขณะที่ทั้งสองกลับมาที่ลานบ้าน ถึงตอนนี้ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ก็เดินออกมาเช่นกัน  แต่ลินลี่ย์ยังคงจับตามองที่ห้องนั้น

“ฮึ่ม”

เสียงแค่นเย็นชาบุรุษร่างเตี้ยผอมเดินออกมาจากห้อง ผมสั้นสีเงินของเขาดูเหมือนลวดเหล็ก คนผู้นี้ดูเย็นชามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนเห็นนัยน์ตาที่เย็นชาของเขา

สเตลห์ชำเลืองมองดูภูตพรายโบราณอย่างเย็นชา  “พ่อมดหรือ?”

เมื่อเขาหันไปมองดูลินลี่ย์และซาสเลอร์  เขาแค่นเสียง “ข้านึกว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็คือพ่อมดซาสเลอร์และยังมีอัจฉริยะนักรบเลือดมังกร ลินลี่ย์”

เบื้องสูงของศาสนจักรเจิดจรัสทุกคนล้วนคุ้นเคยกับลักษณะร่างแปลงมังกรของลินลี่ย์

“ยอดเยี่ยมพวกเจ้าทุกคนคือเป้าหมายของศาสนจักรเจิดจรัส วันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งหมด” สเตลห์แสยะยิ้มเย็นชา

“ควั่บ ควั่บ” หางมังกรของลินลี่ย์สะบัดฟาดกับพื้น

ทันใดนั้นแสงสีน้ำตาลครอบคลุมพื้นที่รอบลานบ้าน ทุกคนในลานบ้านรู้สึกว่าศีรษะมึนงงซาสเลอร์อดคุกเข่ากับพื้นข้างหนึ่งไม่ได้ แต่จากนั้นก็มีแสงสีน้ำตาลคลุมซาสเลอร์ ภูตพรายโบราณ ซอมบี้ริ้วทองบีบีและแฮรุไว้ชั้นหนึ่งทันที พวกเขาไม่ต้องทนทรมานจากผลของพลังแรงดึงดูดนี้

เวทธาตุดิน – สนามพลังโน้มถ่วง

“งั้นตามรายงานของเรา เจ้าไม่เพียงแต่เป็นนักรบเลือดมังกร  เจ้ายังเป็นจอมเวทอัจฉริยะดวยเช่นกัน”  สเตลห์หัวเราะอย่างใจเย็น  “สนามพลังโน้มถ่วงของเจ้าราวๆแปดเท่านั่นธรรมดา ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่เวลาไม่กี่ปี เจ้าก้าวหน้าจากจอมเวทระดับเจ็ดเป็นจอมเวทระดับแปดแล้ว  น่าเสียดาย อัจฉริยะอย่างเจ้าจะต้องตายในวันนี้”

สเตลห์เดินก้าวหนึ่งเข้าหาลินลี่ย์

“โจมตี” ซาสเลอร์ตวาดเสียงต่ำ

ซอมบี้ริ้วทองทั้งสองคำรามเบาๆจากนั้นโจมตีใส่สเตลห์ ขณะเดียวกันซาสเลอร์และพันธมิตรของลินลี่ย์พากันหนีหมดทุกคน  ราวกับว่าตกลงร่วมกันไว้ก่อน

ประกายกระบี่เย็นวาบขึ้น

ซอมบี้ริ้วทองทั้งสองถูกฟันขาดครึ่งทันทีร่วงลงอยู่ภายในลานบ้าน

“พวกเจ้าต้องการหนีหรือ?”

ในพริบตาเดียวสเตลห์ก็ปรากฏตัวอยู่ในอากาศหน้ากลุ่มของลินลี่ย์ เขายืนอยู่ในกลางอากาศควงกระบี่ยาวซึ่งเปื้อนเลือดของซอมบี้ริ้วทอง

“เป็นนักสู้ระดับเซียนจริงๆ”  ซาสเลอร์ฝืนหัวเราะ

ความจริงก่อนหน้านั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าภูตพรายระดับเก้าชั้นสูงบาดเจ็บสาหัสในท่าเดียว  ลินลี่ย์ก็รู้แล้วว่าหลายอย่างท่าจะไม่ดี เขารู้ว่าคนผู้นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นนักสู้ระดับเซียน  และตอนนี้พวกเขาก็รู้ว่าเป็นความจริง  นักสู้ระดับเซียนสามารถบินได้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีได้

ลินลี่ย์กับซาสเลอร์ต่างจ้องมองกัน  พวกเขารู้แน่ชัดว่าจะต้องพบกับสถานการณ์แบบไหน

“ข้าคิดว่างานวันนี้จะไม่มีอะไรเครียดเสียอีก ใครจะคิดกันว่าเรากลับต้องมาเจอกับนักสู้ระดับเซียน?”  ลินลี่ย์ไม่สบายใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก  ดวงตาสีทองเข้มจ้องสเตล์เขม็ง  “ไม่มีทางเลือก ก็ต้องทุ่มสุดตัว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด