ตอนที่แล้วตอนที่ 3 หินเล็กก้อนเดียวและระลอกคลื่นนับพัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 เวทมนตร์บางอย่าง

ตอนที่ 4 ป่าขับเคลื่อน


“บอกผมทีดัมเบิลดอร์ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากจู่ๆ ก็มีผู้สืบทอดของกษัตริย์อาเธอร์ เพนดราก้อนปรากฏตัวขึ้นมาและมีสิทธิในราชบัลลังก์อังกฤษ? เป็นคุณจะทำอย่างไรถ้าเกิดเขามีเวทมนตร์ด้วย” น็อบบี้ถาม แน่นอนว่านี่อาจเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้

ดัมเบิลดอร์ลูบเครายาวสลวยของเขาพลางครุ่นคิด เขารู้ว่าการที่น็อบบี้พูดก็มีความเป็นไปได้อยู่

"งั้นเราก็คงจะได้เห็นยุคทองของโลกเวทมนตร์อังกฤษ" ดัมเบิลดอร์ตอบกลับ

“ดัมเบิลดอร์ ผมเพิ่งได้รับเชิญไปที่พระราชวังบักกิงแฮม มีแผ่นศิลาวางอยู่ที่นั่น มันเป็นของกษัตริย์อาเธอร์และเวทมนตร์ของเจ้าชายแห่งมวลผู้วิเศษเมอร์ลิน”

"ด้วยเหตุผลบางประการ มันเพิ่งฉายแสงเมื่อคืนนี้และมีข้อความที่ปรากฏขึ้นว่า "ผู้ใดก็ตามที่ได้รับมรดกแห่งข้า เห็นควรว่าจะได้เป็นกษัตริย์โดยชอบธรรมของอังกฤษและอาณาจักรในเครือ เมื่อใดที่แสงส่องลงบนศิลาที่ไร้ชีวิตนี้ กษัตริย์ผู้ชอบธรรมจักถือกำเนิด จงเคารพกฤษฎีกาหรือถูกสาปโดยเวทมนตร์นิรันดร์ของเจ้าชายแห่งผู้วิเศษทั้งมวล"

“ผมเพิ่งไปพบราชินีและนางก็พยายามตามหาราชาองค์ใหม่ที่ว่านี้ด้วย แต่ผมไม่ได้ตั้งความหวังสูงสำหรับพวกเขา เพราะถึงที่สุดพวกเขาก็ต้องลงจากตำแหน่ง” น็อบบี้อธิบายยาวมาก

“ทำไมคุณถึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้ผมฟัง?” ดัมเบิลดอร์ถาม

ใบหน้าของน็อบบี้เปลี่ยนเป็นจริงจังและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพ “ศาสตราจารย์ ผมกำลังป่วยครับ อาจถูกผู้นำตระกลูใหญ่บางคนทำร้าย ผมคงจะลาออกเร็วๆ นี้ เพราะผมยังอยากมีชีวิตที่ดีและมีสุขภาพที่ดี คุณพอจะช่วยผมได้ไหมครับ?”

"ผมคิดว่าคุณควรไปโรงพยาบาลเซนต์มังโกนะ ผมไม่ใช่ผู้บำบัดท่านรัฐมนตรี" ดัมเบิลดอร์ตอบกลับ เขามีนิสัยไม่เห็นด้วยกับบางสิ่งในการลองครั้งแรก

“ได้โปรดเถอะ ศาสตราจารย์ ลองนึกดูสิว่า จากข้อมูลนี้ คุณสามารถมองหาเด็กคนนี้ได้ ลองนึกภาพว่าถ้าเขากลายเป็นพ่อมดขึ้นมาล่ะ? การที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์อังกฤษเป็นพ่อมด จะช่วยคุณฟื้นฟูชุมชนผู้วิเศษอังกฤษได้ขนาดไหน เพราะผลจากสงครามครั้งล่าสุดเราถึงได้เสียพ่อมดและแม่มดที่มีความสามารถไปมากมาย” น็อบบี้เกือบจะคุกเข่าอ้อนวอน

ดัมเบิลดอร์ลูบเคราขณะมองออกไปทางนอกหน้าต่าง ~เรื่องนี้ก็น่าสนใจจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม กษัตริย์อาเธอร์เป็นมักเกิ้ล คนในราชวงศ์ส่วนใหญ่ก็พวกสควิบเช่นกัน แล้วผู้สืบทอดคนใหม่นี้จะเป็นผู้วิเศษได้อย่างไร?~

เขามองไปที่น็อบบี้ "ทุกคำพูดของคุณเป็นเพียงความเป็นไปได้ด้านบวกเพียงด้านเดียว แต่ผมจะช่วยคุณ ผมคิดว่าผมพอจะมีส่วนผสมที่จำเป็นในการถอนคำสาปของคุณนะ”

น็อบบี้ยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเขาได้รับการรักษาจากดัมเบิลดอร์ แต่ในขณะทำเช่นนั้น น็อบบี้ก็ตกเป็นเหยื่อของนิสัยไม่ดีของดัมเบิลดอร์ที่ไปทำอะไรบางอย่างกับจิตใจของน็อบบี้ด้วย

...

ณ บ้านเลขที่ 10 ซอยพรีเว็ต,

ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าแล้ว เป็นวันใหม่สำหรับแม็กนัส เขาตื่นขึ้นพลางขยี้ตา แต่พอเขาตื่นเต็มตา เขารู้สึกว่าผ้าปูที่นอนของเขามันเปียกชุ่ม อันที่จริงคือมันเปียกไปทั่วห้องเลย

จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าชุดของเขาเย็นเกินปกติและรับรู้ว่ามันก็เปียกด้วย

"ฉันไม่คิดว่านี่คือฉี่ของฉัน ฉันคงฉี่เยอะอย่างงี้ไม่ได้หรอก เอ๊ะหรือว่าได้? ไม่นะ แม่จ๋าจะต้องโกรธเราแน่" เขาคุยกับตัวเอง

*ก๊อก ก๊อก*

เขาเป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ซึ่งแน่นอนยังไม่มีความเป็นส่วนตัว ดังนั้น แม่จ๋าของเขาจึงเข้ามาหลังจากเคาะประตูทันที แม็กนัสมีเวลาไม่พอที่จะซ่อนผ้าปูที่นอนทั้งหมด สิ่งที่เขาทำได้คือโยนมันลงใต้เตียง แต่ยังไงเห็นรอยเปียกบนฟูกอยู่

เขามองไปที่รอยเปียกก่อนแล้วจึงมองหน้าแม่จ๋า เขาไม่มีอะไรจะพูด

“แม็ก ลูกทำกางเกงเปียกอีกแล้วเหรอ?” เกรซถามเบาๆ

แม็กนัสส่ายหัวเพราะเขาเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำจริงๆ

เกรซคุกเข่าต่อหน้าเขาพลางลูบหัว “แม่ขอโทษนะจ๊ะแม็ก แม่น่าจะพาลูกมานอนด้วยกันหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ลูกนอนคนเดียวต้องกลัวมากแน่ๆ เอาหล่ะจากนี้ไปลูกมานอนกับแม่และพ่อจนกว่าลูกจะสบายใจ ตกลงไหมจ๊ะ?”

แม็กนัสจะไม่ปฏิเสธโอกาสนี้ เขาชอบนอนกับพ่อแม่เพราะพวกเขาจะเล่านิทานให้ฟังและเล่นกับเขาก่อนนอนด้วย เขาจึงพยักหน้า

"ดีจ่ะ โอเค ไปอาบน้ำนะ วันนี้วันอาทิตย์ไม่มีเรียน แม่กำลังทำแพนเค้กของโปรดของลูกด้วย" เธอสนับสนุนเขาและหยิบผ้าปูที่นอนเปียกโชกออกไป เธอว่าจะกลับมาเอาที่นอนทีหลัง

เด็กชายมองดูแม่จ๋าของเขาออกไปแล้ว เขาก็ถอนหายใจ “ฉันน่าจะบอกแม่ว่ามันไม่ใช่ฉี่ ตอนนี้แม่ต้องคิดว่าฉันยังเด็กอยู่แน่เลย”

เขารีบวิ่งไปที่ห้องน้ำและอาบน้ำ โดยปกติเขาจะอาบน้ำเย็นธรรมดา แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ วันนี้เขารู้สึกว่าการอาบน้ำร้อนทำให้ร่างกายของเขาผ่อนคลายมากกว่า

เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร็ว เป่าผม แล้ววิ่งถลาไปที่ห้องครัว เขาสามารถได้กลิ่นหอมหวานของแพนเค้กแล้ว

ในไม่ช้า เบื้องหน้าของเขาคือหอคอยแพนเค้กขนาดเล็กบนจาน "ขอบคุณสำหรับอาหารนะฮะแม่จ๋า"

“ฮ่าฮ่า ลูกควรจะขอบคุณพระเจ้า ไม่ใช่แม่นะ” เกรซแก้

แม็กนัสมองเธออย่างสับสน "ทำไมล่ะฮะ? ก็แม่ทำงานทุกวันก็เพื่อหาเงิน ซื้อและก็ทำอาหารให้พวกเรากิน แล้วผมไม่เคยเห็นพระเจ้าซะหน่อย เรื่องอะไรผมต้องขอบคุณเขาล่ะ ไม่ยอมเสียหรอก อีกอย่างผมต้องการหลักฐานถ้าเขาต้องการคำขอบคุณจากผมจริงๆ อ่ะนะ"

เกรซหัวเราะเบา ๆ และขยี้ผมของเขา "ลูกและปากของลูกนี่ไม่เคยหยุดเลยสินะ"

ขณะที่เขากินข้าว พ่อของเขาก็มากินข้าวเช้ากับพวกเขาด้วย

“พ่อฮะ วันนี้จะพาผมไปสวนสาธารณะไหมฮะ?” แม็กนัสถามอย่างตื่นเต้น

ใบหน้าแบบนั้นคงไม่มีใครปฏิเสธได้ แถมวันนี้เป็นวันอาทิตย์ด้วย ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงว่าง อดัมตกลงอย่างรวดเร็ว “ตกลง วันนี้จะเป็นวันของพ่อและลูก”

“เยส...” แม็กนัสส่งเสียงเฮรวมทั้งยัดแพนเค้กเข้าปากให้เร็วที่สุด

...

สวนสาธารณะเป็นสวนสาธารณะของชุมชนสำหรับถนนหลายสาย มันเป็นวันอาทิตย์ที่มีแดดดี ดังนั้นการปรากฏตัวของฝูงชนจำนวนมากจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

*โป๊ก*

จู่ๆ จานร่อนก็โดนหัวของแม็กนัส "อ๊าา"

ในไม่ช้า เด็กอ้วนที่อายุไล่เลี่ยกับเขาก็วิ่งเข้ามาหาแม็กนัส

“อา โทษทีนะเพื่อน พ่อฉันขว้างมันแรงเกินไป” เด็กชายกล่าว

แม็กนัสหันกลับไปมอง และพ่อของเด็กชายก็เหมือนกับเขาทุกประการ เพียงแต่ใหญ่กว่าและขนาดกว้างกว่าเท่านั้น

เขาหยิบจานร่อนและมอบให้กับเด็กชาย “ไงก็เหอะ ฉันชื่อแม็กนัสนะ”

“โอ้ ขอโทษนะ ฉันชื่อเวอร์นอน เวอร์นอน เดอร์สลีย์ นายอยากเล่นกับเราไหม?” เวอร์นอนถามเขา

แม็กนัสปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ล่ะ ฉันว่าจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะดีกว่า นั่นเป็นการออกกำลังกายที่ดี โอ้ เวอร์นอน อีกอย่างหนึ่งนะ แม่ของฉันบอกว่านมดีต่อสุขภาพ นายควรดื่มนมบ้างนะ”

หลังจากให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เขาก็วิ่งไปที่สนามเด็กเล่นซึ่งมีชิงช้าและกระดานหกหลายแบบ เขาไม่มีเพื่อนแถวนี้เลยได้แต่เล่นคนเดียว บางครั้งพ่อของเขาก็จะเล่นกับเขาด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วอดัมจะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์

“พ่อฮะ เดี๋ยวผมจะขี่จักรยานเล่นแถวนี้นะฮะ” เขาตะโกน อดัมเพียงพยักหน้าเห็นด้วยโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเขาด้วยซ้ำ ถ้าเกรซเห็นสิ่งนี้เธอคงตบอดัมไปแล้ว เพราะถึงยังไง นี่ก็เพิ่งผ่านไปได้แค่วันเดียวที่ลูกชายพวกเขาหายตัวไป…

แต่แม็กนัสไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย ในขณะที่เขาขี่จักรยาน วันนี้เขาพบว่าการปั่นกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก เขาไม่เหนื่อยเลย ในที่สุด เขาก็รู้สึกเบื่อและตัดสินใจปั่นออกไปนอกเขตโดยรอบของสวนสาธารณะ

แต่ยิ่งเขาปั่นไป เขาก็ยิ่งต้องการเร่งความเร็วมากขึ้นเพราะเขาไม่ค่อยเหนื่อย ดังนั้นเขาจึงปั่นตรงไป ผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็ตระหนักว่าเขามาไกลเกินไปแล้ว *เอี๊ยด* เขามองไปด้านข้างและมีอาคารเก่าแก่สูงที่มีกำแพงสีดำ เขากังวลว่าเขาอาจจะหลงทางอีกแล้ว แต่เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่าเขาจำทางได้ทั้งหมดต่างกับเมื่อวันก่อนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

~พ่อคงเป็นห่วงแล้ว เรากลับก่อนละ...โอ้ย จะจามแล้ว... ฮะๆ... ฮาดดดด...~

"ฮ๊าดด...ฮ๊าดดดชิววว...."

*ฟู่~~~*

*ฟิด ฟิด*

*แปะ แปะ* (เสียงลูกบอลพลาสติกหล่น)

แม็กนัสมองดูว่าเสียงมาจากไหน ตรงนั้นนั่นเอง เขาเห็นเด็กชายคนหนึ่งซึ่งอายุไล่เลี่ยกับเขา มีดวงตาสีเทาและผมหยิกยาวถึงหูสีดำ เขาดูเตี้ยกว่าแม็กนัสเล็กน้อย

เด็กทำลูกบอลหล่นและอ้าปากกว้างราวกับตกใจ จากนั้นเขาก็มาหาแม็กนัสอย่างตื่นเต้นพลางกระโดดมาหา

"มันเจ๋งมาก! นายทำได้ไง?" เด็กชายถาม

แม็กนัสรู้สึกสับสน "ทำอะไร?"

“นายไม่รู้ตัวหรอ? นายเพิ่งพ่นไฟออกจากปากตอนที่จามตะกี๊น่ะ นายเองก็เป็นพ่อมดเหมือนกันใช่ไหม? ฉันไม่เคยเห็นนายแถวนี้มาก่อนเลย” เด็กนั่นพูดพล่ามไม่หยุด

ขณะที่แม็กนัสกำลังย่อยข้อมูล ~ ฉันจามเป็นไฟหรอ? พ่อมดหือ? แบบเดียวกับในทีวีงั้นหรอ? หมอนี่ละเมออยู่หรือเปล่า?~

"นายมาจากที่ไหนน่ะ?" เด็กชายถามเขา สิ่งนี้ทำให้แม็กนัสหลุดจากความคิดของตัวเอง

“โอ้ ฉันอยู่ที่บ้านเลขที่ 10 ซอยพรีเว็ต” แม็กนัสตอบ

*ฟิ๊ววว~*

"นายมาไกลจากบ้านมากนะเพื่อน" เด็กชายกลัวแทนเขาเลย

แม็กนัสต้องยอมรับในเรื่องนี้ ~ฉันควรจะรีบกลับดีกว่า ถ้าครั้งนี้ฉันหลงทางอีก แม่จ๋าได้ตีก้นฉันแน่~

แต่ในขณะที่เขากำลังจะปั่นออกไป ผู้หญิงในชุดสีดำทั้งตัวก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเด็กชายคนนั้นและดึงหูของเด็กชายอย่างแรงจนเขาลอยขึ้นไปในอากาศเกือบ 2-3  เซนฯได้

"ซิเรียส ฉันต้องเตือนแกอีกกี่ครั้ง อยู่ให้ห่างจากพวกมักเกิ้ลโสโครก!" ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้อง

แม็กนัสกลัวเธอมากเพราะใบหน้าของเธอมีเครื่องสำอางเยอะจนดูเหมือนตัวตลก เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวถีบจักรยานหนีออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัดสินใจว่าจะไม่กลับมายังสถานที่น่ากลัวแห่งนี้อีก

ซิเรียสยังคงลอยอยู่ในอากาศโดยมองแม็กนัสแล้วจากไป “อ๊ะ ฉันไม่ได้ถามชื่อเขาด้วยซ้ำ แม่นั่นก็พ่อมดเหมือนกัน แม่ไม่น่าเรียกเขาแบบนั้นเลย”

“เจ้าเด็กไร้ประโยชน์ ทำไมแกไม่บอกฉันก่อนหน้านี้ เราน่าจะเชิญเขาเข้ามาได้แล้ว” เธอดุเขาอีกครั้งด้วยการดึงหูหนักกว่าเดิม

“ยัยผู้หญิงบ้าเอ๊ย เธอกำลังพยายามทำให้ลูกชายเธอหูขาดหรือไง?” ซีเรียสสบถกลับ แต่เขาเริ่มชินกับการดึงหูมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะงั้นเขาไม่ได้เจ็บมากเหมือนที่เห็น

"เมื่อกี๊แกเรียกฉันว่าอะไรนะ?"

และการตีกันของแม่ลูกก็ดำเนินต่อไป…

[A/N: เข้าใกล้โลกเวทมนตร์อย่างช้าๆ แม็กนัสยังได้สังเกตุถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกายของเขา นานแค่ไหนกันกว่าพ่อแม่ของเขาจะสังเกตเห็น? โปรดติดตามตอนต่อไป...]

______________________________

แม็กนัสน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด