ตอนที่แล้วทาสแห่งเงา บทที่ 24 ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทาสแห่งเงา บทที่ 26 ดาราผันแปร

ทาสแห่งเงา บทที่ 25 การเอาชีวิตรอดใแดนกันดาร


ว่าแต่ สาวผมสีเงิน เนฟฟิส ก็ได้รับชื่อแท้จริงในฝันร้ายแรกของนางด้วย เพื่อให้ได้มาเป็นของตัวเอง ซันนี่ต้องจัดการกับผู้กล้าและจ้าวภูผา ในขณะที่ครอบครองความสามารถเฉพาะที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง จากความสำเร็จที่เป็นไปไม่ได้ซึ่งดูเหมือนจะทำให้มนตร์พอใจเป็นอย่างมาก

'ฉันสงสัยว่าเธอได้ของพวกนั้นมาได้อย่างไร'

ผู้หลับไหลในโรงอาหารตกตะลึงกับการเปิดเผยความสำเร็จนี้ พวกเขาจ้องมองไปที่หน้าจอด้วยความประหลาดใจ หวาดกลัว และชื่นชม เมื่อฟังเสียงกระซิบที่ตื่นเต้นของพวกเขา ซันนี่รู้สึกอยากจะกรีดร้องแบบเด็กๆ ว่า "ฉันด้วย! ฉันก็มีเหมือนกัน!"

แต่ แน่นอน เขาปิดเงียบ

เมื่อมองไปรอบๆ เขาสังเกตเห็นว่าคาสเตอร์จ้องมองไปที่หน้าจอ มีสีหน้ามืดครึ้ม แปลกๆ บนใบหน้าของชายหนุ่มผู้มีอารมณ์ขัน แต่เท่าที่ซันนี่บอกได้ มีสิ่งที่น่าแปลกก็คือคาสเตอร์ไม่ได้มองไปยังบรรทัดข้อความที่มีชื่อแท้จริง

แต่เขากำลังจ้องไปที่บรรทัดที่มีข้อความอ่านว่า "เนฟฟีส" ราวกับว่าชื่อจริงของเด็กสาวมีความหมายกับเขามากกว่าชื่อที่มนตร์ตั้งให้

'น่าสนใจ พวกเขารู้จักกันเหรอ?'

ทำไมผู้รับมรดกผู้สูงส่งถึงรู้จักคนที่มายังสถาบันในชุดวอร์มที่ออกให้โดยตำรวจ? แล้วเมื่อพูดถึงเนฟฟิส… นางอยู่ที่ไหนมาก่อน

ซันนี่เหลือบมองไปรอบๆ โรงอาหารและสังเกตเห็นสาวผมสีเงินอย่างรวดเร็วซึ่งนั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมห้องพร้อมกับถ้วยกาแฟในมือ นางไม่ได้ให้ความสนใจกับความวุ่นวายนี้มากนัก ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่ในความคิดของตนเอง ดวงตาสีเทาของนางจริงจังและเหินห่าง

"ผู้หลับไหลที่มีชื่อแท้จริง? นั่นเป็นไปไม่ได้!"

"เป็นไปได้ในทางเทคนิค รอยยิ้มจากสวรรค์ก็ได้รับชื่อแท้จริงของเธอในฝันร้ายแรก ฉันคิดว่านะ แต่ใช่ ฉันก็ยังสงสัย…"

"บางทีเธออาจจะโกหกในการสัมภาษณ์?"

"นี่นายโง่เหรอ? ถ้าหลอกผู้ดูแลง่ายขนาดนั้น ไอ้บ้ากาม เมื่อวานคงได้เป็นคนแรกแทนไปแล้ว!"

ใบหน้าของซันนี่กระตุก ไอ้บ้ากาม หือ…

"อืม ทำไมเราไม่ถามเธอล่ะ"

ทันใดนั้น ก็เกิดความเงียบขึ้นในโรงอาหาร ที่ตามมาจากคำแนะนำนั้น เหล่าผู้หลับไหลหยุดพูดและหันตัวจ้องไปที่เนฟฟีส แต่ทว่า ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าเข้าไปหานางเป็นคนแรก

ในที่สุดเมื่อรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง นางก็เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ

"อืมม อะไรเหรอ"

แม้แต่เด็กสาวตาบอด แคสเซีย ก็หันไปตามเสียงของอีกฝ่าย

หลังจากนั้นชั่วขณะ คาสเตอร์ก็พลันเดินเข้าไปหาและโค้งคำนับเล็กน้อย

"ท่านหญิงเนฟฟีส ผมคาสเตอร์จากตระกูลหานลี่ ผมเข้าใจว่าการทดสอบของคุณเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหม?"

ท่านหญิง? ทำไมเขาถึงเรียกนางแบบนั้น? แล้วเขาก็ต้องแนะนำตัวอีกด้วย… พวกเขาไม่รู้จักกันงั้นเหรอ? ช่างน่าสนใจ

เนฟฟีสดูเหมือนจะงุนงงกับคำถามเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยิ้มอย่างสดใสและยักไหล่

"มันเป็นในสิ่งที่มันเป็น"

คาสเตอร์ส่งยิ้มกลับไปอย่างงุ่มง่าม

"ผมเข้าใจ ผมดีใจมากที่คุณกลับมาโดยไม่เป็นอันตราย เอ่อ… ไม่ใช่ว่าผมสงสัยในความสามารถของคุณนะ"

เนฟฟีสพยักหน้า

"ขอบคุณ"

หลังจากนั้น นางก็กลับไปที่กาแฟของนาง แสดงว่าการสนทนาจบลงแล้ว หรือเพียงแค่ลืมความสนใจของทุกคนไปแล้ว

ซันนี่ถอนหายใจ

'ช่างลึกลับ'

มีความคิดมากมายอยู่ในใจของเขา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเขาจากสิ่งที่สำคัญที่สุด… อาหารเช้า ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็ลืมเรื่องความกระอักกระอ่วนระหว่างคาสเตอร์กับเนฟฟีสไปจนหมด และสวาปามอาหารของตนเองอย่างมีความสุข

***

ห้องเรียนการเอาชีวิตรอดใแดนกันดารนั้นกว้างขวาง ตกแต่งอย่างมีรสนิยม… และว่างเปล่า ซันนี่ถึงกับคิดว่าเขาเข้าใจผิด แต่แล้วก็เห็นผู้สอนที่ดูเศร้าสร้อยนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้กว้าง เมื่อสังเกตเห็นเขา ผู้สอนก็เงยหน้าขึ้น

"เข้ามาสิ หนุ่มน้อย!"

เขาเป็นชายชราที่มีชีวิตชีวาที่มีผมสีเทายุ่ง ดวงตาเหม่อลอย และคิ้วที่ขมวดดูเหมือนจะกระโดดไปมาได้เอง

"ฉันคือผู้ตื่นจูเลียส เธอสามารถเรียกฉันว่าครูจูเลียส นั่งลง นั่งลง! เธอชื่ออะไร”

ซันนี่นั่งลงอย่างเชื่อฟัง

"ชื่อไร้ตะวัน"

จูเลียสเลิกคิ้ว

"อาา! ช่างเป็นชื่อที่เป็นลางร้าย แต่นั่นก็ดี ดีมาก ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องจัดการกับสิ่งที่เป็นลางร้ายมากมาย!"

ซันนี่มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง

"เอ่อ… ผมขอโทษครับครู ผมมาเร็วเกินไปใช่ไหม"

"ไม่ ไม่… เธอมาตรงเวลา"

"แต่นักเรียนคนอื่นมาสายใช่ไหม"

อาจารย์ผู้สอนคำรามด้วยความดูถูกอย่างไม่น่าเชื่อ

"ไม่มีใครมาแล้ว สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นสนใจแต่การควงหมัดควงดาบไปทั่ว มีน้อยคนนักที่จะฉลาดเหมือนเธอ รู้คุณค่าที่แท้จริงของความรู้…"

โอ เป็นว่ามันไม่เป็นที่นิยม ซันนี่สูดลมหายใจลึก หวังว่าเขาจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจละทิ้งการฝึกการต่อสู้เพื่อเข้าร่วมวิชานี้

"พูดสิ หนุ่มน้อย… ทำไมเธอถึงเลือกการเอาชีวิตรอดใแดนกันดาร จากสิ่งเหล่านั้น?"

ไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนเหตุผลที่แท้จริง ใช่ว่าซันนี่จะสามารถทำได้อยู่ดี…

"ผู้ตื่นที่เฝ้าติดตามผมระหว่างฝันร้ายแรก อาจารย์เจ็ท ได้แนะนำให้ผมศึกษาเรื่องนี้เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด"

"เป็นคำแนะนำที่ฉลาดมาก! อาจารย์นั่นรู้จริงว่าอะไรสำคัญ… เดี๋ยวก่อน เธอพูดว่าเจ็ทเหรอ"

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

"ผู้เกี่ยววิญญาณเจ็ทเหรอ? ฆาตกรอำมหิตคนนั้นเหรอ! หืม ใครจะคิดว่าคนเถื่อนอย่างเธอจะรู้คุณค่าของความรู้ที่ซับซ้อน"

ผู้เกี่ยววิญญาณงั้นเหรอ? ความอยากรู้อยากเห็นของซันนี่ถูกจับไว้

"ครู คุณรู้จักอาจารย์เจ็ทเหรอ"

จูเลียส มองไปข้างหลังอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตอบ

"ใครไม่รู้จักผู้เกี่ยววิญญาณ? เธออาจไม่ใช่ผู้ตื่นที่ทรงอำนาจที่สุด แต่เธอเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวของเธอไม่สนใจเนื้อหนังและมุ่งเป้าไปที่แก่นวิญญาณโดยตรง ซึ่งหมายความว่าไม่มีเกราะป้องกัน ความสามารถในการต้านทานความเสียหาย หรือการป้องกันทางกายภาพใดที่สามารถหยุดการโจมตีนั้นได้"

เขาโน้มตัวไปข้างหน้า

"สิ่งเดียวที่ดีคือเธอยังเด็กและไม่น่าจะกลายเป็นเซนต์ในเร็วๆ นี้ หรือต่อจากนี้ ใช่ โชคดีที่มีโอกาสน้อยมากที่เธอจะก้าวหน้า"

ซันนี่กระพริบตา

"ทำไม"

จูเลียสมองเขาราวกับพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมถึงกับมีคนที่โง่เขลาขนาดนี้ได้อย่างไร

"เพราะบุคลิกภาพมีปัญหา แน่นอน! ใครจะอยากช่วยให้ฆาตกรโรคจิตกลายเป็นเซนต์? เธอต้องมีพวกพ้องที่โดดเด่น และการสนับสนุนมากมายเพื่อพยายามพิชิตฝันร้ายที่สาม ผู้เกี่ยววิญญาณเจ็ทไม่… เดี๋ยวนะ!"

ทันใดนั้น จูเลียสก็ขมวดคิ้วและเอนหลัง

"ทำไมฉันถึงนินทาให้เธอฟังด้วย? เธอยังเด็กเกินไปที่จะรู้เรื่องแบบนี้! ยิ่งกว่านั้น นิสัยของฉันไม่ใช่นิสัยที่จะว่าร้ายคนอื่นลับหลัง!

'ผมขอให้เปลี่ยนคำเถอะ' ซันนี่คิดประชด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปดังๆ

เขาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายจากครูจูเลียสแล้ว

'บางทีการเลือกการเอาชีวิตรอดใแดนกันดารก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว'

"เรากลับไปที่วิชาของเธอกัน เธอมีวิชาอื่นอะไรอีกบ้าง"

ซันนี่ถอนหายใจ

"ไม่มี ในอีกสี่สัปดาห์ข้างหน้า ผมจะมุ่งความสนใจไปที่การเอาชีวิตรอดใแดนกันดารอย่างเต็มที่"

จูเลียส จ้องมาที่เขาเป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็ม สีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุดถูกเขียนไว้บนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน จากนั้น อย่างช้าๆ ประกายแวววาวที่ตื่นเต้นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา สุดท้ายเขาก็ยิ้มกว้าง

"วิเศษมาก! นี่ช่างวิเศษมาก! เธอเป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาดมาก! เธอไม่ต้องกังวล ในสี่สัปดาห์เต็ม ฉันจะทำให้เธอเป็นอมตะ…

***

บทเรียนของซันนี่กับครูจูเลียสเริ่มต้นได้อย่างน่ายินดีและไม่มีความตึงเครียดมากนัก แต่เพียงหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนหัวพร้อมที่จะระเบิด มีข้อมูลใหม่ๆมากมาย และทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องแปลกและขัดกับสัญชาตญาณสำหรับคนที่ไม่เคยออกไปนอกกำแพง ที่กำบังของเมือง

ในบางครั้ง จูเลียสก็อ้าปากค้างไปกับการขาดความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องของซันนี่ อย่างไรก็ตาม เขามีทัศนคติที่ดีและกระตือรือร้นในการสอนอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อใดก็ตามที่ซันนี่สะดุด เขาจะชะลอความเร็วลงอย่างอดทนและปล่อยให้นักเรียนตามทัน

หลักวิชาที่จูเลียสวางแผนไว้นั้นช่างบ้าบอสิ้นดี มีความรู้ทางทฤษฎีมากมายให้เรียนรู้ไม่รู้จบ ทั้งยังมีบทเรียนภาคปฏิบัติทั้งในรูปแบบความเป็นจริงเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง มีวิชามากมายและเรื่องแปลกๆ ให้ศึกษา มีบทเรียนมากมายหลายบทที่อุทิศให้กับการเรียนรู้พื้นฐานของภาษาที่ตายแล้วหลายภาษาของดินแดนแห่งความฝัน!

'ทำไมฉันต้องเรียนภาษาใหม่?' ซันนี่คิดอย่างสมเพชตัวเอง 'มนตร์แปลทุกอย่างโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว!'

แต่จูเลียสก็แน่วแน่

"มนตร์ไม่ใช่นักแปล! เธอคิดว่ามันจะมีเวลาที่จะแสดงความซับซ้อนของคำพูดของมนุษย์งั้นเหรอ? เราลองสมมติว่าเธอกำลังมองหาที่กำบังในซากปรักหักพังและพบคำจารึกที่อ่านว่า ‘มีความตายบางอย่างข้างหน้า’ ซึ่งมีสามสิบคำสำหรับความตายในภาษาอักษรรูน! เพียงแค่รู้อักษรรูน เธอก็จะสามารถประเมินได้ว่าเป็นอันตรายประเภทใด!"

วันแรก พวกเขาเรียนกันจนตะวันจะตกดิน เมื่อถึงตอนนั้นจูเลียสจึงตัดสินใจปล่อยซันนี่ไป ด้วยจิตใจอ่อนล้าและเสียใจที่ต้องพลาดมื้อกลางวันและมื้อค่ำไป ซันนี่ตัดสินใจเตือนครูเบาๆ ในเรื่องความสำคัญของอาหารเพื่อที่จะรักษาระดับสมาธิในวันพรุ่งนี้

หลังจากกลับมาที่ห้องของเขา เขาก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้และจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปในระยะไกลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้น ราวกับจำอะไรบางอย่างได้ ซันนี่ก็หันไปหาเงาของเขา

ใช่แล้ว เขามีหลายสิ่งที่ต้องทำก่อนอาหารค่ำ

เขาสังเกตเงาอยู่สองสามวินาทีแล้วก็ยิ้มกว้าง

"เราดูว่านายทำอะไรได้บ้าง…"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด