ตอนที่แล้วตอนที่ 8-21 ของขวัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-24 ซาสเลอร์

ตอนที่ 8-22 โลกกว้างใหญ่


หนึ่งเดือนต่อมาคำสั่งจากประมุขตระกูลชาร์คก็ส่งมาถึง คีนรับตำแหน่งเจ้าเมืองปกครองเมืองเซียร์ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะอายุบรรลุนิติภาวะเจนน์พี่สาวของเขาจะช่วยเขาดูแลกิจการของเมือง

“พี่ลีย์, ท่านจะไปจริงๆ หรือ?”

เจนน์คีนและแลมเบิร์ตทุกคนมองดูลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ

เมื่อคีนเป็นเจ้าเมืองและเจนน์เป็นผู้ดูแลของเขาเทียบกับตอนนี้สองพี่น้องนับว่ามีชีวิตที่สบายแล้ว เพียงแต่ทั้งสองคนต้องการหาทางตอบแทนลินลี่ย์แต่จู่ๆ เขาประกาศว่าเขาตั้งใจจะแยกออกไปจากเมืองเซียร์

“พี่ลีย์” เจนน์มองทำตาแดงๆ

ลินลี่ย์สะพายดาบหนักและบีบีอยู่บนไหล่ของเขา  เสือดำเมฆาแฮรุยืนอยู่ด้านข้างของเขา  ลินลี่ย์ยิ้มพลางกล่าว  “ในสภาพแวดล้อมที่พัฒนาแล้วและมีสิ่งก่อสร้างในเมืองเซียร์การฝึกฝนของข้าจะส่งผลไม่ดีต่อเมือง ข้าไม่ได้ไปไกลมากนัก  แค่ตั้งใจไปในหุบเขาใกล้ๆเมืองเซียร์และฝึกฝีมือเงียบๆ สักระยะหนึ่ง”

สำหรับลินลี่ย์สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นการฝึก ลินลี่ย์ยังคงฝึกฝนพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เมื่อยังไม่ถึงสภาวะคอขวดของการฝึกฝนจึงทำให้การฝึกฝนนั้นสำคัญมากขึ้น ในเวลาอย่างนี้เขาต้องฉวยโอกาสเพิ่มพลังของเขาให้มากเท่าที่เป็นไปได้

มีบันทึกว่านักรบเลือดมังกรของตระกูลบาลุคสามารถบรรลุถึงระดับเซียนและมีอำนาจเหนือโลกเป็นเวลาหลายทศวรรษเนื่องจากการฝึกฝนอย่างเข้มข้น

ยอดฝีมือต้องอดทนต่อความเดียวดายได้

“หุบเขาหรือ?” เจนน์และคีนลอบถอนหายใจโล่งอก

“ถูกแล้ว ถ้าข้ามีเวลาว่าง ข้าจะมาเยี่ยม ข้าช่วยพวกเจ้ามากเท่าที่จะช่วยได้แล้วในอนาคตพวกเจ้าจะต้องพึ่งพาตัวเองแล้วนะ” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ

เมื่อเขามองดูสองพี่น้องคีนและเจนน์  ลินลี่ย์มักจะคิดถึงวอร์ตันน้องชายของเขาเองตอนนี้เขากับวอร์ตันก็กำพร้าพ่อแม่เช่นกัน

“สงสัยจริงๆ ว่าวอร์ตันจะเป็นยังไงบ้าง  หลังจากข้าเข้าใจเคล็ด ‘กำหนด’ มากขึ้น ข้าค่อยไปเยี่ยมหาเขาก็ได้”

ลินลี่ย์รู้ดีว่าตอนนี้วอร์ตันจะต้องฝึกฝนอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียนอย่างหนักแน่นอนเขายังไม่จำเป็นต้องไปรบกวนวอร์ตัน นอกจากนี้เมื่อเรียนรู้ด้วยตนเองจะทำให้วอร์ตันเติบใหญ่รวดเร็วที่สุด

เมื่อลินลี่ย์อยู่ข้างๆวอร์ตัน บางทีวอร์ตันอาจได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

…..

ด้านตะวันออกของเมืองเซียร์มีแนวเทือกเขาเขียวชอุ่มซึ่งมีหุบเขาเล็กๆ ซ่อนอยู่  ลินลี่ย์สร้างห้องไม้ที่นี่จากนั้นเริ่มฝึกฝนอย่างเงียบสงบ

ตกดึกภายในหุบเขามีทุ่งหญ้าเขียวขจีและมีทะสาบเล็กอยู่ตรงกลาง

ลินลี่ย์นั่งทำสมาธิอยู่ใกล้ทะเลสาบ  เขาหลับตาปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ  ข้างตัวของเขามีกองไฟสว่างแสงไฟวูบวาบอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์

ลินลี่ย์สามารถสัมผัสรู้ได้ถึงแผ่นดินที่กว้างหญ่สายลมที่พัดโบกและกระแสน้ำและรู้สึกถึงภาวะของเปลวไฟ

ในฐานะจอมเวทที่มีสายสัมพันธ์สองสายธาตุดีเป็นพิเศษคือธาตุลมและธาตุดินความสามารถของลินลี่ย์ในการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติเหนือล้ำกว่านักรบทั้งหมด

นี่คือสาเหตุที่บรรพบุรุษของตระกูลบาลุคผู้ใช้ค้อนหนักเป็นอาวุธคู่มือสามารถเข้าถึงระดับ‘กำหนด’ ได้หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเซียน  ที่สำคัญคือนักรบปรับตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับนักเวท

“เคล็ดสายฟ้าฟาดข้าได้เรียนรู้เมื่อตอนถึงระดับกวัดแกว่งของหนักดุจของเบามีพลังระเบิดแฝงอยู่เหมือนกับภูเขาไฟปะทุ  ส่วนเคล็ดที่ชื่อว่า ‘กำหนด’ จะประกอบไปด้วยพลังคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของตนเองของธาตุ ดิน ไฟน้ำและลม  อย่างไรก็ตาม...”

หลังจากเข้าสมาธิเป็นเวลานานลินลี่ย์ก็เข้าใจทันที

“ระดับ ‘กำหนด’ก็คือพลังคุณสมบัติที่ยืมมาจากพลังที่อยู่ในธรรมชาติรอบตัว  ระดับที่อยู่เหนือกว่า ‘กำหนด’ น่าจะครอบคลุมทั้งหมด ข้าจำเป็นต้องไล่ไปตามเส้นทางนี้อย่างเหมาะสมที่สุด”

ในความมืดยามราตรี  ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิที่เดิม  จากนั้นเขาลืมตาพลัน  ดวงตาของเขาสดใสเหมือนกับดวงดาวในท้องฟ้ายามราตรี

“อาวุธที่แตกต่างคงจะต้องใช้วิธีการที่แตกต่างพลังของดาบหนักอยู่ที่น้ำหนักของมัน! เพราะดาบนี้มีชื่อว่าเบลดเลส(ดาบไร้คม) จึงเป็นธรรมดาที่มิได้อาศัยคมของมัน มันอาศัยน้ำหนักที่มหาศาลอย่างชัดเจนและทำการโจมตีอย่างตรงๆ

จิตวิญญาณของลินลี่ย์รู้สึกถึงเค้าลางบางอย่าง

หลักการฝึกด้วยดาบหนักคล้ายกับหลักการพื้นฐานของตัวแผ่นดินเอง

“แผ่นดินกว้างใหญ่หนาแน่นและหนัก  แผ่นดินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตแผ่นดินกว้างใหญ่มั่นคง...” ลินลี่ย์ถือดาบหนักอดาแมนเทียมในมือของเขาแต่หัวใจของเขาผสานเข้ากับชีพจรของแผ่นดิน

ชีพจรของแผ่นดินสั่นสะเทือนไม่เหมือนใครสั่นเป็นจังหวะเหมือนหัวใจ กล่าวโดยทั่วไปมีแต่คนที่เข้าถึงแผ่นดินในระดับสูงได้จึงจะรู้สึกได้

ลินลี่ย์ยกเท้าข้างหนึ่ง

เขาเริ่มกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมเงียบๆขณะที่ดาบหนักอดาแมนเทียบร่ายรำ ความเคลื่อนไหวของตัวลินลี่ย์เองและความเคลื่อนไหวของดาบเริ่มเป็นจังหวะเฉพาะตน

นี่เป็นจังหวะที่เป็นเหมือนชีพจรของหัวใจคน

“ควั่บ”

ดาบหนักอดาแมนเทียมดูเหมือนจะแบกน้ำหนักเป็นล้านปอนด์  ขณะที่มันฟันใส่อากาศครั้งแล้วครั้งเล่า  ขณะที่ลินลี่ย์เหวี่ยงดาบหนักของเขาซ้ำๆกัน เขารู้สึกเหมือนกับเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นดิน เพียงฝึกด้วยดาบหนักของเขาเขาก็รู้สึกเหมือนกับตัวเขาเองแบกน้ำหนักโลกไว้ทั้งโลก

“บึ้ม!”

ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์แทงฝ่าอากาศทันที  เสียงระเบิดดังหลายครั้งได้ยินอย่างต่อเนื่อง การแทงใส่อากาศว่างเปล่านี้ทำให้ตัวอากาศระเบิดได้เอง ไม่อยากเชื่อเลย  นี่เป็นเพราะไม่ว่าอาวุธจะเคลื่อนได้ไวเพียงไหนก็มีแนวโน้มจะเกิดเสียงระเบิดทลายกำแพงเสียงเพียงครั้งเดียว การจะเกิดเสียงระเบิดตามมาหลายครั้งนั้นเป็นไปไม่ได้

“หืม?” ตาของลินลี่ย์เป็นประกายทันที

แต่ก็เพียงแค่นั้นเมื่อเลิกกังวลใจ ลินลี่ย์ไม่ดูดซับความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบตัวอีกต่อไป

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?  ข้าไม่ได้ใช้ปราณยุทธอะไรเลย  แต่พลังของข้ากลับแบ่งออกเป็นหลากหลายจังหวะชีพจรที่หลากหลาย

ลินลี่ย์เริ่มไตร่ตรองถึงข้อสงสัยนี้

เมื่ออยู่ในระหว่างการฝึกฝน  บางครั้งผู้ฝึกจะเข้าสู่สภาวะบางอย่างแน่นอนและเข้าถึงระดับพลังที่น่าทึ่ง แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้าใจสภาวะที่พวกเขาเข้าถึงนั้น  พวกเขาจะไม่สามารถใช้พลังนั้นได้อีกโดยง่าย

สิ่งที่ลินลีย์จำเป็นต้องทำตอนนี้คือไตร่ตรองและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

เขาจำเป็นต้องเชี่ยวชาญให้ได้ทุกอย่างและควบคุมให้ได้อย่างสิ้นเชิง

……

ท้องฟ้าสีเหมือนน้ำทะเล  สีฟ้าบริสุทธิ์ไม่มีสีอื่นเจือปนมีเมฆสองสามก้อนลอยขวางอ้อยอิ่ง ชีวิตของลินลี่ย์ในหุบเขาช่างเงียบสงบนัก

สายลมพัดโบกเกิดระลอกคลื่นในทะเลสาบ

ตอนนี้ลินลี่ย์ไม่ได้ฝึก  เขาตกปลาอยู่ในทะเลสาบกลางหุบเขา  คนเราไม่สามารถฝึกอยู่ตลอดเวลาได้  ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้น ก็อาจมีผลต่อความสมบูรณ์ก็ได้

ถ้าเขาต้องการตกปลา  เขาจะทำ ถ้าเขาต้องการไปนอน  เขาจะไปนอน

ใจของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลก  หนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

เมื่อเขาฝึกนี่จะทำให้ระดับความก้าวหน้าสูงมาก

“พี่ลีย์” เสียงหนึ่งดังมาจากนอกหุบเขา  ลินลี่ย์หันไปมองเห็นเจนน์อยู่บนหลังม้า ด้านหลังนางมีหญิงรับใช้หน้าตางดงามสองคนขี่ม้าติดตาม  หญิงรับใช้ทั้งสองคนนี้ดูมีความสามารถเนื่องจากความเคลื่อนไหวบนหลังม้าของพวกนางบ่งบอกว่าเป็นนักขับขี่ที่มีประสบการณ์

“เจนน์” ลินลี่ย์วางคันเบ็ดลงและลุกขึ้นยืน

บีบีกับแฮรุไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น ทั้งสองชอบเข้าไปในภูเขาลึกเพื่อล่าสัตว์ป่ากิน  สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาที่ลินลี่ย์อยู่อาศัยนี้จะเป็นสัตว์ป่าธรรมดา อสูรเวทจะหาได้ยากมาก

“พี่ลีย์, อาหารเหล่านี้ข้าเตรียมไว้ให้ท่าน”  เจนน์แก้ห่อสัมภาระจากหลังม้า  สัมภาระถูกห่อไว้อย่างดี  “ที่นี่ท่านไม่สามารถหาอาหารดีๆ กินได้มาเถอะพี่ลีย์  นี่คืออาหารเลิศรส”

เจนน์แก้สัมภาระทีละชั้นภายในเป็นกล่องโลหะกล่องหนึ่งบรรจุไปด้วยข้าวปลาอาหารทุกอย่าง

ลินลี่ย์สูดกลิ่น

“ฮืมม.. กลิ่นหอมจริงๆ ด้วย”  ลินลี่ย์หัวเราะ

หน้าของเจนน์แดงด้วยความตื่นเต้น

แต่ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ  ลินลี่ย์จะบอกความรู้สึกเจนน์ได้ยังไง?  ในแง่ของรูปลักษณ์และนิสัยอารมณ์ทั้งสองอย่าง   เจนน์สมบูรณ์พร้อม  แต่ลินลี่ย์มีประสบการณ์มากยากที่ลินลี่ย์จะยอมเปิดหัวใจส่วนลึกรับคนอื่นเข้ามาในหัวใจ

“รัก?”

ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจให้ตอนเอง

เขาไม่มีความสนใจเรื่องราวของหัวใจ  สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตอนนี้ก็คือมุ่งมั่นฝึกฝน ช่วงนี้เองฉากภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของลินลี่ย์อย่างช่วยไม่ได้

หลังจากบิดาของลินลี่ย์ตายพวกชนชั้นสูงที่มาคารวะในงานศพที่เมืองอู่ซันทุกคน  เดเลียมาเยี่ยมเขา นางต้องการบอกลินลี่ย์ว่านางจะกลับไปจักรวรรดิยูลาน  และคืนนั้นก่อนที่นางจากไป เดเลียจูบเขา

“เดเลีย?”

นอกจากอลิซแล้วบางทีมีเพียงคนเดียวที่ลินลี่ย์รู้สึกมีใจให้ด้วยก็คือสาวน้อยคนนี้ผู้ที่เขารู้จักตั้งแต่ปีแรกในสถาบันเอินส์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนางแสดงความในใจต่อเขา  แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ได้ยอมรับโดยเปิดเผยแต่ในใจของเขาภาพของเดเลียประทับอยู่ในใจของเขา

“พี่ลีย์ ทานเสียเถอะ”  เจนน์พูดอย่างมีความหวัง

ลินลี่ย์ถอนหายใจกับตัวเอง  “ข้าไม่ยอมให้เจนน์ต้องเสียช่วงเยาว์วัยของนางไปในลักษณะนี้”  ขณะที่เขาคิดในใจลินลี่ย์เริ่มกินพลางชื่นชมไปด้วย  “นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ  อร่อยมาก”

เมื่อได้ยินคำชมของลินลี่ย์  เจนน์ยิ้มเต็มหน้า

“เจนน์ ต่อไปคราวหน้าเจ้าไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมข้าแล้ว เมื่อข้ากำลังฝึก ข้าไม่อยากถูกรบกวน” ลินลี่ย์พูดกับเจนน์

เจนน์สะดุ้ง

“โอว” เจนน์พึมพำ  จากนั้นนางฝืนยิ้ม  “อย่างนั้นเมื่อท่านมีเวลาว่างพี่ลีย์ต้องมาเยี่ยมเราที่ปราสาทบ้าง”

“ย่อมได้” ลินลีย์ได้แต่ตอบยืนยันเท่านั้น

….

วันคืนที่ลินลี่ย์ฝึกฝนอยู่ในหุบเขาผ่านไปอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวผ่านไปเกินกว่าหนึ่งเดือน เรื่องการใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขาลินลี่ย์ค่อยๆ พบวิธีการที่เหมาะสม

ตราบเท่าที่เขายังคงเพียรพยายามอยู่ในเส้นทางนี้  ในช่วงเวลาสองสามปีเขาคงสามารถบรรลุระดับใหม่ที่เหนือยิ่งกว่าระดับ ‘กำหนด’ แน่นอน!

….

ภายในโรงแรมที่เงียบสงบของเมืองเซียร์

โรงแรมแห่งนี้มีไฟเพียงสลัวๆและบรรยากาศค่อนข้างมืดมัวในช่วงพลบค่ำ แต่ละโต๊ะจัดแถวอย่างเป็นระเบียบและช่วงระหว่างนั้นจะมีฉากกั้น

นี่คือโรงแรมที่เงียบมากแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศยิ่งใหญ่  เพียงครั้งแรกที่ลินลี่ย์มาที่นี่ เขาก็ชอบมัน

ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเช่นกัน

ขณะที่เขากำลังฝึกฝนกล่าวโดยทั่วไปแล้วทุกๆ เจ็ดหรือแปดวันลินลี่ย์จะมาที่นี่และดื่มเหล้าฟังเพลงของโรงแรมที่ไพเราะ และบ่อยครั้งที่เขาได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของคนเดินทาง

“ใกล้เดือนกรกฎาคมแล้ว  ปีการศึกษาใหม่ของวอร์ตันน่าจะเริ่มในไม่ช้า”  ลินลี่ย์คิดเอง

ตอนนี้ในโรงแรมมีลูกค้าค่อนข้างน้อย ลูกค้าทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสนทนาจะพยายามเบาเสียงลงขณะที่พวกเขาพูดคุย แต่เมื่อลินลี่ย์ตั้งใจฟังเขาสามารถได้ยินทุกคำพูดสนทนาได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้นเสียงสนทนาเบาๆรายหนึ่งดึงดูดความสนใจของลินลี่ย์

“เจ้าเคยได้ยินมาบ้างไหม?ในเมืองหลวงจักรวรรดิมีอัจฉริยะที่เหลือเชื่อถือกำเนิด  อายุสิบเจ็ดปีเองชื่อวอร์ตัน”  ที่โต๊ะต่อจากลินลี่ย์มีบุรุษวัยกลางคนสามคนนั่งอยู่ พวกเขาพูดคุยกันถึงพวกอัจฉริยะต่างๆ ในจักรวรรดิ

วอร์ตัน?

ลินลี่ย์เพ่งความสนใจฟังเต็มที่

หลังจากใช้เวลามามากครั้งในจักรวรรดิโอเบรียนลินลี่ย์ยังคงติดตามเรื่องราวของวอร์ตัน

“เจ้ากำลังพูดถึงอัจฉริยะที่โผล่ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในสถาบันโอเบรียนน่ะหรือ?”  บุรุษศีรษะโล้นตาเป็นประกาย  “ข้าก็เคยได้ยินชื่อเขาเช่นกัน  นักเรียนปีเจ็ดซึ่งเป็นปีสำเร็จการศึกษามักจะได้รับความสนใจอย่างมากมาย  แม้กระทั่งนักเรียนบางคนที่ถึงระดับแปดก็มีส่วนร่วมในโอกาสนี้”

เนื่องจากสถาบันโอเบรียนสถาบันนักรบอันดับหนึ่งของทวีปยูลานแบ่งออกเป็นเจ็ดระดับชั้น

เมื่อถึงระดับเจ็ดนักรบก็จะได้รับให้เข้าเรียนในชั้นที่เจ็ด

นักรบระดับเจ็ดมีมีคุณสมบัติจะจบการศึกษา  แต่มีหลายคนเลือกจะอยู่ในสถาบันต่อ  แม้ว่านักรบระดับแปดบางส่วนก็ยังไม่รีบจบ

“เจ้าแร้งหัวโล้น  เจ้าได้ยินข่าวนี้มาด้วยหรือ?  เจ้าวอร์ตันผู้นั้นจริงๆแล้ว โอว..”  บุรุษวัยกลางคนผมเขียวถอนหายใจ  “อายุเพียงสิบเจ็ดปีในอดีตเขาไม่เคยร่วมแข่งขันประจำปีแต่อย่างใดเลย ครั้งนี้เมื่อเขาเข้าร่วมแข่งขันในเด็กชั้นปีเจ็ด เขาเอาชนะนักรบระดับแปดกลายเป็นผู้ชนะเลิศของชั้นปีที่เจ็ด”

“อะไรนะ? อายุสิบเจ็ดปีและเอาชนะนักสู้ระดับแปดได้เหรอ?  พูดจริงหรือเปล่า?  เรื่องจริงหรือเปล่า?” บุรุษอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่นั่งฟังจนตอนนี้โพล่งขึ้นด้วยความตกใจทันที

บุรุษหัวโล้นชำเลืองมองเขา“จริงแท้แน่นอน  ข้าเห็นมากับตาตัวเองเจ้าไม่รู้หรอก วอร์ตันผู้นี้สูงเกือบสองเมตรและร่างใหญ่กำยำมาก แค่ลักษณะร่างกายภายนอกเพียงอย่างเดียวก็สร้างแรงกดดันให้ผู้คนได้ อาวุธที่เขาเลือกใช้เป็นดาบศึกขนาดยักษ์ดูน่ากลัวมากยามกวัดแกว่งดาบศึกนั้น วอร์ตันผู้นั้นสามารถเอาชนะนักรบระดับแปดกลายเป็นผู้ชนะเลิศของปีที่เจ็ดไปเลย”

“จากสิ่งที่ข้าได้ยินเพราะวอร์ตันผู้นี้สามารถเอาชนะนักรบระดับแปดได้ตอนนี้ก็หมายความว่าเขามีแนวโน้มว่าจะถึงระดับแปดด้วยตัวเองตอนอายุราวๆ ยี่สิบปี  ในอดีตเซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิวิเย่ว์ถึงระดับเก้าตอนอายุสามสิบความสามารถตามธรรมชาติของวอร์ตันนี้ถือว่าไม่ไกลเกินไป”  บุรุษผมเขียวยกย่องเช่นกัน  “สำหรับเด็กอายุสิบเจ็ดปีสามารถเอาชนะนักรบระดับแปดได้น่าทึ่งจริงๆนานเพียงไหนแล้วที่จักรวรรดิได้สร้างอัจฉริยะเช่นนี้ออกมา นับว่าเขาเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันโอเบรียนและองค์จักรพรรดิได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เคานท์ให้กับเขาด้วย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด