ตอนที่แล้วทาสแห่งเงา บทที่ 22 มุมของศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทาสแห่งเงา บทที่ 24 ประสบความสำเร็จอย่างสูง

ทาสแห่งเงา บทที่ 23 ความฝันและฝันร้าย


นั่นคือสิ่งที่ซันนี่สนใจอย่างมาก

แน่นอน เขามีความรู้ทั่วไปว่าสิ่งต่างๆ ในมนตร์เป็นอย่างไร แต่ฝันร้ายแรกได้แสดงให้เขาเห็นแล้วว่าความเป็นจริงแตกต่างจากที่แสดงในวัฒนธรรมประชานิยมอยู่เล็กน้อยแต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เขาจำเป็นต้องแยกความจริงออกจากตำนาน และแน่นอน มันเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะได้ยินจากปากของคนที่เคยไปที่ดินแดนแห่งความฝันด้วยตัวเอง ดังนั้นซันนี่จึงเปิดหูเปิดตาอย่างเต็มที่

ผู้ตื่นร็อค เริ่มพูด

"ผู้คนส่วนใหญ่รู้ว่าฝันร้ายคืออะไร เพราะพวกมันมีผลกระทบต่อโลกแห่งความเป็นจริงและชีวิตของพวกเขา พวกเธอทั้งหมดได้รับการเตือนก่อนที่จะเข้าสู่ฝันร้ายแรกแล้วว่า หากพวกเธอตายที่นั่น สิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้ายจะได้รับอนุญาตให้ข้ามและเข้าสู่ความเป็นจริง"

ใช่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่อาจารย์เจ็ทต้องรอคอยอย่างอดทนอยู่ข้างเขา เพื่อเตรียมรับมือกับสัตว์อสูรหากมันปรากฏขึ้น

"ฝันร้ายแรกมีเอกลักษณ์ เพราะแต่ละฝันร้ายมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตเดียวเท่านั้นที่สามารถปรากฏได้ แต่ทว่า เริ่มต้นจากฝันร้ายที่สอง ความอันตรายจะเพิ่มมากขึ้น ฝันร้ายเหล่านี้ไม่ได้เชื่อมโยงกับผู้ติดคำสาป ในทางกลับกัน พวกมันเกิดในดินแดนแห่งความฝัน ในขณะที่เมล็ดพันธุ์แห่งฝันร้ายกำลังเติบโต ผู้ตื่นจำนวนเท่าใดก็ได้สามารถพยายามพิชิตมัน"

การล่าฝันร้ายเป็นความรับผิดชอบหลักของผู้ตื่น ซันนี่รู้ถึงเรื่องนี้

"หากพวกเขาทั้งหมดตาย หรือล้มเหลวในการหาเมล็ดพันธุ์ก่อนที่มันจะเติบโต ประตูจะเปิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ปลดปล่อยสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเธอทุกคนคงทราบดีถึงผลที่ตามมา ผู้ตื่นคนอื่นๆ จะถูกบังคับให้ต้านทานการบุกโจมตีจากฝั่งนี้ แต่นั่นก็อาจมีความเสียหายอย่างใหญ่หลวงหรือสูญเสียเกิดขึ้นกับพลเรือน"

การเปิดประตูเป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกหวาดกลัว ยังเป็นหายนะครั้งที่สองที่เกิดจากมนตร์หลังจากการปรากฏตัวครั้งแรกของสิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้าย ความแตกต่างที่สำคัญคือ ในระลอกเริ่มต้นนั้น มีเพียงสัตว์ร้ายระดับผู้หลับไหล แต่ทว่า ประตูมีระดับเป็นของตัวเอง และสิ่งมีชีวิตบางประเภทจะสามารถผ่านเข้ามาได้

ไม่นานก่อนที่ซันนี่จะถือเกิด การเปิดของประตูระดับห้าทำให้ทวีปทั้งทวีปไม่สามารถอยู่อาศัยได้ โชคยังดีที่ประตูระดับสูงนั้นหายากมาก

เสียงของผู้ตื่นร็อคตึงเครียดขึ้น

"เช่นนั้น ก็ไม่ผิดที่จะกล่าวว่าจุดประสงค์ของผู้ตื่นคือการเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน ค้นหาฝันร้ายที่กำลังเติบโตแล้วและปิดมันก่อนที่อันตรายใดๆ จะเกิดขึ้นกับโลกแห่งความจริง จากสิ่งนี้ พวกเธอจะเห็นว่าดินแดนแห่งความฝันและฝันร้ายมีความเชื่อมโยงกันอยู่ แต่ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน หากฝันร้ายเป็นจุดหมาย เช่นนั้นดินแดนแห่งความฝันก็เป็นเส้นทาง แต่มันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกมาก"

'ช่างโรแมนติกสุดๆ ผู้ตื่นร็อค มีความชอบทางกวีด้วยงั้นหรือ?'

"พูดง่ายๆ ดินแดนแห่งความฝันคือโลก มันกว้างใหญ่ ลึกลับและส่วนใหญ่ยังไม่ได้สำรวจ มันตายแล้วเช่นกัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่นั่นยกเว้นสิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้าย ระบบนิเวศที่เสื่อมสลาย… และตอนนี้ก็พวกเรา แต่มันก็ไม่ได้ตายมาตลอด เราสามารถบอกได้ว่าครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว ดินแดนแห่งความฝันเป็นบ้านของอารยธรรมดึกดำบรรพ์มากมาย มีซากปรักหักพังจำนวนมากฝังอยู่ในดิน"

จากที่ซันนี่รู้ อารยธรรมที่สาบสูญเหล่านั้นไม่ใช่ดึกดำบรรพ์อย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าการพัฒนาของพวกเขามีศูนย์กลางอยู่ที่แก่นวิญญาณและเวทมนต์ซึ่งตรงข้ามกับเทคโนโลยี เช่นนั้น โดยพื้นฐานแล้วก็พวกปาฏิหาริย์และอาคม พวกเขาชื่ออะไร? พวกเขาสูญสิ้นไปได้อย่างไร? ไม่มีใครรู้

บางทีพวกเขาอาจถูกทำลายโดยมนตร์

"เราไม่รู้ว่าดินแดนแห่งความฝันที่อยู่ในมนตร์เป็นหนึ่งในภาพลวงตา เพียงแต่มันมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะจินตานาการได้ หรือหากเป็นจริง โดยที่มนตร์ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสองความเป็นจริงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราสงสัยว่าภาพลวงตาที่เสกขึ้นภายในฝันร้ายนั้นมีพื้นฐานมาจากประวัติศาสตร์ของมัน เป็นการจำลองของเหตุการณ์ในอดีต สร้างขึ้นใหม่จากส่วนลึกของเวลา"

เช่นนั้น ครั้งหนึ่งก็อาจเคยมีกองคาราวานทาสจริงๆ บนภูเขาสีดำนั่น เมื่อนานมาแล้ว ซันนี่จำได้ว่าเวลาดูเหมือนจะเดินย้อนกลับเมื่อเริ่มต้นฝันร้ายของเขา เขาคิดว่าสิ่งต่างๆ จะจบลงอย่างไรหากไม่มีเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง ทาสวิหารนิรนามจะจบชีวิตลงในกระเพาะของจ้าวภูผาพร้อมกับกองคาราวานที่เหลือด้วยหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าทาสนิรนามนั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็น มิฉะนั้น ทำไมมนตร์ถึงจำเขาได้? แล้วผู้กล้าล่ะ? เขาสามารหนีได้หรือไม่?

'ฉันสงสัยจริงๆ'

"มีความแตกต่างหลักๆ สี่ประการระหว่างดินแดนแห่งความฝันและฝันร้าย ประการแรก มันไม่มี "เรื่องราว" ไม่มีข้อขัดแย้งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าที่บังคับให้พวกเธอให้แก้ไข พวกเธอสามารถเคลื่อนไหวและสำรวจได้อย่างอิสระหากพวกเธอมีความสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในแดนกันดารนั้น แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยู่ใกล้กับหนึ่งในป้อมปราการมนุษย์"

'ดีจริงที่ได้รู้' ซันนี่คิด ไม่ค่อยเชื่อ

แน่นอน แม้ว่าจะไม่มีข้อขัดแย้งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในดินแดนแห่งความฝัน แต่ด้วยคุณสมบัติ [โชคชะตา] ของเขา เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะจบลงด้วยปัญหาบางอย่าง ดังนั้น เสรีภาพที่ผู้ตื่นร็อคกล่าวถึงนั้นสัมพันธ์กับกรณีของเขา

ในขณะเดียวกัน ผู้สอนกล่าวต่อ

"ประการที่สอง ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ไม่มีผู้คนในดินแดนแห่งความฝันยกเว้นผู้ที่มาจากโลกแห่งความเป็นจริง มีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้น บางตัวสามารถเลียนแบบรูปร่างหน้าตาของมนุษย์ได้ ไม่ว่าอย่างไร จำไว้ให้ดี"

ซันนี่รู้สึกเหงื่อไหลผ่านแผ่นหลัง สิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้ายเลียนแบบมนุษย์งั้นเหรอ? ช่างน่าขนลุก! ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?

เขาเหลือบมองบรรดาผู้รับมรดกที่ยืนอยู่แถวแรกและสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่แสดงอาการแปลกใจเลย แสดงว่า พวกเขารู้อยู่แล้ว

"ประการที่สาม แตกต่างจากฝันร้ายแรก ไม่มีสิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้ายปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริงหากพวกเธอเสียชีวิตในดินแดนแห่งความฝัน อาจฟังดูโหดร้าย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดี กองกำลังผู้ตื่นได้แพร่กระจายออกไปบางส่วนแล้ว แต่หากพวกเราต้องตรวจสอบผู้หลับไหลทุกคน เราจะไม่มีทรัพยากรไปจัดการเรื่องที่สำคัญกว่านี้"

เมื่อพิจารณาว่าผู้หลับไหลแต่ละคนอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ บางครั้งอาจเป็นเดือนในดินแดนแห่งความฝัน มีตรรกะที่โหดเหี้ยมในคำพูดนั้น

"และสุดท้าย และที่สำคัญที่สุด แตกต่างจากฝันร้าย ซึ่งถูกผูกมัดโดยกฎแห่งความยุติธรรม ไม่มีการจำกัดว่าสิ่งมีชีวิตประเภทใดที่พวกเธอสามารถพบได้ในดินแดนแห่งความฝัน ในระหว่างการทดสอบ มนตร์จะไม่จับมนุษย์ระดับผู้หลับไหลไปต่อสู้กับสิ่งที่มีระดับเหนือกว่าพวกเขาหลายเท่า…"

'โอ้ จริงรึ? ' ซันนี่หัวเราะเยาะ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ถูกบังคับให้เห็นด้วยกับผู้ตื่นร็อค แม้ว่าทั้งผู้กล้าและจ้าวภูผาจะห่างชั้นกับเขามาก แต่พวกเขาก็ยังอยู่เหนือเขาเพียงระดับเดียว

"… แต่ในดินแดนแห่งความฝัน ไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว โดยทฤษฎีแล้ว พวกเธอสามารถเจอเข้ากับจอมมารระดับร่างบาปและตายลงก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นจงระวังและอยู่ในภูมิภาคที่มีศัตรูเทียบเท่ากับระดับของพวกเธอเอง มันไม่ใช่การรับประกัน แต่อย่างน้อยก็มีโอกาสน้อยลงที่จะเจอกับสิ่งที่ใหญ่เกินตัว"

การอยู่ในภูมิภาคที่มีสิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้ายระดับต่ำกว่านั้นดียิ่งขึ้นไปอีก นั่นคือสิ่งที่ซันนี่วางแผนที่จะทำ

ผู้ตื่นร็อคหยุดชั่วขณะ มองดูใบหน้าของผู้หลับไหลที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม

"เมื่อเหตุการณ์ประตูแห่งความฝันครั้งแรกมาถึง พวกเธอจะถูกดึงเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน ตำแหน่งที่แน่นอนของพวกเธอไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า แต่มีโอกาสสูงที่พวกเธอส่วนใหญ่จะพบว่าตัวเองอยู่ใกล้กัน รวมตัวกันและไปที่ป้อมปราการมนุษย์ที่ใกล้ที่สุด ป้อมปราการแต่ละแห่งสร้างขึ้นใกล้ๆ กับทางเชื่อมมิติ เมื่อพวกเธอไปถึง พวกเธอจะสามารถกลับมาได้"

ทางเชื่อมมิติเป็นประตูมิติพิเศษที่ทำหน้าที่เป็นทางออกจากดินแดนแห่งความฝัน เมื่อผู้หลับไหลไปถึงประตูมิติดังกล่าวแล้ว ก็จะสามารถหลบหนีกลับสู่ความเป็นจริงและกลายเป็นผู้ตื่น แก่นวิญญาณของพวกเขาจะวิวัฒนาการ และพวกเขาจะได้รับความสามารถเฉพาะตัวที่สองด้วย หลังจากนั้นจะกลับมาที่ดินแดนแห่งความฝันทุกครั้งที่หลับ

"หากพวกเธอไม่สามารถระบุตำแหน่งหรือเข้าถึงป้อมปราการมนุษย์ที่ใกล้ที่สุดได้ ให้ค้นหาทางเชื่อมมิติที่ยังไม่มีผู้ครอบครอง โดยปกติจะอยู่ภายในหรือใกล้กับสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของภูมิภาค ร่วมมือกันเอาชนะผู้พิทักษ์และกลับมาโดยที่ยังมีชีวิต"

เขามองพวกเขาอย่างหนักแน่น

"นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้ ถัดไป ทำตามคำแนะนำที่ส่งไปยังอุปกรณ์สื่อสารของพวกเธอเพื่อหาห้องพักที่ได้รับมอบหมาย หลังจากนั้น พวกเธออาจไปที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารเย็น จะมีรอบสัมภาษณ์หลังจากนั้น เพื่อเตรียมหลักวิชาที่เหมาะสมกับพวกเธอ พักผ่อนให้ดี การฝึกของพวกเธอจะเริ่มในวันพรุ่งนี้"

ว่าแล้ว เขาก็พยักหน้าสั้นๆ แล้วจากไป

ซันนี่ถอนหายใจ

'คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ งั้นเรอะ? '

ด้วยโชคของเขา เขาจะคงตกลงกลางป้อมปราการของมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรืองและกลิ้งเข้าสู่ทางเชื่อมมิติทันที หรือไม่ก็ปรากฏในพื้นที่บางแห่งของดินแดนแห่งความฝันที่ห่างไกลและอันตรายจนถึงกับไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน หรือกลับมาจากมันโดยที่ยังมีชีวิต

'หวังว่ามันจะเป็นอย่างแรกนะ'

เนื่องจากเขาทำอะไรกับมันไม่ได้ ซันนี่จึงไม่ได้กังวลอะไรมาก มีบางสิ่งที่สำคัญกว่าอยู่ในใจของเขาอะไร พวกเขาจะมีอะไรให้เสิร์ฟเป็นอาหารมื้อเย็นที่นี่…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด