ตอนที่แล้วตอนที่ 180 ภูเขาปู้โจว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 183 มือกระบี่ในฉากมืด

ตอนที่ 182 ม่านพลังขุนพลวิญญาณ


“ดูเหมือนกับว่ามีบางอย่างอยู่นะ!”  ถังเทียนหงุดหงิดและลดเสียงลง  “เข้าไปดูกันเถอะ!”

ทั้งกลุ่มเข้าไปในถ้ำพร้อมกัน

ถ้ำมีความลึกมาก อากาศจากภายในเย็นจัด  ยิ่งพวกเขาล่วงลึกเข้าไป  พื้นและผนังทั้งสี่ด้านจะมีน้ำค้างแข็งจับ

ยังคงมีรอยกระบี่อยู่ทั่วทุกแห่ง รอยกระบี่แน่นหนายุ่งเหยิงสร้างแรงกดดันไร้สภาพกับพวกเขา  หลังจากได้รับบทเรียนมาแล้วไม่มีใครกล้ามองนานแม้ว่าถ้ำจะลึก แต่ก็ไม่ได้มืดสนิทเสียทีเดียวธัญพืชที่ฝังตัวตามผนังหินส่องแสงเป็นจำนวนมาก แสงเหล่านี้พอสลัวๆ ไม่สว่างจ้าเหมือนกลางวัน แต่สำหรับทุกคนแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“มันคือผงส่องแสง”เด็กหญิงชำเลืองดูและพูดว่า “ของอย่างนี้ค่อนข้างไร้ประโยชน์นอกจากใช้ส่องแสงแล้ว  ไม่ค่อยมีค่านัก”

หลังจากเดินไปได้สิบห้านาทีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงท้ายถ้ำ

ทันใดนั้นพื้นที่พลันสว่าง  พวกเขาเข้าไปในห้องโถงรัศมีราวๆ สามเมตรร่างสีเงินเทาค่อยๆ ลอยขึ้นมาในอากาศ

ขุนพลวิญญาณ!

ใบหน้าของขุนพลวิญญาณมัวเลือนลาง กวัดแกว่งกระบี่ยาวและลอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆด้านหลังของขุนพลวิญญาณเป็นช่องว่างขนาดเล็ก เมื่อถังเทียนและกลุ่มเดินเข้าไปในห้องโถง ขุนพลวิญญาณเงยหน้าขึ้นและสั่น ถังเทียนและพวกที่เหลือเพียงแต่รู้สึกว่าสายตามัวซัวและขุนพลวิญญาณนี้ได้แบ่งตัวออกเป็นหกร่างอยู่ในแถวเดียวกัน

ถังเทียน หลิงซิ่ว กู้เสวี่ย องค์หญิงหมิงจูชิงหลวนและไจ๋เหิงจ้านก็มีหกคน

“ม่านพลังขุนพลวิญญาณ”  ใบหน้าของเด็กหญิงน่ากลัวและพูดด้วยเสียงเครือ “นี่เป็นม่านพลังที่เก่าแก่โบราณมากปกติใช้คุ้มครองป้องกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสุดท้าย เจ้าต้องกำจัดขุนพลวิญญาณแต่ละม่านพลังเสียก่อน  ตัวที่อยู่ข้างหลังจะยิ่งแข็งแกร่ง  ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี!”

ถังเทียนไม่กลัวสักนิดและกระตือรือร้นที่จะลอง  “นี่ก็หมายความว่าทันทีที่เราจัดการพวกมันได้หมด เราก็จะได้รับสมบัติใช่ไหม?”

“อืม..”  เด็กหญิงพูดอย่างใจเย็น “ค่าใช้จ่ายของม่านพลังขุนพลวิญญาณต้องใช้มหาศาลมักจะใช้ปกป้องสมบัติมีค่าเหล่านั้น ขุนพลวิญญาณที่สามารถปกป้องม่านพลังวิญญาณจะต้องไม่ใช่ฝีมือต่ำทรามแน่”

ขุนพลวิญญาณยกกระบี่คู่มือของพวกเขาพร้อมเพรียงกันและพุ่งโจมตีใส่กลุ่ม

หลิงซิ่วเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว  หอกยาวในมือของเขาพุ่งออกไป  หอกทะเลจุดปรากฏเป็นเหมือนคลื่นทันทีและครอบคลุมห้องโถงครึ่งห้อง

หอกทะเลจุดกวาดใส่ขุนพลวิญญาณทั้งหกกราดเกรี้ยว

การโจมตีของหลิงซิ่วได้กวาดต้อนขุนพลวิญญาณทั้งหกเข้ามารวมกัน

ไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนตะลึงกันหมด ถังเทียนร้องพลางเดินมาอยู่ใกล้หูของพวกเขา  “ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าผูกขาดทุกอย่างคนเดียวได้ยังไง? เจ้าเห็นแก่ตัวมากไปแล้ว กล้าดียังไงถึงได้ชิงโจมตีก่อน...”

ขุนพลวิญญาณทั้งหกอยู่ในคลื่นหอกทะเลจุดแยกย้ายกันยืนและยกกระบี่ในมือของพวกเขาพร้อมกัน

ควั่บ ควับ ควับ

ขุนพลวิญญาณแต่ละตนปล่อยรังสีกระบี่ดำตนละสามสาย รังสีกระบี่สีดำรวมสิบแปดสายเป็นเหมือนตัวนากสิบแปดตัวพุ่งเข้าใส่หอกทะเลจุด

รังสีกระบี่ดำสิบแปดสายสนับสนุนและร่วมประสานกันและกันได้ดี เหมือนกับเป็นร่างกายเดียวกันและแสดงให้เห็นร่องรอยการหลบหอกทะเลจุด

หลิงซิ่วคำราม ตาสีแดงเพลิงของเขาถลึงมองด้วยความโกรธผมสีเงินของเขาพลิ้วไสว เขาถูนิ้วที่เหมือนเหล็กของตนเอง เกิดเสียงทุ้มต่ำ พู่แดงที่ปลายหอกเปลี่ยนเป็นสีแดงกลายเป็นวงล้อสีแดง

ปลายของหอกเงินทะเลจุดเหมือนกับมีดวงอาทิตย์สีแดงขึ้น

หอกทะเลจุดไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเหมือนคลื่นกลายเป็นพลังกระแสน้ำเชี่ยว แสงเย็นหอกทะเลจุดส่งเสียงแหลมคมแหวกอากาศเมื่อเสียงทะลวงนี้ดังขึ้นพร้อมกัน มันเสียงดังราวฟ้าผ่า

เผียะ เผียะ เผียะ!

รังสีกระบี่ดำทั้งสิบแปดสายแตกสลายทันที

ไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนประหลาดใจ พวกเขาเคยเห็นความห้าวหาญของถังเทียนมาก่อน  ดังนั้นพวกเขาจึงดูแคลนหลิงซิ่ว  แต่เมื่อพวกเขาเห็นประจักษ์ว่าหลิงซิ่วขัดขวางขุนพลวิญญาณทั้งหกไว้ด้วยกระบวนท่าหอกเดียว  พวกเขาตกตะลึง

ชุดยาวขาวขลิบทอง หอกเงิน ผมเงิน ตาสีแดงเพลิงหอกคู่มืออยู่ในท่าเหมือนทะเลกว้างใหญ่ทำให้หลิงซิ่วดูเหมือนจะไม่ธรรมดายิ่งขึ้น

คนผู้นี่แข็งแกร่งขึ้นทุกที....

หน้าของไจ๋เหิงจ้านแสดงท่าทางหวาดหวั่นเขาเคยปะทะกับหลิงซิ่วมาก่อน ดังนั้นเขารู้ฝีมือของหลิงซิ่ว แต่ระดับวิชาหอกของหลิงซิ่วในตอนนี้สูงกว่าเมื่อตอนปะทะฝีมือกับเขา!

เพียงแค่ไม่กี่วัน... ฝีมือก็ก้าวหน้าพัฒนาขนาดนั้น

ลำพังแค่ถังเทียนก็แทบทำให้เขาบ้าอยู่แล้ว  ตอนนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง... โลกเป็นอะไรไปแล้ว...

เขารู้สึกอึดอัดมาก คนรอบๆ ตัวถังเทียนผิดปกติกันทั้งหมดหรือเปล่า?

“เอ่,ฝีมือซิ่วซิ่วน้อยก้าวหน้านะ” ถังเทียนสามารถบอกได้ว่าฝีมือของหลิงซิ่งก้าวหน้าดังนั้นเขาจึงนั่งลงแล้วชักชวนคนอื่นด้วยเช่นกัน “นั่ง นั่ง เฮ้, เสี่ยวหมิงจู เจ้าเอาอาหารกับเครื่องดื่มออกมาได้เลย”

ครึ่งนาทีต่อมา

ถังเทียนและกลุ่มที่เหลือนั่งล้อมวงบนพรมที่สวยประณีตจิบชาร้อนและกินขนมขบเคี้ยวเหมือนกับว่ามาเที่ยวปิคนิค  ปากของถังเทียนเต็มไปด้วยของขบเคี้ยวเขากำลังกินอาหารอย่างดุเดือด คนอื่นๆมีท่าทางสบายๆ แสดงให้เห็นถึงมารยาทการศึกษาที่ดีของพวกเขา

“เราทำอย่างนี้ไม่ใจดำเกินไปหน่อยเหรอ?”  เด็กหญิงถามอย่างลังเล

ไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนดูเหมือนจะวิตกอยู่บ้าง

ถังเทียนไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างเดียวแล้วยังพูดเสียงอู้อี้“อาหย่อยอิงๆ ง่ำๆ...”

องค์หญิงหมิงจูและพวกที่เหลือมึนงง

กู้เสวี่ยหัวเราะเบาๆ และแปลให้ฟัง  “เขาหมายความว่ามันอร่อยจริงๆ”

ทั้งสามคน  “.....”

หลิงซิ่วโกรธจนควันออกหู เจ้าพวกนี้... ชักจะมากไปแล้ว!

แต่เขาไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน ขุนพลวิญญาณทั้งหกต่อหน้าเขาทำให้เขาพบกับแรงกดดันมากแม้ว่าเขาจะขวางพวกมันไว้  เขาจำเป็นต้องตั้งใจเต็มที่เพื่อรักษาความเสถียรของสถานการณ์ไว้

ติง ติง ติง!

เสียงหอกและกระบี่ปะทะกันถี่ยิบ ขุนพลวิญญาณทั้งหกดูเหมือนจะสื่อกระแสจิตถึงกันและยังคงเปลี่ยนสลับตำแหน่งด้วยการประสานงานที่ดี  รังสีกระบี่ดำถูกเติมปราณยะเยือกอยู่ในภาย  ปราณเย็นแล่นผ่านปลายหอกไปตามด้ามหอก  นิ้วทั้งสิบของหลิงซิ่วก็รู้สึกเย็นเหมือนกัน

หอกทะเลจุดค่อยๆ ถูกรังสีกระบี่ดำล้อมไว้

แรงกดดันของหลิงซิ่วเพิ่มขึ้น  แต่เขาไม่สั่น เขายังคงถ่ายพลังเข้าหอกทะเลจุดต่อเนื่อง

ต้องเร็ว!

ต้องเร็วขึ้น!

ความสนใจของหลิงซิ่วเพิ่มสูงยิ่งขึ้น  และพลังปราณแท้ทั่วร่างของเขาถูกเร่งเร้าจนถึงระดับสูงสุด ขณะที่เขาพยายามเพิ่มความรวดเร็วในการโจมตีอย่างต่อเนื่อง จุดวิกฤติที่สุดในหอกทะเลจุดก็คือความเหมาะเจาะของเวลาในการโจมตี ยิ่งระยะห่างสั้นลงพลังของหอกทะเลจุดก็จะมากขึ้น

การไล่ตามเพื่อให้ระยะห่างการโจมตีสั้นลงมักเป็นจุดมุ่งหมายของหลิงซิ่ว

ขุนพลวิญญาณทั้งหกทำให้เขาเครียดอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่ตั้งใจยอมแพ้และขอให้ถังเทียนและคนที่เหลือช่วยเขาเพียงแต่คิดอยู่ในใจว่าต้องเร็วขึ้น ต้องเร็วขึ้น

เขาถูกดูดกลืนทุกท่วงท่าอย่างสิ้นเชิง  ขุนพลวิญญาณทั้งหกมีวิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยม พลังของรังสีกระบี่ดำไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย  แต่เมื่อขุนพลวิญญาณทั้งหกผนึกพลังกันอย่างนั้นก็ย่ำแย่แล้ว

ไจ๋เหิงจ้านมองดูอย่างกังวล  “นี่คือวิชากระบี่สายน้ำดำ  สถานการณ์ของหลิงซิ่วดูไม่ดีเลย”

ถังเทียนชำเลืองดู และไม่มีความกังวลใจสักนิด“อย่าดูแคลนซิ่วซิ่วน้อย เจ้าพวกนี้ไม่ใช่คู่มือของเขา”

ไจ๋เหิงจ้านตะลึง ถังเทียนมั่นใจมากจริงๆ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาอยู่ร่วมกันสองสามวันี้  เขารู้ว่าแม้ว่าบางครั้งถังเทียนจะไม่ใส่ใจอะไร  แต่เขาไม่เคยประมาทในการต่อสู้  เขาอาจจะสงสัยจริงๆว่าถังเทียนไม่มีเจตนาจะช่วย

อาจเป็นไปได้ไหมว่าวิชาหอกของหลิงซิ่วยังมีพลังลึกลับที่เขาสังเกตไม่ออก?

ไจ๋เหิงจ้านเบิกตากว้างและจ้องมองหลิงซิ่วอยู่นาน  แต่ยิ่งเขามองดูก็ยิ่งแน่ใจว่าหลิงซิ่วจะพ่ายแพ้ ขุนพลวิญญาณทั้งหกเริ่มคุกคามได้เปรียบ หอกทะเลจุดของหลิงซิ่วมีขนาดเล็กลง ฝ่ายหนึ่งหายไป ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเพิ่มขึ้น  พลังของกระบี่วารีดำเริ่มสำแดงผลได้ดี

หลิงซิ่วเริ่มรู้สึกกดดัน

ไจ๋เหิงจ้านไม่สามารถบอกได้ว่าหลิงซิ่วจะมีโอกาสชนะได้ยังไง  เขาไม่รู้ว่าทำไมถังเทียนถึงได้มั่นใจนัก  แต่เขาเตรียมตัวจะลงมือช่วยแล้ว

สายตาถังเทียนจับจ้องอยู่ที่ช่องว่างด้านหลังขุนพลวิญญาณ

จากตำแหน่งที่เขามองดูในภายห้องนั้นเป็นห้องมืดดำ  แต่โดยไม่มีใครรู้ถังเทียนมักจะเห็นภาพมายาว่าภายในถ้ำดำมืด ดูเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งคอยลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของพวกเขา

ถังเทียนเบิ่งตากว้าง พยายามมองให้เห็นชัด  แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหนักมากเท่าใดมันก็มืดเกินกว่าจะเห็นสิ่งใด

ทันใดนั้น เขายกขาและเตะออกไป ก้อนกรวดเล็กพุ่งออกไปเหมือนธนูกราดเกรี้ยว และหายเข้าไปในถ้ำ

ติง!

เสียงของก้อนกรวดปะทะผนังหินในถ้ำ

ถังเทียนขมวดคิ้ว มองอย่างตะลึง

ขณะนั้นเองหลิงซิ่วคำรามอย่างโกรธกริ้วออกมาจากในห้องโถง ถังเทียนกลับมารู้สึกตัวทันที และถอนสายตามามองดูหลิงซิ่ว

ไจ๋เหิงจ้านตะลึง พลังต่อสู้ของหลิงซิ่วกราดเกรี้ยวพุ่งขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ยครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่

นี่ นี่ นี่...

ไจ๋เหิงจ้านไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ เขาไม่เคยเห็นสถานการณ์อุกอาจกดดันเช่นนั้นมาก่อน  พลังต่อสู้จะระเบิดออกมาเช่นนั้นได้ยังไง?  หรือว่าหลิงซิ่วก็มีขุนพลวิญญาณด้วยเหมือนกัน?

“รู้ไหมว่าเขามีฉายาว่าอะไร?” ถังเทียนสังเกตว่าไจ๋เหิงจ้านและคนที่เหลือดูเหมือนกับคู่แข่งของตนเขาพูดด้วยความปลื้มใจทันที  “ฮ่าฮ่า!  หลิงซิ่วขี้โมโห!  ทันทีที่เจ้านี่โมโห  นั่นน่ากลัวมากเชียวละ”

“อย่าสู้กับเจ้านี่ตอนกำลังยัวะจัดดีกว่า”  ถังเทียนเสริม

หลิงซิ่วไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าถังเทียนกำลังยั่วให้เขาโกรธ  ภายใต้ความเครียดสะสม  ความโกรธของเขาก็พุ่งวาบขึ้นมา  นัยน์ตาสีแดงเพลิงลุกโชนเป็นประกายเหมือนไฟเผา  แม้แต่ผมสีเงินก็ตั้งชันอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งตัวของเขาระเบิดพลังออกมาแฝงไปด้วยอันตราย

บึ้ม!

หอกทะเลจุดเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วเป็นทวีคูณ ทะเลดวงดาวเพิ่มขึ้นและข่มขุนพลวิญญาณทั้งหกไว้ได้อีกครั้ง

เสียงหวีดหวิวประกายแสงเยือกเย็นเริ่มกระเพื่อมไหวทั่วทั้งห้องโถงดูเหมือนถูกครอบคลุมด้วยกระแสคลื่นดวงดาวเสียงหวีดหวิวดังทั่วทั้งห้องทำให้ทุกคนศีรษะมึนงง

ขุนพลวิญญาณทั้งหกดูเหมือนรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น พวกมันคำรามพร้อมกันและรวมตัวกันก่อรูปเป็นวงกลม

กระบี่ยาวทั้งหกเล่มไขว้กันในอากาศและปล่อยรังสีกระบี่ดำ  รังสีกระบี่ดำไขว้ต่อเนื่องกันก่อเป็นรูปวงแหวนปกป้องพวกเขาไว้ตรงกลาง

หอกทะเลจุดที่น่ากลัวกระแทกใส่วงแหวนรังสีกระบี่ดำและวงแหวนกระบี่ไม่กระทบกระเทือน ราวกับคลื่นทะเลกระแทกใส่แนวปะการัง  ปะการังยังคงตระหง่านแต่คลื่นทะเลกระหน่ำใส่ทุกแห่ง

การโจมตีที่ไร้ผลทำให้หลิงซิ่วโกรธยิ่งขึ้น

นัยน์ตาของเขากลายเป็นเหมือนทะเลเพลิง  เมื่อเขาคำรามลั่นด้วยความโกรธ  หอกเงินในมือของเขาหายไปทันที

หอกทะเลจุดทั่วทั้งท้องฟ้าหายไปทันที

แสงสว่างเย็นส่องประกายขึ้นที่วงแหวนรังสีกระบี่ดำ  เหมือนกับดาวตก

ทะลวงแก่นพิทักษ์ธรรม!

วงแหวนรังสีกระบี่ดำเป็นเหมือนกระดาษหายไปโดยไร้ร่องรอยขุนพลวิญญาณทั้งหกไม่มีเวลาได้หลบหนี และถูกแสงเงินแพรวพราวล้อมรอบไว้

ไจ๋เหิงจ้านตะลึงและมีเพียงความคิดเดียวที่แว่บเข้ามาในใจ  นี่มันไม่สมเหตุสมผล...

ทันใดนั้น กระแสลมเย็นเฉียดผ่านเขาไป  ไจ๋เหิงจ้านเรียกความรู้สึกกลับมาทันทีและเขาเห็นถังเทียนมองไปที่ฉากข้างหลัง

ถังเทียนเจออะไรกันแน่...

ทันใดนั้นม่านตาของเขาหรี่ลง

ภายใต้แสงแพรวพราวสีเงิน ถ้ำมืดสว่างขึ้นและเขาเห็นร่างๆ หนึ่งอยู่ที่นั่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด