ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 94 เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่ากระบี่ในมือข้าคมเพียงใด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 96 สุสานจักรพรรดิเปิดออก

(ฟรี)ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 95 ต่อให้ไม่ใช้กระบี่ข้าก็รับมือได้


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 95 ต่อให้ไม่ใช้กระบี่ข้าก็รับมือได้

กลิ่นอายที่ตึงเครียดกำลังลุกโชนขึ้นมา เจตนากระบี่ที่ทรงพลังทั้งสองปะทะกัน ก่อให้เกิดประกายไฟตามมา ในพริบตาเดียว ลมและหญ้าในระยะหนึ่งร้อยลี้ก็ได้รวมตัว ก่อตัวเป็นชั้นปราณกระบี่ขึ้นมา

เทียนจีซือถือกระบี่ของเขาไว้ในมือข้างหนึ่งและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า มองลงมายังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด นี่เป็นความเสียใจที่มีมาหลายปี อย่างไรก็ตาม ศัตรูของเขาเปลี่ยนจากสหายเต๋าซวนเทียนเป็นเย่ชิว

ความบอบช้ำจากเมื่อหลายปีก่อนยังคงฉายอยู่ในใจของเทียนจีซืออยู่ชัดเจน เขามองไปยังเย่ชิวด้านล่างอย่างดุร้าย สัมผัสได้ถึงเจตนากระบี่อันทรงพลังที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เจตนากระบี่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเขาได้ สายตาของเขาจับจ้องไปยังเย่ชิวและมองไปยังปราณกระบี่ระหว่างนิ้วของเขาและถามว่า “กระบี่ของเจ้าอยู่ที่ใดกัน”

เย่ชิววางมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังและโบกมือขวาเบา ๆ กระบี่ที่ควบแน่นอยู่ได้ระเบิดทันทีพร้อมปลดปล่อยปราณกระบี่ที่น่าตกใจออกมา “ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ข้าก็สามารถรับมือได้”

เขาไม่ได้ใช้สมบัติหรืออาวุธวิญญาณใด ๆ เขาใช้เพียงปราณกระบี่ที่ควบแน่นจากสองมือของเขาแทน

เย่ชิวควบคุมปราณกระบี่ได้ถึงจุดสมบูรณ์แบบมานานแล้วหลังจากที่ฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่พง แม้จะไม่ได้ใช้กระบี่ เขาก็ยังสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเคล็ดวิชากระบี่พงไพรได้

ใบหน้าชราของเทียนจีซือจมลงเมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงสบาย ๆ ของเย่ชิว

“ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก” เทียนจีซือโมโหขึ้นมาทันที เย่ชิวช่างหยิ่งผยองเกินไป แม้จะต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างเขา อีกฝ่ายกลับไม่ได้ใช้กระบี่ด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการดูถูกเขา

มันไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึกว่าเย่ชิวนั้นหยิ่งผยองเกินไป นี่คือผู้อาวุโสใหญ่ของภูเขาสวรรค์ แม้จะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นนี้กลับไม่ใช้อาวุธ ใช้เพียงร่างกายของตนแทน

“เขาหยิ่งยโสเกินไป ข้ายอมรับว่าเขาแข็งแกร่ง ทว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นใช่หรือไม่ ไม่ใช้กระบี่เสียด้วยซ้ำ เขากำลังดูถูกคู่ต่อสู้ของเขาอย่างชัดเจน”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเทียนจีซือก็ยังคงเป็นยอดฝีมือในขอบเขตยอดยุทธครึ่งก้าว แม้ว่าเมิ่งเทียนเจิ้งจากสำนักเยียวยาสวรรค์จะมาเอง เขาก็คงไม่กล้าดูถูกอีกฝ่ายเช่นนี้ใช่หรือไม่”

“เขาไม่ใช้กระบี่จริงหรือ”

ทุกคนคุยกันและรู้สึกว่าเย่ชิวหยิ่งผยองเกินไปจริง ๆ

เย่ชิวไม่ได้สนใจการสนทนาของทุกคน ร่างของเขาค่อย ๆ ผงาดขึ้นมา ร่างกายที่ตรงและดวงตาที่เฉียบคมของเขาเผยให้เห็นเจตนากระบี่ที่แพรวพราว เขากล่าวช้า ๆ “กระบี่ของข้ามีอยู่ทุกที่…”

“จงระวังให้ดี”

ทันทีที่เขากล่าวจบ เย่ชิวก็ใช้งานปราณกระบี่ของเขาทันที ทันใดนั้นลมแรงก็พัดมาไม่ขาดสาย

สีหน้าของเทียนจีซือมืดลง เขาจ้องมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าใบไม้และหญ้าทั้งหมดบนพื้นกำลังพัดไปมา

“นี่คือเคล็ดวิชากระบี่อันใดกัน” เทียนจีซือตกตะลึงอย่างมาก ทันทีที่เย่ชิวใช้งานเคล็ดวิชากระบี่ของเขา ใบไม้ทั้งหมดในระยะร้อยลี้ก็กลายแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ที่คมกริบอย่างหาที่เปรียบมิได้

หลังจากสงบสติอารมณ์ เทียนจีซือได้ทำการจำลองการต่อสู้อยู่ในใจของเขาและทันใดนั้นเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา

ในจิตใจ เขาเห็นว่าเคล็ดวิชากระบี่ของเย่ชิวนั้นได้ทำการสังหารตนเอง กระบี่ที่น่าสะพรึงค่อย ๆ ปรากฏขึ้น มีภาพทหารและม้าหลายพันคน ต้นไม้และต้นไม้กลายเป็นทหาร มีเลือดไหลเป็นสาย มีกระดูกกองพะเนินราวกับภูเขา เย่ชิวเป็นนายแห่งเขตแดน ไม่มีใครในเขตแดนนี้หลีกหนีชะตากรรมของการถูกสังหารไปได้

บนดินแดนรกร้าง สายลมกรรโชกอย่างรุนแรง

ในขณะนี้ เทียนจีซือตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ในตอนแรกเขาเห็นเย่ชิวเป็นเพียงเด็กเหลือขอที่มีความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ทว่าในขณะนี้ เย่ชิวเป็นเซียนกระบี่ที่คู่ควรกับคำชมอย่างแท้จริง

เทียนจีซือส่ายหัวด้วยใบหน้าซีดเซียวและกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ในโลกนี้มีเคล็ดวิชากระบี่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน มันต้องเป็นภาพลวงตา ใช่แล้ว เด็กคนนี้จงใจสร้างภาพลวงตาเพื่อบั่นทอนความตั้งใจของข้าและทำให้ข้าต้องล่าถอย…”

ดวงตาของเทียนจีซือเป็นประกายในขณะที่เขามองเย่ชิวอย่างเย็นชา

“ข้ายอมรับว่าเจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าเล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะข้าได้” ขณะที่เขาเย้ยหยัน ทำการเผชิญหน้ากับกระบี่อันแหลมคมของต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังโจมตีเข้ามา กระบี่สวรรค์ในมือของเทียนจีซือกวาดไปข้างหน้า ปลดปล่อยปราณกระบี่ทำการตัดผ่านพืชพันธุ์ข้างหน้าทันที

“เช่นนั้นหรือ” เย่ชิวเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัย เขาไม่ได้แปลกใจเลยที่พืชตัด เขามองไปยังเทียนจีซืออย่างเหยียดหยาม หากการโจมตีนี้ง่ายดายเพียงนี้มันก็ไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์

เทียนจีซือไม่ได้รีรอ หลังจากสิ้นสุด เขากวาดกระบี่ไปยังใบหน้าของเย่ชิว

เคล็ดวิชากระบี่สวรรค์นั้นไร้การควบคุม ราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆก็ว่าได้ ทว่ามันสามารถตัดพันธนาการห้วงมิติได้ในทันที ทรงพลังอย่างยิ่ง

เทียนจีซือรุกไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ทว่าการกระทำของเย่ชิวนั้นผิดปกติอย่างมาก เขาไม่ได้โจมตี ทว่ายังคงหลบหลีกการโจมตีของเทียนจีซืออย่างง่ายดายอยู่หลายครั้ง ทั้งสองสู้กันจากฟ้าสู่ดินจากดินสู่ฟ้า

พลังทำลายล้างนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง ป่าและภูเขาขนาดใหญ่ถูกตัดขาดจากปราณกระบี่ของเทียนจีซือ ทำให้เกิดแม่น้ำไหลมา ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเท่านั้น

ทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

“แม่เจ้า สองคนนี้ไม่แข็งแกร่งเกินไปหรอกหรือ ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน…”

“นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริงของขอบเขตปรมาจารย์ยุทธหรือ?”

ทุกคนอุทานอยู่ครู่หนึ่ง เคล็ดวิชากระบี่อันแพรวพราวนั้นทำให้พวกเขารู้สึกวิงเวียนขึ้นมาไม่น้อย

“ข้ามองเห็นไม่ชัดเลยแม้แต่น้อย พวกเจ้าทั้งสองช่วยชะลอความเร็วลงกว่านี้ไม่ได้หรือ? ไม่เห็นหรือว่าคนอื่นก็มีระดังพลังยุทธ์ที่ต่ำเหมือนกัน”

บางคนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พวกเขาได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ ทว่ากลับมองไม่เห็นความวิจิตรงดงามของมัน ทำให้เกิดหงุดหงิดขึ้มา

หลังจากปะทะกันหลายร้อยครั้ง เทียนจีซือก็ค่อย ๆ เริ่มมั่นใจเพราะเย่ชิว หลีกเลี่ยงกระบี่ของเขาอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่กล้าที่จะรับมือกับเขา ทำให้เขาเย้ยหยันขึ้นมา “ขุนเขาเมฆาม่วงของเจ้ารู้เพียงแค่การหลบหลีกหรอกหรือ”

“ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนั้น ข้าจะทำให้ท่านพอใจ…”

ในที่สุดเย่ชิวก็หยุดหลบหลีก จากการแลกเปลี่ยนกระบวนหลายร้อยครั้งเหล่านี้ เขาค่อย ๆ ค้นพบความลึกซึ้งของเคล็ดวิชากระบี่สววรค์ เขาหยุดนิ่ง ไม่ได้ขยับอีกต่อไป

“เป็นโอกาสที่ดี” ดวงตาของเทียนจีซือสว่างขึ้น ในที่สุดเขาก็แสดงสีหน้ามีความสุขเมื่อเย่ชิวตกหลุมพราง กระบี่สวรรค์หมุนวนไปรอบ ๆ ไม่นานเจตนากระบี่ก็ปะทุออกมาสุดกำลัง ฟันออกไปทันที

“ระวัง…” ในฝูงชน ฝูเหยากรีดร้องด้วยใบหน้าซีดเซียว อย่างไรก็ตาม เสียงอุทานโดยรอบดังเกินไปและกลบเสียงของนางอย่างหมดจด

“บัดซบ เหตุใดเขาไม่หลบอีกแล้ว”

“เป็นไปได้ไหมที่เขารู้ว่าตนเองต้องพ่ายแพ้จึงเลิกที่จะต่อต้าน”

ทุกคนต่างงงงวยและจ้องมองไปยังเหตุการณ์บนท้องฟ้า

เมื่อกระบี่ของเทียนจีซือมาถึงตรงหน้าเขา เย่ชิวก็ยื่นมือขวาออกมาแล้วใช้สองนิ้วหนีบเบา ๆ

ปัง!

เสียงของเจตนากระบี่ที่ปะทะกันทำให้เกิดเสียงโครมครามที่น่าตกใจตามมาในทันที และพลังมหาศาลก็ได้แผ่กระจายออกมาจากบริเวณโดยรอบ

ลมกรรโชกแรงทำให้ทุกคนลืมตาแทบไม่ขึ้น

เมื่อลมหายไปทุกคนก็ตกตะลึงในทันใด

ความเงียบงัน…

บรรยากาศเงียบลงอย่างด้วยความน่าสะพรึงกลัวในทันที

“นี่…”

มีคนส่งเสียงร้องด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่แล้วก็เงียบไป

บนท้องฟ้า เทียนจีซือมีสีหน้าหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อเห็นเย่ชิวหนีบเข้ากับกระบี่สวรรค์ของเขาอย่างแม่นยำ

“เป็นไปไม่ได้…” เขาไม่อยากเชื่อกับภาพตรงหน้า นี่เป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่เขาปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง แม้ว่ามันจะไม่ใช่การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา ทว่าอนุภาพของมันก็เกินกว่าขีดจำกัดที่ร่างกายของปรมาจารย์ยุทธจะรับได้

เย่ชิวป้องกันกระบี่นี้ด้วยนิ้วของเขาได้อย่างไรกัน

“อะไรหรือที่เป็นไปไม่ได้?” เย่ชิวยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัก อักขระสีทองกำลังไหลเวียนอยู่ระหว่างนิ้วของเขา บางทีอาจมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าอักขระสีทองคืออะไร

แน่นอนว่ามันคืออักขระของกระดูกมังกรที่แท้จริง

เหตุใดเขาถึงไม่ได้หวาดกลัวและไม่ได้ชักกระบี่ออกมา เพราะร่างกายของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ากระบี่ของมนุษย์

ด้วยการที่มีอักขระของกระดูกมังกรที่แท้จริง ทำให้ร่างกายของเย่ชิวมาถึงระดับของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณมานานแล้ว นอกจากนี้ เจตนากระบี่ของกระบี่พงไพรยังปกป้องร่างกายของเขาด้วยเช่นกัน หากเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีดังกล่าวได้ เขาคงจะเป็นขยะอย่างแท้จริง

ฉีอู๋ฮุ่ยไม่ได้พูดผิดในตอนนั้น

นิ้วที่แสนธรรมดานี้ป้องกันกระบี่ของเทียนจีซืออย่างง่ายดาย เย่ชิวเย้ยหยันขึ้นมาทันที “นี่คือ… เคล็ดวิชากระบี่ของภูเขาสวรรค์หรือ” เย่ชิวครุ่นคิดและกล่าวว่า “ดูเหมือนจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก”

“เจ้า…” เทียนจีซือโกรธมากจนแทบจะกระอักเลือดออกมา คำพูดของเย่ชิวนั้นเหมือนกับการตบหน้าเขาอย่างจัง

“ฮ่าฮ่า… นี่มันไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกขบขันทันทีที่ได้ยินเช่นนี้

คำพูดของเย่ชิวเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง แข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชากระบี่ใด ๆ ที่เขาเคยเสียอีก

“ก่อนหน้านี้เทียนจีซือยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจราวกับว่าเขาเป็นยอดฝีมือลำดับหนึ่งของโลก ตอนนี้สีหน้าของเขามืดมนจนน่ากลัว ข้าคิดว่าเขาอาจมีเจตนาสังหารแล้ว”

“ไม่คาดคิดว่าเย่เจินเหรินจะอ่อนโยนและละเอียดอ่อนขนาดนี้”

“สำหรับเขา ความสามารถของเขาในการทำให้คนอื่นอับอายนั้นเรียกได้ว่าสุดยอด”

ทุกคนหัวเราะเมื่อเห็นเช่นี้

เทียนจีซือโมโหขึ้นมา หัวใจของเขาจมดิ่งลงขณะที่มองไปยังเย่ชิวอย่างเย็นชา เสียงหัวเราะที่เยาะเย้ยในหูของเขาเป็นเหมือนคมกระบี่ที่เจาะทะลุหัวใจของเขาอย่างโหดเหี้ยม เดิมทีเขาเพียงต้องการสั่งสอนเย่ชิวและแก้แค้นสหายเต๋าซวนเทียนที่ทุบตีเขาในตอนนั้น

ไม่คาดคิดตนเองถูกจะทำให้ขายหน้าแทน สิ่งนี้เหมือนจะไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวอีกต่อไป

หากเขายอมรับความพ่ายแพ้ในวันนี้ ก็เท่ากับเป็นการบอกให้โลกรู้ว่าภูเขาสวรรค์นั้นด้อยกว่าสำนักเยียวยาสวรรค์ แล้วเทียนจีซือจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร เขากล่าวอย่างเย็นชาทันทีว่า “เจ้าบังคับข้าเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับความเย่อหยิ่งของเจ้า…”

ทันทีที่เขากล่าวจบ เทียนจีซือก็ออกแรงทันทีและดึงกระบี่สวรรค์ออกมา เขาโจมตีทางซ้ายขวา แสดงเคล็ดวิชากระบี่ชุดหนึ่งท่ามกลางเวหาทันที

ปราณกระบี่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นได้ก่อตัวขึ้นในชั่วพริบตา ครู่ต่อมา ค่ายกลกระบี่สวรรค์ก็ได้ปรากฏขึ้น

เย่ชิวก้มศีรษะลงและมองดูค่ายกลกระบี่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดกับตนเอง

“อืม… ค่ายกลกระบี่… น่าสนใจ” เขาได้เผยรอยยิ้มที่ขี้เล่นออกมา

ทุกคนต่างงงงวย คนที่ตาแหลมบางคนรับรู้แล้วว่าค่ายกลกระบี่สวรรค์เป็นมรดกสูงสุดของภูเขาสวรรค์ ค่ายกลกระบี่สวรรค์เป็นเคล็ดวิชากระบี่ระดับสวรรค์ อาจกล่าวได้ว่านี่เทียบได้กับเคล็ดวิชาเยียวยาสวรรค์ของสำนักเยียวยาสวรรค์

เย่ชิวไม่ได้ตื่นตระหนกเมื่อเขาเผชิญหน้ากับค่ายกลกระบี่ดังกล่าว ทว่ากลับยิ้มออกมาแทน

“เย่ชิว ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการเห็นสุดยอดเคล็ดวิชาที่แท้จริงของภูเขาสวรรค์ของข้าหรือ วันนี้ข้าจะให้เจ้าสมปรารถนา” หลังจากที่ค่ายกลกระบี่ก่อตัวขึ้น เทียนจีซือก็เผยรอยยิ้มที่มั่นใจและกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “อย่าโทษข้าที่ไม่เตือนเจ้า กระบี่นี้ทรงพลังอย่างยิ่ง เมื่อใช้แล้วจะเป็นกระบี่สังหารอย่างแน่นอน ข้าไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมมันได้ อย่าโทษข้าหากเจ้ารับไม่ได้และตกตายไป ยังไม่สายเกินไปยังเจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ในตอนนี้”

ก่อนที่จะเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่ เทียนจีซือจงใจขู่ว่าตราบใดที่เย่ชิวยอมรับความพ่ายแพ้และยอมรับความแข็งแกร่งของภูเขาสวรรค์ เขาก็สามารถพิจารณาปล่อยเย่ชิวไปได้ ท้ายที่สุด เขามาเพื่อสมบัติบนภูเขาเท่านั้น หากเขาใช้ค่ายกลกระบี่นี้จะเกิดการใช้พลังวิญญาณมากจนเกินไป จะไม่เป็นประโยชน์กับเขามากนัก

อย่างไรก็ตาม เย่ชิวดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น เขาก้มหน้าลงและศึกษาค่ายกลกระบี่ต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับค่ายกลกระบี่นี้”

“หยิ่งยโสโอหัง…” เทียนจีซือคลุ้มคลั่งขึ้นมา ตอนแรกเขาวางแผนที่จะปล่อยเย่ชิวไปแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้ชื่นชมมันทั้งยังเยาะเย้ยมรดกสูงสุดของภูเขาสวรรค์หน้าตาเฉย

ขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่ ทันใดนั้นมังกรที่น่าสะพรึงกลัวก็ผงาดหัวขึ้นมา ฉับพลัน กระบี่ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นเหนือหุบเหวสวรรค์

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนตกใจ

เย่ชิวทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าที เขามาถึงอย่างเรียบง่าย อยู่เหนือหุบเหวสวรรค์ ยืนอยู่ใต้กระบี่ขนาดใหญ่ ปราณกระบี่ทำลายล้างโลกนั้นได้กดทับลงมาทันที ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

“นี่…”

“นี่คือค่ายกลกระบี่ที่แท้จริง”

ทุกคนตกใจอย่างมาก ภายใต้กระบี่ขนาดใหญ่นั้น พืชพรรณในระยะหนึ่งร้อยลี้ดูเหมือนจะได้รับการฟื้นฟู ในชั่วพริบตา เย่ชิวก็ได้ควบแค่นปราณกระบี่หมื่นเล่มอีกครั้ง หวังสังหารภายใต้เขตแดนวัฏจักรสวรรค์

ทุกคนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายของกระบี่ที่ใบ้ไม้ใบหญ้าเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายร้อยเท่า

“แม่เจ้า นี่มันวิชากระบี่อันใดกัน ไม่เหนือธรรมชาติไปหน่อยหรือ”

“เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ค่ายกลกระบี่สวรรค์เป็นเพียงขยะเท่านั้น”

“ไร้สาระ ช่างไร้สาระเกินไป”

เย่ชิวได้สร้างค่ายกลกระบี่ขึ้นมาแล้ว

ปราณกระบี่ที่น่าตกใจปะทุขึ้นทันทีจากกระบี่ขนาดใหญ่ปรากฏเหนือหัวของเขา ในขณะนี้ เขาเป็นเหมือนเซียนกระบี่ที่ตกลงสู่โลกมนุษย์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายเซียน

เย่ชิวได้เข้ามาใต้กระบี่ขนาดใหญ่และกล่าวอย่างใจเย็นว่า “มายุติเรื่องนี้กันที่นี่ ข้าได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ามรดกสูงสุดของภูเขาสวรรค์ของท่านแล้ว อืม… จะว่าอย่างไรดี มันก็พอดูได้ ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะให้ท่านเห็นว่ามรดกของขุนเขาเมฆาม่วงที่ท่านเคยดูถูกนั้นเป็นอย่างไร เวลาของข้ามีจำกัด ข้าไม่ต้องการใช้เคล็ดวิชากระบี่พิเศษใด ๆ หากท่านสามารถรับมือการโจมตีนี้ได้ ข้าจะแสร้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“รับมือ!”

ทันทีที่เขากล่าวจบ กระบี่ขนาดใหญ่บนท้องฟ้าก็แผ่แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่ค่อย ๆ กดทับลงมา ฉับพลัน ปราณกระบี่ทั้งหมดในเขตแดนเริ่มโจมตี เทียนจีซืออย่างบ้างคลั่ง

ในขณะนี้ ใบหน้าของเทียนจีซือเต็มไปด้วยความซีดเซียวและอ่อนแออย่างมาก มือที่ถือกระบี่ก็เริ่มสั่นขึ้นมา เขาได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างค่ายกลกระบี่สวรรค์เพื่อขัดขวางการโจมตีจากปราณกระบี่ของเย่ชิว ทำให้รู้สึกอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเย่ชิวถึงยังสงบได้ ปรากฎว่าเขายังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชากระบี่ที่ทรงพลังด้วยซ้ำ นอกจากนี้ แหล่งที่มาของความมั่นใจของเขาคือการโจมตีครั้งนี้

เทียนจีซือไม่เข้าใจอย่าง แม้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะสหายเต๋าซวนเทียนในตอนนั้นได้ ทว่าเหตุใดตอนนี้เขาถึงเอาชนะศิษย์ของอีกฝ่ายไม่ได้

เย่ชิวดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะมหัศจรรย์ เขายกมือขวาขึ้นเบา ๆ บีบสองนิ้วเข้าหากันแล้วสะบั้นลงอย่างเชื่องช้าง

ในพริบตาเดียว กระบี่ขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือหัวของเขาก็ฟันลงมา

เทียนจีซือเผยให้เห็นความหวาดกลัว เขาไม่ได้ยั้งมืออีกต่อไป ทำการปะทุพลังอย่างเต็มที่ ในที่สุดเขาก็ใช้ความแข็งแกร่งของเขาในฐานะยอดยุทธครึ่งก้าวออกมา ทำการโบกกระบี่ด้วยมือขวาและหยิบหม้อต้มออกมาด้วยมือซ้ายและใช้มันปิดกั้นเหนือหัวตนเอง

พลังงานที่หลุดรอดออกมาได้แผ่กระจายออกไป ทำให้ดินแดนรกร้างในรัศมีหนึ่งร้อยลี้เกิดยุ่งเหยิงขึ้นมาทันที

ปัง…

กระบี่ขนาดใหญ่ฟันลงมาพร้อมเสียงอันน่าสยดสยอง พื้นดินทั้งหมดต่างสั่นสะเทือน แม้แต่สัตว์อสูรขอบเขตยอดยุทธสี่ตัวที่ต่อสู้อย่างดุเดือดบนภูเขาที่ห่างไกลก็ยังมองมาด้วยความประหลาดใจ

“อั่ก…”

เทียนจีซือระอักเลือดคำโตออกมาเต็มปาก แทบจะป้องกันกระบี่นี้ไม่ได้ แม้ว่าหม้อต้มจะแตกก็ตาม ช่างน่าเสียดายที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบจะเสียชีวิต

ในขณะนั้น เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย จิตวิญญาณของเขารู้สึกกดดันอย่างมากภายใต้แรงกดดันของกระบี่เล่มนั้น

“แม่เจ้า ช่างรุนแรงเกินไป…”

ไม่มีคำใดที่สามารถอธิบายถึงการโจมตีครั้งนี้ได้ ทุกต่างคนตะลึง พวกเขามองไปยัง เย่ชิวด้วยความเคารพ ในขณะนี้ ไม่มีใครกล้าถามถึงความแข็งแกร่งของเย่ชิวและเรียกเขาว่าหยิ่งผยองอีกต่อไป

“ศิษย์พี่…”

หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง หลี่เต๋าหยวน หลี่ชางกง และคนอื่น ๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อช่วยเหลือเทียนจีซือ ทำการปกป้องเส้นลมปราณและหัวใจของเขา

ครู่ต่อมา เย่ชิวค่อย ๆ ร่อนลงมาจากท้องฟ้า ปรากฏตัวที่ด้านข้างของเทียนจีซือ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็กล่าวว่า “มรดกสูงสุดของภูเขาสวรรค์ อืม… ก็ไม่นับว่าเป็นอันใด”

“อั่ก…” เทียนจีซือกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่งแล้วหมดสติไปทันที

ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก

“เวรเอ๊ย ไม่คาดคิดว่าจะเจอความอัปยศอดสูเช่นนี้แล้วหมดสติไป…”

“ไม่คาดคิดว่าจะซ้ำเติมคนอื่นแม้จะใกล้ตาย โหดเหี้ยมเกินไป”

กล่าวขบเย่ชิวก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว มันคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่ต่อ

“ศิษย์พี่ ตื่นเถิด…” หลี่ชางกงและคนอื่น ๆ รู้สึกอ้างว้างขณะที่พวกเขามองไปยัง เทียนจีซือที่ไม่ได้สติ จากนั้นเขาก็มองไปยังฝูงชนและเข้าใจว่าภูเขาสวรรค์ได้สูญเสียศักดิ์ศรีไปในวันนี้

ผู้อาวุโสลำดับหนึ่งแห่งภูเขาเซียนไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะปรมาจารย์ของ ขุนเขาเมฆาม่วงได้ หากข่าวนี้แพร่ออกไป ภูเขาสวรรค์คงไม่สามารถรับตัวศิษย์พี่มีพรสวรรค์ได้อีก ตราบใดที่คนเหล่านั้นมีพรสวรรค์และฉลาด พวกเขาก็คงเลือกตัวที่ดีกว่าอย่างแน่นอน

“ไปกันเถอะ…” หลังจากกล่าวอย่างเย็นชา หลี่เต๋าหยวนก็อุ้มเทียนจีซือและจากไปด้วยความโมโห ถ้าพวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็จะมีแต่น่าอายมากขึ้นเท่านั้น

5 2 โหวต
Article Rating
5 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด