ตอนที่แล้วตอนที่ 7-16 เตาหลอม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7-18 มือที่ขาดหาย?

ตอนที่ 7-17 ดาบหนัก ‘เบลดเลส’


สายฟ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้ผ่าลงมาด้วยความเร็วสูงและเร็วกว่าพลังสายฟ้าของนักเวทธาตุสายฟ้าหลายเท่า ตอนนี้ไม่มีผู้ใดตั้งตัวได้ทันสายฟ้าพุ่งลงใส่ดาบหนักที่กำลังชูขึ้นอยู่

“อ๊าห์...” วินเซนต์ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดขณะที่ร่างของเขามีเพลิงสีน้ำเงินลุกโหมซึ่งมีเปลวเพลิงเงินผสมอยู่ข้างใน

“ตุ้บ!” ดาบหนักร่วงลงพื้น

ขณะเดียวกันวินเซนต์ทรุดตัวลงเช่นกัน เขาบิดตัวไปมา โดยเฉพาะแขนขวาของเขาถูกเผาไหม้เกรียมหนักจนได้กลิ่นเนื้อไหม้แม้แต่หลังจากที่ล้มลงไปแล้ว ร่างของวินเซนต์ยังคงกระตุกและมีเลือดไหลออกจากปากของเขา

“พ่อ!” บุตรชายทั้งสองโยเทียนกับเทรย์ร้องขึ้นพร้อมกันขณะที่พวกเขารีบเข้ามาทันที

“ท่านวินเซนต์!”  ทั้งลินลี่ย์และมอนโร ดอว์สันตกตะลึงเช่นกัน

สายฟ้าผ่าตามธรรมชาตินี้มีพลังงานมหาศาลมิใช่ว่าไม่เคยได้ยิน แม้แต่นักรบที่ทรงพลังก็ตายได้เนื่องจากถูกฟ้าผ่าทุกคนวิ่งเข้าไปรุมล้อมวินเซนต์ ขณะที่มอนโร ดอว์สันตะโกนลั่น “เร็วเข้าท่านอาร์มันด์ มาเร็วๆ”

อาร์มันด์เป็นจอมเวทสายธาตุแสงภายใต้คำสั่งของมอนโร ดอว์สันให้รักษาดูแลเป็นพิเศษ เขามีทักษะในด้านรักษาผู้คนมาก

“ขอรับ” เมื่อเห็นเช่นนี้,ยามเฝ้าประตูแตกตื่นและรีบวิ่งไปตามจอมเวทอาร์มันด์ทันที

จอมเวทอาร์มันด์มาถึงในเวลาไม่นาน  เขาเป็นชายชรามีเคราขาวโพลน  เขาไม่พูดอะไรสักคำรีบร่ายเวทแสงทันที แขนขวาที่ไหม้เกรียมเกือบทั้งหมดของวินเซนต์เริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและชัดเจน  ในไม่ช้ารอยบาดแผลบาดเจ็บก็หายไป

“ข้า..ข้าไม่เป็นไร” วินเซนต์ฝืนพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“อาการภายในเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”อาร์มันด์ถามทันที

นักรบผู้ทรงพลังสามารถรู้สึกถึงอาการภายในของเขาได้ง่าย การตรวจสอบนี้ถูกต้องดีกว่าการสังเกตภายนอกของพวกจอมเวท

วินเซนต์ส่ายหัว  “ข้าไม่เป็นไร ข้าต้องการเวลาสักเล็กน้อยเดี๋ยวข้าก็ดีเอง”

“ท่านอาร์มันด์ อาการบาดเจ็บของท่านพ่อไม่มีอะไรให้ท่านต้องกังวลต่อไปแล้ว” โยเทียนพูดห้วนๆเช่นกัน

คำพูดเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้มอนโรดอว์สัน, ลินลี่ย์, เรย์โนลด์, จอร์จและคนอื่นๆ พวกเขาเพิ่งเห็นอยู่หยกๆว่าวินเซนต์อ่อนแรงมาก วินเซนต์เป็นนักรบที่แข็งแกร่งมากสำหรับเขาแล้วความอ่อนแอคราวนี้หมายความว่าได้รับบาดเจ็บหนัก

แต่ทันใดนั้นลินลี่ย์จำได้จากบันทึกที่เขาได้รับตกทอดมาเกี่ยวกับนักรบเพลิงม่วง

นักรบเพลิงม่วงมีพลังที่รู้จักกันว่าพลังอมฤตหวนกำเนิด พูดให้ถูกก็คือพวกเขาสามารถฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์นั่นเอง

“ท่านวินเซนต์นี้อยู่ในระดับเพลิงน้ำเงินและแทบยังไม่ได้เข้าสู่ระดับเพลิงขาวเลยเขายังคงอยู่ห่างจากระดับเพลิงม่วงอยู่มาก มีแนวโน้มว่าเขายังไม่ได้ทักษะอมฤตหวนกำเนิดแต่เขาน่าจะยังสามารถรักษาบาดแผลเขาได้” ลินลี่ย์เข้าใจ

สี่สุดยอดนักรบ

นักรบเลือดมังกรนับได้ว่าเป็นนักรบที่มีศักยภาพในการต่อสู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ขณะที่นักรบเพลิงม่วงเนื่องมาจากทักษะดับแล้วเกิดใหม่  นักรบพยัคฆ์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความเร็วในการโจมตี  ขณะที่นักรบอมตะมีชื่อเสียงในเรื่องความแข็งแรงและอดทน

“ลุงดอว์สันอาจารย์วินเซนต์มีเคล็ดลับในการฟื้นฟูตนเองจากบาดแผลของเขาได้  เขาไม่จำเป็นต้องรับยาแต่อย่างใด”  ลินลี่ย์กล่าว

มอนโรดอว์สันพยักหน้า จากนั้นให้คำแนะนำอาร์มันด์  อาร์มันด์ให้คำแนะนำที่ดีกับวินเซนต์จากนั้นจึงกลับออกไป  สำหรับวินเซนต์ เขานอนพักอยู่ราวๆ สิบนาทีหลังจากนั้นเขาดูดีขึ้นมาก

ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้  ความสามารถในการฟื้นฟูของนักรบเพลิงม่วงเป็นพลังที่พิเศษจริงๆ

“ลินลี่ย์, ดาบหนักของเจ้า”  หลังจากฟื้นฟูได้เล็กน้อยแล้ว  วินเซนต์เริ่มห่วงผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา  “เร็ว, นำมาให้ข้าดู ข้าหวังว่าจะไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับดาบ”

ช่วงเวลานี้ทุกคนจึงให้ความสนใจกับดาบที่ถูกทิ้งอยู่ พวกเขาทึ่งกันทุกคน! ตอนนี้ดาบสีดำสนิทสะท้อนผิวเงาสีน้ำเงินเลือนรางเหมือนกับมีชั้นน้ำแข็งฉาบอยู่ด้านบน

“ขอข้าดูซิ” วินเซนต์เร่ง

ลินลี่ย์จับดาบหนักและยื่นให้วินเซนต์ทันที  ทุกคนในตอนนี้มีแต่วินเซนต์เท่านั้นที่มีความรู้เรื่องอาวุธจริงๆ

วินเซนต์ยังไม่ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บเต็มที่ดังนั้นแม้แต่จะยกดาบหนักขึ้นก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาเขาทำได้แต่เพียงจับด้ามที่ปลายด้านหนึ่งของดาบ ส่วนที่เหลือยังอยู่กับพื้น  หน้าของวินเซนต์เคร่งเครียดมาก  และด้วยมือซ้ายของเขา  เขาเริ่มเคาะกับแผ่นของดาบหนัก

“แต๊ง แต๊ง  แต๊ง!”

เสียงเคาะต่อเนื่องได้ยินคมชัด  วินเซนต์เริ่มใช้แรงมากขึ้นในการเคาะแต่ละครั้งและเสียงสะท้อนก็ดังเพิ่มขึ้นเช่นกัน วินเซนต์เคาะทุกส่วนของดาบหนักเปลี่ยนตำแหน่งต่อเนื่องตลอดเวลา

ขณะที่ทำเช่นนั้นวินเซนต์ตั้งใจจ้องมองดาบขณะฟังเสียง

ที่อยู่ใกล้เขาคือลินลี่ย์ มอนโร ดอว์สันและคนอื่นๆ แทบหยุดหายใจ  พวกเขารู้ว่าวินเซนต์กำลังประเมินดาบหนักเมื่อเห็นว่าสายฟ้าฟาดจะสร้างความเสียหายหรือความเปลี่ยนแปลงกับมันหรือไม่  ที่สำคัญสายฟ้าฟาดลงมาหลังจากเพิ่งเทของเหลวลงไป

“ริงงงง”ด้วยการดีดนิ้วครั้งเดียวของวินเซนต์ ดาบหนักทั้งเล่มก็เปล่งเสียงไพเราะ เมื่อได้ยินเสียงที่สมบูรณ์เพียบพร้อมนุ่มนวลแววยินดีแทบคลั่งปรากฏบนใบหน้าของวินเซนต์

“สวรรค์โปรด, สวรรค์โปรดแท้ๆ”

หน้าของเขาเต็มไปด้วยแววร่าเริงยินดี  วินเซนต์หันไปมองลินลี่ย์  “ลินลี่ย์นี่คงเป็นความต้องการของสวรรค์ที่จะให้เจ้าได้ครอบครองดาบเทพเล่มนี้”

“ท่านวินเซนต์ เกิดอะไรขึ้นกับดาบหนักเล่มนี้?” มอนโร ดอว์สันถาม

วินเซนต์อธิบาย “ส่วนที่ยากที่สุดในการสร้างอาวุธจากอดาแมนเทียมก็คือดึงศักยภาพของอดาแมนเทียมออกมาทั้งหมด เนื่องจากโลหะผสมมีความสำคัญด้อยกว่าอดาแมนเทียม  แม้ว่าวิธีลับของตระกูลข้าจะช่วยให้ข้าจะช่วยให้ข้าผสมโลหะคุณภาพสูงเข้ากับอดาแมนเทียมได้แต่แน่นอนว่าข้ายังไม่สามารถผสมโลหะได้อย่างสมบูรณ์เต็มร้อยได้”

“กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือดาบที่ข้าเพิ่งสร้างนั้นไม่ได้สมบูรณ์เต็มที่ยังมีจุดที่ไม่สอดคล้องกันดีในแต่ละจุด”

ท่าทางที่ยินดีอย่างเหลือเชื่อปรากฏบนใบหน้าของวินเซนต์ “แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ข้าหลอมดาบเสร็จสิ้น  ข้ากลับถูกสายฟ้าฟาดซึ่งทำให้ส่วนเล็กน้อยที่ยังไม่เข้ากันได้ผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์ ศักยภาพเต็มของอดาแมนเทียมจึงถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ นี่เป็นประสงค์ของฟ้า  สวรรค์โปรดแท้ๆ”

ลินลี่ย์ก็ดีใจเช่นกัน

“น้องสาม ขอแสดงความยินดีด้วย”  เยล,เรย์โนลด์และจอร์จเริ่มยิ้มกันทุกคน พวกเขาทุกคนเข้าใจ หลังจากทนรับถูกฟ้าผ่า คุณภาพของดาบหนักของลินลี่ย์ก็ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ

“ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้นรอยสะท้อนสีน้ำเงินเลือนรางบนผิวของดาบหนักนี้ ”ข้าลองสัมผัสผิวมันดูแล้ว และมันเรียบลื่นอย่างเหลือเชื่อ มีแนวโน้มในอนาคตว่าเมื่อเจ้าใช้ดาบนี้ฆ่าผู้ใดก็ตาม ก็จะไม่มีเลือดติดอยู่เลย” วินเซนต์หัวเราะ

“ฆ่าโดยไม่มีรอยเปื้อนเลือด” มอนโรดอว์สันถอนหายใจชมเชยเช่นกัน

การสร้างดาบหนักนี้ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์แน่นอนเพราะทุกคนได้เห็นภาพที่น่าอัศจรรย์

“ดาบหนักนี้แต่เดิมสีดำสนิทแต่ตอนนี้มีชั้นประกายแสงสีน้ำเงินฉาบอยู่บนผิวเห็นทีแรกนึกว่าเป็นสีน้ำเงินเข้มเสียอีก” เยลถอนหายใจด้วยความรู้สึกทึ่ง

ดาบนี้มีกลิ่นอายที่สง่างามมากจริงๆ

“โยเทียน, เทรย์ ไปเอาไม้วัดมาให้ข้า” วินเซนต์สั่ง  หลังจากงานตีดาบปกติเขาจะต้องดูขนาดสัดส่วนดาบที่ถูกต้อง ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าดาบนี้หนักมาก แต่เขาไม่สามารถระบุได้ว่าหนักเท่าใดกันแน่

มอนโรดอว์สันหัวเราะอย่างสบายใจ ขณะที่เขามองดูพวกเขาใช้เวลาในการวัดดาบนี้

“ดาบนี้ยาว 1.41 เมตร  น้ำหนักคือ..” เยลและคนอื่นๆ เริ่มมารุมดูน้ำหนักดาบทันที เมื่อพวกเขาเห็นคนหลายคนช่วยกันพวกเขาก็พากันประหลาดใจ

“3600 ปอนด์! คือน้ำหนักดาบสรุปก็คือดาบยาว 1.41 เมตรและหนัก 3600 ปอนด์” เรย์โนลด์ร้องเสียงหลง นี่มันคือดาบหนักมากจริงๆ  และว่ากันตามความยาวก็คงเหมาะสำหรับลินลี่ย์เท่านั้น

นอกจากนี้ลินลี่ย์ยังไม่เติบโตเต็มที่ พลังของเขายังคงเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน เป็นธรรมดาที่ว่าดาบนี้ขอเพียงเติบโตขึ้นก็จะยิ่งใช้ได้ง่ายในอนาคต

“น้องสาม ดาบหนักเล่มนี้จะตั้งชื่อว่าไง?  เร็วเข้า ตั้งชื่อเลย”  เยลเป็นคนแรกที่พูด

วินเซนต์และคนอื่นมองลินลี่ย์กันทุกคน

เรย์โนลด์ทะลุกลางปล้องขึ้นมา“นี่มันเกิดจากการถูกฟ้าผ่า ข้าว่าชื่อสายฟ้าสวรรค์ก็คงเท่ดีไม่หยอก?”

“นั่นหยาบเกินไป”  จอร์จส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“อย่างนั้นจ้าวสายฟ้าเป็นไงบ้าง?”เรย์โนลด์พูดต่อ

เยลและทุกคนเริ่มหัวเราะ  มอนโร ดอว์สันหยอกล้อ “เรย์โนลด์ทำไมถึงเรียกว่าจ้าวสายฟ้าล่ะ? เรียกว่าดาบเรย์โนลด์ก็สิ้นเรื่อง”

เรย์โนลด์หงุดหงิดและเงียบหลังจากแค่นเสียง“ฮึ่ม!” “ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าสายฟ้าก็ได้” ลินลี่ย์หัวเราะ “เนื่องจากว่าไม่มีวิธีทำให้ดาบนี้มีความคมได้ อย่างนั้นเราเรียกว่า ‘เบลดเลส’ (ดาบไร้คม)” ลินลี่ย์เลือกชื่อธรรมดตั้งเป็นชื่อดาบอย่างง่ายๆ  แต่ลินลี่ย์ก็ชอบชื่อนี้

“เบลดเลส? ดาบหนักเบลดเลส? ไม่เลว” เยลพยักหน้า

“เบลดเลส”

วินเซนต์ โยเทียนเทรย์และคนอื่นชื่นชมชื่อนี้ชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้า

วันนั้น มอนโรดอว์สันมอบฝักดาบของดาบหนักอย่างดีให้ลินลี่ย์ มันมีสีน้ำเงินเข้มและทำจากโลหะที่มีค่า มีขนาดยาวเพียงครึ่งเมตรแต่เปิดออกได้ทั้งสองด้าน  ลินลี่ย์สามารถสอดดาบหนักไว้ในฝักจากด้านใดก็ได้อีกครึ่งหนึ่งจะมองเห็นได้

นี่คือวิธีสอดเก็บดาบหนักที่ออกแบบมาอย่างไม่ธรรมดาฝักดาบหมายถึงส่วนที่ปิดดาบที่ยาวมากทั้งด้าม แต่เมื่อนักรบจะชักดาบจากฝักฝักดาบยาวเมตรหนึ่งจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพและขวางการทำงาน ฝักดาบยาวครึ่งเมตรจะเบามากและไม่ทำให้เกิดอุปสรรคแต่อย่างใด

คืนนั้นมีการจัดเลี้ยง

ลินลี่ย์แต่งตัวในชุดนักรบและสะพายดาบไว้กับตัวต้องขอบคุณกับการฝึกฝนระยะยาวของเขา ส่วนสูง 1.9เมตรของเขาทำให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอน และชุดนักรบของเขาก็ดูมีเสน่ห์ด้วยดาบหนักที่อยู่บนหลังเขา ทำให้เขามีกลิ่นอายของนักดาบหนักผู้ทรงพลังคนหนึ่ง

“ฮ่าฮ่า ลินลี่ย์” มอนโรดอว์สันหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์  “ตามความคิดของข้าไม่มีใครเห็นเจ้าแล้วจะยอมเชื่อว่าเจ้าคือจอมเวทอัจฉริยะ”

ลินลี่ย์สะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นเขาหัวเราะเช่นกัน

แต่งตัวอย่างนี้ ตามปกติคงยากที่คนอื่นจะระบุได้ว่าเขาคือจอมเวท

“ข้าจำได้ว่าเมื่อเรามาถึงสถาบันเอินส์ครั้งแรกตอนที่เราอยู่ปีหนึ่ง น้องสามอายุเก้าปีเอง แม้แต่ตอนนั้นเขาสามารถจับเด็กอายุเก้าปีที่ชนะเลิศการแข่งขันโยนออกไปไกล  ตั้งแต่ตอนนั้นข้าก็รู้แล้วว่าน้องสามมีพรสวรรค์ทางด้านนักรบด้วยเหมือนกัน”  เยลหัวเราะ

ทุกคนกำลังร่าเริงยินดีกับงานเลี้ยงนี้และหลังจากได้รับดาบหนักนี้แล้ว ลินลีย์ก็รู้สึกยินดีเช่นกัน

“เมื่อข้ามีเวลาข้าจะต้องวิเคราะห์และฝึกใช้ดาบหนักแน่นอน” ลินลี่ย์ตัดสินใจแล้ว เมื่อเขาได้รับเทพกระบี่เลือดม่วงในตอนแรกลินลี่ย์ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเข้าใจวิธีที่ดีที่สุดในการใช้กระบี่ยืดหยุ่นอย่างเทพกระบี่เลือดม่วงได้

แต่ลินลี่ย์มีความรู้สึกว่าเมื่อพูดโดยเปรียบเทียบกับการฝึกกับกระบี่เลือดม่วงจะไม่ยาก ขอเพียงมีพลังและความเร็ว

แต่ดาบหนักนี้หนักถึง3600 ปอนด์

มองอย่างผิวเผินดูเหมือนว่าเทคนิคการใช้ดาบหนักจะง่าย คือใช้ ป้อง, รุก, กระแทก ฯลฯแต่ลินลี่ย์รู้ว่านั่นเป็นแค่ท่าพื้นฐาน การใช้ดาบนี้ให้เต็มศักยภาพไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแน่  เขารู้เรื่องนี้เพราะบันทึกในตระกูลของเขาได้อธิบายถึงวิธีที่บรรพบุรุษของเขาใช้งานค้อนศึกขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามีความลึกลับซับซ้อนเกี่ยวกับวิธีใช้ค้อน

แล้วการต้องนำอาวุธหนักออกมาใช้เต็มพลังและศักยภาพเล่า?

นี่เป็นเรื่องที่ยากมาก

แต่เมื่อสำเร็จก็จะได้พลังมามหาศาล

งานเลี้ยงเลิกรา

ลินลี่ย์เริ่มฝึกฝนท่าดาบง่ายๆในพื้นที่ลานว่างเปล่าในพื้นที่ของหอการค้าดอว์สัน พยายามรู้สึกถึงความสมดุลของดาบหนักและวิธีที่มันรู้สึกได้เมื่อฟาดฟัน  ขณะที่ลินลี่ย์กำลังรู้สึกดื่มด่ำกับความรู้สึกพื้นฐานในการใช้ดาบ....

“เจ้านาย, เจ้านาย!รีบกลับมา, เร็วเข้า เคลย์ปรากฏตัวแล้ว!” เสียงตื่นเต้นของบีบีดังขึ้นในใจเขาทันที

ลินลี่ย์ดึงความรู้สึกกลับมาเป็นปกติทันที

“เคลย์กลับมา”ลินลี่ย์ที่รู้สึกถึงความสงบใจเย็นก่อนนั้น เต็มไปด้วยความตื่นเต้นทันที  และร่างของเขาเริ่มปลดปล่อยพลังทันที  เขาไม่มีเวลาอธิบายพี่น้องของเขามากนัก   เขารีบล่ำลาง่ายๆ และจากนั้นมุ่งกลับที่พักของตนด้วยความเร็วสูงทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด