ตอนที่แล้วตอนที่ 9 : คำตัดสิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 : ขายหนังและเขาสัตว์

ตอนที่ 10 : บทสรุป


หยวนตู้มีความคิดมากมายถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะถูกขังเลย แต่เมื่อมองดูทิศทางที่วันนี้พาไปแล้ว ดูเหมือนการถูกจับขังจะเป็นจริงในอีกไม่นาน

หยวนตู้กลั้นหายใจด้วยความกลัวในคำตัดสินที่กำลังจะมา

หลี่เผิงประกาศ

“หยวนตู้ ใส่ร้ายว่าหลินมู่เป็นโจร และทำร้ายเขาพร้อมกับคนงานคนอื่นที่ถูกกระตุ้นจากเจ้า เจ้ามีโอกาสพูดแก้ตัวครั้งเดียวเท่านั้น”

“ขะ…ขะ…ข้าบริสุทธิ์นะใต้เท้า ข้าแค่พยายามปกป้องเงินของท่านเจ้าเมืองและไม่ให้เด็กนี่มาขโมยแอปเปิ้ลจิตก็เท่านั้น”

“ข้าตะโกนใส่เพราะว่ามันกลับมาที่เมืองตอนที่ใต้เท้าเนรเทศมันออกไป ข้าทำร้ายมันให้มันหลาบจำและไม่กลับมาอีก”

หลี่เผิงเลิกคิ้ว

“ข้าไม่เคยพูดว่าเนรเทศเขาไม่ใช่รึ? ข้าให้ทหารพามันไปทิ้งนอกเมือง แต่มิใช่เนรเทศ บทลงโทษคือการให้ถูกยึดทรัพย์และโยนทิ้งนอกเมือง มิใช่เนรเทศ”

“แต่…แต่ใต้เท้า ข้าคิดว่าท่านหมายถึงเนรเทศในตอนที่ท่านพูดว่าโยนมันทิ้งนอกเมือง…ข้าแค่คิดไปเอง”

หลี่เผิงพูดพลางจะหัวเราะ

“หืม? คนงานอย่างเจ้ามีหน้าที่คิดไปเองกับคำตัดสินของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ฮื่มม เจ้าลืมว่าเจ้าไปใครไปแล้วรึ?”

หยวนตู้เหงื่อแตกเต็มหลังอีกครั้ง หยวนตู้พูดไม่ออกเมื่อได้ฟังคำพูดหลี่เผิง เหมือนมีก้อนหินติดคอของเขา

หลี่เผิงพูดต่อขณะที่มองใบหน้าเย็นเฉียบราวน้ำแข็งของหยวนตู้

“จบเรื่องแล้ว ฟังบทลงโทษเจ้าซะ”

“หยวนตู้มีความผิดฐานใส่ร้ายว่าหลินมู่เป็นโจร ชี้นำผู้คนให้ทำร้ายหลินมู่ และทำให้การเก็บเกี่ยวข้าลง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

“ข้าสั่งเฆี่ยนหยวนตู้ยี่สิบหนและจองจำหนึ่งเดือน”

“ทหาร เอามันไป”

เมื่อได้ฟังคำสั่งของหลี่เผิง ทหารได้เข้าจับกุมหยวนตู้ที่ทำหน้าตกตะลึงและลากตัวเขาไปรับโทษ

หลินมู่ตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตัดสินของหลี่เผิง เขาตั้งใจเพียงแค่จะช่วยตัวเองจากการถูกใส่ร้าย เขาไม่คิดเลยว่าหยวนตู้จะเป็นฝ่ายถูกลงโทษเสียเอง เขาหันไปหาทหารรับจ้างทั้งสามโดยที่ไม่รู้เลยว่าเหตุใดพวกเขาจึงเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นแผ่นเหล็กที่หลี่เผิงแสดงออกมา แต่ถึงอย่างนั้นหลินมู่ก็ดีใจที่พวกเขาเป็นพยานและบอกความจริงให้

เมื่อตัดสินโทษแล้ว หลี่เผิงมองไปทางคนงานที่ยังคงยืนอยู่ เขารวบรวมเสียงตะโกน

“พวกเจ้ามายืนหาสิ่งใดกัน!? กลับไปทำงานได้แล้วถ้าไม่อยากถูกลงโทษ!”

เหล่าคนงานรีบกลับไปทำงานด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่คิดจะรังแกหลินมู่อีกแล้ว

“บอกหัวหน้าหมู่บ้านให้รีบตรวจทหารรับจ้างแล้วให้เขาผ่านทาง อย่างให้พวกเขามารบกวนการทำงานเรา”

หลี่เผิงพูดกับทหารที่รีบวิ่งไปที่เมืองและส่งต่อคำสั่งไปที่หัวหน้าหมู่บ้าน

หัวหน้าทหารรับจ้างพยักหน้าและขอบคุณ เขาเดินไปที่คณะทหารรับจ้างและคิดในหัวว่าอย่างน้อยพวกเขาน่าจะได้อะไรตอบแทนบ้างจากการมาเป็นพยาน

เมื่อทุกคนไปแล้ว หลี่เผิงมองเด็กหนุ่มที่สวมชุดป่านสีน้ำตาลที่มีรอยปะเต็มตัว แสดงถึงอายุของชุด เขามีร่างกายผอมบาง ดูอาจจะเป็นเพราะการขาดสารอาหาร ผมสั้นของเขายุ่งไปหมด

“ไปได้แล้ว เจ้าอยู่ก็รังแต่จะให้คนงานทำงานช้าลง”

หลี่เผิงพูดอย่างร้อนใจ เมื่อได้ยินหลี่เผิงแล้ว หลินมู่ที่กำลังมองทหารรับจ้างหันกลับมาประสานมือ เขาคำนับและพูด

“ขอบคุณใต้เท้า ความยุติธรรมของท่านทำให้ข้ารอดจากการใส่ร้าย”

หลี่เผิงพยักหน้าตอบและกลับไปทำงาน เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีก เมื่อเห็นผลี่เผิงเดินไป หลินมู่ขอบคุณดวงดาราของตนที่ทำให้เขารอดเคราะห์ร้าย เขาคิดครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปทางทหารรับจ้างทั้งสาม

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามา ทหารรับจ้างสีหน้างุนงง หลินมู่มองทหารรับจ้างทั้งสามที่ยืนข้างรถม้าที่มีซากหมาป่าหลังเหล็กอยู่ข้างใน

“ขอบคุณที่พวกท่านช่วยข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พวกท่านมีน้ำใจยิ่งนัก”

เมื่อเด็กหนุ่มพูด สีหน้างุนงงของทั้งสามก็จางหายไป คนที่เคยคุยกับหลินมู่พูด

“พวกข้าทำตามคำขอเจ้าหน้าที่เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

เขาโบกมือตั้งใจบอกให้หลินมู่เดินไปเสีย หลินมู่มองและเข้าใจ เขาพยักหน้าเดินต่อ เขาไม่อยากจะเสียเวลามากไปกว่านี้ในการขายหนังสัตว์และเขากระต่าย แล้วเขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับโอสถด้วย

หลี่เผิงมาถึงที่ทำงานและนั่งบนเก้าอี้ไม้ เขาอ่านบัญชีแยกประเภทที่วางไว้บนโต๊ะ เขาถอนหายใจทางปากและปิดมันไป เขาเอื้อมมือหยิบกาน้ำชาที่อยู่ข้างโต๊ะและรินน้ำชาลงถ้วย เขากระดกชาในรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าชาเย็นชืด เขาจึงนึกได้ว่ากาน้ำชาถูกทิ้งไว้ตั้งแต่เขาออกไปแก้ปัญหาที่สวนแอปเปิ้ล

เขานวดหน้าผากด้วยมือเพราะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานและถอนหายใจจากปากอีกครั้ง การคิดถึงเรื่องการเก็บเกี่ยวให้เสร็จทันเวลานั้นทำให้เขาปวดหัว

‘หรือว่าข้าควรจะไปขอให้คนจากเมืองอื่นและหมู่บ้านอื่นมาช่วยเก็บเกี่ยวกันนะ ต่อให้เพิ่มชั่วโมงทำงาน มันก็ทำได้แค่พอดีเส้นตายและได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก’

เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดจากเด็กหนุ่มนามหลินมู่และยิ่งทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม ความสูญเสียนั้นมากเกินกว่าที่เขาประเมินไว้ เมื่อเขาได้ใบสรุปว่าสูญเสียแอปเปิ้ลจิตไปเท่าใด มันยิ่งทำให้เขาหมดอารมณ์ เขาอยากจะปรับคนงานหนักกว่านี้ แต่เขารู้ว่าเขาปรับอีกไม่ได้เพราะคนงานอาจจะไม่มีเงินมากพอรอดฤดูหนาว

เมืองมิอาจสูญเสียประชากรได้อีก โรคระบาดปีที่แล้วทำให้พวกเขาเสียคนไปเยอะมาก พวกเขาสูญเสียคนไปราวหนึ่งในห้าส่วนของคนทั้งหมด ถ้าหากมีคนตายไปมากกว่านี้ การเก็บเกี่ยวปีหน้าจะต้องย่ำแย่ยิ่งกว่าปีนี้ เพราะไม่มีคนงานเก็บเกี่ยวที่มากพอ

หลี่เผิงปรบมือเรียกข้ารับใช้ ประตูเปิดเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ข้ารับใช้เดินเข้ามาประสานมือ

“ต้องการสิ่งใดหรือท่านใต้เท้า?”

“การเก็บเกี่ยวเป็นเช่นใดบ้าง?”

“คนงานกำลังขยันทำงาน งานในวันนี้เสร็จทันแน่นอน และอาจจะทำเกินได้เล็กน้อยด้วย”

หลี่เผิงส่งเสียงในคอตอบก่อนจะพูด

“บอกให้ข้ารับใช้คนอื่นจุดคบเพลิงในสวน เราจะขยายเวลาทำงานอีกสามชั่วโมงในวันนี้เพื่อเร่งความเร็วการเก็บเกี่ยว”

“ข้าจะทำตามท่านบอก ท่านต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?”

“เจ้าหยวนตู้ล่ะ?”

“ข้าไม่รู้เลยใต้เท้า ข้าจะเรียกทหารมา พวกนั้นรู้ดีกว่าแน่”

“เรียกมา”

หลี่เผิงหลับตาตอบ เขาจะพักสายตาสักหน่อย

ข้ารับใช้เดินออกไปและกลับมาหลังจากสิบนาทีพร้อมกับทหารที่พาตัวหยวนตู้ไป ทหารสองคนคารวะหลี่เผิงและรอฟัง

“หยวนตู้ถูกลงโทษแล้วหรือยัง?”

“ขอรับใต้เท้า”

ทหารตอบพร้อมกัน

“หยวนตู้ถูกเฆี่ยนยี่สิบครั้งตามท่านสั่งและให้จำคุกในใต้ดินค่ายทหาร พรุ่งนี้เขาจะถูกส่งไปที่คุกเมืองใต้พร้อมกับผู้ร้ายคนอื่นเพื่อรับโทษ”

“เท่านี้สินะ”

หลี่เผิงไล่ทหารกลับไปทั้งที่ยังหลับตาอยู่

ทหารคารวะหลี่เผิงและหันเดินกลับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เดินพ้นประตู หลี่เผิงก็ลืมตาพูดอีกครั้ง

“เด็กที่ชื่อหลินมู่คนนั้น พวกเจ้ารู้พลังของเขาหรือไม่?”

ทหารหยุดเดินและหันกลับไปตอบเมื่อได้ยินหลี่เผิง

“เมื่อสามวันก่อน เขามีร่างกายในขั้นสองขอรับใต้เท้า”

“แล้วหยวนตู้ล่ะ?”

“น่าจะมีร่างกายขั้นสี่ขอรับใต้เท้า”

ทหารตอบ

หลี่เผิงอึ้งเมื่อได้ฟังเรื่อง เด็กที่มีร่างกายขั้นสองนั้นต่อต้านการทำร้ายจากชายที่มีร่างกายขั้นสี่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญ และยังมีเรื่องที่เขาวิ่งหนีจากคนงานทั้งกลุ่มที่วิ่งไล่ ถ้าหากเป็นคนอื่นที่มีระดับพลังเท่านี้ก็คงจะพิกลพิการจากหมู่คนไปแล้ว หากไม่ตาย

เมื่อเห็นสายตาสนใจของผลี่เผิง ทหารถามด้วยความลังเล

“พวกเราควรจับตามองเด็กหลินมู่คนนี้รึไม่ ใต้เท้า?”

“ไม่ ไม่จำเป็นหรอก เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้”

หลี่เผิงตอบเมื่อทหารถาม

ประตูห้องทำงานปิดเมื่อทหารและข้ารับใช้เดินออกไป เหลือไว้เพียงหลี่เผิงที่มือลูบคางเคาะโต๊ะด้วยมืออีกข้าง เขาจมอยู่ในความคิด

หลินมู่เพิ่งจะเข้ามาที่เมืองเหนือโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง และเขาก็ไม่รู้เลยว่าทำให้หลี่เผิงเริ่มสนใจเข้าให้แล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด