ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 : การตื่น

ตอนที่ 1 : หลินมู่


“หลินมู่ เลิกขี้เกียจซักที วันนี้ยังต้องเก็บอีกหลายต้น เมื่อวานเกือบจะเก็บไม่ทันอยู่แล้ว ข้าไม่อยากให้หัวหน้าโมโหอีก หนนี้เราโดนหักค่าจ้างแน่”

เมื่อได้ยินเสียงเรียก ชายหนุ่มหน้าละอ่อนอายุราว 16 ปีผมสั้นหันมามองชายที่เรียกเขา เมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียด ชายหนุ่มก็กลืนน้ำลายและตอบ

“ข้าไม่ได้ขี้เกียจนะลุงหยวนตู้ ข้าแค่พยายามระวังไม่ให้แอปเปิ้ลจิตช้ำตอนที่เก็บจากต้นต่างหาก”

เมื่อได้ฟังคำตอบ ชายนามหยวนตู้ทำสายตารำคาญพลางคิดว่าเด็กหนุ่มเพียงแค่หาข้ออ้างที่เขาเก็บแอบเปิ้ลจิตช้า เมื่อนึกถึงเสียงก่นด่าเมื่อวานจากนายจ้างที่บอกว่าเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มเก็บเกี่ยวที่ช้าที่สุดในร้อยกลุ่มของสัปดาห์นี้ เขาก็รู้ทันทีว่าถ้ากลุ่มของเขาเก็บเกี่ยววันนี้ได้ไม่เกินยอดประจำวัน พวกเขาจะไม่ได้รับค่าจ้างพิเศษของสัปดาห์นี้

“เร่งมือแล้วเลิกอ้างได้แล้ว ไม่งั้นเจ้าต้องรับผิดจากโทษที่งานไม่เสร็จคนเดียว”

ลุงหยวนตู้เดินไปทำงานต่อที่ต้นไม้ต้นอื่นโดยไม่รอให้เด็กหนุ่มตอบ เด็กหนุ่มที่ได้ฟังคำขู่ของหยวนตู้รีบเร่งมือเด็ดแอปเปิ้ลจิตจากต้น จากนั้นจึงเก็บใส่ตะกร้า เมื่อตะกร้าเต็ม เขาก็ย้ายแอปเปิ้ลในตะกร้าใส่รถเข็นล้อเดียวที่จะต้องเข็นไปใส่รถเข็นใหญ่ต่อไป

แอปเปิ้ลจิตเป็นสินค้าหลักของเมืองเหนือซึ่งนับว่ามั่งคั่ง มันถูกส่งไปยังเมืองอู๋หลิมซึ่งเป็นเมืองหลัก เมืองอู๋หลิมมีเมืองเล็กโดยรอบสี่แห่งซึ่งตั้งชื่อตามตำแหน่งที่ตั้งและเอกลักษณ์เฉพาะเมือง แอปเปิ้ลจิตนั้นถือว่าแพงมากสำหรับชนชั้นแรงงาน หนึ่งลูกมีราคาถึงหนึ่งเหรียญทองซึ่งมีแต่คนเมืองใหญ่เท่านั้นที่จะซื้อไหว ส่วนแรงงานที่เก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลจิตนั้นจะได้ค่าจ้างเพียงวันละสี่เหรียญเงิน ต้องใช้ค่าจ้างเกือบเดือนในการซื้อแอปเปิ้ลจิตสักลูก ดังนั้นพวกเขาจึงระวังไม่ให้แอปเปิ้ลช้ำมีรอยขีดข่วน เพราะมันจะทำให้แอปเปิ้ลจิตค่อย ๆ เสียปราณจิตและราคาถูกลง

สองชั่วโมงต่อมา หลินมู่เข็นรถเข็นได้สี่รอบ เทตะกร้าจนหมดเหมือนคนอื่น รถเข็นล้อเดียวเกือบเต็มในตอนที่หยวนตู้เดินมาทางรถเข็นหลัก เขาเทตะกร้าจนเต็มรถเข็น

หยวนตู้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองรถเข็น วันนี้เขาเก็บเกี่ยวถึงยอดประจำวันก่อนที่พระอาทิตย์ตกดินสองชั่วโมง เขาคิดว่าสัปดาห์นี้ตนอาจจะได้ค่าจ้างพิเศษ เพียงคิดก็ทำให้เขายิ้มและหันไปมองหลินมู่…

“ดูเหมือนเจ้าจะเร็วขึ้นแล้วนะ วันนี้เราเสร็จงานแล้ว เข็นแอปเปิ้ลไปใส่รถเข็นหลักซะ พวกเราที่เหลือจะเก็บแอปเปิ้ลกันต่อ”

หลินมู่ขมวดคิ้วมองรถเข็นล้อเดียวที่ดูหนักอึ้ง มันยากที่เขาจะเข็นมันไปยังรถเข็นหลัก เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 45 นาทีในการเข็นกลับในขณะที่คนอื่นอีก 5 คนในกลุ่มจะเป็นพวกที่ได้ค่าจ้างพิเศษสูงกว่า ส่วนเขาจะได้ค่าจ้างน้อยกว่าคนอื่น

“ลุงหยวนตู้ รถเข็นมันหนักมากเลยนะ ลุงเข็นไปเองไม่ได้หรือ?”

หยวนตู้อยากจะได้ค่าจ้างที่สูงกว่าในใจอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาเข็นรถกลับ

“ทำตามข้าสั่งไม่ได้เรอะหลินมู่? ถ้าเจ้าเอาแต่บ่นงานหนัก เจ้าจะไม่มีทางแข็งแรงขึ้น เอาเวลาที่เจ้าพูดอยู่นี่ไปเข็นได้ไกลเท่าไหร่แล้ว”

หยวนตู้พูดด้วยความรำคาญ

เมื่อเห็นสายตารำคาญจากหยวนตู้ หลินมู่รู้ว่าไร้ประโยชน์ที่จะเถียงต่อ เขาทำได้แค่รีบกลับมาให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ทำงานต่อ หลินมู่คิดเช่นนั้นและเริ่มเข็นรถล้อเดียวไปทางรถเข็นหลัก

5 นาทีต่อมา หลินมู่เริ่มเหนื่อยและเข็นได้ช้าลง ล้อรถเข็นสะดุดก้อนหินตามทางจนรถล้อเดียวสั่น หลินมู่ยื้อรถล้อเดียวที่หนักอึ้งไม่อยู่จนรถล้มเสียงดัง

หลินมู่ยืนนิ่งหน้าผวา เหล่าคนงานได้ยินเสียงและมารวมตัวกันด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นรถล้อเดียวล้ม แอปเปิ้ลจิตทั้งหมดกระจัดกระจายไปพร้อมกับเศษดิน หลายลูกช้ำเสียเป็นรอย

เมื่อคนมาดูมากขึ้น ผู้ว่าจ้างก็ได้เห็นความวุ่นวายและเข้ามาดูว่าเหตุใดคนงานจึงหยุดทำงาน เมื่อเห็นผู้ว่าจ้างเข้าใกล้ก็ทำให้ผู้คนเงียบเสียงลง พวกเขาหลีกทางให้ผู้ว่าจ้าง เมื่อเห็นความเละเทะตรงหน้า ผู้ว่าจ้างหลี่เผิงตกใจ ก่อนที่โทสะจะเริ่มตามมา

“ฝีมือใคร? ออกมาซะ”

คนโดยรอบไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขารีบชี้ไปทางหลินมู่ที่นิ่งเป็นน้ำแข็ง หลินมู่ตอนนี้หวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นนายจ้างและเริ่มวิตก

“ไอ้ปัญญาอ่อน รู้ไหมว่าเจ้าทำอะไรลงไป มันเสียหายมากแค่ไหน เรียกหัวหน้าเจ้ามา”

นายจ้างตะโกนน้ำลายกระเด็นไปทั่ว พวกเขารีบเรียกหยวนตู้ หยวนตู้ที่กำลังเดินมาดูเหตุก็มองเห็นใบหน้าแดงก่ำของนายจ้าง เขาหน้าซีดด้วยความกลัว เขาเดินเข้าใกล้นายจ้างอย่างลังเล

“ดูซิว่ากลุ่มเจ้าทำอะไรลงไป แอปเปิ้ลจิตทั้งคันรถเสียหมดแล้ว เสียหายมากกว่าหนึ่งพันเหรียญทองเสียอีก เจ้ามีอะไรจะพูดรึไม่ จะชดใช้ความสูญเสียนี้เช่นใด?”

เมื่อได้ยินเสียงนายจ้างตะโกนเรื่องการชดใช้ หยวนตู้กลัวยิ่งกว่าเดิม หูของเขาอื้อจากเสียงตะโกนทำให้เขาเปล่งเสียงออกมายากกว่าเดิม

“นะ…นะ…นายท่าน แอปเปิ้ลไม่ได้เสียทุกลูกนะ เรายังขายลูกที่เหลือได้อยู่ ขอโอกาสพวกเราอีกครั้งเถอะ เราจะไม่ทำพลาดแบบนี้อีกแล้ว”

หลี่เผิงใจเย็นลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองแอปเปิ้ลจิต เราเห็นว่าบางลูกยังพอขายได้ แต่แอปเปิ้ลที่เหลือที่เสียหายนั้นมีค่า 700 ทองเป็นอย่างน้อย

เขาพูดเสียงแข็ง

“ต่อให้ลบแอปเปิ้ลที่ขายได้ไป มันก็ยังเสียหายเกิน 700 ทอง ถ้าเจ้าเมืองได้ยินเรื่องนี้ต้องไม่ชอบใจแน่ จะละเว้นเจ้าคงไม่ได้”

หลี่เผิงคิดถึงวิธีที่จะชดเชยความเสียหาย 700 ทอง เขารู้ว่าเขาอาจจะต้องริบค่าจ้างคนงานทุกคนที่นี่ แต่มันก็ยังไม่พอ ถึงตอนนี้ เขาได้หันมองหลินมู่

“คนงานทั้งหมดที่นี่จะต้องเสียค่าจ้างหนึ่งเดือนเป็นการชดเชยส่วนที่เหลือ ส่วนเจ้าเด็กที่ทำพลาดจะถูกริบทรัพย์ขายชดใช้”

เมื่อได้ยินคำตัดสิน ทุกคนหน้าซีดด้วยความเศร้าและรู้สึกโกรธแค้นหลินมู่ที่ทำผิดจนทำให้พวกเขาต้องเสียทุกอย่างที่ทำมาทั้งเดือน หลินมู่ที่ได้ยินคำสั่งก็น้ำตาไหลเมื่อรู้ว่าเขาจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี แม้กระทั่งบ้านที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เขาเมื่อจากโลกนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว

“ทหาร จับเด็กนี่กับหัวหน้ากลุ่มไป ไปที่บ้านเด็กแล้วยึดของมีค่าทั้งหมดซะ แล้วเอาไอ้เด็กนี่ไปทิ้งนอกเมือง แล้วเอาหัวหน้ากลุ่มไปเฆี่ยนที่กลางเมือง 10 ครั้ง”

ทหารคนหนึ่งจับตัวหลินมู่ส่วนคนอื่นไปคุมตัวหยวนตู้และพาไปรับโทษ หยวนตู้มองหลินมู่ด้วยความเกลียดชังพร้อมกัดฟัน เขาสาบานว่าจะต้องล้างแค้นหลินมู่ให้ได้ ส่วนคนงานอื่นก็มองหลินมู่ด้วยความชิงชังเช่นกัน หลินมู่พยายามขัดขืนแต่ก็ไม่มีทางจะสู้แรงทหารที่บ่มเพาะกายถึงขั้นหกแล้ว เพราะเขาที่ไม่เคยฝึกฝนอย่างจริงจังมาก่อนด้วยวิชาบ่มเพาะนั้นมีร่างกายเพียงแค่ขั้นสอง

ทหารลากหลินมู่ไปที่บ้านและรื้อค้นบ้านทั้งหลัง พวกเขานำของมีค่าทั้งหมดออกมา ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรมีค่ามากนักก็ตาม เพราะว่าของมีค่าส่วนใหญ่นั้นถูกขายออกไปเพื่อแลกค่ายารักษาแม่ของหลินมู่ที่ป่วยจากโรคละบาดปีก่อน สิ่งเดียวที่พอจะมีค่าก็คือตัวบ้านและที่ดินเท่านั้น

หลินมู่มองโลกทั้งไปของตัวเองถูกปล้นไปต่อหน้าต่อตาและเริ่มน้ำตาไหลนองหน้า เมื่อดูดีแล้วว่าขนของมีค่าออกมาจนหมด ทหารปิดผนึกทางเข้าบ้านและกลับไปรายงาน ส่วนทหารอีกคนได้พาหลินมู่ไปที่ชานเมืองและทิ้งเขาก่อนกลับไปยังจุดประจำการ

หลินมู่นอนบนพื้นหลายชั่วโมงก่อนจะลุกขึ้นมา เขาไม่ร่ำไห้อีกแล้ว เขาที่สายตาเย็นชาเดินอย่างไร้จุดหมายออกไปทางป่านอกเมือง หลังจากเดินได้หนึ่งชั่วโมงก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าต้นแอปเปิ้ลที่เขามักจะมาเล่นเมื่อครั้งยังเด็ก มีลำธารเล็กใกล้ ๆ ที่เขาจะได้จับปลาและเล่นน้ำกับเพื่อน เขาที่เหนื่อยล้าหมดแรงนั่งเอนหลังชนต้นไม้และหลับไปภายใต้ท้องนภายามค่ำคืนใต้จันทราที่หลบซ่อนในกลีบเมฆ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด