ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 415 หยุดไม่อยู่อีกแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 417 ผู้มาจากต่างถิ่น

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 416 ก่อเรื่องจนโด่งดัง (ฟรี)


****วันนี้ตอนเดียวนะครับผมจะไปงานแต่งรุ่นน้องพรุ่งนี้ งดนะครับ******

พิภพมหาพันภพทรราชสวรรค์

“อ้า….ในที่สุดก็ถึงสักที!!”

ชายในชุดคลุมสีเงินและคาบต้นหญ้าไว้ในปากกำลังเดินก้าวออกมาจากช่องมิติกาลเวลา

เขาบิดขี้เกียจไปมา ก่อนที่จะมองไปยังพิภพมหาพันภพทรราชสวรรค์ที่สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ  ด้วยความรู้สึกที่โล่งอก

ผู้ที่มาถึงนั้นไม่ใช่ใครอื่น นี้คือบรรพชนไต๋หลาน

ที่อยู่ระหว่างเดินทางกลับไปยังพิภพมหาพันภพไร้อนัน แต่ระยะทางนั้นยาวไกลอย่างมาก แม้ว่าจะใช้กำลังทั้งหมดในการเดินทางแล้วก็ตาม แต่ระหว่างทางนั้นก็มีหลายสิ่งที่ต้องระวัง

เขานั้นไม่กล้าที่จะหยุดพักนานเกินไประหว่างเดินทาง และเก็บซ่อนกลิ่นไอของตัวเองให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ใครสัมผัสรับรู้ถึงตัวเขาได้ โดยเฉพาะพวกที่กำลังตามร่องรอยของเขาอยู่

พิภพทรราชสวรรค์แห่งนี้มีหลายนิกายที่อยู่ใต้การปกครองของนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพ เมื่อมาถึงที่นี่ก็ทำให้ไต๋หลานนั้นรู้สึกเหมือนเดินเข้าบ้านตัวเอง และไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงสิ่งใดอีก

“เอ้า!! ออกมาสูดอากาศสักหน่อยเถอะ!”

แล้วไต๋หลานนั้นก็ได้นำจักรพรรดินีหลิงทิงออกมาจากโลกมิติส่วนตัว

“ถึงแล้วงั้นหรอ?”

จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นกำลังนั่งฝึกบำเพ็ญอยู่ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ก่อนที่ขนตาอันงามงอนของนางนั้นจะสั่นไหวแล้วเปิดขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

“ก็ยังไม่ถึงนิกายเลยทีเดียว แต่ก็เรียกได้ว่าอยู่ในถิ่นของข้าแล้วละกัน!”

ไต๋หลานนั้นพูดไปบิดขี้เกียจไป

“เพราะพิภพทรราชสวรรค์อยู่ในการปกครองของนิกายข้า และที่นี่มีสาขาย่อยของนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพไม่ต่ำกว่า 700 สาขา ตั้งแต่พื้นที่รอบนอกจนไปถึงพื้นที่ใจกลางของพิภพ เรียกได้ว่ามีราวกับดอกเห็ด!”

“ข้าเองเป็นศิษชั้นใน เรียกได้ว่ามีฐานะพอตัวในนิกาย หากว่าข้าทำลายตราวิญญาณนี้ เหล่าผู้อาวุโสเขตแดนแก่นแท้บรรพชนหรือบรรพชนสูงสุดจะมาช่วยเหลือข้าทันที!”

เมื่อได้ฟังจักรพรรดินีหลิงทิงนั้นก็ไม่ได้แสดงออกถึงสิ่งใด แต่ภายในใจของนางนั้นกลับกำลังสั่นสะท้าน

นางพึ่งจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพิภพมหาพันภพเป็นครั้งแรก ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน เทียบกับพิภพราชันย์ของนางแล้วนั้น ราวกับดวงดาวกับเม็ดฝุ่น

และที่เห็นอยู่ตรงนี้คือส่วนหนึ่งของนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพเท่านั้น

แล้วแบบนี้อาณาเขตที่แท้จริงของนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพจะกว้างใหญ่ขนาดไหน?

“ข้าว่าท่านคงไม่เคยกินอาหารเลิศรสจากพิภพอื่นแน่ เพราะท่านไปเกิดในพิภพบ้านนอกเช่นนั้น”

“มาๆ!! ข้าจะพาชมรอบๆ แล้วพาท่านไปกินของอร่อย!”

ไต๋หลานนั้นพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

นิสัยดั้งเดิมของไต๋หลานนั้นเป็นคนชอบกิน และเขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากๆ หากไม่ได้กินอาหารอร่อยๆ

และในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขานั้นไม่ได้กินของดีๆ เลยสักครั้งเดียว แล้วจะไม่ให้เขานั้นคิดถึงอาหารจานโปรดของเขาได้อย่างไร

ตลอดทางที่ผ่านมานั้นเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดพัก เพราะกลัวว่าจะถูกคนไล่ตาม ทำให้เขานั้นไม่ได้แวะเที่ยวกิน และชิมอาหารต่างๆ ระหว่างทางเลย

จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นไม่พูดสิ่งใดออกมา นางเพียงแค่ติดตามไต๋หลานไปเงียบๆ เท่านั้น และเที่ยวชมพิภพมหาพันภพ

ระหว่างทางนั้นแววตาของจักรพรรดินีหลิงทิงนั้นก็ลุกวาวเป็นประกายตลอด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในพิภพมหาพันภพนั้นสำหรับนางมันดูใหม่อย่างมาก

ตัวของนางนั้นเป็นแค่จักรพรรดิสะท้านภพชั้นที่ 9 แต่ในพิภพแห่งนี้นั้นตัวตนเขตแดนบรรพชนเดินกันให้ควั่ก กึ่งบรรพชนนั้นมีมากมายยิ่งกว่าฝูงนกฝูงหมาเสียอีก

การได้เห็นตัวตนเขตแดนที่เปรียบดั่งตำนานของตัวเองเดินกันให้ควั่กเต็มไปหมด ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นไม่อาจจะทำใจให้ชินได้ และยากที่จะควบคุมสติ

และอาหารของที่นี่นั้นเรียกได้ว่าเทียบไม่ได้เลยกับพิภพราชันย์ของนาง

เพียงแค่เหล้าผลไม้ กับเนื้อย่างธรรมดา ยังเป็นของที่เลิศรสอย่างมากสำหรับนาง และไม่มีครั้งไหนเลยที่นางรู้สึกว่าได้เพลิดเพลินกับการกินเช่นนี้มาก่อน

“เฮ้!! ท่านจักรพรรดินี ยู้ฮู้ ยังมีสติอยู่ไหม?  เป็นไงของที่นี่อร่อยไหม?”

ไต๋หลานหลังจากที่จิบเหล้าผลไม้ไปแล้ว เขาก็หันกลับมาถามกับจักรพรรดินีหลิงทิงพร้อมรอยยิ้ม

แต่จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นไม่ตอบ เพราะตอนนี้นางกำลังมองไปยังกระจกบานหนึ่ง ที่ฉายภาพบางอย่างอยู่ภายในนั้น

นี้เป็นกระจกพิเศษที่สามารถส่งภาพสิ่งต่างๆ ให้เห็นได้จากที่ไกลๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เป็นเรื่องดีมากในการสื่อสารหรือส่งข้อมูลในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว

ไต๋หลานนั้นมองตามไปยังจุดที่จักรพรรดินีหลิงทิงกำลังจ้องมองอยู่ และเมื่อเห็นภาพที่ฉายอยู่ในกระจกนั้นก็ทำให้เขาถึงกับตาลุกวาว

“นั้นเขา?”

ภาพที่ฉายอยู่ในนั้นคือร่างมนุษย์ในชุดคลุมดำและสวมหน้ากากขาว

ไม่ใช่ใครอื่นเจ้าตัวตนแปลกประหลาดที่เขาเจอในพิภพราชันย์ไม่ใช่งั้นหรอ?

ตอนนั้นเขาไม่ได้เจอร่างจริง เจอเพียงแค่เงาเท่านั้น แต่เงานี้ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย และไม่สามารถตรวจหาตรรกะได้ เรื่องนี้เขาเองก็สนใจอยู่ไม่น้อย!

ทำให้เขานั้นมอบแผนที่ดวงดาวให้กับตัวตนนี้เอาไว้ พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้เข้าร่วมนิกาย

ไม่คิดว่าจะบังเเอิญได้เห็นตัวตนนี้อีกครั้งที่นี่

“เขามาถึงที่แห่งนี้ได้อย่างไร”

“ต้องไปดูเสียหน่อย!”

แล้วไต๋หลานก็พุ่งออกไปทันที พร้อมกับจักรพรรดินีหลิงทิงที่ตามไปติดๆ

แววตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความหวัง เมื่อได้เห็นเงาของซู่เสี่ยวไป่อีกครั้ง และหวังว่าจะได้เจอหน้าลูกสาวของตัวเอง แต่เมื่อเข้ามาใกล้ๆ และสิ่งที่เห็นทำให้นางเองกังวลใจไม่น้อยเหมือนกัน

“รางวัลนำจับ?”

“นี้เป็นใบค่าหัวที่ออกโดยพิภพทรราชสวรรค์?? ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”

“แล้ว…ดูของราวังนี้สิ!”

หลังจากที่ไต๋หลานนั้นเข้ามาดูใกล้ๆ กระจก เขาก็เห็นว่ามันเป็นรูปร่างแยกของซู่เสี่ยวไป่ที่เขาเคยเห็นมาก่อน และตอนนี้มันกำลังถูกตั้งค่าหัว!

ค่าหัวของซู่เสี่ยวไป่นั้นสูงมาก ถึงระดับที่ทำให้มือสังหารระดับแก่นแท้บรรพชนก้าวที่ 5 เคลื่อนไหว!

แล้วเมื่อไต๋หลานมองดูรายละเอียดดีๆ ก็ทำให้เขานั้นรู้สึกราวกับมีเมฆหมอกปรากฏขึ้นมาในใจ ก่อนที่จะอุทานออกมา

“พิภพมหาพันภพรุ่งต้องห้าม!!”

“พิภพมหาพันภพเซียนพฤกษา!!”

“พิภพมหาพันภพบุปผาตะวัน!!”

“พิภพมหาพันภพสมุทรสังหาร!!”

…….

นี้คือชื่อพิภพที่ตั้งค่าหัวให้กับเงาของซู่เสี่ยวไป่ ข้อมูลนี้ได้ทำให้ไต๋หลานนั้นถึงกับรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่เห็น

นี้เขากำลังล้อเล่นอะไรอยู่?!

แต่พิภพมหาพันภพนั้น ไม่ได้อยู่ติดกัน และห่างไกลกันอย่างมาก แม้แต่แก่นแท้บรรพชนก็ยังต้องใช้เวลาอย่างมากในการเดินทางไปมาระหว่างพิภพทั้งหมดนี้

แต่กึ่งบรรพชนเพียงคนเดียว สามารถกระจายตัวไปทั่วพิภพได้ในเวลาไม่กี่เดือนแบบนี้ได้อย่างไร!

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้ไต๋หลานนั้นประหลาดใจคือ สิ่งที่ร่างแยกพวกนี้ทำเอาไว้จนถูกตั้งค่าหัว

มันถล่มนิกายไปมากมาย ฆ่าตัวตนบรรพชนไม่ต่างจากผักปลา!

จำนวนผู้รอดชีวิตนั้นน้อยมาก มีเพียงแก่นแท้บรรพชนบางคนที่หนีรอดมาได้ถึงรวมตัวกันตั้งค่าหัวให้กับตัวตนนี้!

“นี้….เขาไปไล่ล่าล้างบางพิภพมหาพันภพงั้นหรอ”

จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ดูสั่นเทาหรือแฝงไปด้วยอารมณ์ใด แต่ภายในใจของนางนั้นกลับกำลังปั่นป่วนไปหมด ราวกับเกิดทะเลที่กำลังคลุ้มคลั่งภายในจิตใจของนาง

การไล่ล่าสังหารบรรพชนนั้นเป็นอะไรที่เกินจินตนาการของนางไปมาก ตอนนี้นางไม่รู้แล้วว่าตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของซู่เสี่ยวไป่นั้นอยู่ในจุดไหน ตั้งแต่จากกันที่พิภพราชันย์

ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ความแข็งแกร่งที่จะฆ่าตัวตนในเขตแดนบรรพชนได้นั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีขอบเขตพลังที่เท่ากันก่อน!

นั้นไม่ได้หมายความว่า….

“สัตว์ประหลาด……ยอดอัจฉริยะ…..หรือปิศาจกันแน่”

ไต๋หลานนั้นส่ายหัวไม่รู้กี่ครั้งแล้วตั้งแต่เห็นสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับถอนหายใจอย่างรุนแรง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกยากที่จะเชื่อ

“เจ้าตัวเล็กนั้น มันมาจากพิภพที่ห่างไกล และอ่อนแอ ไหนกลับทรงพลังได้ขนาดนี้!”

“แต่เจ้านี้มันก็บ้าบิ่นเกินไป”

“มันไล่ฆ่าผู้คนจากพิภพมหาพันภพอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ถึงแม้จะเป็นพื้นที่รอบนอกก็เถอะ แต่ในสถานการณ์ที่วิถีสวรรค์หายไปแบบนี้ มันอาจจะไปยั่วยุตัวตนบรรพชนสูงสุดหรือบรรพชนบรรพกาลเข้าให้ และเขาอาจจะถูกตามล่าสังหาร!”

“หรือว่าเขาวางแผนที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับทุกพิภพมหาพันภพกันแน่?”

ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพิภพมหาพันภพทั้งหมด….?

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทำให้จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

ดูเหมือนว่านางนั้นจะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง

หากอยู่ใต้การดูแลของซู่เสี่ยวไป่นั้น นางไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกไป๋ของนางเลย

(เดี๋ยวนะ….มันต้องกลัวไม่ใช่หรอ เพราะคนที่ฝากลูกเอาไว้มันวิ่งหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว…)

“เรารีบไปกันต่อเถอะ!”

จักรพรรดินีหลิงทิงกล่าวขึ้น

“จะให้ไปไหน ข้ายังกินไม่หมดเลย!”

ไต๋หลานนั้นสะดุ้งตกใจอยู่นิดนึ่งก่อนจะบ่นออกมา

“ท่านบอกเองไม่ใช่งั้นหรอว่าพวกเราอยู่ที่ไหนนานๆ ไม่ได้ เพราะมันอาจจะก่อปัญหาได้โดยที่ไม่จำ

เป็น?”

“ถ้าเป็นแบบนั้นเรารีบออกเดินทางกันต่อ จะไม่เป็นการดีกว่าอย่างงั้นหรอ?”

จักรพรรดินีหลิงทิงกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความสุขเล็กๆ

“ข้าเองก็ได้เห็นถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลแห่งนี้แล้ว ข้าเองก็จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะได้ปกป้องตัวเอง และลูกไป่ได้”

ไต๋หลานนั้นรู้ถึงความคิดของนาง

เพราะเมื่อนางเห็นว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน ก็ทำให้จักรพรรดินีหลิงทิงนั้น-หึกเฮิมและคิดจะแข่งขันกับซู่เสี่ยวไป่

นั้นก็เพราะว่าจิตวิญญาณของนางคือบรรพชนบรรกาลหลิงทิง!

ด้วยนิสัยดั้งเดิมของบรรพชนหลิงทิงนั้นไม่ยอมแพ้กับสิ่งใด และชอบการแข่งขันเป็นที่สุด

ไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากทำตามที่นางกล่าวพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อ

เพราะเหตุการในวันนี้ทำให้จักรพรรดินีหลิงทิงนั้นสามารถกลับคืนสู่เขตแดนดั้งเดิมของนางได้ในไม่นาน

ก่อนที่การต่อสู้ที่พวกเขาไม่รู้จักจะมาถึง

…..

ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการตั้งค่าหัวในครั้งนี้

ถึงต่อให้รู้แทนที่เขานั้นจะกังวล จะกลายเป็นว่าดีใจแทนเสียอีก

“สองเดือนแล้วสินะ….แล้ววันนี้เป็นวันที่เงาจะฟื้นกลับมาทั้งหมด จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก!”

-ซู่เสี่ยวไป่นั้นกำลังพักผ่อนหย่อนใจ ไปกับการเล่นกับตั๋นไทไป่เฮ่าและซู่หลิงเกอ กับเจ้าเสี่ยวไป่หลง มันเป็นภาพที่ดูแล้วมีความสุขมากสำหรับเขา

แต่ภายในภาพอันแสนสุขนี้พิภพมหาพันภพกว่า 17 ภพ ได้ถูกซู่เสี่ยวไป่บุกรุกรานจนลุกเป็นไฟ!

ถูกต้องแล้วไม่ได้กล่าวผิด

ตอนนี้มีพิภพมหาพันภพกว่า 17 พิภพที่ตกอยู่ใต้หวาดกลัวจากเงาของซู่เสี่ยวไป่ในตอนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด