ตอนที่แล้วตอนที่ 7-13 สมบัติสำคัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7-15 ตระกูลนักรบเพลิงม่วง

ตอนที่ 7-14 เมืองเฮส


เดลิน โคเวิร์ทอึ้งไปชั่วขณะเพราะคำถามของลินลี่ย์

“ลินลี่ย์ ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน  ถ้าอาวุธชิ้นหนึ่งผสมเข้ากับอดาแมนเทียมเพียงเล็กน้อยอาวุธนั้นจะเพิ่มความทนทานอยู่ในระดับสูง  ถ้าอาวุธชิ้นหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากอดาแมนเทียมแล้วต่อให้เจ้าปล่อยให้นักสู้ระดับเซียนทำลายมันเขาก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับมันได้เลยไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม”

เดลิน โคเวิร์ทอ่อนอกอ่อนใจ

เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์ไม่ได้รู้คุณค่าของอดาแมนเทียมอย่างเท่าใดนัก

“อย่างนั้น ปู่เดลินข้าจะสามารถใช้อดาแมนเทียมนี้สร้างดาบหนักได้ไหม?”  หลังจากฟังเดลินโคเวิร์ทอธิบายถึงประโยชน์การใช้อาวุธหนักก่อนหน้านั้นลินลี่ย์ต้องการดาบหนักเป็นของตนเดิมทีลินลี่ย์ตั้งใจจะใช้เงินซื้ออาวุธดีๆเล่มหนึ่ง  แต่ตอนนี้ที่เขาได้อดาแมนเทียมมาเขาต้องใช้มันให้ดีเป็นธรรมดา

ตอนนี้ ลินลี่ย์ไม่ได้ขาดแคลนเงิน

“สร้างดาบหนักด้วยอดาแมนเทียมน่ะหรือ?  ดาบหนักมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีแนวโน้มต้องใช้อดาแมนเทียมนี้เพื่อใช้ผสมกับโลหะอื่น  แต่แน่นอนว่าข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานตีเหล็ก  อย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าการสร้างอาวุธจากอดาแมนเทียมทำได้ยากมาก  อดาแมนเทียนมีความแข็งมากช่างทำอาวุธส่วนใหญ่ไม่สามารถหลอมและขึ้นรูปมันใหม่ได้”  เดลินโคเวิร์ทหัวเราะเบาๆ

ลินลี่ย์พยักหน้ากับตัวเอง

อดาแมนเทียมเป็นวัสดุซึ่งแม้แต่นักรบระดับเทพก็ยากจะหาและยากจะทำลาย  แต่เนื่องจากว่าเป็นไปได้ว่าอดาแมนเทียมสามารถสร้างเป็นอาวุธได้ตามปกติก็ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการสร้าง  เพียงแต่เทคนิคนั้นคงจะยากมาก

“เข้าใจแล้ว”  ลินลี่ย์พยักหน้า

….

ลินลี่ย์และองค์ชายชาร์คยังคงเร่งเดินทางขึ้นเหนือ  และยิ่งขึ้นเหนือไกลออกไปอสูรเวทก็มีจำนวนเบาบางลง  หลังจากเดินทางไปอีกสามร้อยหรือสี่ร้อยกิโลเมตรโดยไม่พบเจออสูรเวทปรากฏให้เห็นเลย  พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ๆตั้งเมืองและเมืองนี้ยังไม่มีคนตาย

แต่หมู่บ้านและเมืองเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่เบาบางเช่นกัน  คนส่วนใหญ่กลัวอันตรายและย้ายหนีขึ้นเหนือเช่นกัน

“ฮ่าฮ่า ดีจริงๆดูเหมือนอาณาจักรเฮสยังไม่ล่มสลาย”  ชาร์คหัวเราะลั่น  “ตั้งหลายวันแล้วในที่สุดเราจะได้พักกันเสียที”

ชาร์คมองดูลินลี่ย์

ที่นั่งบนหลังม้าของลินลี่ย์ดูเหมือนจะและไม่ขยับเขยื้อนเหมือนต้นโอคเก่าที่ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียวดูมั่นคงมาก  หน้าของเขายังสงบและเขายังคงเรียบเฉยทำให้เขาดูมีสง่าราศีน่าเชื่อถือ  สำหรับลินลี่ย์แล้วชาร์คมีความรู้สึกอึดอัด  แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าลินลี่ย์สองสามปี  แต่เขามักให้ความนับถือลินลี่ย์เหมือนกับว่าเขาเป็นอาจารย์

“อาจารย์ลินลี่ย์ดูนั่นคือค่ายทหารอยู่ข้างหน้า”  ชาร์คและลินลี่ย์ขี่ม้าเคียงข้างกัน

ลินลี่ย์พยักหน้า

เห็นได้ชัดว่า ศาสนจักรเจิดจรัสตัดสินใจตั้งแนวตั้งรับที่นี่ชายแดนอาณาจักรเฮส  เมื่อเห็นค่ายทหารนับไม่ถ้วนตามแนวชายแดนใครๆก็บอกได้ว่ามีทหารประจำการอยู่ที่นี่มาก

“สองอาณาจักรและห้าแคว้นหายไปนั่นกินเนื้อที่ประมาณหนึ่งในสามของสหภาพศักดิ์สิทธิ์  ข้าคาดว่าศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ยอมถอยไปไกลกว่านี้แล้ว”  ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ  ลินลี่ย์และพวกอัศวินไปตามทางและผ่านทหารยามและได้รับอนุญาตอย่างรวดเร็ว

แนวป้องกันนี้ใช้ป้องกันพวกอสูรเวท

ปกติไม่มีมนุษย์ถูกปฏิเสธห้ามไม่ให้เข้าไป

“องค์ชายรอง เราจะพักกันที่นี่หรือ?”  ดูเหมือนลินลี่ย์จะสงบมาก

“เมืองเฮสคือหนึ่งในสถานที่นัดหมายที่พระบิดาของข้ากับนัดหมายกันไว้  เรายังต้องเดินทางราวๆสามร้อยกิโลเมตรกว่าจะถึงเมืองเฮส  ถ้าเรารีบเราน่าจะไปถึงที่นั่นยามราตรีของวันนี้”  ชาร์คพูดอย่างไม่ปิดบัง

“เมืองเฮส!”

ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้  “เคลย์,เมืองเฮสจะเป็นที่ตายของเจ้า”

……

พวกเขายังคงเดินทางต่อไป  ลินลี่ย์ชาร์คและกองอัศวินอีกสามสิบคนควบม้าตลอดทางจนฝุ่นฟุ้งกระจาย  เมื่อเวลาผ่านไปลินลี่ย์กับชาร์คก็เห็นเมืองเฮส  พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าส่องแสงที่พื้นโลกจนเป็นสีแดง

“เมืองเฮสคือเมืองหลวงของอาณาจักรเฮส  เป็นเมืองที่เล็กกว่าเฟนไลเพียงเล็กน้อย”  เมื่อเห็นเงากำแพงเมืองที่ใหญ่โต  ลินลี่ย์อดตกใจมิได้

ต้องใช้กำลังคนมากมายเพียงไหนจึงจะสร้างกำแพงได้ใหญ่โตขนาดนั้น?

เมื่อมาถึงที่ประตูเมืองเฮส ลินลี่ย์และหน่วยอัศวินพบว่าทางถูกกีดขวางไว้

“ลงจากม้า!”  ทหารเฝ้าประตูเมืองเฮสสั่งเสียงดังลั่น

“ทำไมเราต้องลงจากม้าด้วยเล่า?”  ชาร์คตะโกนกลับด้วยความโกรธ

ทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นว่ากลุ่มของชาร์คไม่ใช่ธรรมดาแน่นอนดังนั้นเขาจึงตอบข้อข้องใจ  “พระราชามีพระราชโองการห้ามมิให้ขี่ม้าในเมืองเฮส  ทุกๆท่าน! ตอนนี้เมืองเฮสเต็มไปด้วยผู้คนหลั่งไหล  ไม่มีพื้นที่สำหรับให้ขี่ม้า  จะดีที่สุดคือลงจากม้าทุกคน”

“เราลงจากม้ากันเถอะ”  ลินลี่ย์ยิ้มให้ชาร์ค

ชาร์คพยักหน้า

ลินลี่ย์กับชาร์คทั้งคู่คาดคิดว่าผู้คนมากมายจากสองอาณาจักรและหกแคว้นที่ล่มสลายได้หนีมาที่นี่  มีแนวโน้มว่าส่วนใหญ่คนที่อาศัยอยู่ใกล้เมืองเฮสก็หนีมาที่นี่เช่นกัน  สองอาณาจักรและหกแว่นแคว้นรวมจำนวนพลเมืองแล้วคงเป็นร้อยล้าน

แม้ว่าจะตายไปถึงเก้าในสิบ แต่ก็ยังรอดอยู่อีกเป็นล้านและแน่นอนไม่มีอสูรเวทปรากฏให้เห็นในระยะร้อยกิโลเมตรของอาณาจักรเฮส  ดังนั้นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นจึงรอดตาย

“ผู้คนมากมายนัก”

เมื่อก้าวเข้ามาในเมืองเฮส  ลินลี่ย์และชาร์คตกตะลึงโดยสิ้นเชิงเมืองเฮสปกติรองรับคนได้เพียงหนึ่งล้านคนเท่านั้น  แต่ตามที่ลินลี่ย์คำนวณตอนนี้มีคนอย่างน้อยหลายล้านในเมือง  เพราะถนนทุกสายติดขัดไปหมด  แม้แต่ในเมืองเฟนไลลินลี่ย์ไม่เคยเห็นคนมากขนาดนี้

“ไปหาโรงแรมสำหรับพักกันก่อนจากนั้นค่อยกลับมารับข้าที่นี่”  ชาร์คสั่งคนของเขาให้ไปหาโรงแรมอย่างดี

“ใต้เท้าลินลี่ย์,ไปทานอาหารค่ำกันก่อน”  ชาร์คพูดพลางหัวเราะและแน่นอนลินลี่ย์ไม่ปฏิเสธชาร์คพาลินลี่ย์ไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีร้านอาหาร  ชั้นล่างของร้านอาหารเต็มหมดแต่ยังมีห้องทานอาหารอยู่ที่ชั้นบน

“สามห้อง”  ชาร์คกล่าวอย่างใจกว้าง

แต่เมื่อพวกเขานั่งลงและชาร์คเห็นราคาอาหารในเมนู  เขาถึงกับตกใจกระชากตัวพนักงานเสริฟที่อยู่ใกล้ที่สุดและตะโกนถามอย่างโกรธเกรี้ยว“เจ้าคิดว่าข้าโง่นักหรือ?  ด้วยราคาอาหารขนาดนี้โต๊ะอาหารจะราคาหลายพันเหรียญทองได้ยังไง  เจ้าพยายามจะโกงข้า”

แม้ว่าร้านอาหารนี้จะเป็นร้านอาหารชั้นสูงแต่ชาร์คในฐานะเจ้าชายเคยไปร้านอาหารระดับสูงมาแล้วมากมาย

สำหรับร้านอาหารระดับนี้ โต๊ะละร้อยเหรียญทองก็นับว่าเกินพอแล้ว

“ใต้เท้า,ถ้าท่านไม่ต้องการกิน,เชิญออกไปได้”  บริกรดูเหมือนจะมั่นใจมาก  “ตอนนี้,เมืองเฮสเต็มไปด้วยผู้คนมากมายรวมทั้งชนชั้นสูงนับไม่ถ้วนผู้หนีออกมาพร้อมกับของมีค่า  พวกเขาทุกคนต้องการบริการคุณภาพดีและยินดีจะจ่ายเพื่อการนั้น”

ชาร์คตะลึงกับคำพูดเช่นนี้ทันที

จริงสิ คนผู้หนีออกมาจากสองอาณาจักรและสามแคว้นมีแนวโน้มว่าเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจทั้งนั้นหรือไม่ก็พวกเขาเองก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลังตระกูลที่ทรงอำนาจเหล่านั้นปกติจะไม่ตระหนี่

“ฮึ่ม!”

ชาร์คแค่นเสียง แต่ก็ยังสั่งอาหารในที่สุด  หลังจากชาร์คและลินลี่ย์กินอาหารเสร็จ..

“องค์ชายรอง” คนที่ไปหาโรงแรมสำหรับพักกลับมา

“ว่ายังไง?  เจ้าหาที่พักได้ไหม?”  ชาร์คถาม

ทหารคุ้มครองนั้นส่ายศีรษะ  “ทุกห้องในโรงแรมใหญ่ถูกจองไว้หมด  แม้ว่าเราตระเวนหาไปถึงห้าโรงแรมใหญ่  เราบอกได้เลยว่าแบบนี้ไม่ได้เรื่องแน่  มีคนมากมายเกินไปที่พยายามจะจองห้องเข้าพัก  องค์ชาย,เรามาถึงเมืองเฮสช้าเกินไป  สมาชิกของตระกูลในห้าแคว้นและอาณาจักรฮั่นมาถึงเร็วกว่าเรามาก”

ชาร์คพยักหน้า

“นั่งและกินกันก่อน”  ชาร์คหันไปมององครักษ์คนอื่นคนที่มีผมสั้นสีเขียว“เจ้าอิ่มหรือยัง?  ถ้าอิ่มแล้วช่วยข้าหาคฤหาสน์หลังหนึ่งแล้วซื้อซะ  ข้าคาดว่าราคาที่นี่ในเมืองเฮสจะค่อนข้างสูงแต่ไม่ว่าราคาเท่าใดก็ให้ซื้อไว้  จำเอาไว้อย่าซื้อบ้านที่หรูและใหญ่เกินไป  คฤหาสน์นี้จะเป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับตัวข้าและพระบิดาข้าเท่านั้น”

“พะย่ะค่ะองค์ชาย”  องครักษ์รับคำและจากนั้นออกไปหาซื้อคฤหาสน์

ลินลี่ย์นั่งดื่มไวน์เงียบๆ คอยมองดูทุกอย่าง

“คฤหาสน์?สงสัยจริงๆว่าจะเป็นคฤหาสน์หลังไหน  เมื่อเคลย์มาถึงมีแนวโน้มว่าเขาจะต้องมุ่งหน้าไปคฤหาสน์นั้นเช่นกัน”  การค้นหาสถานที่ซึ่งเคลย์กำลังจะไปพักทั้งหมดที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือนอนรอ  เมื่อโอกาสมาถึง  เขาจะส่งเคลย์ไปสู่ความตายด้วยมือของเขาเอง

……

เมืองเฮส คฤหาสน์ธรรมดาๆบนถนนคีน

ภายใต้เงื่อนไขปกติ คฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองเฮสอย่างนี้ซึ่งมิได้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโดยทั่วไปจะราคาสองสามแสนเหรียญทอง  แต่องค์ชายชาร์คจ่ายเงินไปล้านเหรียญทองเพื่อซื้อไว้พวกชนชั้นสูงเข้ามาในเมืองเฮสจำนวนมากทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งพรวดราวกับจรวด

ในคืนนั้น

ลินลี่ย์ยังคงพักอยู่ในคฤหาสน์นี้จนถึงตอนนี้

“เคลย์นั้นหลังจากที่มาแล้วคงจะพักอยู่หนึ่งในสองสามห้องเหล่านี้”  ลินลี่ย์เดินอยู่ในกลางคฤหาสน์สำรวจรูปแบบภายในบ้านอย่างระมัดระวัง  เขาเตรียมตัวฆ่าเคลย์ในอนาคต

ลมยามราตรีเย็นและสดชื่น แต่ลินลี่ย์ไม่สนใจ  ให้ความสนใจแต่ตำแหน่งและทุกส่วนของคฤหาสน์นี้

“ใต้เท้าลินลี่ย์,ทำไมเจ้าถึงยังไม่พัก?”  พระสนมเจ้าเสน่ห์คุยกับลินลี่ย์อย่างนุ่มนวล

“ข้าอยู่แต่ในห้องอุดอู้เกินไป  ข้าออกมาสูดอากาศที่สดชื่น”  ลินลี่ย์ตอบตามปกติ

“ข้ารู้สึกอุดอู้ยิ่งกว่า”  พระสนมเดินออกจากห้องตรงมาหาลินลี่ย์สายตาที่ยั่วยวนของนางทำให้ลินลี่ย์วิตก  เขากล่าวทันที“อย่างนั้นพระสนมควรจะสูดอากาศที่สดชื่นต่อไป  ตอนนี้ข้าขอกลับไปพักที่ห้องก่อน”  หลังจากพูดเสร็จลินลี่ย์ออกไปทันที

เมื่อเห็นลินลี่ย์จากไป  พระสนมได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่พอใจ

….

เช้าวันต่อมา

“องค์ชายรอง,พระสนม,องค์หญิงข้ามีเรื่องจะต้องจัดการตอนนี้ขอแยกตัวไปก่อน”  ลินลี่ย์กล่าวลา

“ใต้เท้าลินลี่ย์ทำไมท่านถึงได้เร่งรีบจากไปเล่า?  รอพระบิดาข้ากลับมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้”  ชาร์คพยายามชักชวนเขาให้อยู่ต่อ

ลินลี่ย์หัวเราะเย็นชาในใจ  “รอพระบิดาเจ้าน่ะหรือ?  ถ้าเคลย์เห็นข้าอยู่ที่นี่บางทีข้าอาจต้องโจมตีและฆ่าเขาโดยเปิดเผย  โอกาสฆ่าเขาโดยเปิดเผยยังต่ำกว่าลอบสังหารเขา”  ลินลี่ย์พลาดหวังมาพอแล้ว

ตอนนี้ลินลี่ย์ต้องการความสำเร็จที่แน่นอน

“ครั้งนี้ข้าจะต้องอดทน  ข้าจะรอเวลาเมื่อเคลย์กับไกเซอร์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน  เมื่อเคลย์อยู่ตามลำพัง  ข้าจะฆ่าเขา  นั่นย่อมจะสำเร็จได้แน่นอน”  ลินลี่ย์รู้ว่าตราบเท่าที่ไกเซอร์อยู่ที่นั่นเขาจะไม่สามารถฆ่าเคลย์ได้โดยเร็ว

แต่ตราบใดไกเซอร์ไม่ปรากฏตัว  เขาจะต้องทำได้สำเร็จแน่นอน

“อย่างนั้นท่านจะไปไหนใต้เท้าลินลี่ย์?”  ชาร์คถาม

“ข้าตั้งใจจะออกจากเมืองเฮสมุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อ   ส่วนสถานที่..ข้ายังไม่แน่ใจ”  ลินลี่ย์ตอบ  “เอาล่ะ,องค์ชาย,พระสนม,องค์หญิงข้าขออำลา”

ลินลี่ย์คำนับเล็กน้อย และนำบีบีออกไปจากคฤหาสน์

……

ในคืนนั้น ลินลี่ย์ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเล็กๆถนนสายเดียวกับคฤหาสน์ของชาร์ค  คฤหาสน์ที่ชาร์คซื้อไว้กินเนื้อที่ขนาดใหญ่มีความสะดวกเพียงพอรองรับคนสามสิบคน  แต่บ้านที่ลินลี่ย์ซื้อหลังเล็กมากเพียงพอให้คนอยู่สามสี่คน

บ้านน้อยหลังนี้ลินลี่ย์ต้องจ่ายเงินถึงห้าหมื่นเหรียญทอง  ในเวลาปกติจ่ายแค่ไม่กี่พันเหรียญทองก็ซื้อหาได้แล้ว

“ซีเนียร์,จูเนียร์,พวกเจ้าเห็นคนเข้ามาใหม่ในคฤหาสน์บ้างไหม?”  ลินลี่ย์นั่งกินอาหารค่ำขณะที่เขาถามบุรุษสองคนนี้

“ไม่เลย”

ลินลี่ย์สุ่มเลือกบุรุษสองคนนี้มาจากถนนให้เป็นลูกจ้างเขา  ตอนนี้ในเมืองเฮสมีประชาชนทั่วไปเช่นเดียวกับพวกคนชั้นสูง  หลังจากหนีมาที่นี่คนทั่วไปเหล่านั้นไม่มีอาหารจะกินไม่มีที่จะอยู่พวกเขาทำได้แต่เพียงขอทานหรือขอทำงาน  ดังนั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับลินลี่ย์ที่จะหาคนมาทำงานให้เขา  ค่าจ้างวันละสองเหรียญทองรวมทั้งอาหารนั่นคือโอกาสที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะได้สู้ต่อ

ลินลี่ย์เห็นว่าบุรุษสองคนนี้ดูเหมือนจะน่าเชื่อถือจึงได้เลือกพวกเขา

“ตอนกลางคืนเจ้าสามารถหลับได้  แต่ตอนกลางวันช่วยจับตาดูให้ดี  ตราบใดที่มีคนแปลกหน้าเข้าไปในคฤหาสน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจำนวนมาก  พวกเจ้าต้องแจ้งข้า  จงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคนที่มีมือข้างเดียว”  ลินลี่ย์ทวนคำแนะนำของเขา

ไม่จำเป็นต้องจับตาดูในเวลากลางคืน  เพราะประตูเมืองเฮสปิดในตอนกลางคืน

และลินลี่ย์มั่นใจว่าให้คนทั้งสองนี้จับตาดูระหว่างกลางวัน  ตราบใดที่คนของเคลย์มาถึงเขาจะต้องพบแน่นอน  ชาร์คและคนของเขาเชื่อว่าลินลี่ย์ออกไปจากเมืองแล้วจริงๆ  แต่ความจริงลินลี่ย์ยังคงจับตาดูจากบ้านน้อยที่อยู่ใกล้พวกเขามาก

“เคลย์,ข้าจะรออยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่จำเป็น  มาดูกันว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่” นัยน์ตาของลินลี่ย์เย็นชา

เมื่อเห็นหน้าของลินลี่ย์  สองพี่น้องถึงกับสั่นสะท้าน

“ไปได้” ลินลี่ย์สั่ง“ขอรับ ใต้เท้า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด