ตอนที่แล้วตอนที่ 162 – ตอนที่ 157 ซาบซึ้งตรึงใจไม่ต้องเอ่ยคำขอบคุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 164 – ตอนที่ 159 เรื่องใหญ่ที่สุดคือช่วยสาวงาม

ตอนที่ 163 – ตอนที่ 158 เมื่อคลื่นเก่าสงบ คลื่นใหม่ก็ไล่ตาม


เมื่อพวกเขากลับมาที่เมืองซือว่าง ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว

ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเมือง เย่ว์หยางรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดรุนแรง

ในความมืดมิด อสูรกินเนื้อชั้นต่ำฝูงใหญ่บินออกมาในอากาศตามกลิ่นเลือด ภายใต้แสงไฟ ดวงตาของสัตว์อสูรเหล่านี้มีประกายสีเขียวจางๆ เมื่อเวลาผ่านไปก็มีเสียงทะเลาะยื้อแย่งกัน เสียงร้องคล้ายเสียงหัวเราะของไฮยีนาดังชัดก้องสะท้อนไปทั้งเมือง เป็นบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว ทำให้คนขนลุกตั้งชันได้ ในเมืองมีไฟไหม้ นอกจากบ้านบางส่วนที่ไฟกำลังลุกไหม้แล้ว ยังมีทหารนับไม่ถ้วนลาดตระเวณพื้นที่โดยใช้ไฟส่องฉาย

พวกทหารรับจ้างและพลเรือนที่รอดชีวิตทั้งหมดนั่งอยู่บนพื้นหญ้ามีทหารล้อมรอบเป็นวงกลม

“พวกเจ้าเป็นผู้รอดชีวิตหรือ?” บุรุษร่างใหญ่คือนายกองจากหน่วยลาดตระเวณเดินออกมาจากแถวและถามเย่ว์หยางกับคนอื่นอย่างระมัดระวัง “ยังมีผู้รอดชีวิตอื่นๆ ในหุบเขาหรือไม่? สถานการณ์ข้างล่างเป็นอย่างไรบ้าง?”

“พวกเราทุกคนเป็นนักเรียนจากสถาบันฉางชุนเฉิง เรามาที่นี่เพื่อฝึกฝน”เย่ว์หยางให้หนังสือขออนุญาตฝึกฝนของสถาบันและป้ายโรงเรียนแก่นายกองทหาร

“นักเรียนจากอาณาจักรต้าเซี่ยหรือ?” นายกองขมวดคิ้ว ถ้าเขาไม่ปฏิบัติต่อนักเรียนจากอาณาจักรต้าเซี่ยเหล่านี้ให้ดี สถานการณ์นี้อาจบานปลายกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศได้ และอาาจกระทบกระเทือนทางการทูตอย่างร้ายแรง หลังจากยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขารีบพยักหน้าโดยเร็วและสอบถามต่อ “มีการบาดเจ็บล้มตายในกลุ่มพวกเจ้าหรือไม่? งั้นก็ดีแล้ว พวกเจ้าโชคดีจริงๆ โปรดมานั่งพักตรงนี้ก่อน อย่าห่วง หลังจากพวกเจ้าพักเสร็จแล้ว เราจะส่งพวกเจ้ากลับประเทศเจ้าให้เร็วเท่าที่จะทำได้ แต่ก่อนนั้น ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะให้ความร่วมมือกับเราก่อน ช่วย บอกเราได้ไหม สถานการณ์ในค่ายพักแรมในหุบเขา? ข้างล่างยังมีผู้รอดชีวิตอีกไหม?”

“ข้าไม่รู้ บางทีพวกเขาอาจตายกันทั้งหมด เราหนีความโกลาหลไปหลบอยู่ในโพรงมด หลังจากที่เราออกมา ทุกคนก็ตาย และยังมีอุกกาบาตตกลงมาจากฟ้า ถล่มหุบเขาจนพังทลาย เราเกือบถูกฝังไปแล้ว” เย่ว์หยางพูดไม่กี่ประโยคแล้วก็กล้ำกลืนคำพูด

“เหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะมีสาเหตุมาจากไข่มดทอง” เย่คงพูดแทรกขึ้นมา

“ทหารรับจ้างเหล่านั้นบ้ากันไปแล้ว” เจ้าอ้วนไห่ทำเหมือนว่าเหตุการณ์ยังตามหลอกหลอนเขา

“เรากลับมาเพื่อตามหาสหายของเรา นางชื่ออี้หนาน นางตามหลังเรามาต่างหาก 2 วัน โปรดช่วยเราตรวจดูว่านางมาถึงนี่หรือยัง” สิ่งที่เย่ว์ปิงกังวลที่สุดก็คือความปลอดภัยของอี้หนาน

“เอาล่ะ, ข้าขอขอบคุณที่พวกเจ้าได้ให้ข้อมูลไว้ เราจะบันทึกเอาไว้ในบันทึกการฝึกฝนของพวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้าได้คะแนนกันบ้าง สำหรับสหายของพวกเจ้า เราจะตามเรื่องให้ ถ้าสหายของพวกเจ้ายังอยู่ในซือว่าง เราจะนำคนกลับมาให้เร็วเท่าที่จะทำได้” นายกองทหารนำเย่ว์หยางและคนอื่นๆ เข้าไปในบ้านตามเดิม จากนั้นสั่งให้คนนำน้ำร้อนและซาลาเปานึ่งมาให้พวกเขา หลังจากบันทึกชื่อเย่ว์หยางและคนอื่นเสร็จแล้ว นายกองทหารก็ออกไปโดยเร็ว

หลังจากนั้นราวๆ ครึ่งชั่วโมง บุรุษที่อยู่ในชุดขุนพลก็เดินเข้ามา

นายกองตามอยู่ข้างหลังอย่างนอบน้อม พอเห็นสีหน้าระมัดระวัง นายกองทหารรีบโบกมือ “เด็กๆ, ไม่เป็นไร ท่านขุนพลแค่ต้องการทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในหุบเขาให้มากยิ่งขึ้น สถานการณ์แบบนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างนั้น เราต้องการพวกเจ้า นักเรียนจากอาณาจักรต้าเซี่ย ช่วยเราหน่อยนะ ทุกอย่างจะไม่เป็นไร ทุกคนนั่งลง ค่อยหารือกัน”

ขุนพลผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้ว พยายามอย่างดีที่สุดที่จะยิ้ม “เด็กๆ ทั้งหลาย ข้าชื่อหม่าสิงคง เจ้าจะเรียกข้าว่าผู้เฒ่าหม่าก็ได้”

“ขุนพลเฒ่าหม่า” เย่คงและเจ้าอ้วนไห่พร้อมใจเรียกเขาด้วยชื่อนี้

“เราไม่มีบันทึกอะไรเกี่ยวกับสหายของเจ้า สหายของพวกเจ้าน่าจะโชคหลีกพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ได้ บางทีนางอาจยังมาไม่ถึงก็ได้ เด็กๆ! พวกเจ้าเล่าเรื่องที่เกิดให้เราฟังอีกครั้งได้ไหม?” ขุนพลเฒ่ายื่นมือมาแตะไหล่เจ้าอ้วนไห่ จากนั้นก็นั่งสบายๆ ตรงข้ามกับเย่ว์หยาง เขาสามารถสังเกตเห็นได้ว่าในกลุ่มนี้ บุรุษสวมหน้ากากที่ดูธรรมดาผู้นี้คือศูนย์กลางของกลุ่ม

ขุนพลเฒ่าหม่าไม่สงสัยเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถเอาตัวรอดได้ เขามีหมาป่าปีศาจสองหัว อสูรเงินระดับ 4 เป็นสัตว์เลี้ยง

พอดูๆแล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่กลุ่มนี้จะกลับมาถึงที่นี่ได้โดยปลอดภัย

แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะวางตัวเหมือนคนธรรมดาไม่มีอะไร แต่ดาบจันทร์เสี้ยวที่หลังของเขา ทำให้เขาสัมผัสถึงความจริงได้โดยไม่ต้องเห็นว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ที่สำคัญที่สุด อาวุธนี้ปกติขุนพลปีศาจจะใช้กัน ร้านค้าอาวุธในทวีปมังกรทะยานไม่มีแม้แต่ร้านเดียวที่ขายอาวุธวิเศษอย่างนี้…

ขุนพลเฒ่ารู้ว่า ถ้าเขาต้องการรับรู้สถานการณ์ที่นำไปสู่เหตุการณ์นี้มากขึ้น เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะให้คำตอบเขาได้ดีที่สุด

เย่คงจิบชาร้อนและทำท่าเหมือนกับว่าพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เขาเริ่มอธิบายอย่างคร่าวๆ “เดิมทีเรากำลังฝึกฝนอยู่ในโพรงมด แต่ทันใดนั้น เราได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือลึกลงไปในโพรงมด แต่เป็นเสียงจากม้วนเวทขอความช่วยเหลือ เราต้องการจะบุกเข้าไปช่วยพวกเขา แต่โพรงมดกำลังตกอยู่ในความโกลาหล มีมดแดงไฟนับไม่ถ้วนออกมาล้อมเราไว้และเราติดอยู่ในนั้น

“ข้าเป็นลูกพี่ของพวกเขา ดังนั้นข้าเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนที่สุด มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจออกมาจากโพรงมดขึ้นมาบนผิวดิน” เจ้าอ้วนไห่ยังทำท่าทางเหมือนเป็นลูกพี่

“เมื่อพวกเราออกมา เราพบว่าพวกทหารรับจ้างบ้ากันไปทั้งหมด พวกเขาฆ่าทุกคนที่ปรากฏอยู่ในสายตา” หลี่ชิวพูดถึงฉากสยดสยองในตอนนั้น

“หลังจากนั้น เราก็พัวพันในการต่อสู้เช่นกัน เราพบรอยแยกในภูเขาและไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น” หลี่เกอพยักหน้า

“หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?” ไม่ใช่ว่าขุนพลเฒ่าหม่าไม่เชื่อที่พวกเขาพูด แต่เขารู้สึกว่าพวกเขา ยังให้การแต่เพียงผิวเผิน คนที่รู้ความจริงบางทีคงเป็นเด็กหนุ่มที่สวมหน้ากากที่ยังไม่พูดอะไรสักคำ เขาเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้นำและเป็นขาใหญ่ประจำกลุ่มตัวจริง

“ข้าไม่ได้ออกมาจากโพรงมด ดังนั้น ข้าไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดด้านนอกชัดนัก” เย่ว์หยางรู้สึกว่า ถ้าเขาไม่พูดอะไรออกไป เขาคงไม่สามารถปิดบังความจริงจากขุนพลเฒ่าได้ ดูเหมือนภายนอกเขาดูหยาบกร้านแต่ความจริงมีจิตใจรอบคอบมาก เห็นได้ชัดว่า เย่ว์หยางคงไม่พูดเรื่องการต่อสู้ระหว่างเขากับสื่อจินโหว อย่างไรก็ตาม เขาเล่าให้ขุนพลเฒ่าฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโพรงมดตอนนั้น “ข้าเข้าไปในรังมดและพบว่ามดจำนวนหลายพันกำลังตกอยู่ในความโกลาหล ในรังมดชั้นที่สอง ทหารรับจ้างไม่ทราบจำนวนและมดแดงไฟกำลังสู้กันอยู่ ทหารรับจ้างบางส่วนก็ฆ่าพวกมัน ทหารรับจ้างที่มีไข่มดทองติดอยู่บนชั้นเพิงหิน สถานการณ์ดูหมดหวังจริงๆ เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ข้าเดินเข้าไปช่วยพวกเขาและให้ม้วนเทเลพอร์ตพวกเขาไปด้วย ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น ข้ายังช่วยเบิกทางและพาพวกเขา ทหารรับจ้างเข้าไปในอุโมงค์มด หัวหน้าของพวกเขาเรียกว่าจงหาว ถ้าท่านพบเขา อย่างนั้นท่านก็จะพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง”

เย่ว์หยางพยายามตรวจสอบและดูว่ากลุ่มทหารรับจ้างของจงหาวยังคงมีชีวิต

เขามั่นใจ 90% ว่าจงหาวตายแล้ว

ทั้งนี้เป็นเพราะ ถ้าจงหาวยังคงมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นขุนพลหม่าก็คงรู้ว่าเขาได้รับผลมังกรเปลือกแข็ง เขาคงไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องของไข่มดทอง มันยังไม่ชัดเจนว่าทำไมทหารรับจ้างถึงคลุ้มคลั่ง

ขุนพลเฒ่าหม่ารับรองว่า “มีคนชื่อจงหาวมาก่อนแน่นอน เขาหลบหนีไปจากเมืองซือว่างและหาที่ีลี้ภัยจากทหารของเรา แต่มีการทำร้ายโดยฝีมือของคนร้ายหลังจากนั้นไม่นาน ทหารทั้งหมดจากกองทหารเสียชีวิตในการรบ จงหาวและสหายของเขาถูกศัตรูจับคุมขัง หลังจากนั้น การต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็เกิดขึ้น ทหารรับจ้างทุกคนดูเหมือนจะรู้เรื่องไข่มดทอง และเริ่มฆ่าทุกคนที่เห็น… อย่างไรก็ตาม ข้าสงสัยว่าศัตรูน่าจะปล่อยพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้คนคลั่ง มิฉะนั้น พวกทหารรับจ้าง คงไม่สูญเสียสติสิ้นเชิงเพียงเพราะเรื่องไข่มดทองแน่ ที่น่าสงสัยมากก็คือพื้นที่ในเมืองซือว่างและค่ายพักแรมถูกรบกวนจากสิ่งประดิษฐ์บางอย่าง ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้เทเลพอร์ตได้ มีคนที่หนีมาได้ไม่กี่คน.. เด็กน้อย! เจ้าบอกว่ามีอุกกาบาตตกด้วยใช่ไหม?”

เขารู้สึกว่ากลุ่มของเย่ว์หยางเกี่ยวข้องกับการตกของอุกกาบาตแน่นอน บางทีศัตรูพบว่าผู้รอดอยู่ไม่กี่คนมีพลังแข็งแกร่ง ดังนั้นพวกมันจึงเรียกอุกกาบาตมาถล่มพวกเขา

เพื่อปิดบังเรื่องผลมังกรเปลือกแข็ง, สื่อจินโหว, แม่เฒ่าฉือ,และสารานุกรมยาเอาไว้ เขาตัดสินใจเล่าให้ขุนพลเฒ่าหม่าถึงการต่อสู้ครั้งล่าสุดของเขา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

โดยใช้น้ำเสียงที่สงบ เขาอธิบายถึงการต่อสู้ว่า “ตอนนั้น ข้าได้ฆ่าเบิกทางออกมาจากรังมด ที่มีมดรวมกันเป็นพัน เมื่อข้าออกมาข้างนอก ข้าก็ตระหนักได้ว่าสหายของข้าถูกศัตรูล้อมไว้หมด มีนักสู้ระดับ 5 อยู่ 2 คนและระดับ 6 อีกคนหนึ่งรวมอยู่ในกลุ่มศัตรู พวกเขาแฝงตัวเองอยู่ในกลุ่มและรวบรวมกลุ่มทหารรับจ้างเข้าโจมตีทำร้ายสหายของข้า หลังจากนั้นเมื่อข้ากลับมา ข้าพบว่าพวกเขามีการอัญเชิญงูเหลือมยักษ์ ราชสีห์ผิวทองแดง, และเสือดำกระดูกเหล็ก ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกเขายังเรียกแมมม็อธยักษ์ออกมาโจมตีเราด้วย หลังจากฝืนทนรับมือสู้ นักสู้ระดับ 6 ที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนก็เรียกอุกกาบาตออกมา 5 ลูก ข้าเสี่ยงเข้าไปขัดขวางการเรียกของเขา ในที่สุดอุกกาบาตก็ย้อนกลับไปเล่นงานเขา ผลก็คือ แม้แต่ยอดเขาก็ยังพังทลายและเราสลบไปจากแรงกระแทก เมื่อเราตามมาดูหลังจากนั้น ศัตรูก็ถูกสหายช่วยไปทางอากาศแล้ว มีอสูรบินหลายตัวอยู่ในท้องฟ้า อย่างน้อยก็ 200 พวกเขาจากไปหลังจากอุกกาบาตถล่มหุบเขาไปแล้ว”

“เจ้าสามารถบอกได้ไหมว่า นักสู้ระดับ 6 ที่เรียกอุกกาบาตมีลักษณะอย่างไร?” ขุนพลเฒ่าหม่าขมวดคิ้ว

เขาสามารถฟังออกว่า แม้ว่าเด็กหนุ่มนี่จะอธิบายเรื่องราวทุกอย่างค่อนข้างง่าย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก

ถ้ามีนักสู้ระดับ 6 เข้ามาพัวพันในเรื่องนี้ เขาเรียกอุกกาบาตออกมาสังหารทุกคน อย่างนั้นหลายอย่างจะกลายเป็นซับซ้อนยิ่งขึ้น

สถานการณ์แบบนี้ คงจะเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้ถึงสิบเท่า

เย่ว์หยางแอบถอนหายใจด้วยความโล่งออก เขารู้ว่าขุนพลเฒ่าหม่าจะไม่สงสัยหรือสังเกตเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาภายในโพรงมดในตอนนี้ แต่เขาจะเพ่งความสนใจไปที่นักสู้ระดับ 6 แทน

นี่คือเรื่องหญ้าปากคอกที่เย่ว์หยางใช้ดึงความสนใจของขุนพลเฒ่าหม่า เขายืมมาเพื่อใช้เบี่ยงเบนความสนใจของเขา

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่ศัตรูพยายามจะฆ่าเขา

เนื่องจากมันไม่เกี่ยวกับเขา เย่ว์หยางตัดสินใจพักเรื่องนี้เอาไว้ เขาคร้านเกินไปที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องประเทศชาติและการสมรู้ร่วมคิด เขาขออุทิศตัวเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับสาวๆ ดีกว่า

เนื่องจากขุนพลเฒ่าหม่าต้องการรู้ว่านักสู้ระดับ 6 มีลักษณะอย่างไร เย่ว์หยางจึงแสดงความใจกว้าง เขาอธิบายลักษณะของนักสู้ระดับ 6 รวมทั้งของนักสู้ระดับ 5 ทั้งสองคนด้วย เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่ทราบว่ามีนักสู้ระดับ 6 ถึง 2 คน เขาพูดถึงเพียงนักสู้ระดับ 6 ขั้นเริ่มต้นเป็นคนเรียกอุกกาบาต ทหารรับจ้างทั้งหมดเรียกเขาว่าอาจารย์

เมื่อเขาพูดถึงตอนนี้ สีหน้าของขุนพลเฒ่าถึงกับเปลี่ยนไป

เห็นได้ชัดว่า ขุนพลเฒ่าหม่ารู้จักนักสู้ระดับ 6 ทั้งสองคนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังคุ้นเคยกับทั้งสองคนมากอีกด้วย

“ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก เจ้าต้องมาพบกับเรื่องที่น่ากลัวในอาณาจักรเทียนหลัวของเรา เราจะรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททราบและจะทูลขอให้พระองค์พระราชทานรางวัลแก่เจ้า ตอนนี้เราสงสัยว่าศัตรูยังคงพยายามกลบเกลื่อนปกปิดเรื่องนี้อยู่ โปรดอย่าเพิ่งกลับไปตอนนี้ เราจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญมาอีกและแจ้งให้ครูในสถาบันศึกษาของพวกเจ้ามารับพวกเจ้ากลับ แน่นอนว่า เจ้าจงสบายใจได้ เราจะรักษาความปลอดภัยให้พวกเจ้าเอง เราคือทหาร เรามีความแข็งแกร่งพอจะทำได้” ก่อนที่ขุนพลเฒ่าหม่าจะพูดจบ มีเสียงระเบิดที่ได้ยินจากด้านนอก คลื่นแรงระเบิดทำให้ประตูไม้เปิดออก ทั้งชั้นก็สั่นสะเทือนฝุ่นละอองบนเสาเพดานหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง

เสียงเตือนภัยดังลั่นขึ้น

นัยน์ตาของขุนพลเฒ่าหม่าลุกโพลงด้วยความโกรธปานว่าภูเขาไฟจะระเบิดออกมา

เขาลุกขึ้นยืนแข็งขืน ก่อนที่จะเดินออกไปเขาไม่ลืมที่จะหันมาปลอบใจเย่ว์หยางและคนอื่นๆ “อย่ากลัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรารับรองได้ว่าสามารถปกป้องเจ้าได้ สำหรับตอนนี้ พักอยู่ในบ้าน อย่าออกมาข้างนอก ข้าจะออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

เย่ว์หยางรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้คาดไม่ถึงเล็กน้อย อาณาจักรเทียนหลัว ระดมกองกำลังมาพร้อมแล้ว พวกคนร้ายเหล่านั้น ยังกล้าโจมตีทำร้ายคนอื่ีนอีกหรือ

เหล่าร้ายพวกนี้เป็นใครกัน

ความลับยิ่งใหญ่ในเหวสิ้นหวังคืออะไร ถึงทำให้พวกเขาทุ่มเทกำลังถึงขนาดนี้?

สำหรับช่วงเวลาที่เย่ว์หยางอยากรู้อยากเห็นมาก เป็นไปได้ไหมว่า ยังคงมีบางอย่างที่มีค่ามากกว่าไข่มดทองและผลมังกรเปลือกแข็งกระมัง?

++++++++++++

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด