ตอนที่แล้วตอนที่ 7-3 จะตายแน่หรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7-5 วันสิ้นโลก

ตอนที่ 7-4 เท้ายักษ์


ในคืนระหว่างปี 9999 และปี 10000 หิมะตก ขณะที่อุณหภูมิในเมืองเฟนไลลดต่ำอย่างน่าประหลาด ภายในกรงขังที่หนาวเหน็บในโบสถ์เจิดจรัสลินลี่ย์กำลังพิงอยู่กับผนังหินที่เย็นเฉียบของห้องขัง

ลินลี่ย์ไม่ได้สังเกตถึงความเหน็บหนาวเลยแม้แต่น้อย

“ข้ารู้ว่าข้ากำลังจะตาย แต่ข้าไม่มีความสามารถจะต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย”  ลินลี่ย์คอตกถอนหายใจเบาๆ

เขาได้พยายามจนเหนื่อยแล้ว

แต่คุกคุมขังนี้เป็นเหมือนกับที่มือปราบได้อธิบายไว้  มันมีความทนทานอย่างเหลือเชื่อและแม้แต่ลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงก็ไม่สามารถทำลายสลักล็อคหรือห้องได้เลยแม้แต่น้อย  ทั้งหมดที่เขาทำได้คือรอการดำเนินการที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้

ราตรีมืดมิดผ่านไปอย่างรวดเร็วและพายุหิมะใหญ่ก็มาถึงที่สุดเช่นกัน ทั้งขุนนางและประชาชนทั่วไปกำลังเฉลิมฉลองตามวิธีการของพวกเขา  ถึงเวลาเฉลิมฉลองเทศกาลยูลานปีที่ 10000  ในวันที่รุ่งเรืองไร้เมฆหมอกนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโบสถ์เจิดจรัส

วันนี้อากาศเหนือโบสถ์เจิดจรัสกระจ่างงดงามไร้เมฆหมอก  ภาพสะท้อนที่งดงามและภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยเวทระดับสูงปรากฏนับไม่ถ้วน

ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เฟนไลมีการเฉลิมฉลองอยู่ทั่วทุกที่ในวันนี้ ลานจตุรัสขนาดมหึมาที่ด้านหน้าโบสถ์เจิดจรัสเต็มไปด้วยผู้จากทุกที่ทุกคนกำลังโห่ร้องฉลองให้กับเทศกาลฉลองปีที่ 10000 ศักราชยูลานและโบสถ์เจิดจรัสได้จัดกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นกัน

เยล, เรย์โนลด์และจอร์จอยู่ในชั้นที่สามของโรงแรม พวกเขาจ้องมองลานจัตุรัสโบสถ์เจิดจรัสที่อยู่ห่างไกลออกไป  จัตุรัสหนาแน่นเต็มไปด้วยคลื่นมหาชน

“พี่ใหญ่เยล,วันนี้เราจะไปงานแต่งงานของตระกูลเด็บส์กันไหม?” จอร์จถาม

งานแต่งงานของคาลันแห่งตระกูลเด็บส์คือวันฉลองเทศกาลยูลาน  วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่วันหนึ่งมีตระกูลมากมายในเมืองเฟนไลจัดงานแต่งงานกันในวันนี้  งานแต่งงานแบบนี้จะเริ่มพิธีตอนบ่ายต่อเนื่องไปจนถึงค่ำ

“ไปแน่นอน”เยลมีท่าทางรังเกียจอยู่บนใบหน้า

เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลินลี่ย์  เยล, จอร์จและเรย์โนลด์พากันรู้สึกหดหู่

“ฮึ่ม!  น้องสามใจดีเกินไปต่อนังตัวดีนี่และเจ้าเด็กกร่างคาลันด้วย  แต่ตอนนี้ น้องสามกำลังจะถูกประหาร ขณะที่นังตัวดีกับเจ้าเด็กกร่างคาลันกำลังจะมีความสุขและเข้าพิธีแต่งงาน”เยลยิ่งโมโหมากขึ้น

เขาไม่เคยมองอลิซกับคาลันในแง่ดีเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังจะถูกดำเนินการประหารชีวิต  และตัวเขาเองไม่สามารถช่วยลินลี่ย์ได้ เขาไม่มีที่จะระบายอารมณ์หงุดหงิดและความวิตกกังวลนี้  นี่ยิ่งทำให้เขามีมุมมองต่ออลิซและคาลันอย่างไม่เป็นมิตรมากขึ้น

“จริงสิ,พวกเขาต้องการให้งานแต่งงานพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นใช่ไหม?  คงกำลังฝันหวานอยู่แน่”  เรย์โนลด์ขบกรามกรอดๆ ด้วยเหมือนกัน

แม้แต่จอร์จก็ยังรู้สึกอยากทำลายงานแต่งงานนี้ด้วยเหมือนกัน

เยล, จอร์จและเรย์โนลด์ทุกคนไม่เป็นอันกินอันนอนเพราะกังวลห่วงใยลินลี่ย์มาหลายวันจนกระทั่งวันนี้  ยิ่งรู้ว่าลินลี่ย์กำลังจะตายแต่ไม่สามารถช่วยเขาได้ ทำให้พวกเขาอดนึกย้อนถึงความหลังตลอดหลายปีที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันเติบโตมาด้วยกัน พวกเขายิ่งเกลียดตนเองมากยิ่งขึ้นที่ไม่มีพลังพอจะช่วยเขาได้

และเวลาอย่างนี้อลิซผู้ทอดทิ้งลินลี่ย์กำลังจะแต่งงานกับคาลันในบัดนี้

ทั้งสามคนจะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ได้ยังไง?

ณ ถนนกรีนลีฟ คฤหาสน์ตระกูลเด็บส์

ในเวลาบ่าย ขุนนางและคหบดีคนแล้วคนเล่ามาถึงคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์ แม้ว่าหลังจากผ่านคดีลักลอบขนของเถื่อนไปแล้ว  ตระกูลเด็บส์จะไม่ได้เป็นหนึ่งในตระกูลระดับสูงของอาณาจักรเฟนไลต่อไป  แต่พวกเขาก็ยังเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลอยู่  อย่างน้อยที่สุด ในอาณาจักรเฟนไล  พวกเขาก็ยังมีระดับอยู่ในยี่สิบตระกูลแรก  “ท่านเคาท์จูโนเดินทางมาถึงแล้ว!”

“ท่านบารอนเพรย์เดินทางมาถึง!”

พวกขุนนาง, สุภาพสตรีชั้นสูง กุลธิดาที่มีฐานะร่ำรวยล้วนเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์ เบอร์นาร์ด ประมุขตระกูลเด็บส์คอยต้อนรับทุกคนด้วยมารยาทดีงาม  อำนาจของตระกูลเด็บส์ตกต่ำลงไปมาก  แต่ภายในอาณาจักรเฟนไล  พวกเขายังสามารถยืนหยัดอยู่บนฐานที่มั่นคงได้

“ท่านดยุคโบนัลท์เดินทางมาถึงแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ดยุคโบนัลท์’ ขุนนางหลายๆ คนหันไปมองที่ประตู แม้แต่เบอร์นาร์ดก็กุลีกุจอไปต้อนรับเขาทันที  ตอนนี้บุคคลผู้มีสถานะสูงที่สุดที่มาร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ก็คือดยุคโบนัลท์  ครั้งสุดท้าย ที่งานพิธีหมั้น แม้แต่ราชาเคลย์ผู้ครองอาณาจักรเฟนไลก็ยังมาร่วม  แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ  พระราชากลับไม่เสด็จมา

ทุกคนรู้เหตุผลดีว่าทำไม

“ท่านดยุค,ท่านมาถึงครั้งนี้นับเป็นเกียรติและสร้างความปิติยินดีให้กับตระกูลเด็บส์ของเรานัก”  เบอร์นาร์ดกล่าวอย่างสุภาพ

ดยุคโบนัลท์พยักหน้า

หลังจากเหตุการณ์พยายามลอบปลงพระชนม์พระราชาที่คฤหาสน์ของลินลี่ย์  มหาเสนาบดีขวาเมอร์ริทเสียชีวิต แม้ว่าเคลย์จะเลื่อนตำแหน่งมุขมนตรีอื่นเป็นมหาเสนาบดีขวา  แต่ในด้านอิทธิพลแล้ว  ไม่มีทางที่เขาจะเทียบกับเมอร์ริทผู้เคยดำรงตำแหน่งมหาเสนาบดีขวามาเป็นทศวรรษในตอนนี้ได้

ยิ่งกว่านั้นเสนาบดีคลังแพตเตอสันก็ตายแล้วเช่นกัน  ตอนนี้ทั่วทั้งอาณาจักรเฟนไลบางทีคนที่ทรงอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดรองจากผู้ปกครองอาณาจักรแล้วก็คือก็คงเป็นมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้นี้ดยุคโบนัลท์

“คาลัน!มาคารวะท่านดยุคโบนัลท์ซะ” เบอร์นาร์ดตะโกนเรียกทันที

วันนี้คาลันแต่งตัวในชุดที่สง่างามมาก ชุดสูทสีดำล้วนที่เขาสวมใส่ทำให้เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูโดดเด่นที่สุดที่ปรากฏตัวในวันนี้  คาลันคำนับดยุคโบนัลท์อย่างสุภาพที่สุด “ท่านดยุคโบนัลท์,ขอต้อนรับสู่งานแต่งงานของข้า”

“ยินดีด้วยนะคาลัน” ดยุคโบนัลท์พูดพลางหัวเราะสบายๆ แต่ก็เพียงในเวลานี้เท่านั้น...

“คุณชายเยลแห่งหอการค้าดอว์สันเดินทางมาถึง!”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ดังขึ้น  นัยน์ตาของเบอร์นาร์ดเป็นประกายทันที  และแม้แต่ดยุคโบนัลท์ก็พลอยโผล่หน้ามาอยู่ข้างๆเขา  พวกขุนนางชั้นสูงแห่งเฟนไลเหล่านั้นไม่สามารถแข่งขันได้กับหอการค้าดอว์สันได้เป็นธรรมดา ตระกูลดอว์สันแห่งหอการค้าดอว์สันเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอำนาจมากที่สุดในทั่วทวีปยูลาน

เยลสวมชุดสูทดำเป็นมันระยับ

เรย์โนลด์อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินหล่อเหลา

จอร์จสวมชุดสูทสีขาวตาหมากรุกเบาบาง

ทั้งสามคนเดินเคียงไหล่เข้ามาทำให้พวกขุนนางชนชั้นสูงทุกคนที่กำลังจับตาดูพวกเขานัยน์ตาเป็นประกาย  กล่าวโดยทั่วไปแล้วนักเวทมักจะมีสง่าราศีเฉพาะตัวพวกเขา  ทั้งนี้เพราะบ่อยครั้งที่นักเวทจะเข้าสมาธิเสมอส่งผลให้พวกเขาเชื่อมโยงกับแก่นธาตุได้เป็นอย่างดี  ผนวกกับพลังจิตที่ทรงพลังของพวกเขาทำให้พวกเขามีราศีเฉพาะตัว

นอกจากนี้ เยล,จอร์จและเรย์โนลด์ทุกคนเป็นคนของตระกูลเก่าแก่  สง่าราศีของพวกเขาละเอียดประณีต พวกตระกูลขุนนางและชนชั้นสูงในเฟนไลส่วนใหญ่จึงมิอาจเทียบพวกเขาได้

“คุณชายเยล, ยินดีต้อนรับ!  และคุณชายอีกสองคนนี้...?” เบอร์นาร์ดสามารถบอกได้เพียงชำเลืองมองครั้งเดียวว่าสองคนนี้ไม่ได้มาจากตระกูลธรรมดาสามัญแน่นอน

เยลหัวเราะใจเย็น  “สองคนนี้เป็นน้องรักร่วมสถาบันของข้าจากสถาบันเอินส์”

เรย์โนลด์กล่าวสุภาพ “ท่านเบอร์นาร์ด, ข้ามาจากตระกูลดันส์ตันแห่งจักรวรรดิโอเบรียน  ท่านเรียกข้าว่าเรย์โนลด์ก็ได้”

“ตระกูลดันส์ตัน?”

ทั้งเบอร์นาร์ดและดยุคโบนัลท์สะดุ้งทั้งคู่ ทุกคนที่มีประสบการณ์อยู่บ้างรู้จักชื่อเสียงของตระกูลดันส์ตัน ตระกูลดันส์ตันเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจในจักรวรรดิโอเบรียน  เป็นตระกูลที่กุมอำนาจทางทหารที่ทรงพลังมาก

“คุณชายเรย์โนลด์, ตระกูลเด็บส์ของพวกเรายินดีต้อนรับการมาเยือนของท่านอย่างมีไมตรีจิต”เบอร์นาร์ดพูดอย่างตื่นเต้น

การมาถึงของคุณชายจากตระกูลดันส์ตันย่อมเสริมหน้าตาให้เบอร์นาร์ดมากเป็นธรรมดา  คาลันที่อยู่ใกล้ๆ คำนับอย่างสุภาพ  แต่เห็นได้ชัดว่าความแตกต่างกันระหว่างเขากับทายาทของตระกูลยิ่งใหญ่ยังห่างไกลกันมาก

“แล้วคุณชายท่านนี้?”  เบอร์นาร์ดมองมาทางจอร์จ

จอร์จยิ้ม  “ท่านเบอร์นาร์ด,ข้ามาจากตระกูลวอลช์แห่งจักรวรรดิยูลาน”

“ตระกูลวอลช์?”  หัวใจของเหล่าขุนนางที่อยู่ใกล้ๆ เต้นแรง  ตระกูลวอลช์เป็นตระกูลเก่าแก่มีประวัติศาสตร์เป็นพันๆปี ในจักรวรรดิยูลานพวกเขามีอิทธิพลอย่างมากและอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเลโอนของดิ๊กซี่และดีเลีย

“คุณชายจอร์จ,การมาถึงของท่านในวันนี้นับเป็นเกียรติของตระกูลเด็บส์เราอย่างสูง”เบอร์นาร์ดถ่อมตัวอย่างมาก

ทั้งตระกูลวอลช์และตระกูลดันส์ตันเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจมากมายจากสี่จักรวรรดิใหญ่ พวกเขาเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลต่อกลยุทธ์ภายในของจักรวรรดิที่พวกเขาเกี่ยวข้องอยู่  แม้แต่ก่อนที่ตระกูลจะตกต่ำตระกูลเด็บส์ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลเหล่านี้ อย่าว่าแต่สภาพตระกูลในปัจจุบันนี้เลย

พิธีแต่งงานของตระกูลเด็บส์เป็นงานที่มีชีวิตชีวามากพวกขุนนางหลายคนรวมทั้งกุลสตรีชนชั้นสูงล้วนแต่ต้องการสนทนากับเยล,จอร์จและเรย์โนลด์ทั้งนั้น ในสายตาของพวกกุลธิดาเหล่านั้น ต่อให้พวกนางทิ้งความคิดจะเป็นภรรยาหลวงออกไป  ขอให้ได้เป็นภรรยารองของคนใดคนหนึ่งในสามคนนั้น  ตระกูลของพวกนางก็จะได้ผลประโยชน์นับไม่ถ้วน

ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจ  ตอนนี้คาลันได้รับความสนใจน้อยลงแล้ว

แต่เป็นคนสามคนที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษแทนเขาก็คือ เยลเรย์โนลด์และจอร์จ

“ดูสิคุณอลิซกับคุณโรว์ลิงมาถึงแล้ว”  ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องโถงตอนนี้หญิงสาวทั้งสองปรากฏตัวแล้ว อยู่ในชุดเจ้าสาวงดงาม  พวกนางเข้ามาจากประตูด้านข้างและคาลันไปรับพวกนางทันที ทั้งอลิซและโรว์ลิงคล้องแขนคาลันอย่างเป็นธรรมชาติ

ถึงเวลานี้ เยล, เรย์โนลด์และจอร์จก็แสดงบทบาทจนได้

“ฮ่าฮ่า, คาลัน ทั้งสองคนนี้ต้องเป็นภรรยาของเจ้าใช่ไหม?  พวกนางงดงามจริงๆ!”  เรย์โนลด์หัวเราะขึ้นก่อนจะเดินเข้ามา

เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามาหา  คาลันหันไปแนะนำพวกเขากับภรรยาทั้งสองของเขา  “โรว์ลิง, อลิซพวกเจ้าคารวะคุณชายทั้งสามนี่ซะ นี่คือคุณชายเรย์โนลด์แห่งตระกูลดันส์ตัน และนี่คือ...” แต่เมื่อเขาพูดไปได้ครึ่งเดียว  จอร์จส่งเสียงร้องอย่างประหลาดใจ ตะโกนลั่น “อลิซ?!นี่เจ้าแต่งงานกับคาลันนี่เหรอ?”

เสียงตะโกนของจอร์จดังมาก คำพูดเหล่านี้ทำให้ทั่วทั้งห้องโถงเงียบลงทันที

การพูดอะไรอย่างนี้ในพิธีแต่งงานของใครบางคนถือว่าเสียมารยาทมาก

“อลิซเหรอ?  เจ้าคือคนที่เดินควงกับพี่สามของเราไม่ใช่เหรอ?”เรย์โนลด์เสริม

กลับเป็นเยลที่พูดขึ้น “น้องรอง, น้องสี่  พวกเจ้าสองคนยังไม่รู้เรื่องนี้แต่แม่นางอลิซผู้นี้หักอกน้องสามของเราแล้ว นางกำลังจะแต่งงานกับคาลันอยู่เดี๋ยวนี้ไงเล่า”

“เลิกกับพี่สาม?”

จอร์จกับเรย์โนลด์ส่ายศีรษะถอนหายใจทั้งคู่

จากนั้นเรย์โนลด์พูดขึ้นทันที “อลิซ,ตั้งแต่เจ้าทอดทิ้งพี่สามของเราหันไปคบกับคาลันผู้นี้อย่างนั้นเจ้าคงได้เป็นภรรยาหลวงใช่ไหม?”  “ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น  ภรรยาหลวงคือคุณโรว์ลิงต่างหาก   เรื่องนี้ได้ประกาศไปในพิธีหมั้นไปแล้ว”เยลพูดขึ้นทันที

ประโยคทั้งสองนี้ทำให้หน้าของอลิซแดงฉานขณะที่มองหน้าของคาลันก็ดูรู้สึกอึดอัดมากเช่นกัน แต่ไม่มีใครสักคนในห้องโถงที่จะกล้าโมโหความสามหาวของเยล, เรย์โนลด์หรือจอร์จ  ด้วยสถานะของพวกเขาใครเล่าจะกล้า?

“คุณชายทั้งสาม,เราต้องต้อนรับแขก โปรดอภัยให้เราด้วย” คาลันค่อยๆ ระงับความโกรธในใจและพูดอย่างสุภาพ

“ได้สิ”เรย์โนลด์พยักหน้าเช่นกัน

คาลันพาโรว์ลิงและอลิซไปที่โต๊ะอื่นทันที  เยล จอร์จและเรย์โนลด์จ้องมองอย่างเย็นชาดูเขาจากไป เมื่อคิดถึงว่าลินลี่ย์กำลังจะถูกประหารในไม่ช้า หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธต่อความอยุติธรรมทั้งปวง

ทันใดนั้น.....

“บึ้ม!  บึ้ม!  บึ้ม!”

เสียงที่น่าสะพรึงกลัวดังต่อเนื่องสามารถได้ยินได้จากข้างนอกเป็นเสียงทึบต่ำครึกโครมทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ในแต่ละครั้งที่สั่นสะเทือนเครื่องใช้สอยในห้องโถงล้วนร่วงลงกับพื้น

“เกิดอะไรขึ้นข้างนอก?”  ขุนนางคนหนึ่งในห้องโถงลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

“โรวลิง, อลิซพวกเจ้าอยู่ก่อน” คาลันวิ่งออกไปจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับบิดาของเขาทันทีและขุนนางอีกหลายคนก็วิ่งออกไปเช่นกัน พวกเขาต้องการดูว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เพราะความวุ่นวายใหญ่ขนาดนั้นต้องมีสาเหตุ

เรย์โนลด์ เยลและจอร์จออกไปข้างนอกด้วยความสงสัยเช่นกัน...

แต่..ในตอนนี้เอง...

“บึ้ม!”

จู่ๆเท้ายักษ์ข้างหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้าและลงตรงลานหน้าคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์ เท้ายักษ์นั้นเหยียบใส่คาลันและเบอร์นาร์ดที่เพิ่งจะเข้าไปที่ลานข้างหน้าโดยตรง  เสียงกระดูกแตกหักสามารถได้ยินได้ขณะที่พ่อลูกทั้งสองถูกบดขยี้เป็นเนื้อแหลกเหลว  พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของพวกเขา

เท้าข้างนั้นยาวเกินกว่าสี่เมตรและมีขนทองดกหนาปกคลุม

“อ๊า....”หลายคนเงยหน้าจ้องมองสัตว์ประหลาดนั้น

นี่คือวานรขนทองขนาดมหึมาสูงอย่างน้อยยี่สิบหรือสามสิบเมตรขนาดราวๆ อาคารสูงแปดชั้น  ตาของวานรทองขนาดยักษ์นี้ใหญ่เหมือนกับล้อรถสีม่วง  ร่างของวานรทองดูเหมือนเต็มไปด้วยพละกำลังทำให้อากาศรอบตัวมันสั่นสะเทือน

“วานรขนทองตาม่วง!อสูรวิเศษระดับเซียน, วานรขนทองตาม่วง!”  เมื่อเห็นอสูรเวทตัวนี้ เยลอดจ้องปากอ้าค้างมิได้

วานรขนทองตาม่วงแหงนหน้ากู่เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและพูดเป็นภาษามนุษย์“ฮ่าฮ่า ฆ่า  ฮ่าฮ่า ฆ่าพวกมันให้ข้า!  ฆ่าพวกมันให้หมด!  ยิ่งพวกเจ้าฆ่าได้มาก  พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลใหญ่จากราชา!  ฮ่าฮ่า, ฆ่า!”

“บึ้ม” “กี๊ซ!”

เยล จอร์จและเรย์โนลด์สามารถได้ยินเสียงกู่และเสียงร้องของอสูรเวทจากทุกสารทิศราวกับว่าทั้งโลกเต็มไปด้วยพวกมัน ทันใดนั้น เยลจอร์จและเรย์โนลด์เห็นว่าทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยอสูรเวทบินได้นับจำนวนไม่ถ้วน

“เหยี่ยวมังกร!  เจ้าพวกนี้คือเหยี่ยวมังกร!  นี่....”เรย์โนลด์ตะลึงปากอ้าค้างเช่นกัน

จากที่ไกลออกไป ฝูงเหยี่ยวมังกรฝูงใหญ่ปรากฏขึ้นมืดฟ้ามัวดินเหยี่ยวมังกรมีจำนวนหนาแน่นและสูงขึ้นไปจนไม่อาจนับจำนวนได้

ทันใดนั้นทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าวันสิ้นโลกกำลังมาปรากฏต่อหน้าพวกเขา ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดรู้สึกร่ำไรหรืออาลัยคาลันกับเบอร์นาร์ดที่ถูกเท้ายักษ์ของวานรขนทองตาม่วงเหยียบจนเละ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด