ตอนที่แล้วตอนที่ 140 หลิงซิ่วเจ้าอารมณ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 142 พี่น้องตระกูลหัว

ตอนที่ 141 แผนของกู้เสวี่ย


"ตอนนี้เจ้ามีแผนอะไรบ้าง?"  ถังเทียนถามกู้เสวี่ย เขาแนะนำ"เราสามารถพาเจ้าออกไปจากเมืองเฮยซานได้ ที่ไหนก็ได้ที่เจ้าต้องการไป"

กู้เสวี่ยสั่นศีรษะ  "ข้าไม่อาจจากไปได้"

"ทำไมล่ะ?"  ถังเทียนสับสน

หลิงซิ่วที่อยู่อีกข้างหนึ่งแดกดัน"นางจะได้ไหนได้?  ทันทีที่นางออกจากตระกูลกู้นางจะตกเป็นเป้าหมายทันที ศัตรูของตระกูลกู้จะฆ่านางอย่างไม่ลังเล นอกจากนี้ นางยังมีสายเลือดรุ้งหิมะ ถ้านางให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไป สำหรับครอบครัวอื่นและตระกูลอื่นจะมิเป็นการสร้างปัญหาใหญ่หรอกหรือ?"

"จริงสินะ"ถังเทียนคิดเรื่องไซอาที่คาดการณ์ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่า เขายังไม่ดีพอสำหรับงานนี้ เขายักไหล่และถาม "งั้นตอนนี้จะเอายังไง?"

"รอ!"กู้เสวี่ยแสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ "รอแค่สามวัน พวกเขาจะรีบกลับมา"

หลิงซิ่งลอบมองนาง  "คนพวกนั้นจะทำอะไรได้?"

"ใคร?" ถังเทียนเข้ามาร่วมสนทนาอีกครั้งเหมือนเด็กช่างสงสัย

"ครอบครัวของข้า"  กู้เสวี่ยอธิบาย  "ถ้าบ้านนี้ล่มสลายสิ้นเชิง อย่างนั้นพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์แย่ยิ่งกว่าข้าเสียอีก  พวกเขาไม่มียอดฝีมือที่ทรงพลัง  แต่พวกเขาจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่นั่นจะทำให้กำลังเพิ่มขึ้นมาบ้าง"

"ไม่มีประโยชน์" หลิงซิ่วอยู่ข้างตัวผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลมาเป็นเวลานานเขาเป็นคนที่คุ้นเคยกับชะตากรรมของกู้เสวี่ย เขาพูดตามตรง "คนพวกนี้จะทำอะไรได้ ข้าคนเดียวก็ฆ่าพวกเขาได้ อย่านึกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจะยอมอดกลั้นต่อเรื่องนี้เท่าที่ข้ารู้ เขาจะต้องโต้ตอบอย่างร้ายกาจรุนแรงกว่าแต่ก่อนแน่"

หลิงซิ่วมองดูถังเทียน

ถังเทียนสับสน"เจ้ามองข้าหาอะไร?"

หลิงซิ่วเหลือกตา  "สำหรับคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า  เมื่อเจ้าพบกับคมหอก คมดาบ อย่าฉี่รดกางเกงก็แล้ว"

ถังเทียนพูดด้วยความภูมิใจ  "อย่าห่วง   หนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้แข็งแกร่งมากพอข้าไม่เคยกลัวเรื่องการต่อสู้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเจ้าคิดว่าเขาจะกลายเป็นพี่ใหญ่เจ้าได้ยังไง?"

หลิงซิ่วหน้าเขียวคล้ำ  เขาเหลือกตาเตรียมอาละวาดเมื่อไรก็ตามที่เขาใช้คำว่าพี่ใหญ่ นั่นไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลย

กู้เสวี่ยมองดูคนทั้งสองเตรียมทะเลาะกัน  นางรีบเสริมต่อทันที  "ความจริงยังมีอีกทางหนึ่ง"

ทั้งสองคนสนใจคำพูดของกู้เสวี่ยถึงกับหันหน้ามามองพร้อมกัน

"สำหรับสายเลือดซ่อนเร้นของข้าบิดาข้าพบมานานแล้วตั้งแต่ข้ายังเล็กๆ ตลอดหลายปีมานี้เขาได้เรียนรู้วิธีกระตุ้นพลังสายเลือดซ่อนเร้น เพราะเขากังวลว่าความลับที่ข้าครอบครองสายเลือดเร้นจะแพร่กระจายออกไป  เขาทำอย่างรอบคอบ  แม้แต่ลุงเมอเรย์ก็ไม่รู้เรื่องนี้"  กู้เสวี่ยอธิบาย

ถังเทียนยังฟังอย่างปกติ  เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับพลังสายเลือด  แต่สำหรับหลิงซิ่ว เมื่อเขาได้ยินนาง  เขาถึงกับตะลึง  เขารู้ว่าจะคุ้มค่ามากแค่ไหนถ้าเขารู้วิธีกระตุ้นพลังสายเลือดเร้นลับ

เพื่อให้สามารถกระตุ้นพลังสายเลือดเร้นลับ  นั่นหมายความว่า...

เมอเรย์ก็ตกใจเช่นกัน

กู้เสวี่ยมองดูเมอเรย์และอธิบาย  "นี่ยังเป็นสาเหตุให้บิดาข้าเสียชีวิตไม่รู้ว่ากู้อันสวงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เพราะกู้อันสวงมายื่นข้อเสนอให้ข้า บิดาข้ามีสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับกู้อันสวง  เพราะเขามาเคาะประตูบ้านของเรา บิดาข้าและข้ารู้ทันทีว่าเขาอาจจะรู้บางอย่าง"

"อย่างไรก็ตาม  เรายังคงประมาทวิธีการเจ้าเล่ห์ของเขา  ตอนนี้ข้ามาคิดดูแล้ว   บางทีเราไร้เดียงสาเกินไป ถ้าบิดาของข้าสามารถกระตุ้นสายเลือดรุ้งหิมะของข้าได้ อย่างนั้นบิดาของข้าอาจได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ของตระกูล  กู้อันสวงที่จะกลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลได้แน่นอน แล้วเขาจะยอมได้อย่างไรที่ให้อุบัติเหตุนั้นมาชิงตำแหน่งเขาไป?"

"เมื่อข้าได้ยินว่าบิดาข้าถูกฆ่า  ข้ารู้ว่ากู้อันสวงไม่ซื่อสัตย์ คิดจะกลายเป็นประมุขตระกูล  นอกจากนี้ เขายังต้องการตัวข้า"  หน้าของกู้เสวี่ยซีดเล็กน้อยเต็มอยู่ดวงตาสีน้ำตาลแดงของนาง

"ใครจะสามารถต่อต้านสายเลือดรุ้งหิมะได้?  เมื่อเขาบอกบิดาข้าเขากำลังยื่นข้อเสนอให้ข้าและถูกปฏิเสธ  ทั่วทั้งตระกูลกู้รู้เรื่องนี้ ถ้าข้าไม่ประกาศข้อเท็จจริงว่าข้ามีพลังสายเลือดรุ้งหิมะ  กู้อู่จะลักพาตัวข้าไป  ไม่มีผู้ใดกล้าชิงคนจากกู้อู่"

กู้เสวี่ยอธิบาย

"เดรัจฉานนั่นอำมหิตแท้"ถังเทียนโกรธ  "ข้าจะต้องฆ่ามัน"

"ไม่!"กู้เสวี่ยส่ายหน้า "ช่วยเขาเผื่อข้าด้วย ข้าต้องการแก้แค้นเขาเป็นการส่วนตัว"

เสียงเย็นชาของนางทำให้ถังเทียนเสียวสันหลังวาบ

ความจริงสตรีต้องไม่ถูกยั่วให้โกรธ!

หลิงซิ่วถาม"ทำไมเจ้าไม่กระตุ้นสายเลือดเดี๋ยวนี้เล่า?"

น้ำเสียงของกู้เสวี่ยเคร่งเครียด"ท่านพ่อยังค้นคว้าไม่สำเร็จ ข้าแค่สามารถทำตามข้อสันนิษฐานของเขาเพื่อกระตุ้นสายเลือด  ข้าไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร  ข้าจำเป็นต้องเตรียมตัว

"คุณหนู!" เมื่อเมอเรย์ได้ยินว่ามีอันตรายเข้ามาเกี่ยวข้อง  เขาคัดค้านแข็งขัน

กู้เสวี่ยหันมาพูดเบาๆ"ลุงเมอเรย์ มันยังจะดีกว่าปล่อยให้พวกเขาล่วงเกินข้า ข้ายินดีจะเสี่ยงมากกว่าแม้อาจหมายถึงความตายของข้าก็ตาม ข้าไม่กลัว"

เมอเรย์ได้แต่เงียบ  เขาเพียงแต่เม้มริมฝีปากแน่น

"อย่างนั้นทั้งหมดที่เราทำได้ก็คือ รอใช่ไหม?" ถังเทียนถามกู้เสวี่ย

"อืม..."กู้เสวี่ยพยักหน้า นางสังเกตดูถังเทียนเงียบๆ

เมื่อยามราตรีมาเยือน

ถนนว่างเปล่าเงียบสงัดและเริ่มมีหิมะตก

เมื่อหากล่องไม้ในซากหักพังเจอถังเทียนเอามาใช้ทำกระโจม ทั้งสี่คนนั่งอยู่ภายในกระโจม โชคดีที่ลมไม่แรงนัก  กระโจมยังพอทนรับได้ พวกเขาทุกคนแม้แต่กู้เสวี่ยที่มีพลังอ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังระดับสี่  ไม่มีใครอ่อนเพลียเกินไป

"หลิงซิ่ว, ก่อนนั้นเจ้าทำอะไรอยู่เหรอ?"  ถังเทียนถามหลิงซิ่วอย่างสงสัย  เขาคิดว่าหลิงซิ่วเป็นคนน่าสนใจขนาดนั้นเขาดูคล้ายกับอาโมรี่

หลิงซิ่วชำเลืองมองถังเทียนและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม

"ข้าถามเจ้าแค่ปัญหาเดียว"  ถังเทียนพยายามถามไม่ลดละ

"ข้าเป็นคนพเนจร"  หลิงซิ่วไม่ยินดีจะพูดออกมา

"พเนจรเหรอ?"  ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย  "อย่างนั้นเจ้าต้องไปมาหลายที่น่ะสิ"

"แน่นอน!"  หลิงซิ่วภูมิใจ  เขามองดูถังเทียนด้วยความรังเกียจ

"อย่างนั้นเจ้าต้องรู้วิธีออกไปจากสถานที่นี้!"ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

"เจ้ากำลังคิดออกไปจากดาวไพรมายานี่หรือ?" หลิงซิ่วมองดูถังเทียน เขากำลังยินดีเล็กน้อยในความโชคร้ายของเขา  "ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกไปจากดาวไพรมายาทุกครอบครัวและทุกตระกูลต่างก็มีรายชื่อ มีแต่ผู้เยาว์ที่มีศักยภาพถึงจะสามารถเข้าร่วมทดสอบได้ผู้มีคุณสมบัติเพียงสิบคนจะได้ออกไปจากดาวไพรมายา"

ไม่ต้องสงสัยเลย  เหมือนกับสิ่งที่เมอเรย์พูดไว้เลย

ถังเทียนขมวดคิ้วและถามอย่างไม่สบายใจ  "ยังมีทางอื่นอีกไหม?"

หลิงซิ่วมองดูใบหน้าผิดหวังของถังเทียนทำให้อารมณ์เขาดีขึ้น"ดาวไพรมายาตั้งอยู่บนดาวที่ยังไม่เสถียรดี ไม่มีประตูดวงดาวที่มีความเสถียร สำหรับประตูดวงดาวที่เสถียร พวกเขาจำเป็นต้องใช้กันมาก ดังนั้นพวกเขาจึงจำกัดจำนวนครั้งในการเปิดใช้ประตูดวงดาว  ถ้าเจ้าต้องการจะลองดูกับประตูดวงดาวที่ไม่เป็นที่รู้จักและยังไม่สำรวจพบ  เชิญลองได้เลย อย่างไรก็ตามอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลยนะ ประตูดวงดาวบนดาวไพรมายาคาดเดาไม่ได้เอ่อ... เจ้าอาจไม่มีทางกลับได้อีกเลย ถ้าเจ้าเข้าไปแล้ว"

"ใครจะรู้, ข้าอาจหาพบประตูดวงดาวที่ข้าเข้ามาก็ได้"  ถังเทียนพูดอย่างไม่มั่นใจ

หลิงซิ่วทำสีหน้าทำนองว่า'แล้วแต่จะคิด' เจ้าอาจผิดหวังประตูดวงดาวที่นำข้ามาก็หายไปแล้ว ไม่มีประตูดวงดาวที่มั่นคงอยู่บนดาวดวงนี้ ไม่มีหินดวงดาวช่วยให้มันมั่นคงประตูดวงดาวก็ไม่มีทางเสถียรได้"

ถังเทียนพูดด้วยความตกใจ  "เจ้าไม่ใช่คนของดาวไพรมายาหรอกหรือ?"

"อือ"หลิงซิ่วคราง

"อย่างนั้นเจ้ามาจากหมู่ดาวแห่งไหนเหรอ?"  ถังเทียนถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง

"หมู่ดาวแกะ"หลิงซิ่วตอบแบบรำคาญเล็กน้อย "ทำไมเจ้าต้องถามเซ้าซี้ด้วยเล่า?"

ถังเทียนตบไหล่ของหลิงซิ่ว"ก็ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า มีพี่ใหญ่คนไหนบ้าง ไม่ทำความคุ้นเคยกับน้องๆ ตนเอง? โอ้โฮหมู่ดาวแกะ นั่นเป็นหมู่ดาวที่ใหญ่มาก!"

"ไปไกลๆ เลย"หลิงซิ่วจ้องเขา

"เล่ามาเถอะน่า, ทุกคนเบื่อและราตรีก็ยังอีกยาวนาน"  เขาทำหน้าเหมือนกำลังซุบซิบ"เจ้าต้องรู้สึกเหลือเชื่อแน่เมื่อเจ้าได้เข้าเรียน"

"ข้าไม่เคยไปโรงเรียน"หลิงซิ่วมีสีหน้าเย็นชา

ถึงตอนนี้ไม่ใช่แค่ถังเทียนที่อึ้ง แม้แต่กู้เสวี่ยและเมอเรย์ก็ตะลึงไปด้วย

"อย่างนั้นวิทยายุทธของเจ้าเรียนมาได้อย่างไร?"  ถังเทียนถาม

"จากอาจารย์ของข้า"  หลิงซิ่วพูดด้วยสีหน้าซื่อตรง  แต่คำพูดของเขาอ่อนโยนขึ้นแล้ว

"อาจารย์ของเจ้าต้องยอดเยี่ยมแน่"เมอเรย์อุทาน "ถึงได้อบรมศิษย์ที่โดดเด่นได้อย่างนี้  เขาต้องปลื้มใจแน่"

หลิงซิ่วส่ายศีรษะ  เขาขดตัวกลมขณะที่กอดหอกเงินและพูดอย่างมีอารมณ์"เขาไม่พอใจข้า"

"ไม่พอใจ?"  ถังเทียนตะลึง  "เจ้าเหลือเชื่อขนาดนี้แต่เขายังไม่พอใจอีกหรือ?"

เหตุผลที่ถังเทียนสามารถทุบตีหลิงซิ่วยับเยินได้เป็นเพราะเขาได้เปรียบเป็นอย่างมาก

เมอเรย์และกู้เสวี่ยรู้สึกเหลือเชื่อ  ในสายตาพวกเขา หลิงซิ่วยังอายุน้อยมาก  แต่เขาก็ทรงพลังมากแล้วถ้าอาจารย์ของเขาไม่พอใจเขา อย่างนั้นอาจารย์ของหลิงซิ่วจะเคี่ยวเข็ญอบรมเขาได้อย่างไร?

"เขาผิดหวังในตัวข้า"  หลิงซิ่วเหม่อมองในที่ไกลออกไปขณะที่เขากอดหอกเงินของเขา  ขณะที่หิมะตกเขามองดูอย่างไม่ใส่ใจ  เขาพึมพำ  "เขามักจะผิดหวังในตัวข้าอยู่เสมอ"

แม้แต่ถังเทียนผู้ไม่อ่อนไหวง่ายๆก็สามารถรับรู้ได้ว่าอารมณ์ของเขากำลังอ่อนไหว

หลิงซิ่วพึมพำกับตนเอง"ข้ามักคิดว่าข้ากำลังทำได้ดีพอเสมอ แต่เขาก็ไม่พอใจ  ใช่แล้ว ข้าเห็นได้จากวิธีที่เขาดูข้าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและไม่สบายใจ เขาเป็นคนดี เป็นคนดีจริงๆ เขาเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็ก  ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงถูกหมาป่ากินไปนานแล้ว  ข้าพยายามแล้วพยายามอีก  แต่เขาก็ยังผิดหวัง"

หิมะตกลงบนพื้นอย่างเงียบๆ  ในใจของเขาฉากภาพที่คุ้นเคยเหล่านั้นกลับมาปรากฏอีกครั้ง

เสียงของหลิงซิ่วเป็นเหมือนคนละเมอ

"ข้ารู้ว่าเขามักต้องการให้ข้าเป็นคนดี คนเก่งเหมือนกับเขา จนกระทั่งเขาตายจากไปเขาก็ยังไม่พอใจข้า ข้าเริ่มร่อนเร่พเนจร เมื่อตอนอายุสิบเอ็ดข้าก็เริ่มออกเดินทางแล้ว  ข้าแข็งแกร่งขึ้นแต่ข้ามักจะไม่มีความสุข ตราบใดที่ข้ายังไม่มีความสุขข้าก็จะเดินทางไปที่อื่นเรื่อยๆ"

"ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?"  เมอเรย์อดถามไม่ได้

"สิบเจ็ด"หลิงซิ่วตอบอย่างไม่ใยดี

เมอเรย์และกู้เสวี่ยตกใจ  หลิงซิ่วอายุเพียงสิบเจ็ดปีเขาร่อนเร่พเนจรมาถึงหกปี!พวกเขาไม่สามารถนึกภาพออกที่เด็กสิบเอ็ดขวบร่อนเร่ไปตามถนนในโลกของผู้ใหญ่

มิน่าเล่าเขาถึงได้แข็งแกร่งนัก!

เมอเรย์ตื่นเต้น

"โห!เราวัยเท่ากันเลย!" ถังเทียนโห่ร้องพร้อมกับชูมือ"อย่าห่วงไปเลย! จากวันนี้เป็นต้นไป  ข้าจะดูแลเจ้าเองเราจะก่อตั้งทีมหนุ่มชาวฟ้าไร้เทียมทานกันและไปตามเส้นทางของเรามุ่งสู่หมู่ดาวกางเขนใต้ ไปช่วยเชียนฮุ่ยกัน!"

ทีมหนุ่มชาวฟ้าไร้เทียมทาน...

หนังตาของหลิงซิ่วกระตุกความสิ้นหวังและอารมณ์เศร้าของเขาทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็วเจ้างี่เง่าถือเป็นยอดฝีมือในการทำลายอารมณ์สุนทรีคนอื่นนัก

ความจริงเขาเตรียมจะอ้าปากด่าเจ้าคนไร้ยางอายอยู่แล้ว

เดี๋ยวก่อน!

เจ้างี่เง่านี่เพิ่งพูดอะไรออกไป?

นัยน์ของหลิงซิ่วเย็นชาหน้าของเขาเคร่งเครียด

หมู่ดาวกางเขนใต้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด