ตอนที่แล้วตอนที่ 130 ดาวไพรมายา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 132 ปุถุชนผู้น่าสงสาร

ตอนที่ 131 มือสังหารชุดดำ


"พอได้แล้วบิลลี่, เจ้าเสร็จงานแล้วหรือ? บุรุษวัยกลางคนหันไปสอนเขา "เขาไม่ใช่คนขององค์การวิญญาณมืดเขาไม่มีพลังสายเลือด เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นนักสู้ระดับห้า  สำหรับวัยขนาดนี้ถือว่าดีพอแล้วเจ้าได้ระดับห้าตอนวัยขนาดไหนล่ะ?"

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ พวกเขารู้สึกละอาย

"พ่อหนุ่ม, เรากำลังจะกลับเมืองเฮยซาน ถ้าเจ้ายินดีจะตามเรามา จะตามมาก็ได้" บุรุษวัยกลางคนมองดูถังเทียนเขาพูดจริงจังว่า "อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเตือนเจ้าไว้  การเดินทางของเราไม่ปลอดภัย  เจ้าต้องดูแลตัวเอง  ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายจะไม่มีผู้ใดช่วยเจ้า"

"ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเชียว" ถังเทียนชูมือแสดงความเห็น

"ดีแล้ว" บุรุษวัยกลางคนไม่อ้อมค้อม  เขาส่งเสียงดัง "ทุกคนเก็บสัมภาระเตรียมตัวไปกันได้ เราต้องไปให้ถึงเมืองไป๋สุ่ยโกวในคืนพรุ่งนี้รักษาเวลาด้วย"

บุรุษวัยกลางคนหันมามองดูเด็กสาวอย่างกังวล "คุณหนู, ข้าต้องขอโทษด้วย ท่านต้องไปอย่างนี้ตลอดทาง"

"ลุงเมอเรย์, ไม่ต้องห่วงข้า" เด็กสาวมีท่าทางว่าง่าย นางพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า"ข้าเป็นสามสุดยอดในโรงเรียนของข้านะ"

เมอเรย์มีท่าทีสบายใจ เขาพยักหน้าและไม่พูดอะไรอื่น

เขาพึงพอใจกับความสามารถของคุณหนู ในการเดินทาง เส้นทางก็ยากลำบาก เป็นเรื่องปกติที่เขากับคนของเขาชินแล้วแต่คาดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูผู้ถือช้อนเงินช้อนทองมาเกิดไม่ได้ร้องอุทธรณ์แม้สักคำทุกคนนับถือนางในเรื่องนี้

"ไปกันเถอะ" เมอเรย์แสดงความรวดเร็วและเด็ดขาดของเขา

เขาเดินนำเข้าป่าทึบด้วยตนเอง

แม้ว่าเมอเรย์ได้เตือนเขาไว้ก่อนแล้ว แต่ทุกคนปฏิบัติตัวต่อถังเทียนอย่างย่ำแย่ ก็น่าประทับใจอยู่หรอกที่มีพลังยุทธระดับห้าในวัยขนาดนั้น  แต่ในเมืองเฮยซานเด็กหนุ่มที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างก็ทำได้เช่นกัน และชายหนุ่มทั้งหมดนี้เปิดใช้พลังสายเลือดสองถึงสามรูปแบบแล้ว

คนธรรมดาจะดูหมิ่นเขาในทุกที่ที่เขาไป

ในทางตรงกันข้าม คุณหนูนางนี้สงสัยเกี่ยวกับถังเทียน  นางไม่เคยเห็นคนต่างด้าวมาก่อน"หวัดดี  ข้าชื่อกู้เสวี่ย"

ถังเทียนยิ้มและพยายามปั้นรอยยิ้มให้ดูเป็นกันเองเท่าที่ทำได้ "หวัดดี, ข้าชื่อถังเทียน"

"เจ้ายังเรียนอยู่หรือเปล่า, ถังเทียน?" กู้เสวี่ยมีตาคู่งามสีน้ำตาลแดงและมีผิวขาวราวหิมะนางมีจมูกโด่งใบหน้ากลมมน รูปร่างนางสมส่วน

"ไม่ได้เรียนแล้ว" ถังเทียนสั่นศีรษะ"ข้าออกมาจากโรงเรียนได้ครึ่งปีแล้ว แล้วเจ้าเล่า?  ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?"

"อืม.. อีกปีเดียวข้าจะจบการศึกษาแล้ว ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ อายุน้อยขนาดนั้น เจ้าก็ออกไปผจญภัยได้เสียแล้ว"กู้เสวี่ยนัยน์ตาเป็นประกาย

ถังเทียนส่ายหน้า "เป็นเรื่องลำบากที่จะออกไปผจญภัย"

"งั้นเจ้าเสียใจหรือ?" กู้เสวี่ยถาม

ถังเทียนตะลึง  เขาสั่นศีรษะ"ไม่เลย แม้ว่าจะลำบาก แต่ข้าก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างและได้ทำอะไรหลายอย่าง ที่ข้าต้องการทำเสมอ ข้ามีความสุขมาก"

กู้เสวี่ยประหลาดใจเล็กน้อยกับคำตอบของเขา นางไม่รู้สึกตัวพึมพำออกมาว่า"นั่นดีมากเลย"

เมอเรย์สังเกตอารมณ์ของนางและพูด"มันอันตรายที่จะออกไปผจญภัยข้างนอก เจ้าอาจจะเสียชีวิตก็ได้"

กู้เสวี่ยเม้มริมฝีปาก "มันปลอดภัยที่สุดถ้านอนอยู่บนเตียงในบ้านทั้งวัน"

ถังเทียนยิ้มและหัวเราะ

เมอเรย์ไม่สบายใจ เขาหันควั่บมองดูถังเทียน "พ่อหนุ่ม, เจ้าเดินทางมากี่ที่แล้ว? เจ้าคิดว่าเจ้าผ่านโลกมามากแค่ไหน? โลกข้างนอกซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าคิด ตัวอย่างเช่นถ้าเจ้าได้พบคนกลุ่มอื่นแทนที่จะเป็นพวกเรา เจ้าคงได้ตายไปแล้ว"

"บางทีท่านอาจจะถูกก็ได้" ถังเทียนสลายยิ้มทันทีและพูดอย่างจริงจัง"แต่มีบางสิ่ง บางภาพ ที่ท่านได้พยายามทุกวิธีเพื่อมองหามันในโลก  ถ้าท่านไม่ไปคว้ามันหรือหาดูท่านจะรู้สึกเสียใจกับชีวิตที่เหลือของท่าน"

หัวใจของเมอเรย์ตื่นเต้นเล็กน้อย จากนั้นเขาคำรามเบาๆ "เพ้อเจ้อ!"

ถังเทียนไม่ได้คัดค้าน เขาแค่เบ้หน้าใส่กู้เสวี่ยเท่านั้น

กู้เสวี่ยปิดปากหัวเราะคิกคัก

เขาเดินในป่าด้วยความเร็วที่น่าตระหนก ผู้คุ้มกันทุกคนมีประสบการณ์ พวกเขารู้ที่สำหรับตั้งแคมป์และวิธีหลบเลี่ยงอสูรดวงดาวนับว่าช่วยเปิดหูเปิดตาถังเทียน

ถังเทียนและกู้เสวี่ยคุยกันเกือบตลอดดูเหมือนว่ากู้เสวี่ยจะสนใจการผจญภัยของเขา แต่เมอเรย์เตือนทำให้ถังเทียนต้องเก็บงำเรื่องของเขาไว้

ถังเทียนเลียบเคียงถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในดาวไพรมายาและในที่สุดก็เข้าใจเหตุผลที่เมื่อเขาพูดว่าเขาต้องการออกไปจากดาวไพรมายาและทุกคนพากันหัวเราะเยาะเขา

ดาวไพรมายาอยู่ในการปกครองขององค์การวิญญาณมืด แม้จะไม่แข็งแกร่งแต่กฎระเบียบของที่นี่เข้มงวด  จะออกจากดาวไพรมายาได้ มีข้อจำกัดเข้มงวดมากมายหนึ่งในนั้นที่จำกัดมากที่สุดก็คือจำกัดจำนวนคน

และจำนวนที่จำกัดนี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้แย่งชิงกันในดาวดวงนี้มากที่สุด

ถังเทียนถึงกับงงเมื่อได้ทราบข่าวนี้

เขามักคิดเสมอว่า การเข้าและออกจากดาวดวงหนึ่งทั้งหมดที่ต้องใช้ก็คือเงิน ถ้าใครอยากจะจากไป พวกเขาก็สามารถไปได้ สำหรับถังเทียน นี่นับเป็นข่าวร้าย

ถังเทียนยิ่งตกใจเมื่อพบว่าทัศนคติของกู้เสวี่ยและเมอเรย์ที่มีต่อสมาพันธ์ชาวยุทธ  พวกเขาไม่ประทับใจ  แน่นอนว่า นั่นเป็นสิ่งที่ถังเทียนคิด  ที่สำคัญคือเขาไม่กล้าเปิดเผยว่าเขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ

ท้องฟ้ามืดและหน้าของทุกคนเคร่งเครียดยิ่งขึ้น  พวกเขาเร่งความเร็ว

ถังเทียนและกู้เสวี่ยสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ  ทั้งสองคนหยุดคุยและตั้งใจทันที  ถังเทียนระมัดระวังตัวขึ้นเขาสามารถรู้สึกได้ถึงปราณอันตราย เมอเรย์ที่ลอบสังเกตถังเทียนถึงกับตกใจกับความรู้สึกที่ว่องไวของถังเทียน

เมอเรย์คอยสังเกตถังเทียนในความมืด

เขาไม่สามารถมองเห็นประวัติของถังเทียน แต่เขาสามารถเข้ามาที่ดาวไพรมายาจากประตูดวงดาวที่ไหนก็ไม่ทราบ  เขาดูแล้วไม่ธรรมดา  สำหรับตระกูลกู้แล้ว ตัวแปรที่จู่ๆก็โผล่มาอย่างนั้นเป็นเรื่องที่ดี

ในที่สุดยามฟ้ามืดค่ำแล้ว เมื่อไป๋สุ่ยโกว (ทางน้ำขาว) ก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา

ทางน้ำบนยอดเนินเล็กๆ แห่งนี้มีความพิเศษมากมีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตรและดินโคลนด้านนอกทางน้ำเป็นสีดำทั้งหมด  แต่ในทางน้ำกลับขาวราวหิมะไปหมด  นับว่าสะดุดตาเป็นพิเศษ

"ในที่สุดเรามาถึงไป๋สุ่ยโกว (ทางน้ำขาว)  เมืองเฮยซานตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก  พวกอสูรดวงดาวไม่กล้าออกมาใกล้ไป๋สุ่ยโกว"

ถังเทียนเดินไปที่ทางน้ำด้วยความสงสัย เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งที่พิเศษเช่นนั้น  ดินทั้งหมดภายในทางน้ำเป็นสีขาวราวหิมะ  เขากอบดินเต็มมือและมันเหมือนกับหิมะ

แม้ว่าพวกผู้คุ้มกันจะยังระมัดระวังก็ตาม แต่สีหน้าของพวกเขาผ่อนคลายขึ้นมากแล้วในตนนี้ พวกเขาทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้และการเดินทางที่ยาวนานตลอดทั้งวัน

แม้แต่กู้เสวี่ยก็ยังยิ้ม  ทางน้ำขาวอยู่ใกล้เมืองเฮยซานมากนักสู้หลายคนปรากฏตัวที่นี่ไม่มีใครกล้าลอบทำร้าย

กู้เสวี่ยสามารถบอกได้ว่าถังเทียนทึ่งกับทางน้ำสีขาว  นางอธิบายให้เขาฟัง"วัตถุสีขาวในทางน้ำขาวเป็นทรายที่ขาวเหมือนหิมะ  ไม่มีการใช้งานที่ชัดเจน แต่สัตว์ป่าและอสูรดวงดาวไม่ชอบมัน  ดังนั้นทุกคนชอบมาเก็บทรายจากที่นี่เพื่อเอาไปขายในเมืองจากนั้นพวกเขาจะเอาไปโปรยด้านนอกของรั้วและประตูเพื่อความไม่ประมาท"

ถังเทียนตื่นตัวทันที

หลังจากผ่านการต่อสู้ถึงสองร้อยเก้าสิบสามครั้ง  เขาจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

เขาปราดเปรียวเหมือนเสือดาวและเขามองไปที่ทรายเหมือนหิมะที่พุ่งกระจายออก

กู้เสวี่ยรู้สึกแต่เพียงว่าการมองของนางดับมืดลงและร่างๆหนึ่งโถมเข้ามาบดบังการมองของนาง  แต่ก่อนที่นางจะทันรู้ตัวนางก็ถูกถังเทียนผลักล้มเสียแล้ว

นางกรีดร้อง

คมกระบี่บางเหมือนงูฉกกระทบใส่เครื่องประดับบนศีรษะนาง อันตรายเฉียดผ่านศีรษะนางไป   นางไม่มีเวลาได้ทันตั้งตัวรู้สึกแต่เพียงว่าโลกหมุนและตัวนางกลิ้งไปตามพื้นทันที

การผลักครั้งนี้ไวกว่าอะไรอื่น   ถังเทียนกอดกู้เสวี่ยกลิ้งไปตามทางน้ำทรายขาว

"ว้าย!"

เสียงหึ่งเบาๆ ดังอยู่ในอากาศที่เบาบาง

เมอเรย์และผู้คุ้มกันแผดเสียงลั่น แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับถังเทียนแสงเบาบางนั้นลอยอยู่ในอากาศและดูเหมือนจะระเบิดออกอยู่ข้างหูของถังเทียน

ถังเทียนรู้สึกผมลุกตั้งชัน

เขาก้าวเท้าขวาอย่างหนักโดยไม่ต้องคิดและก้าวไปข้างหน้าทั้งที่ยังกอดกู้เสวี่ยไว้ จากนั้นใช้เท้าซ้ายที่แฝงพลังมังกรฟ้ากดลงไปในทรายสีขาวปัง! ทรายระเบิดพุ่งกระจายอยู่ด้านหลังของเขา มองดูเหมือนภาพที่มีหิมะตก

เขาหวังว่าจะบดบังการมองเห็นของศัตรู

รัศมีดำพุ่งผ่านทรายหิมะ

เกือบขณะเดียวกัน ถังเทียนรู้สึกได้ถึงอันตราย เขาใช้ฝ่ามือขวาตบที่พื้นยืมพลังนี้เพื่อหลบไปด้านข้างอย่างสุดกำลัง

ฉึก!

เสียงบางเบาดังขึ้นทำลายความเงียบ รังสีพลังงานที่มิอาจต่อต้านพุ่งขวางผ่านถังเทียนไปอย่างรวดเร็วหลุมขนาดหัวแม่มือปรากฏอยู่บนพื้นโดยไม่มีเสียง

ปัง!

เสียงกระแทกดังขึ้นมาจากด้านหลังของถังเทียน ขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนของเมอเรย์

ถังเทียนฉวยโอกาสนี้วิ่งไปหาเขาพร้อมกับกู้เสวี่ยในอ้อมแขนเขาเร่งออกไปสองสามก้าวก่อนจะหยุด

และชั่วขณะนี้ ความรู้สึกของถังเทียนกลับมาสู่ความเป็นจริง ความรู้สึกกลัวเข้าครอบงำใจเขาทำให้เขาเข่าอ่อน หัวใจเต้นแรง หน้าซีด เขาเพิ่งเฉียดตายมาหยกๆเพียงแค่นิดเดียวเขาอาจจะสูญเสียชีวิตไปแล้ว

ช่างเป็นนักฆ่าที่น่ากลัว!

ถังเทียนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ขณะที่เขามองภาพข้างหน้า

มือสังหารในชุดดำหน้ากากขาว เขาคลุมตัวอยู่ในชุดสีดำ ทุกครั้งที่เขาชักกระบี่บางของเขาออกและแทงใส่เมอเรย์ต้องเข้าต่อสู้

แข็งแกร่งทรงพลัง!

ถังเทียนมองดูอย่างพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมือสังหารที่ใช้วิธีการเช่นนั้น  เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่เบาบาง  กระบี่แบบนั้นไม่ใช่ดาบมันถูกใช้เพียงอย่างเดียว คือแทง

พลังทิ่มแทงของมือสังหารที่อยู่ต่อหน้าเขาผู้นี้หมดจดและแม่นยำ

เมอเรย์ตวาดต่อเนื่อง ฝ่ามือทั้งสองของเขามีรัศมีเงินหุ้ม ร่างของเขามีรัศมีครอบคลุม  เขามองดูเหมือนเทพเจ้าจุติลงมากระบวนท่าของเขาโอ่อ่าและเหี้ยมหาญ ผู้คุ้มกันอื่นๆ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขาคล้ายกับเหลียงชิว

แต่มือสังหารชุดดำยังสุดยอด เขาได้เปรียบมากกว่า

มือสังหารชุดดำเคลื่อนร่างได้ไว มิอาจคาดคำนวณได้  แต่ละท่วงท่าดูง่ายดายและเบา  แม้แต่กระบี่ของเขา เมื่อเขาควงกระบี่กลับไม่มีเสียงแม้แต่น้อย มันลอยละล่องแผ่วเบาขณะที่แทงออกนั่นทำให้เมอเรย์และคนอื่นแพ้

เพราะเป็นครั้งแรก ถังเทียนดูขณะที่คนอื่นสู้ หัวใจของเขาถึงกับเย็นเฉียบ

มือสังหารชุดดำเหมือนกับหมอกในความมืด แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันเขา และเขาก็คาดเดาไม่ได้ด้วย

แข็งแกร่งทรงพลังมาก

ถังเทียนพึมพำกับตนเอง

ทันใดนั้นนักฆ่าชุดดำปัดป่ายกระบี่ของเขาไม่กี่ครั้งในความมืดกระบี่วาดเป็นรังสีดำสองสามสาย ติง ติง ติง เมอเรย์และพวกรู้สึกร้อนที่มือของพวกเขา  พลังประหลาดชำแรกเข้ามาทำให้พวกเขาต้องถอยหลังไปหลายก้าว

มือสังหารชุดดำเคลื่อนตัวก้าวออกไปจากวงต่อสู้อย่างง่ายดาย

เขาหันหน้าที่สวมหน้ากากขาวและมองมาที่ตำแหน่งซึ่งถังเทียนอยู่ กางแขนทั้งสองเหมือนนกฮูกจากนั้นหายเข้าไปในป่า

"อย่าไล่ตาม!"เมอเรย์ตะโกน  หน้าของเขามีร่องรอยว่ากลัว  ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ทิ้งตัวลงกับพื้น หน้าตาแต่ละคนรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เพิ่งเกิดเหมือนกับว่าพวกเขาถูกปล้น

หัวใจของถังเทียนเย็นเฉียบสัญชาตญาณของเขาว่องไวและอ่อนไหว  การมองของนักฆ่าชุดดำก่อนจะจากไปนั้นเป็นการทำกับเขาโดยเฉพาะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด