ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 116 วิธีคิดที่ไม่ธรรมดา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 118 ผลประโยชน์ที่น่าพอใจ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 117 สังหารจอมยุทธ์พลังปราณ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 117 สังหารจอมยุทธ์พลังปราณ

แปลโดย iPAT  

ในการแข่งขันครั้งนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเตียวเฟยและจอมยุทธ์ขั้นสามอีกคน อย่างไรก็ตามคนที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดกลับเป็นเฉียนหรงจื่อ ในยุทธภพมีจอมยุทธ์หญิงอยู่มากมาย มีไม่กี่คนที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้แต่ไม่มีจอมยุทธ์หญิงคนใดเกิดมาพร้อมกับความงามเช่นนาง หญิงงามจะดึงดูดสายตาเสมอไม่ว่าที่ใด

อย่างไรก็ตามจากสามตำแหน่งที่มีอยู่ หลี่ฉิงซานอ้างสิทธิ์ไปแล้วหนึ่งตำแหน่ง ดังนั้นสองตำแหน่งที่เหมือนจึงดูเหมือนจะตกอยู่ในมือของจอมยุทธ์ขั้นสาม ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้พบกันในการแข่งขัน จอมยุทธ์คนอื่นๆก็ไม่มีโอกาส

การแข่งขันดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ชัยชนะหลายครั้งถูกตัดสินในเสี้ยววินาที ดังนั้นมันจึงไปถึงรอบที่สี่ภายในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมง มีเพียงสี่คนที่เหลืออยู่ สองคนเป็นจอมยุทธ์ขั้นสาม อีกสองคนเป็นจอมยุทธ์ขั้นสอง มันดูเหมือนว่าจอมยุทธ์ขั้นสามทั้งสองคนจะกลายเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ในครั้งนี้ แต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อทูตชุดดำประกาศว่าการแข่งขันรอบต่อไปจะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างจอมยุทธ์ขั้นสามกับจอมยุทธ์ขั้นสามและจอมยุทธ์ขั้นสองกับจอมยุทธ์ขั้นสอง

การแสดงออกของเตียวเฟยและจอมยุทธ์ขั้นสามอีกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จอมยุทธ์ขั้นสองอีกสองคนรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที หนึ่งในนั้นคือเฉียนหรงจื่อ นางยังสงบราวกับนางรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

เมื่อเฉียนหรงจื่อเดินเข้าสู่งลานประลอง ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดไว้แล้วเนื่องจากนางมียันต์ระดับกลางเป็นไพ่ตาย นางเหนือกว่าคู่ต่อสู้ทั้งความแข็งแกร่งและสถานะ

ดังคาด เฉียนหรงจื่อนำยันต์ออกมาทันทีที่การแข่งขันเริ่มขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้หลี่ฉิงซานแปลกใจก็คือนางไม่ได้ใช้งานมันทันที นางกล่าวกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนว่า “คุณชายจาง ท่านน่าจะรู้ว่ายันต์ระดับกลางของข้าทรงพลังเพียงใด ข้าไม่ต้องการทำร้ายท่าน ดังนั้นโปรดสละสิทธิ์!”

คุณชายจางลังเล เขาเคยเห็นความสามารถของเฉียนหรงจื่อมาก่อน รวมกับยันต์ระดับกลาง โอกาสชนะของเขามีน้อยกว่าสามสิบส่วน

เฉียนหรงจื่อใช้ประโยชน์จากการเป็นผู้หญิงของนาง ละอองฝนทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกโชกและเผยรูปร่างที่งดงามของนางออกมา ดวงตาของนางดูขุ่นมัวราวกับสายฝน นางดูไม่เหมือนกำลังข่มขู่แต่เป็นการขอร้อง “ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับท่าน หรงจื่อจะดูแลท่านเป็นอย่างดีเมื่อท่านไปเยี่ยมชมเมืองวายุบรรพกาล”

ในศาลา โจวเหวินปิงยิ้ม “ผู้บัญชาการจ้าว ท่านจะอนุญาตให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้งั้นหรือ?”

จ้าวจื่อป๋อกล่าว “เหตุใดจะไม่? ชัยชนะไม่ได้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังต้องพึ่งพาสติปัญญา”

หลี่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความคิดของหญิงผู้นี้ ดังคาด จอมยุทธ์ที่ถูกเรียกว่าคุณชายจางเลือกที่จะสละลิทธิ์ภายใต้คำขอที่อ่อนโยนของหญิงงามและการคุกคามจากยันต์ที่ทรงพลัง

เฉียนหรงจื่อเดินข้ามลานกว้างมายืนอยู่ด้านข้างหลี่ฉิงซาน นางยังยิ้มให้เขา “เมื่อสองสามวันก่อนข้าประเมินคุณชายต่ำเกินไป หากข้าทำผิด ข้าหวังว่าคุณชายจะยกโทษให้ข้าด้วย” นางแสดงออกราวกับหลี่ฉิงซานไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าเฉียนหรงหมิงแต่เป็นนายน้อยมากพรสวรรค์ที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฉิงซานถูกเรียกว่านายน้อยแต่เขากลับรู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก เขาตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “อืม” และเลิกสนใจนางทันที หลังจากทั้งหมดนางคือความงามที่ซ่อนความน่ากลัวเอาไว้ นางไม่ต่างจากอสรพิษหรือแมงป่อง ความโหดเหี้ยมของนางน่าจะมาจากการกำเนิดในตระกูลใหญ่ ไม่ว่านางจะงดงามเพียงใด เขาก็ไม่สนใจผู้หญิงเช่นนี้

เฉียนหรงจื่อไม่สนใจความเย็นชาของหลี่ฉิงซาน นางยังพยายามพูดคุยกับเขาต่อไป “ท่านคิดว่าผู้ใดจะได้รับชัยชนะ”

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วและเพ่งความสนใจไปที่ลานประลอง การเผชิญหน้าระหว่างจอมยุทธ์ขั้นสามถือเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ อย่างไรก็ตามมันกลับไม่รุนแรงเช่นที่คิด พวกเขาต่อสู้กันด้วยความระมัดระวัง

หลังจากพยายามตรวจสอบคู่ต่อสู้ เตียวเฟยก็ใช้ยันต์สายฟ้าฟาดที่ซื้อมาจากหลี่ฉิงซาน แสงสีขาวฟาดลงมาจากท้องฟ้าและเผาทำลายร่างของจอมยุทธ์ขั้นสามจนกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา

มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก กระทั่งหลี่ฉิงซานยังผงะ สายฟ้าคือเครื่องมือในการลงทัณฑ์ของสวรรค์ กระทั่งหลี่ฉิงซานจะอยู่ในร่างปีศาจ มันก็ยังสามารถทำร้ายเขา

ดวงตาของเฉียนหรงจื่อส่องประกายขึ้น “คุณชายเตียวผู้นี้เลือกจังหวะได้ดีนัก”

ในวันฝนตก ยันต์สายฟ้าฟาดจะมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับยันต์ระดับสูง นี่ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ระดับล่างจะสามารถป้องกันได้

เตียวเฟยเดินไปที่ด้านข้างหลี่ฉิงซาน แม้เขาจะพยายามสะกดข่มจิตใจ แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนความสุขของตน เขายังขอบคุณหลี่ฉิงซานอย่างเงียบๆ และไม่สนใจไข่มุกน้ำค้างอีกต่อไป

ยันต์ระดับกลางสองใบกลายเป็นสิ่งกำหนดผลลัพธ์ คนทั้งสามที่ได้รับชัยชนะล้วนมาจากเรือลำเดียวกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่สหายกันอย่างแน่นอน

จ้าวจื่อป๋อกล่าวมาจากศาลา “ขึ้นมา!”

“ข้าไม่ยอมรับสิ่งนี้!” ทันใดนั้นเสียงตะโกนสายหนึ่งพลันดังขึ้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเพราะความอิจฉา เขาบ้าไปแล้วหลังจากพ่ายแพ้ เขามองหลี่ฉิงซานด้วยความขุ่นเคือง “ขยะเช่นเจ้าที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งจะเหนือกว่าข้าได้อย่างไร!?”

จ้าวจื่อป๋อไม่ได้ตำหนิคนผู้นั้นแต่กลับพูดกับหลี่ฉิงซานว่า “เจ้าเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แล้ว เมื่อบางคนกล้ายั่วยุผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ เจ้าควรรู้ว่าต้องทำสิ่งใด!” ราวกับเขาไม่ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างการบ่มเพาะ ขณะที่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนอื่นๆเฝ้ามองด้วยความสนใจ แน่นอนว่าพวกเขารอดูความพ่ายแพ้ของหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานเดินเข้าไปหาจอมยุทธ์ผู้นั้นทันที เขารู้ว่าคนผู้นี้ชื่อลู่ไห่ เขาคือคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นขยะก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น

หลี่ฉิงซานกล่าว “เมื่อเจ้าอยากตายมากนัก ข้าก็จะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง”

สำหรับคนอื่นๆ นั่นฟังดูเหมือนคำโอ้อวด

“เจ้าพยายามทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง!” ลู่ไห่มองหลี่ฉิงซานเดินเข้าไปหา ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจกับคำพูดก่อนหน้าอย่างไม่สามารถอธิบาย

เมื่อหลี่ฉิงซานเข้าไปถึงระยะยี่สิบก้าวจากเป้าหมาย เขาก็หยุดเดิน เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและงอเข่าเหมือนเสือที่กำลังจะกระโจนเข้าหาเหยื่อ

ดวงตาของหลี่ฉิงซานสงบนิ่งราวกับราชาสัตว์ร้ายที่สง่างาม ไม่มีร่องรอยของความโหดเหี้ยมหรือความเกรี้ยวกราด มีเพียงความสงบที่มาจากความมั่นใจ มันเพียงพอที่จะทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหว

ลู่ไห่เห็นดวงตาที่ไร้อารมณ์ของหลี่ฉิงซานและรู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้เขาหายใจไม่ออก เมื่อหลี่ฉิงซานหยุดเดิน ลู่ไห่ก็เตรียมตัวรับมือไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเร่งความเร็วอย่างกะทันหันของหลี่ฉิงซาน สิ่งที่ลู่ไห่เห็นจึงมีเพียงภาพพร่ามัวที่พุ่งผ่านเขาไป หลี่ฉิงซานเคลื่อนไหวเร็วมาก ลู่ไห่รู้สึกเหมือนสายลมที่พัดผ่านใบหน้าท่ามกลางสายฝนอันเย็นเยียบเท่านั้น

ร่างที่อยู่ตรงหน้าหายไปขณะที่เขารู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก เขาก้มศีรษะลงและเห็นหน้าอกของตนกลายเป็นว่างเปล่า เขามองย้อนกลับไปอย่างยากลำบาก สิ่งที่เขาเห็นคือหลี่ฉิงซานถือหัวใจที่เปื้อนเลือดเอาไว้ในมือ เขาเปิดปากแต่ก่อนที่เขาจะสามารถกล่าวสิ่งใด เขาก็ทรุดตัวลงกับพื้นไปแล้ว

ลานกว้างเงียบลงทันที เสียงฝนกลายเป็นชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนตกตะลึง แม้แต่จ้าวจื่อป๋อและโจวเหวินปิงก็ยังมึนงง พวกเขาอุทานออกมาพร้อมกัน “ผู้บ่มเพาะร่างกาย!”

จอมยุทธ์ขั้นสองถูกฆ่าตายในจังหวะเดียวและมันไม่ได้เกิดจากการใช้ยันต์หรือการลอบโจมตี มันเป็นการโจมตีอย่างตรงไปตรงมา นี่ทำให้หัวใจของทุกคนราวกับถูกกดทับด้วยภูเขาหิน เหล่าจอมยุทธ์มองหลี่ฉิงซานราวกับพวกเขาเห็นสัตว์ประหลาดและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น

ตอนนี้ไม่มีจอมยุทธ์คนใดกล้าบ่นเรื่องที่หลี่ฉิงซานไม่ต้องแข่งขันอีกต่อไป พวกเขารู้สึกว่าตนเองโชคดีแล้วที่ไม่ต้องต่อสู้กับหลี่ฉิงซาน มิฉะนั้นพวกเขาอาจกลายเป็นศพนอนอยู่ข้างลานประลอง

แม้แต่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่เฝ้าดูการแข่งขันอย่างสบายอารมณ์ก่อนหน้านี้ก็ยังมองหลี่ฉิงซานด้วยความตกตะลึง พวกเขาดูถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ที่ใช้เส้นสายเพื่อให้ได้เข้าร่วม แต่ตอนนี้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถมอบบทเรียนให้ได้

ความตกใจที่หลี่ฉิงซานสร้างขึ้นเหนือกว่าการสังหารผู้เข้าแข่งขันที่อวดดีของจ้าวจื่อป๋อ

หลี่ฉิงซานโยนหัวใจทิ้งไปและสูดหายใจ ก่อนหน้านี้เขาระเบิดพลังกายและพลังปราณออกมาพร้อมกันอย่างกะทันหัน ผลของการผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

หลังจากเขากลายเป็นปีศาจ มันดูเหมือนทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์กลายเป็นความสามารถโดยกำเนิดของเขา มันกลายเป็นสิ่งที่เขาทำได้อย่างง่ายดายเหมือนการหายใจ

แม้เขาจะไม่มีพลังปราณ เขาก็ยังสามารถใช้เพียงพละกำลังเอาชนะเฟิงจางในจังหวะเดียว หลังจากบ่มเพาะมาถึงตอนนี้ เขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

สำหรับลู่ไห่ เขาพึ่งผ่านการต่อสู้มาสามรอบ เขาอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ด้วยความเหลื่อมล้ำในเงื่อนไข ผลลัพธ์จึงลงเอยเช่นนี้

หลี่ฉิงซานประเมินความแข็งแกร่งของตนอีกครั้ง ในร่างมนุษย์ การฆ่าจอมยุทธ์ขั้นสามด้วยการเผชิญหน้าโดยตรงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก แต่เขายังไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขั้นสี่ ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจนัก แน่นอนว่านี่เป็นกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีไพ่ตายที่ทรงพลังมากเกินไป อย่างไรก็ตามในแง่ของไพ่ตาย จะมีกี่คนที่เหนือกว่าเขา

หลี่ฉิงซานเดินกลับไป เฉียนหรงจื่อและเตียวเฟยถอยหลังเล็กน้อยในลักษณะที่ผิดธรรมชาติ ความแข็งแกร่งและความเหี้ยมโหดของหลี่ฉิงซานที่แสดงออกมาทำให้พวกเขารู้สึกกดดัน

เฉียนหรงจื่อไม่สามารถฝืนปั้นรอยยิ้มได้อีกต่อไป ในความเป็นจริงจะมีกี่คนที่สามารถยิ้มได้เมื่อรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆมีอำนาจเพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาได้ทุกขณะโดยเฉพาะเมื่อพวกเขามีความขุ่นเคืองเป็นทุนเดิม