ตอนที่แล้วตอนที่ 133 – ตอนที่ 130 ด้วงหยกขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 135 – ตอนที่ 131 ทหารแก่วิญญาณนักรบที่ไม่มีวันตาย P2

ตอนที่ 134 – ตอนที่ 131 ทหารแก่วิญญาณนักรบที่ไม่มีวันตาย P1


บนป้ายบันทึก จะมีชื่อสถาบันและนักเรียนถูกบันทึกไว้และจัดลำดับไว้ สำหรับทั้งสองอย่าง การจัดอันดับสถาบันและอันดับนักเรียน สถาบันฉางจิงได้รับบันทึกไว้ว่าเป็นสถาบันสุดยอด

สถาบันฉางจิงรวบรวมสมุนไพรได้ถึง 502 ต้นนำหน้าสถาบันอื่นขาดลอย แม้จำนวนเก็บรวมโดยทีมเก็บสมุนไพรจะไม่สามารถวัดถึงโควต้าการเก็บรวมที่ทำโดยสถาบันฉางจิงก็ตาม

นักเรียนที่ได้อันดับสูงสุดก็คือหยานโพ่จุน เย่ว์หยางเห็นว่าเจ้าผู้นี้รวบรวมกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำได้ถึง 45 ต้น ดูเหมือนเขาจะได้ศึกษาเรื่องสมุนไพรมามาก คนต่อมาก็คือเฟิงชิชา เก็บได้ 36 ต้น เป็นอันดับที่ 2 สำหรับเสวี่ยทันหลาง เย่ว์หยางรู้ได้ว่า เขาเป็นพวกหลงใหลศิลปะต่อสู้ แต่มีความรู้เรื่องสมุนไพรอย่างจำกัด เขาเก็บมาได้เพียง 10 ต้นเกือบจะทำภารกิจไม่สำเร็จ

“หยานโพ่จุน..หยานโพ่จุนเก็บสมุนไพรได้ถึง 45 ต้นเชียวหรือ?” นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงแทบจะเข้าคิวกันส่งสมุนไพร ทำให้ได้อันดับมาได้ขนาดนี้จนเกิดโกลาหลทันที

“เยี่ยมมาก สมกับที่เป็น 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ” ชั่วเวลานั้น นัยน์ตาของสาวๆ ทุกคนก็เป็นประกายดุจดวงดาว

“เจ้านี่ มันหยิ่ง…” เจ้าอ้วนไห่อิจฉา

“พวกเจ้า 2-3 คนนั่น มามือเปล่าๆ ทำอะไรอยู่ตรงนี้?” เด็กหนุ่มที่ถูกวิจารณ์เห็นว่าเย่ว์หยาง, เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มีมือเปล่าและทำอะไรไม่ได้แต่ก็ยังมาเยาะเย้ยพวกเขา “พวกเจ้าไม่ได้มาเก็บสมุนไพรหรอกเหรอ? คาดว่าคงเป็นนักเรียนฉางชุนเฉิง จุ๊ จุ๊ จุ๊ นักเรียนของฉางชุนเฉิงฝีมือก็แค่พื้นๆ”

“พวกเราธรรมดา ไม่ว่าจะห่วยขนาดไหน แต่เราก็ไม่เคยโกง เจ้าคิดว่าพวกเจ้าในฐานะนักเรียนจากฉางจิงจะโดดเด่นขนาดนั้นหรือ? ดี พวกเจ้าทุกคนยอดเยี่ยมมาก แต่ละคนเชี่ยวชาญในการโกงดีนี่” เด็กผู้หญิงตัวสูงหัวเราะอย่างเย็นชา

“เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไรกัน?” พอได้ยินแบบนี้ เพื่อนนักเรียน 2 คนที่อยู่หลังเด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนจะโต้ตอบ ราวกับว่าโดนตอกเท้า พวกเขากำลังจ้องด้วยความโกรธ

“อยากมีเรื่องเหรอ?” เด็กสาวชุดยาวที่เก็บสมุนไพรได้เร็วที่สุดเดินออกมา ใช้สายตาแหลมคมราวกับมีดจ้องมองนักเรียนจากสถาบันฉางจิง “ข้าตอบสนองพวกเจ้าได้ทุกเวลา”

“พอเถอะ เมื่อส่งสมุนไพรเสร็จก็ไปได้แล้ว อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่” บุรุษตาอินทรีตะโกนเสียงแข็ง ทันใดนั้น นักเรียนสถาบันฉางจิงล้อมพวกเขาอยู่ทุกด้านขวางทางลงอยู่ ก่อนที่จะจากไป เด็กหนุ่มที่โกงทิ้งคำพูดอาฆาตไว้กับพวกเขา “นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงจำให้ดี เราจะพบกันอีกครั้งในการแข่งขันยอดฝีมือร้อยโรงเรียน ถึงเวลานั้นจะได้รู้กันว่าใครเก่ง ใครด้อย วันนี้พวกเจ้ามีครูคอยคุ้มครองปิดบังข้อบกพร่องของพวกเจ้า เมื่อการแข่งขันมาถึง มาดูกันซิว่าเขาจะปกป้องพวกเจ้าทุกคนได้อย่างไร ตราบใดที่สวะอย่างพวกเจ้ากล้าที่จะย่างเท้าขึ้นเวที แล้วดูกันว่าข้าจะล้มพวกเจ้าทุกคนกันยังไง”

“เจ้านี่พล่ามมากเกินไปแล้ว พวกขี้โกงนี่ยังกล้าป้อไปป้อมาอยู่แถวนี้ได้อย่างไร?” เจ้าอ้วนไห่โกรธจัดจนหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

“ข้าไม่อยากคุยกับสวะที่โดนทุบตีจนร่วงภายใน 10 วินาทีบนเวทีหรอก…” เด็กหนุ่มตอบโต้เจ้าอ้วนไห่อย่างชิงชัง จากนั้นเดินเชิดหน้าจากมา

“อย่าห้ามข้านะ ข้าต้องการทุบตีมัน พวกเจ้าทุกคนอย่าห้ามข้า”เจ้าอ้วนไห่ไม่พอใจ เขาม้วนแขนเสื้อเตรียมสู้ ทำท่าเหมือนกับว่าจะวิ่งเข้าใส่สุดกำลังและต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม

“เจ้าหัวหมู ไม่ใช่ว่าข้าต้องการดูถูกเจ้าหรอกนะ แต่ประเมินความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย ข้าคิดว่าเจ้าจะต้านทานได้มากที่สุดก็ 10 วินาทีก่อนเจ้าจะล้มลงด้วยน้ำมือของเขา ถ้าเจ้าต้องการหาที่ตายก็เอาเลย เราจะไม่ห้ามเจ้า อย่าห่วง เมื่อเจ้าตาย ข้ารับรองว่าจะช่วยจัดการศพของเจ้าให้” เย่คงดูถูกเขาแบบไม่ไว้หน้า เมื่อเจ้าอ้วนไห่ได้ยินแบบนี้ เขาก้มหน้ามองพื้น นี่เป็นเรื่องขายหน้าเกินไปสำหรับเขา เขาเป็นลูกพี่ที่โดนลูกน้องดูถูก

“ไม่หรอก บางทีหลังจากฝึกพิเศษ เจ้าอ้วนไห่ยังคงมีโอกาสชนะ หากว่าเขาสู้จริงๆ” เย่ว์หยางสั่นศีรษะไม่เห็นด้วย

“ฝึกพิเศษเหรอ?” เจ้าอ้วนไห่เด้งขึ้นมาจากพื้นรวดเดียว

“การฝึกพิเศษนี้เป็นสิ่งท้าทายเล็กน้อย คนธรรมดาบางทีไม่สามารถทำได้ ดังนั้นไม่เป็นไรหรอก” เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางดูถูกความสามารถของเจ้าอ้วนไห่ว่าไม่สามารถทนต่อความยากลำบากได้

“เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าเกิดมาในโลกนี้ก็เพื่อฝึกพิเศษ! เจ้านึกว่าข้าเป็นคนธรรมดาหรือ? คนธรรมดาทั่วไปจะมีร่างกายอ้วนกล้ามเนื้อสมบูรณ์ทั่วตัวเหมือนข้าหรือ? ขอบอกให้เจ้าทราบไว้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ข้าต้าไห่ทำไม่ได้ บางครั้งเมื่อข้าเอาจริง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แแต่ตัวข้าเองยังกลัวฝีมือตัวเองเลย กะอีแค่ฝึกพิเศษจะแค่ไหนกัน? สำหรับข้าแล้ว มันง่ายเหมือนขนม การฝึกพิเศษนี้ต้องให้ข้ากินเนื้อทอดวันละชามทุกวันหรือเปล่า? ขอบอกเจ้าไว้เลยว่าแม้คิดว่าเรื่องแบบนี้จะยาก ข้ากล้าตบอกและบอกเจ้าเลยว่าข้าไม่มีปัญหาอะไรกับมัน” เจ้าอ้วนไห่ตบอกจนไขมันกระเพื่อม

“ทำไมข้าถึงได้เป็นเพื่อนกับหมูได้นะ เสียใจกับเรื่องนี้จริงๆ” เย่คงเอามือกุมศีรษะ ดูแล้วน่าหดหู่ใจมาก

“เจ้าหน้าโง่” นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงตีตัวออกห่างจากเจ้าอ้วนไห่ ในแง่ที่คนอื่นๆ เข้าใจผิดว่าพวกเขารู้จักเจ้าผู้นี้ดีแล้ว

“เพื่อนร่วมชั้นเรียนน้อยๆ กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำทั้งหมดนี้ที่พวกเจ้ารวบรวมมาทั้งที่เพิ่งจะบานหรือ?” หัวหน้าหมอหญิงวัยกลางคนยิ้มอย่างใจเย็นตลอด นางทำอะไรไม่ถูก แต่ตื่นเต้นเมื่อเห็นองค์หญิงชี่หมิงและองค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ยวางสมุนไพรของพวกเธอลง “กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำเหล่านี้งอกอยู่ด้วยกันเป็นร้อยเชียวเหรอ? แสดงว่าพวกเจ้าต้องเจอพุ่มหูดำมาแน่ๆ เด็กๆ! พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก สมุนไพรเหล่านี้มีคุณค่าทางยาที่มากกว่าปกติถึง 2 เท่า ในนามของทหาร ข้าขอขอบคุณพวกเจ้า เด็กๆ! เพราะความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถช่วยชีวิตทหารได้อีกมากมายยิ่งขึ้น”

“เวลานี้ พวกเจ้าโชคดีที่ทำงานสำเร็จ แต่ถึงจะยกย่องยังไงก็ตาม ข้าก็ต้องตักเตือนพวกเจ้าเอาไว้ วิธีนี้มันอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ๆ พวกเจ้ามีพลังป้องกันตัวอย่างจำกัด การรอให้พุ่มหูดำบานเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่ง” บุรุษตาอินทรีตำหนิองค์หญิงชี่หมิงและพวกไม่ให้เหลิง

“เด็กๆ! แน่นอนว่าในแดนปีศาจซึ่งมีสมุนไพรหายากเบ่งบานหรือมีผลไม้พิเศษ มันจะดึงดูดสัตว์อสูรที่น่ากลัวออกมาหากิน เด็กๆทั้งหลาย! การรอให้พุ่มหูดำเบ่งบานเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมาก พวกเจ้าคืออนาคตของประเทศ แม้ว่าทหารของพวกเราจะต้องตาย พวกเขาก็ไม่ปรารถนาจะเห็นเด็กน้อยอย่างพวกเจ้าต้องมาสละชีวิตไปก่อนเพื่อช่วยพวกเขา จำเอาไว้นะเด็กๆ! สิ่งที่พวกเจ้าต้องคิดก่อน ไม่ใช่เรื่องทำภารกิจของเราให้สำเร็จ เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ เรื่องที่ต้องคิดก่อนลงมือกระทำ คือประเมินกำลังตัวเองว่าแข็งแกร่งพอหรือมีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้นได้หรือไม่ พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีก็จริง แต่ก็ทำให้ข้าห่วงไปด้วย ข้าไม่ต้องการจะดุด่าพวกเจ้าทุกคน แต่ก็ต้องเตือนพวกเจ้าทุกคนว่า ในอนาคตพวกเจ้าทุกคนต้องระมัดระวังเมื่อจะให้จบภารกิจ เวลาที่พวกเจ้าเข้าไปทำงานในแดนปีศาจที่อันตราย พวกเจ้าต้องระมัดระวังเพิ่มเป็นร้อยเท่าพันเท่าต้องรอบคอบยิ่งกว่าปฏิบัติภารกิจปกติ” หัวหน้าแพทย์หญิงวัยกลางคนจุมพิตหน้าเด็กๆ ทีละคน และคนสุดท้ายเป็นองค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ย เธอสะกิดเบาๆ ว่า

“พวกเราได้พี่ๆ คอยปกป้องพวกเราไว้ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเก็บสมุนไพรเหล่านี้มาได้”

“พวกเขาเหรอ? อย่างนั้นข้าก็คาดถูกแน่นอน” หัวหน้าแพทย์หญิงชี้ตัวเย่ว์หยาง, เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ได้อย่างถูกต้อง ในที่สุดนางก็หันกลับไปมองเย่ว์หยางและค้อมหัวให้เล็กน้อย “พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก ข้าจะประเมินผลให้พวกเจ้าแต่ละคนทุกคนเลย นอกจากนี้ ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าทุกคนว่า ขอบคุณมากที่พวกเจ้ายอมลำบาก ผลงานของพวกเจ้าคู่ควรกับการได้รับยกย่องว่าเป็นยอดคน

“……” พอได้ยินเช่นนี้ เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นมากจนน้ำตาคลอเบ้า นี่เป็นครั้งแรกของเขา ตัวเขาถูกเรียกเป็นสวะมาทั้งชีวิตมากกว่าการสรรเสริญยกย่อง หัวใจของเขาพองโตจนเกือบจะร้องออกมาดังๆ

“……” เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ก็รู้สึกคล้ายๆ กันเลือดลูกผู้ชายที่เร่าร้อนถึงกับเดือดพล่าน

เดิมทีพวกเขาคิดว่า พวกเขาจะต้องอดตายในหอทงเทียนเสียแล้ว พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากได้พบเย่ว์หยาง พวกเขานอกจากไม่ต้องอดตายแล้ว พวกเขายังเปลี่ยนสภาพจากขยะที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นยอดคนไปได้

แน่นอนว่า พวกเขายังคงตระหนักได้ชัดว่า ยังมีความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขาและความแข็งแกร่งของยอดคน

ความน่าเชื่อถือทั้งหมดนี้เป็นเย่ว์หยางสร้างมาอย่างยากลำบาก

แต่การได้เป็นสมาชิกในทีมเล็กๆ ของเย่ว์หยาง ทำให้พวกเขารู้สึกว่า มีเหตุผลที่พวกเขาจะภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติ

แม้ว่าในปัจจุบัน พวกเขายังไม่ได้เป็นยอดคนก็ตาม พวกเขาเชื่อว่าในที่สุด พวกเขาจะคู่ควรเป็นยอดคนในอนาตตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การนำของเย่ว์หยาง พวกเขาแค่จำเป็นต้องก้าวตามรอยเท้าเขาให้ทันและพวกเขาจะสามารถไปอยู่แนวหน้าของคนชั้นหัวกะทิได้ เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่มองดูเย่ว์หยางด้วยความภาคภูมิใจที่ร้อนแรงปรากฏอยู่ในดวงตาของพวกเขาดุจเปลวเพลิงที่ร้อนแรง

คำพูดเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้พูดออกมา แต่พวกเขาสลักมันเอาไว้ในหัวใจของพวกเขาและจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อบรรลุมันให้ได้

“เอ่..สมุนไพรเหล่านี้ยังมีเพียงพอหรือ?” เย่ว์หยางถามคำถามที่นักเรียนทุกคน รวมทั้ง 3 ดาวเพชรฆาตยังไม่กล้าจะถาม

พอได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าหมอหญิงมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

ในทางตรงกันข้าม สีหน้าของบุรุษเกราะดำ แสดงออกเหมือนกับว่าเป็นไปตามที่เขาคาด เพราะเขามักแอบสังเกตดูเย่ว์หยางเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการที่เย่ว์หยางจับตาดูจำนวนคนบาดเจ็บ หรือดูป้ายบันทึก ผลสะท้อนที่ตามมา พฤติกรรมทุกอย่างอยู่ในสายตาบุรุษเกราะดำทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ในแดนปีศาจ บุรุษเกราะดำพบว่า เย่ว์หยางแตกต่างจากคนในกลุ่มอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้จึงให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ

เกี่ยวกับเรื่องที่เย่ว์หยางสงสัย หมอหญิงชราพึมพำกับตัวเองเบาๆ จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย “เดิมทีจำนวนสมุนไพรทั้งหมดมีไม่ถึงพัน พอเพิ่มกับจำนวนที่สถาบันฉางชุนเฉิงของเจ้าได้มาซึ่งก็ได้เพิ่มมาอีกสี่ร้อยกว่ารวมแล้วก็เป็น 1390 ต้น ล่าสุดสมุนไพรที่พวกเจ้าส่งมาเพิ่มมีผลในการรักษามากกว่าสมุนไพรปกติถึง 2 เท่า แต่ก็ยังช่วยชีวิตทหารได้เพียง 1500 คน แต่จำนวนผู้ต้องพิษมีเกินกว่า 5000 คน แม้แต่กลุ่มทหารที่พวกเจ้าเห็นตรงลานจัตุรัสก็มี 3000 คนแล้ว…”

“ทำไมไม่ส่งคนไปเก็บสมุนไพรเพิ่มล่ะ?” เย่ว์หยางคิดว่ามันแปลก ทำไมกองทัพไม่ส่งทหารไปเก็บสมุนไพรเพิ่ม?

“นอกจากหมอทหารแล้ว ทหารทั่วไปจะรู้วิธีเก็บสมุนไพรกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำได้อย่างไร? มีกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำให้เก็บไม่มากนัก การที่พวกเจ้าเก็บมาได้มากก็เป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างคาดไม่ถึง เพื่อจะช่วยคนเหล่านี้ เรารวบรวมนักเรียนชั้นหัวกะทิทั้งหมดมาจากเพียงไม่กี่สถาบัน การแบกรับความเสี่ยงที่ร้ายแรงและต้องส่งพวกเจ้าไปในแดนปีศาจเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดแล้ว บอกตามตรง แม้ว่าข้าจะเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนมามาก ข้าไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ เพราะเมื่อกองทัพปีศาจพบเรื่องนี้เข้า พวกเจ้าทั้งหมดก็จะถูกกำจัด พวกเจ้าทุกคนคืออนาคตของอาณาจักรต้าเซี่ย เราไม่ควรใช้พวกเจ้าในฐานะเครื่องมือเดิมพัน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นราชโองการจากฝ่าบาท ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย โชคดีที่พวกเจ้าทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย เด็กเอย! เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมากแล้ว ทหารที่เราช่วยและครอบครัวของพวกเขา จะขอบคุณความช่วยเหลือของเจ้าเป็นอย่างมาก สำหรับทหารที่เหลือซึ่งช่วยอะไรไม่ได้ เราจะคิดหาทางดู หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถช่วยพวกเขาให้มีชีวิตพอที่จะได้พบคนที่พวกเขารักสักครั้งก่อนตายได้” เสียงของหมอหญิงสูงวัยเต็มไปด้วยความสลดหดหู่ เหมือนกับว่านางมองเห็นคนที่รักอยู่บนปากเหวแห่งความตาย

“สำหรับคนที่เหลืออีก 3000 คนผู้ที่เราช่วยเขาไม่ได้ เราจะเลือกพวกเขาได้อย่างไร? พวกเขาก็ยังคงเป็นทหารเหมือนกัน ยังจะมีการเห็นด้วยหรือคล้อยตามด้วยเหรอ?” เย่ว์หยางคิดว่า ไม่ว่าใครตาย ใครอยู่ มันเป็นคำถามที่เลือกยาก

ใครยินดีจะตายในสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือได้?

ใครยินดีจะมองดูคนอื่นได้รับความช่วยเหลือโดยทำอะไรไม่ได้ แต่ตนเองต้องตาย?

“มันยากจะเลือก แต่ตัวทหารเองก็ต้องตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว ทหารหนุ่มผู้เป็นลูกเพียงคนเดียวในครอบครัวของพวกเขา จะต้องอยู่สืบสกุลจะได้รับการรักษาก่อน ทหารแก่ที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตมาในสนามรบยินดีจะเสียสละตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างของเด็กรุ่นหลัง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดกับพวกเราเป็นครั้งแรก และก็จะไม่เป็นครั้งสุดท้าย นักเรียนทุกคน! นี่คือจิตวิญญาณของชาวอาณาจักรต้าเซี่ย จิตวิญญาณทหารจะไม่ตาย มันเป็นเรื่องแท้แน่นอน เพราะคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างก็เสียสละตนเองทั้งนั้น ทหารแก่คืออาณาจักรต้าเซี่ยในวันนี้ และความหวังในวันพรุ่งนี้ เมื่อพวกเจ้าโตขึ้น มีความรู้และมีประสบการณ์หลายๆ อย่างมากขึ้น ถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะเข้าใจปณิธานของทหารแก่ ถ้ามนุษย์ชาวแผ่นดินมังกรทะยานเราไม่มีจิตวิญญาณในการเสียสละระดับสูงแล้ว บางทีเราคงพ่ายแพ้ให้กับพวกปีศาจไปแล้ว” หมอหญิงสูงวัยพยักหน้าให้เย่ว์หยางและพูดต่อว่า “ก็เหมือนที่เจ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเด็กๆ ที่เก็บสมุนไพรนั่นแหละ พฤติกรรมของเจ้า กับทางเลือกของทหารแก่เป็นหลักการเดียวกัน”

****************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด