ตอนที่แล้วตอนที่ 6-5 อำนาจของขุนนาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6-7 เสียหายหนัก

ตอนที่ 6-6 คัมภีร์เวท


ในแง่ของการตกแต่งและแผนผัง ที่ดินแห่งนี้เป็นที่ชั้นหนึ่งแน่นอน

ลินลี่ย์ชอบอุทยานน้ำพุร้อนเป็นพิเศษ

อุทยานน้ำพุร้อนที่อยู่ภายในคฤหาสน์ซึ่งพระราชาใช้ในการฝึกฝนเมื่อครั้งที่เขายังอาศัยอยู่ที่นี่เคลย์เป็นนักรบระดับ 9 เพื่อที่จะกลายเป็นนักรบที่ทรงพลัง เป็นธรรมดาที่เขาไม่ได้อาศัยเพียงพรสวรรค์ของเขาเขายังต้องอาศัยแรงกายแรงใจพากเพียรพยายามเนิ่นนานหลายปี

ฝั่งขวาอุทยานน้ำพุร้อนเป็นผืนหญ้ากว้างเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกายทุกประเภท

ส่วนฝั่งซ้ายของอุทยานน้ำพุร้อน มีภูเขาจำลองติดกับบ่อน้ำพุร้อนน้ำพุร้อนภายในบ่อนี้เป็นน้ำพุร้อนตามธรรมชาติจากใต้ดินหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงทั้งวันแน่นอนว่าการผ่อนคลายด้วยการแช่ในบ่อร้อนเป็นความรู้สึกที่สุดยอดราวกับได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว

ขณะที่ลินลี่ย์กำลังเปลือยภายอาบน้ำบ่อน้ำร้อนฟองน้ำร้อนผุดขึ้นมาบนผิวหนังของเขา ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกผ่อนคลายจนหนังตาของเขาเริ่มปิดเข้าหากัน

"เจ้านาย เมื่อไหร่เราจะไปฆ่าเจ้าแพตเตอร์สันนั่น? เมื่อคืนก่อนช่วงอาหารเย็นข้าอยากจะฆ่ามันแก้แค้นให้ท่านจริงๆ" บีบีกระโดดขึ้นมาจากบ่อน้ำขนของมันเปียกชุ่มไปทั้งตัว

"ไม่ต้องรีบร้อน"

เมื่อขึ้นจากบ่อน้ำร้อน ลินลี่ย์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฝึกสะอาดเอี่ยมจากนั้นก็เดินไปที่สนามหญ้าในขณะที่เริ่มต้นพึมพำคำร่ายคาถา หลังจากนั้นสักครู่, พื้นดินเริ่มเรืองแสงครอบคลุมพื้นรอบๆตัวของลินลี่ย์ราวกับว่าธาตุดินกำลังหมุนรอบๆตัวเขา

เวทธาตุดิน - สนามสุดยอดแรงโน้มถ่วง

ลินลี่ย์กระโดดขึ้นไปในอากาศทันที แล้วกลับหัวลงเอาเท้าชี้ฟ้าโดยใช้มือทั้งสองข้างของเขายันพื้นเอาไว้ เขาดันตัวเองขึ้นลงต่อมาเขาใช้เพียงนิ้วเดียวของมือทั้งสองข้างดันตัวเองไว้จากนั้นอาศัยเพียงนิ้วเดียวภายใต้แรงกดดันของสนามสุดยอดแรงโน้มถ่วงเริ่มดันตัวเองขึ้นและลง

"หนึ่ง. สอง…"

ลินลี่ย์นับไปเงียบๆ ทุกครั้งที่เขานับไปถึงหนึ่งพัน ลินลี่ย์จะเปลี่ยนไปใช้นิ้วอื่น

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักสู้คือความแข็งแกร่งของร่างกายมีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่งจึงจะสามารถรองรับพลังปราณจำนวนมากได้ขอเพียงผ่านการฝึกฝนนี้ไปได้ร่างกายของเขาจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นนักรบเลือดมังกรแล้วเขาก็ยังจำเป็นต้องรักษาวินัยในการฝึกฝนของเขาจนเป็นกิจวัตร

"หืม?"

หลังจากฝึกฝนไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ลินลี่ย์กลับไปยืนตรงตามปกติ ลินลี่ย์มองอย่างเย็นชาไปที่หญิงรับใช้หน้าตาหมดจดที่เพิ่งเดินถือถาดใส่ชาและจานผลไม้เข้ามาในอุทยานน้ำพุร้อน

"นาย ... นายท่าน ข้าน้อยนำชาและผลไม้มาเสิร์ฟเจ้าค่ะ"หญิงรับใช้กล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของลินลี่ย์

"ใครสั่งให้เจ้าเข้ามา?" ลินลี่ย์กล่าวน้ำเสียงเย็นชา

หญิงรับใช้เริ่มพูดตอบตะกุกตะกักว่า "นายท่าน...ข้าน้อยคิดว่าท่านอาจจะกระหายน้ำ"

"กระหายน้ำงั้นรึ?" ลินลี่ย์กวาดตามองท่าทางของนาง

"เข้ามา!" ลินลี่ย์ตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นนักรบร่างกายกำยำ 4 คน รีบวิ่งเข้ามาในอุทยานน้ำพุร้อน นักรบทั้ง 4คนมาจากวิหารเจิดจรัส ที่สุดแล้ววิหารเจิดจรัสได้ส่งอัศวินกว่า 100คนมาเพื่อปกป้องลินลี่ย์

"นายท่านโปรดเมตตาด้วย!" หญิงรับใช้กลัวมากเข่าของนางอ่อนยวบจนอยู่ในท่าคุกเข่า

ในทวีปยูลาน ขุนนางจะมีฐานะสูงกว่าคนธรรมดา โดยเฉพาะขุนนางระดับสูง ผู้ซึ่งฆ่าชีวิตคนธรรมดาสามัญโดยไม่ต้องรับโทษสำหรับลินลี่ย์ ผู้ซึ่งแม้แต่ราชาแห่งอาณาจักรเฟนไล ยังต้องทำตัวสุภาพบอกได้เลยว่าลินลี่ย์เป็นหนึ่งในขุนนางระดับสูงของอาณาจักรเฟนไล

ลินลี่ย์เหลือบมองไปที่หญิงรับใช้ เขากล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า "จำไว้ต่อไปนี้หากข้าอยู่ในอุทยานน้ำพุร้อน หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใครก็ตามที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร 20 ไม้"

"โบยด้วยไม้พลองทหาร 20 ไม้เหรอ?" หน้าของหญิงรับใช้ซีดเผือด

ไม้พลองทหารหนักมาก แม้แต่นักรบที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อยังไม่อาจเคลื่อนไหวได้นานถึงสิบวันครึ่งเดือนหากโดนโบยถึง20 ครั้ง แล้วหญิงรับใช้ร่างกายอ่อนแออย่างนางอาจจะถูกโบยตายได้ทันที

"นายท่านโปรดเมตตา นายท่านโปรดเมตตา!"หญิงรับใช้รีบโขกหัวขอความเมตตา

ลินลี่ย์พูดต่อว่า "แต่นี่เป็นการทำผิดครั้งแรก ข้าจะลดโทษให้เหลือเพียงโบยด้วยแส้หวาย20 ครั้ง แต่หากเจ้ายังทำผิดซ้ำซากจะไม่มีการปราณีแน่นอน"

"ขอบคุณนายท่านที่เมตตา! ขอบคุณนายท่านที่เมตตา!"หญิงรับใช้รู้สึกโล่งใจ

ในด้านของความเจ็บปวดจากการถูกโบยแล้วการถูกโบยด้วยแส้หวายอาจจะเจ็บปวดมากกว่าไม้พลองทหารแต่มันจะเกิดเพียงแผลตื้นๆเท่านั้นบาดแผลที่ได้รับจะไม่กระเทือนถึงกระดูกและอวัยวะภายใน แน่นอนว่ามันเจ็บแต่มันไม่ถึงตายแน่ๆ

"นำตัวนางออกไป" ลินลี่ย์สั่งนักรบทั้งสี่คน

"ขอรับ ใต้เท้าลินลี่ย์" นักรบสองคนก้าวออกมาข้างหน้าและดึงหญิงรับใช้ออกไปและปลดกระดุมเสื้อนางออกส่วนชาและผลไม้บนถาด ทั้งหมดนั้นกระจายอยู่บนพื้น

ลินลี่ย์หันหลังและเดินกลับไปที่สนามหญ้าอีกครั้งหนึ่ง

กระบี่เทพเลือดม่วงเป็นหนึ่งในอาวุธลับของลินลี่ย์ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาใช้มันฝึกฝน ลินลี่ย์มักจะต้องแน่ใจว่ามันตั้งตรงและแข็งอยู่เสมอบางครั้งลินลี่ย์จะปล่อยให้มันมียืดหยุ่นบ้างและสบัดมันเหมือนปลาไหลเลื้อยไปมา และเพื่อให้แน่ใจว่าความลับของกระบี่เทพโลหิตม่วงนี้ไม่มีใครรู้

เป็นเรื่องปกติ เพราะเขาไม่อนุญาตให้ใครดูเขาฝึกฝน

ลินลี่ย์ใช้มือขวาลูบเอวของเขา ทันใดนั้นรังสีเย็นเยียบก็กระจายออกมา, แสงสีม่วง บางมากใบดาบสีม่วงปรากฏอยู่บนมือของลินลี่ย์

"เพียะ!"

ด้านในของสวนน้ำพุร้อนแสงสีม่วงสายหนึ่งหลังจากนั้นก็เริ่มปรากฏแสงสายอื่นๆตามมาให้เห็น ในขณะที่ลินลี่ย์ร่ายรำไปมาในสวนราวกับมังกรท่องด้วยการสนับสนุนของคาถาความเร็วเสียง เวทวายุและพลังของตัวเขาเอง ไม่เพียงแต่ลินลี่ย์เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเขายังคล่องแคล่วมากด้วย

ด้วยการใช้คัมภีร์ลับเลือดมังกร ลินลี่ย์ฝึกฝนร่างกายของเขา เมื่อเขาผ่อนคลายเขาจะใช้การแกะสลักรูปแกะสลักเพื่อเพิ่มพลังจิตของเขาเขาอยู่ในระหว่างภวังค์สมาธิในท่ามกลางน้ำพุร้อนขณะที่กำลังปรับแต่งพลังเวทของเขา

การฝึกฝนของเขากลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาไปแล้ว

เพียงแต่ลินลี่ย์ยังไม่อาจหาเวลาที่ดีที่สุดเพื่อเคลื่อนไหวจัดการกับแพตเตอร์สันจริงๆแล้วเขากับแพตเตอร์สันแทบจะไม่มีโอกาสเจอกันเลย หากลินลี่ย์มุ่งหน้าไปคฤหาสน์แพตเตอร์สันหรือแพตเตอร์สันมาหาลินลี่ย์ถึงบ้าน ทันทีที่ลินลี่ย์ฆ่าแพตเตอร์สันไม่เกินครึ่งวันราชาเคลย์ก็ทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ไม่สำคัญเลยว่าลินลี่ย์จะมีพรสวรรค์ยิ่งใหญ่เพียงใดแต่หากเขาเป็นฆาตรกรฆ่าพระอนุชาของราชาเคลย์เคลย์ย่อมไม่ใจกว้างอภัยให้กับเขาแน่นอน

ภายในห้องโถงหลัก ลินลี่ย์นั่งรับประทานอาหารกลางวันอย่างสบายใจ

หลังจากที่เขารับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้น ลินลี่ย์เริ่มคิดเรื่องแพตเตอร์สันอีกครั้ง"แพตเตอร์สันยังไม่เคยมาเยี่ยมข้าที่นี่เลยสักครั้งดูท่าข้าคงต้องไปเยี่ยมเขาแทนแล้ว" ลินลี่ย์ตัดสินใจที่จะไม่ทำตัวเป็นชาวนาเฝ้าตอรอกระต่ายเขาจะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์แพตเตอร์สันด้วยตัวเอง

"นายท่าน" ขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาจากด้านนอก "นายท่านใต้เท้าคาร์ดินัลกิลเยโมจากวิหารเจิดจรัสขอเข้าพบขอรับ"

"กิลเยโม?"

ลินลี่ย์สะดุ้ง และเขาตรงไปที่ประตูเพื่อต้อนรับกิลเยโมด้วยตัวเองทันที

ภายในห้องโถงหลัก

"ลินลี่ย์ ข้าได้ยินว่าตอนนี้เจ้าใช้ชีวิตสบายๆและไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ทุกๆวัน นอกจากการฝึกฝนผ่อนคลายในบ่อน้ำพุร้อนหรือทำการแกะสลักหินการใช้ชีวิตแบบนี้ของเจ้าช่างสร้างความริษยาให้ผู้อื่นจริงๆ" กิลเยโมกล่าวกับลินลี่ย์พร้อมกับหัวเราะไปด้วย

ลินลี่ย์พยักหน้าและหัวเราะเช่นกัน

"แต่ว่านะลินลี่ย์" กิลเยโมกล่าวอย่างจริงจังว่า"ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าแม้ว่ารูปแกะสลักของเจ้ามีมูลค่าสูงก็จริงแต่สิ่งที่กำหนดฐานะของผู้คนนั้นแท้จริงแล้วคืออำนาจ! เจ้าลองมองดูตระกูลเด็บส์ที่อยู่บนถนนเดียวกันกับเจ้าสิพวกเขาไม่ได้มีเงินมากมายหรอกรึ? แต่พวกเขากลับมีฐานะต้อยต่ำกว่าเจ้า"

เหตุผลนี้ลินลี่ย์เองก็ทราบดีเช่นกัน

จริงอยู่ว่าเงินนั้นมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย

แต่เมื่อคนผู้หนึ่งมีอำนาจมากถึงระดับหนึ่ง การใช้จ่ายเงินก็ย่อมน้อยลงตัวอย่างเช่น สำหรับนักสู้ระดับเซียนแล้วเงินทองเป็นสิ่งไร้ค่านี่เองที่เป็นเหตุให้หอการค้าดอว์สันยินดีที่จะจ่ายเงินถึงร้อยล้านเหรียญทองเพื่อชักชวนให้ลินลี่ย์เข้าร่วมกับพวกเขา

สำหรับสมาคมการค้าเหล่านี้ การสนับสนุนจากนักสู้ชั้นยอดนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก

"ใต้เท้ากิลเยโม ขอบคุณท่านที่ช่วยเตือนสติข้า" ลินลี่ย์กล่าวอย่างยิ้มแย้ม

แน่นอนว่าลินลี่ย์ย่อมไม่บอกว่าแท้จริงแล้วการที่เขากลายมาเป็นจอมเวทสองธาตุระดับ7 ด้วยอายุเพียง 17 ปี ได้เพราะใช้การแกะสลักหินในการฝึกฝน

"ข้าขอแนะนำสั้นๆนะ ที่สุดแล้วเมื่อเจ้าเหนื่อยล้าเจ้าก็ควรพักผ่อน"กิลเยโมเหลือบมองหนึ่งในนักบวชด้านหลังเขาผู้ซึ่งทำการเปิดกล่องสีขาวเงินที่เขากำลังถืออยู่ทันทีข้างในกล่องใบนั้นมีหีบศิลาอยู่หนึ่งใบ

นักบวชนำหีบศิลามาวางไว้ตรงกลางโต๊ะระหว่างลินลี่ย์กับกิลเยโม

"ใต้เท้ากิลเยโม นี่คือ?" ลินลี่ย์ถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร

กิลเยโมหัวเราะอย่างพึงพอใจ "ลินลี่ย์ เจ้าลองเปิดดูเองเถอะ"

ลินลี่ย์ค่อยๆเปิดฝาหีบศิลาอย่างช้าๆ ข้างในหีบศิลามีคำภีร์ที่ทำจากไหมสองเล่มคำภีร์ทั้งสองเล่มนี้มีสีทองเข้ม

"นี่คือ... " ลินลี่ย์มองกิลเยโม

"ลินลี่ย์ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วรึว่า ข้าจะมอบคำภีร์เวทธาตุลมและธาตุดินแก่เจ้า? นั่นก็คือคำภีร์สองเล่มนี้" กิลเยโมหัวเราะ

ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้

คำร่ายเวทและวิธีการใช้ที่เหมาะสมทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อผู้ร่ายเวทมิฉะนั้นแล้วแม้ว่าคนผู้นั้นจะมีพลังเวทและพลังจิตมากพอคนผู้นั้นก็ยังคงไม่อาจร่ายเวทที่แข็งแกร่งออกมาได้

ลินลี่ย์เลือกหยิบคำภีร์ออกมาหนึ่งเล่มมาเปิดดูทันที

"เวทธาตุลม!" เมื่อเปิดอ่านหน้าแรก ลินลี่ย์พบว่าหน้าแรกนั้นเป็นหัวข้อหลักในคำภีร์เล่มนี้

นอกจากนี้แต่ละหัวข้อยังมีคำอธิบายเกี่ยวกับคาถาธาตุลมจำนวนหนึ่ง และในคำภีร์เล่มนี้ยังมีคำอธิบายอย่างละเอียดและอธิบายอย่างชัดเจนอีกด้วยว่าให้มีสมาธิในการร่ายเวททุกคาถา

ลินลี่ย์พลิกข้ามไปยังหมวดของคาถาระดับ 7 ในคำภีร์

ลินลี่ย์รู้สึกแปลกใจขณะที่เขาอ่านรายละเอียดของคาถาที่ทรงพลังคาถาหนึ่ง ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าคนรุ่นก่อนที่คิดค้นคาถาเหล่านี้ขึ้นมาต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน

"คาถาระดับ 9 - เงาวายุ ถูกสร้างขึ้นมาโดยผสานคาถา ความเร็วเสียง กับคาถาปีกลมเข้าด้วยกันทำให้ผลพิเศษที่ได้รับจากคาถาทั้งสองนั่นคือเพิ่มทั้งความเร็วและความคล่องตัว จากคำอธิบายมันเป็นคาถาที่สมบูรณ์แบบ..."

ยิ่งอ่านคำอธิบายที่ลึกซึ้งมากขึ้นไปอีกในคำภีร์เล่มนี้ของคาถาเงาวายุ ลินลี่ย์ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

คำภีร์เล่มนี้ได้เปิดโลกใหม่ของเวทมนต์ให้กับเขา

ในอนาคต ด้วยพลังของเวทธาตุดินและธาตุลมของเขา รวมกับพลังของนักรบเลือดมังกรพลังทำลายในอนาคตของเขามีมากพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น

เมื่อเห็นว่า ลินลี่ย์กำลังหมกมุ่นอยู่กับคำภีร์เวทจนไม่สนใจสิ่งใดกิลเยโมจึงไม่รบกวนและเดินทางกลับไปเงียบๆ

….

ในอุทยานน้ำพุร้อน

ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้ากล้ามเนื้อและกระดูกทั่วร่างของเขาสั่นรัวเนื่องจากพลังลมปราณเลือดมังกรกำลังโคจรไปยังทุกส่วนในร่างกายของเขาทำให้ร่างกายของลินลี่ย์กำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"เจ้านาย เจ้าแพตเตอร์สันจะมาเยี่ยมท่านคืนนี้ท่านยังมีอารมณ์ฝึกอยู่อีกรึ?" บีบีที่กำลังนอนอยู่ข้างๆลินลี่ย์บ่นพึมพำ

ลินลี่ย์ลืมตาขึ้นมามองบีบี

"ยังมีอารมณ์ฝึกอยู่งั้นรึ?"

หัวใจของลินลี่ย์รู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาวันนี้ตอนเช้าดยุคแพตเตอร์สันได้ส่งสารผ่านทางผู้ส่งสารมาบอกว่าคืนนี้เขาอยากจะมาพูดคุยกับลินลี่ย์ตัวต่อตัวในฐานะที่เป็นเสนาบดีกระทรวงการคลังเป็นธรรมดาที่ดยุคแพตเตอร์สันรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับขุนนางสำคัญทุกคนแต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เขาต้องรับมือกับปัญหาการลักลอบทำเหมืองแร่และยังต้องกังวลกับการลักลอบค้าหยกวารีเถื่อนซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาไม่มีเวลามาพูดคุยลินลี่ย์เสียที

"ไม่ ข้าไม่มีอารมณ์ฝึกฝนเลยซักนิด แต่ข้าต้องฝึกฝนต่างหากข้าจำเป็นต้องแข็งแกร่งให้มากพอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวข้าเอง" ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง

ส่วนแผนการของเขาในตอนนี้

ภายในเวลาครึ่งปีเขาจะฆ่าแพตเตอร์พร้อมกับหาให้ได้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลังแพตเตอร์สัน

หลังจากหาเจอว่าใครบงการอยู่เบื้องหลังแพตเตอร์สันก่อนวันครบรอบวันตายของบิดาเขาลินลี่ย์จะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมารดาเขาหรือฆ่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังแพตเตอร์สัน

"ควับ! เฟี้ยว!"

"อ๊าาาาาา!" ด้านนอกอุทยานน้ำพุร้อน เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมา

ลินลี่ย์พุ่งตัวไปยังยอดของภูเขาจำลองในอุทยานน้ำพุร้อนและกระโดดขึ้นไปเมื่อยืนอยู่บนยอดของภูเขาจำลอง เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าร่างของคนสิบกว่าคนอัศวินแห่งวิหารเจิดจรัสกำลังเริ่มเน่าเปื่อยพวกเขากรีดร้องไม่หยุดด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เลือดของพวกเขาเริ่มที่ไหลเจิ่งนองไปทั่วพื้นดิน

ในเวลาเดียวกัน หมอกสีดำหนาหนักเริ่มคลื่นที่ด้วยความเร็วสูงปกคลุมไปทั่วสารทิศมุ่งหน้ามาอุทยานน้ำพุร้อนทั่วทุกที่ที่หมอกดำเคลื่อนที่ผ่านไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ทุกสิ่งจะเริ่มเป็นผุพังแล้วก็ตาย

ลินลี่ย์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าด้านบน ตอนนี้ถูกหมอกดำหนาหนักปกคลุมไปทั่วหมอกดำกำลังกวาดเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูง

"นั่นใครน่ะ"

ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าข้างในหมอกดำหนาทึบมีเงาดำพร่าเลือนหลายเงาพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง

ในขณะนี้ ไม่มีทางไหนให้ลินลี่ย์หลบหนีได้เลย!

"ฮ่าาาาาาห์!"ลินลี่ย์หลบหนีจากภูเขาจำลองอย่างรวดเร็วและเขากระโดดพุ่งลงไปในบ่อน้ำพุร้อนราวกับปลา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด