ตอนที่แล้วตอนที่ 123 – ตอนที่ 120 ใช้หัวต่างฟุตบอล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 125 – ตอนที่ 122 ครูใหญ่แสนสวย

ตอนที่ 124 – ตอนที่ 121 โจรนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่


หลังจากเอาชนะพ่อมดปีศาจซัวจ์ เย่ว์หยางก็ยังไม่ประมาท ขณะที่ยังมีตั๊กแตนมรณะ อสูรทองระดับ 7 อยู่ด้วย

แม้ว่าในตอนนี้ตั๊กแตนมรณะจะอ่อนกำลังลงมากก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นอสูรทอง ระดับ 7 ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามันกำลังจะเป็นแม่ มังกรเยือกแข็งยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างมังกรอสุภกับอสูรน้ำแข็งก็จะไม่มีทางต้านทานมันได้เลย มิฉะนั้นสถานการณ์คงไม่ลงเอยอย่างเลวร้ายแบบนี้ เย่ว์หยางมองดูมันอย่างระมัดระวัง และตั๊กแตนมรณะก็ทำเหมือนกัน มันรู้สึกได้ถึงอันตรายที่แผ่มาจากเย่ว์หยางได้แต่แรกแล้ว มันไม่ได้ตั้งใจแต่แรกที่จะโจมตีใส่เย่ว์หยางราวกับว่ามันประเมินความแข็งแกร่งของเย่ว์หยางได้ มันรู้สึกว่ามนุษย์ตัวน้อยผู้นี้แปลก ไม่ใช่เหยื่อที่มันจะล่ามาเป็นอาหาร

หลังจากพ้นสภาวะแช่แข็งแล้ว ตั๊กแตนมรณะยังไม่จากไปทันที แต่มันล้มลงบนพื้นอย่างเจ็บปวดและเริ่มปล่อยสารสีขาวเหมือนโฟม

ในสารสีขาวเหมือนโฟม จะมีไข่สีทองเป็นจำนวนมาก แต่ไข่สีทองแตกหมดแล้ว

แม่ตั๊กแตนมรณะพยายามหาดูครั้งแล้วครั้งเล่า หวังว่าจะพบไข่ที่ไม่แตกสักใบ ในทันใดนั้น มันเป็นเหมือนมารดาจ้องมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดสิ้นหวังที่ลูกของมันต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร

มันใช้แขนอย่างระมัดระวังค้นหาภายในโฟมสีขาวอีกครั้ง หวังอยู่เต็มเปี่ยมว่าจะพบไข่ที่ปลอดภัยและไม่แตก

แต่…ไข่ทองทั้งหมด มีรอยแตกร้าว

ไม่มีสักใบที่อยู่ในสภาพดี

แม่ตั๊กแตนมรณะยังไม่ยอมแพ้และเริ่มหาดูในโฟมใหม่อีกครั้ง

อารมณ์คลั่งของมันดูเหมือนจะก่อกวนอารมณ์ของเย่ว์หยาง ตอนแรกเขาคิดจะถือโอกาสฆ่าตั๊กแตนมรณะเพื่อเอาแก่นปีศาจ แต่พอเขาเห็นความสิ้นหวังและความเศร้าโศกในดวงตามัน เขาก็ทนทำเช่นนั้นไม่ได้ แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่ใช่คนประเภทใจอ่อนเหมือนเต้าหู้ แม้จะมีซากศพกองเต็มพื้น เขาเชื่อว่าเขาคงไม่สนอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมองดูแม่ตั๊กแตนมรณะ ผ่านไปถึงธรรมชาติของมันที่จะต้องกินตั๊กแตนมรณะตัวผู้เป็นอาหารหลังจากผสมพันธุ์กัน เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะดูหมดอาลัยตายอยากและเสียใจขนาดนั้น มันพยายามหาไข่ที่ไม่ถูกแช่แข็งจนตาย เย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงฉากรันทดนี้

มีคนบางจำพวก แม้จะเป็นมนุษย์ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับแม่ตั๊กแตนมรณะได้

ในที่สุดตั๊กแตนมรณะก็ละทิ้งความหวังทั้งหมด และร้องออกมาจนเสียงดังเสียดแทงหูจนมนุษย์แทบจะฟังไม่ได้ ร่างของมันสั่นเทิ้มด้วยความเสียใจ ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปในอากาศบินวนรอบกองโฟมอยู่ 3 รอบ จากนั้นก็ร้องเสียงแสบแก้วหู แล้วกระพือปีกสีทองบินหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

“น่าสงสาร…”เย่ว์หยางเห็นว่าอย่างน้อยมีไข่โหลหรือ 2 โหลมีขนาดเท่าลูกปิงปอง

นี่คือไข่ของตั๊กแตนมรณะ อสูรระดับทอง

ตอนนี้ ขณะที่พวกมันถูกอสูรน้ำแข็งแช่แข็งไว้ ไข่ทุกใบจึงมีรอยร้าว

หลังจากตั๊กแตนมรณะบินหายไปแล้ว เย่ว์หยางไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เขาผ่อนลมหายใจและเก็บแหวนลิชขึ้นมาใส่ทันที หลังจากสวมอย่างระมัดระวังมันแล้ว ตอนนี้เขาต้องการลบความรับรู้ที่เหลืออยู่ของซัวจ์และสัญญากับมันโดยเขาใช้ปราณกระบี่ก่อนที่เขาจะใช้แหวนนี้

เย่ว์หยางคาดว่าแม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ก็คงใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อลบสำนึกที่เหลืออยู่ของซัวจ์

แต่เขาต้องการใช้มันตอนนี้

เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?

เขาเห็นว่าเจ้าอสูรทองน้อยกำลังลากแก่นเวทของมังกรเยือกแข็งยักษ์กลับมา ท้องของมันก็โตขึ้นตอนกลับมาด้วยแล้ว ทันใดนั้น มันกระโจนเข้าหาแหวนลิช “ช่วยข้าสักหน่อยนะ ช่วยหาวิธีลบสัญญาความเชื่อมโยงระหว่างซัวจ์กับแหวนลิชด้วย ข้าขอเตือนเจ้านะ ถ้าเจ้าบังอาจกินมัน ข้าจะทุบเจ้าแล้วขายชิ้นส่วนโลหะของเจ้าซะ”

อสูรทองทำท่าเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง มันอ้าปากและกลืนแหวนลงไปทั้งวงทันที

“เจ้ากำลังบังคับให้ข้าทำจริงๆ สินะ ดูซิว่าข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายได้ไหม?” เย่ว์หยางโกรธจัดจริงๆ และเตรียมจะใช้หมัดทีอัดพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ลงไปเตรียมฆ่าอสูรจอมตะกละทันที

“ป้ะ..ป้ะ..ป้ะ” อสูรทองน้อยอ้าปากของมันและคายแหวนลิชออกมาและยังบ้วนน้ำลายออกมาอีกมากราวกับว่ามันกินของที่น่าสะอิดสะเอียนเข้าไป

“ฮ่า ฮ่า, เมื่อกี๊ข้าพูดผิดไป, ความจริงข้ากำลังจะชมเจ้าว่าเป็นเด็กดีต่างหากเล่า, ไม่เลวเลย ผลงานของเจ้าแค่เป็นรองเสี่ยวเหวินหลี ขณะที่เธอเชื่อฟังมากกว่า ดังนั้นเสี่ยวเหวินหลีจึงมีผลงานยอดเยี่ยมเป็นอันดับที่ 1 ไมสิ ต้องยอดเยี่ยมที่สุด” เย่ว์หยางมองดูยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขขณะมองดูแหวน ซึ่งไม่มีร่องรอยการรับรู้ทำสัญญากับซัวจ์เหลืออยู่แล้ว สัญญาเดิมที่ได้ทำไว้ ได้หายไปแล้ว เขาเริ่มใช้คำพูดหลอกเด็กยกย่องเจ้าอสูรทองน้อยและยื่นมือออกมาลูบหัวมัน

ถ้าเจ้าอสูรทองน้อยพูดได้ มันคงบอกเย่ว์หยางอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ข้าเกลียดเจ้า, ข้าไม่เคยคิดจะฟังเจ้าของอย่างเจ้า”

น่าเสียดายที่มันไม่สามารถพูดและแสดงอาการรังเกียจของมัน

ในที่สุด มันก็เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นปลอกแขนอยู่บนแขนของเย่ว์หยาง ต่างจากเดิมที่ตอนนี้พุงมันกางกว่าเดิม มีเจ้านายอย่างเย่ว์หยาง นับเป็นเรื่องซวยในชีวิตมัน

ทันใดนั้นเย่ว์หยางสวมแหวนลิชทันที เขาใช้ใจสื่อความรู้สึกถึงตัวแหวน พบว่ามีพื้นที่หลายสิบคิวบิคอยู่ในนั้น เต็มไปด้วยศพและโครงกระดูกต่างๆ เย่ว์หยางรังเกียจของเหล่านั้นมาก เขาเริ่มโยนมันทิ้งไปทันที ของที่โยนทิ้งไปนั้นเหมือนกับภูเขาย่อมๆ

หลังจากลังเลใจชั่วขณะ เขาตัดเขา, ฟัน และเล็บของมังกรเยือกแข็งเก็บไว้ในแหวน

ผิวของมังกรเน่าเปื่อยเกินไป มิฉะนั้น เย่ว์หยางก็คงเก็บชิ้นส่วนนั้นเช่นกัน

มังกรบินพิษหัวขาด ก็ยังเก็บไว้ในแหวนด้วย เขาสามารถใช้ผิวสดๆ ของมังกรบินพิษไปทดแทนการขาดหายไปของผิวหนังของมังกรเยือกแข็ง เย่ว์หยางใช้แหวนลิช ซึ่งมันทำให้เขาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเขาเก็บเข้ามาในแหวนลิช ตัวอย่างเช่น ดาบยักษ์ของปีศาจไร้หัว, ค้อนทองของหุ่นเกราะทอง, และศพกับขวานของทหารปีศาจเลือด ของทั้งหมดนี้จับยัดใส่ลงในแหวนวงเดียว

ถ้าเขาไม่สามารถใช้มันได้เอง เขาสามารถขายให้เจ้าอ้วนไห่ต้าฟู่ กรรโชกเอาเงินจากเขาก็ไม่น่ามีปัญหา อาวุธปีศาจชั้นทองแดงทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ของที่จะหาพบตามแผงลอยริมถนนได้

จากนั้น เขายังเก็บกะโหลกของซัวจ์และลูเบนไว้ในแหวนอีกด้วย

ในทางทฤษฎี เจ้าสองคนนี้ตายไปแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายของพวกมันเป็นผีอมตะ ตราบใดที่เย่ว์หยางไปโรงเรียนและเรียนรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีถอดรหัสความทรงจำของพวกผีอมตะ อย่างนั้นความลับทั้งหมดที่เก็บไว้ในกะโหลกของทั้งสองนี้ก็จะรายงานเย่ว์หยางทีละอย่างๆ

เย่ว์หยางตัดสินใจว่า เขาจะเก็บโฟมสีขาวที่เริ่มแข็งตัวหรือไม่

ถ้าเขาเก็บเจ้าของนี้ไปให้ฮุยไท่หลางกิน บางทีมันอาจจะกลายเป็นยาชูกำลังก็ได้

แต่ ทันทีที่เขาคิดถึงความโศกเศร้าของตั๊กแตนมรณะแล้ว เย่ว์หยางตัดใจทำไม่ได้ ปล่อยมันไว้อย่างนั้นดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตั๊กแตนมรณะ การเอาศพลูกของมันมาเป็นอาหารดูเหมือนจะเป็นการไม่ยุติธรรมเลย อย่างไรก็ตาม จู่ๆ เสี่ยวเหวินหลีลนลานเข้ามาและเก็บไข่ทองที่ร้าวขึ้นมาใบหนึ่ง ส่งให้เย่ว์หยางขณะที่กระพริบตากลมโตของเธอปริบๆ เหมือนกับว่าอยากจะบอกอะไรบางอย่าง

“เจ้าจะบอกว่าพวกมันยังสามารถช่วยได้หรือ?” ใจเย่ว์หยางเริ่มเต้นรัวและเขาดีใจแทบเป็นบ้าทันที ขณะที่ถามอย่างใจจดจ่อ

“อือ อือ” เสี่ยวเหวินหลีพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู (เสี่ยวเหวินหลีพูดไม่ได้เพราะสถานะที่แท้จริงยังเป็นทารกอยู่)

“เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ!” เย่ว์หยางมองดูมันและประหลาดใจแกมดีใจ เขาคว้าเสี่ยวเหวินหลีและหอมแก้มน้อยๆ สีชมพูของเธอ

ไข่ใบนี้อาจจะได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่รุนแรงอะไร เขายังคงมีปราณก่อกำเนิด ดังนั้นอาจจะช่วยเหลือมันได้

ตอนนั้นเอง เย่ว์หยางไม่ได้หวงลมปราณเลย พยายามที่จะใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาถ่ายเทเข้าไปในไข่ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีผลอะไรมากนัก ขณะที่ัมันไม่มีผลตอบสนองอะไร

มันดูเหมือนว่าความเข้มแข็งในปัจจุบันของเขาตอนนี้ ยังไม่พอที่จะช่วยเหลือไข่ร้าวใบนี้ แม้ว่าปราณก่อกำเนิดจะช่วยรักษาชีวิตของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้ แต่ผลของมันยังไม่พอจะช่วยรักษาฟื้นฟูไข่ร้าวได้ ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์หยางแทบจะไม่เหลือปราณอยู่ในตัวแล้วหลังจากการต่อสู้ ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หยางชำนาญการใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาในการต่อสู้มากกว่าการรักษา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร

ถ้าเป็นหญิงงามในฝันของเขา บางทีนางอาจจะช่วยไข่ใบนี้ได้

เสี่ยวเหวินหลีมองดูเย่ว์หยางมีเหงื่อออกเต็มตัวพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลานาน ก็ยังไม่มีผลลัพธ์อะไร

เธอยกดาบโค้งคู่ของเธอแล้วกรีดที่นิ้วชี้ของเย่ว์หยางเบาๆ ปล่อยให้เลือดซึมออกผ่านปลายนิ้วของเขาหลายหยด ทันใดนั้นปรากฏสัญญาณที่น่าอัศจรรย์ ทันทีที่ไข่ของตั๊กแตนมรณะทำสัญญากับเลือดของเย่ว์หยาง มันเหมือนกับว่าจะกลับมามีชีวิตและเริ่มดูดซึมเลือด จากนั้นผ่านไป 3 วินาที ไข่ก็ถูกย้อมเป็นสีชมพูจากการดูดซึมเลือดและเริ่มเปล่งแสงสีทอง รอยแตกร้าวที่ไข่หายไปทันทีกลายเป็นไข่ที่สมบูรณ์เหมือนเดิม

เย่ว์หยางมึนงง เขาไม่รู้ว่าเลือดของเขาจะนำมาใช้งานได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้

นางพญากระหายเลือดมองดูอยากรู้อยากเห็นและดูเหมือนจะไม่สามารถละสายตาจากนิ้วที่บาดเจ็บของเย่ว์หยางได้ นางคว้ามือเย่ว์หยางและดูดเลือดจากแผลที่บาดเจ็บทันที

“เจ้า..ยัยผีดูดเลือด..” เย่ว์หยางรู้สึกว่านางกำลังจะดูดเลือดเขาจนแห้ง เลือดของเขาและปราณกระบี่ถูกดูดผ่านรอยแผลอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเตะนางจนกระเด็นขึ้นไปอากาศและสลัดแขนของเขาหลุดมาได้ จากนั้นเขาเห็นว่านางพญากระหายเลือดที่กำลังบินอยู่ในอากาศเริ่มเปล่งแสงสีทอง เหมือนกับว่านางมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก นางบินไปมาอย่างตื่นเต้น เหมือนกับว่าได้รับสมบัติที่ล้ำค่า

แม้ว่าระดับของนางจะยังไม่เพิ่มขึ้น แต่เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่านางพญากระหายเลือดดูดเลือดเขาไป ความแข็งแกร่งของนางได้เพิ่มขึ้นมาก จนเกือบจะย่างเข้าขอบเขตอสูรทองระดับ 4

แต่จะปล่อยให้นางยกระดับโดยใช้เลือดของเขา เย่ว์หยางไม่ยอมสละแน่

จากนั้นเขารีบใช้ปราณก่อกำเนิดรักษารอยกรีดและเก็บไข่สีทองกับโฟมสีขาวซึ่งเริ่มจะจับก้อนห่อมันเข้าด้วยกัน

เขาหวังว่าเมื่อมันฟักตัวออกมาจากการบ่มเพาะ มันจะกลายเป็นตั๊กแตนมรณะตัวน้อยที่น่ารัก เย่ว์หยางประสบผลสำเร็จอย่างงามในการช่วยเหลือชีวิตๆ หนึ่ง แม้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่มันก็ยังเป็นเด็กอ่อน

เย่ว์หยางจัดการสะสางทุกอย่าง ตอนนี้สนามรบตามที่เขาตั้งใจได้จัดการเสร็จแล้ว คัมภีร์เงินฉายลำแสงสูงขึ้นไปราวๆ 10 เมตร แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นการเลื่อนชั้นคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงิน แต่เป็นการปรับระดับของเย่ว์หยางจากนักสู้ระดับ 1 (มือใหม่) ชั้นสูงไปเป็นระดับ 2 (ผู้กล้า) ชั้นต้น การเลื่อนระดับครั้งนี้มีความหมายมาก ขณะที่เย่ว์หยางสามารถอัญเชิญอสูร (จากคัมภีร์) ได้วันละตัว แต่ตอนนี้เขาได้เลื่อนระดับแล้ว เขาสามารถเรียกอสูรได้ครั้งละ 2 ตัว ที่สำคัญยิ่งกว่า ขณะที่เย่ว์หยางเลื่อนระดับนักสู้ ทักษะญาณทิพย์ของเขาก็ยังคงเลื่อนระดับไปด้วย ทักษะญาณทิพย์ของเขาเลื่อนเป็นเป็นระดับ 3 เย่ว์หยางมีความสุขมาก เป้าหมายของเขาในการใช้ทักษะญาณทิพย์เอ๊กซเรย์ผ่านชุดของสาวๆ ใกล้เข้ามาแล้ว

หลังจากเรียกนางพญากระหายเลือดที่กำลังบินไปบินมา, เสี่ยวเหวินหลีเข้าไปพักอย่างว่าง่าย เย่ว์หยางพลิกตรวจดูศพรอบๆ เห็นว่าไม่มีอะไรใช้ประโยชน์ได้ เขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ในที่สุดเขาเก็บแก่นเครื่องกลของหุ่นเกราะทองซึ่งได้รับความเสียหายมากมาย อย่างไม่เต็มใจ

ต่อให้มีคนขี้เหนียวที่สุดแวะผ่านมาสำรวจสภาพสนามรบในตอนนี้ เขาจะไม่มีทางหาสิ่งที่เป็นประโยชน์เจอเลย

เย่ว์หยางยังคงถอนหายใจต่อไป เพราะเขาเสียดายหนังมังกรเยือกแข็งซึ่งมันเน่าแล้วและกระดูกของมันไม่พอดีกับแหวนลิช มันก็ดีแล้ว ถ้าเขาไม่สามารถนำมันไปได้ มันก็จะเสียของเปล่าๆ

หลังจากผ่านไป 5 นาที ก่อนที่ประกายแสงสีม่วงจะส่องขึ้นในพื้นที่ว่าง

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปรากฏตัวอยู่เหนือซากศพ ขณะที่นางถือศีรษะบุรุษชุดเทาที่ห่อผ้าทับไว้ นางแปลกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพเหตุการณ์หน้านาง และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“เรื่องมันยาว” เย่ว์หยางมองดูนาง ชุดของนางยังคงเรียบร้อย ผมของนางก็ยังไม่ยุ่งเหยิง จึงถามว่า “องค์หญิง! ท่านคงไม่ยอมให้คนลามกใดๆ ถือวิสาสะกับท่านมิใช่หรือ?”

“เจ้าพูดถึงเขาหรือ? หลังจากข้าเข้าไปในสนามรบ ข้าไม่รอให้เขาเรียกอสูรออกมา ตวัดดาบฟันทีเดียวข้าก็ฆ่าเขาได้แล้ว แต่เจ้านั่นอ่อนแอมาก มันน่าเสียดายที่เข้าไปในสนามต่อสู้ และเป็นพื้นที่ๆ มีเวลาจำกัดซึ่งอนุญาตให้เจ้ากลับมาได้หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ข้าจึงเลือกใช้ลูกบอลเทเลพอร์ตออกมา แต่ข้าเลือกจะรอแทนที่จะไปดูการต่อสู้ของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะประสบเจอการต่อสู้ที่ดุเดือดสินะ? มีแม้กระทั่งมังกรเยือกแข็งยักษ์ด้วย ไม่เลวเลย ถึงเจ้าจะลามกบ้าง แต่เจ้าก็ฝีมือยอดเยี่ยม แล้วผลึกมังกรอยู่ไหนล่ะ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามอย่างสงสัย

“อะไรนะ? เจ้ายังถามถึงผลึกมังกรด้วยเหรอ? มันโดนตั๊กแตนมรณะฆ่า แล้วเจ้ายังถามข้าถึงผลึกมังกรด้วยเหรอ? ข้าไม่ได้เอามา” เย่ว์หยางพูดจริงทุกคำ

แน่นอนว่า เป็นตั๊กแตนมรณะฆ่ามังกรเยือกแข็ง และเขาก็ไม่ได้เอาผลึกมังกรไป

ผู้ที่เอาผลึกมังกรไปก็คืออสูรทองน้อย

ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟังเขา นางรู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้โกหกนาง เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้ปลอบว่า “ไม่ต้องหงุดหงิดนักก็ได้ ถ้าเจ้าไม่มีผลึกมังกร ก็ช่างมันเถอะ ต่อไปเจ้าค่อยหาโอกาสอื่นก็ได้ ข้าจะแอบเม้มผลึกมังกรมาจากท้องพระคลังเอามาชดเชยให้เจ้า แต่เจ้าต้องเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะ เจ้านี่เก่งจริงๆ นะ กองศพผีดิบและโครงกระดูกผี เจ้าฆ่าหมดเลยหรือ? ไม่เลวเลย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอผีชุดดำจะเรียกอสูรประเภทผีอมตะออกมาได้มากมาย ยิ่งไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถจัดการได้ เอาล่ะเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ว่าก่อนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะลืมมันซะ”

“ข้าบอกท่านแล้ว ที่เผลอจับอกท่านมันเป็นปฏิกิริยาของลูกผู้ชาย ข้าไม่ได้ตั้งใจเลย..” เย่ว์หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ดูเหมือนนางจะไม่ขุ่นแค้นอีกต่อไป

“ว่าไงนะ? ข้าแค่ยกโทษให้เจ้าที่จู่ๆ ก็มาจับมือถือแขนข้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีก.. เรื่องจับหน้าอกข้า ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ยกโทษให้เจ้า เจ้าเจตนาทำแน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงหรือเฉไฉเป็นอย่างอื่น ข้าจะไม่เลิกโกรธและจะไม่ยอมระงับความคิดที่จะตัดหัวเจ้าด้วย” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอารมณ์เสียจนอยากจะทุบตีเย่ว์หยางทุกครั้งเมื่อนึกถึงเจ้าคนมือสกปรกและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเจ้าเด็กแสบผู้นี้

“ถ้าเจ้าเกลียดข้าจริงๆ เจ้าจะผลักข้าลงนอนก็ได้นะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ต่อต้านขัดขืนเลย…” เย่ว์หยางพูดเสียงนุ่ม

“เจ้าว่ากระไรนะ?” โสตขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอ่อนไหวพอที่จะจับคำพูดที่เย่ว์หยางบ่นได้ชัดเจน แต่นางทำเป็นเหมือนว่าได้ยินไม่ชัด

“ข้าบอกว่าท่านยิ่งดูก็ยิ่งงามน่ารักกว่าบุปผา ทั้งท่านก็ยังฉลาดพอๆ กับควมงาม รูปร่างก็ยิ่งสุดยอด สูงโปร่ง กำลังดี ไม่อ้วนไม่ผอมไป และท่านยังงามเหมือนกับพลอยม่วง และมีนิสัยอ่อนหวานและนำรอยยิ้มมาให้ทุกคนที่ท่านสนทนาด้วย” ความสามารถของเย่ว์หยางอีกอย่างก็คือสามารถพูดได้ต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักจนใครก็ตามที่ยินได้แต่กรอกลูกตาอย่างเดียว

“มันยากจะจินตนาการได้จริงๆ นะ ข้าได้ฟังมาจากเย่ว์ปิงว่า เจ้าเป็นคนเก็บตัวมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวก็น้อยและทำตัวเหมือนเป็นคนใบ้มาเป็นเวลานานสิบกว่าปี เจ้าเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นได้อย่างไร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการจะตำหนิเขาแรงๆ แต่ขณะที่นางนึกขึ้นได้ว่า เจ้าเด็กนี่สนุกกับการพูดและชอบยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ ราวกับว่าเขาไม่สามารถเก็บรอยยิ้มตนเองได้ “เจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป? จะไปฝึกฝีมือที่หอทงเทียนหรือ? ทำไมเราไม่ร่วมทีมกันแล้วไปพิชิตภารกิจโลกพฤกษากันล่ะ?”

“อภัยให้ข้าเถิด องค์หญิงผู้น่ารัก, ข้ายังไม่รู้หนังสือและยังไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน ข้าอยากจะศึกษาในโรงเรียนสัก 2 ปี ถ้าไม่อย่างนั้น แม้ข้าอยากจะเขียนจดหมายสารภาพรักถึงท่าน ข้าก็ไม่สามารถทำได้ ก็ยังยังจับปากกาไม่เป็นเลยนี่” เย่ว์หยางตั้งใจจะเข้าโรงเรียนจริงจังเพื่อปรับปรุงความรู้พื้นฐานของเขา

ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีความแข็งแกร่งอะไร แต่เขาขาดพื้นฐานที่เหมาะสมมากกว่า

เย่ว์หยางสามารถฆ่าพ่อมดปีศาจได้ในตอนนี้ แต่สมุนไพรตามข้างทางแม้กระทั่งอสูรที่อยู่รอบๆ เขาก็ไม่รู้จักพวกมัน

การอ่อนเรื่องความรู้พื้นฐานจะขัดขวางความก้าวหน้าของเขา ตัวอย่างเช่น ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ว่าอสูรน้ำแข็งสามารถผสานร่างกับมังกรอสุภและวิวัฒนาการเป็นมังกรเยือกแข็งยักษ์ อย่างนั้นเขาอาจตัดสินใจฆ่ามังกรอสุภกับตั๊กแตนมรณะเร็วขึ้นด้วยพลังของเขาทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องตัดคือของมัน วิธีนี้แม้ว่ามันจะวิวัฒนาการมาจากมังกรอสุภ มันก็เป็นได้เพียงมังกรเยือกแข็งไร้หัว

ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์หยางยังมีความคิดอยู่ในหัวเขา แต่เนื่องจากความรู้พื้นฐานน้อย เขาจึงไม่สามารถก้าวหน้าเพื่อการวิจัยค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเองได้

ยกตัวอย่างเช่น เขารู้ว่ามียาที่มีประสิทธิภาพมากกว่ายาปลุกพลังสัตว์อสูร แต่กับชื่อสมุนไพร ส่วนผสมและใบสั่งยาทั้งหมด เย่ว์หยางจับเค้าเงื่อนไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะรู้ แต่ว่าเขาไม่มีทางปรุงมันได้

ใช้เวลาไม่กี่เดือนในโรงเรียนเพื่อหาความรู้พื้นฐานใส่หัวเขา เย่ว์หยางเชื่อว่าเรื่องนี้จะช่วยให้มีความก้าวหน้าอย่างมาก

สำหรับโรงเรียน เขาไม่ได้สนใจสาวสวยที่นั่นเลยจริงๆ

ถ้าโรงเรียนมีดาราคนงามประจำโรงเรียน อย่างนั้นในเบื้องต้นสันนิษฐานว่านางเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ถ้านางมีอะไรๆ กับชายอื่น อย่างนั้นเย่ว์หยางก็จะไม่สนใจ แม้ว่าจะไม่มีนักเรียนสวยๆ ก็ยังไม่เป็นไรเหมือนกัน เขาสามารถควงสาวสวยได้ ยกตัวอย่างเช่น เขาสามารถชวนแม่นางอี้หนาน พานางมาเล่าเรียนด้วยกันก็ได้ สองเรานั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ขณะที่เขานอนหนุนตักนางสอนความรู้พื้นฐานไปพร้อมกัน และในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถเอื้อมมือไป “สัมผัส….สัมผัส”

*******************************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด