ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 229 อสุรกายจำแลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 231 วางยาเธอซะ

MDB ตอนที่ 230 เหอฉิงมาเยี่ยม


หลังจากนั้น ตันซุนก็กลายเป็นผู้ประเมินอย่างเป็นทางการ ทำให้เขาได้รับความรู้มากขึ้น ไม่นานก่อนที่เขาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความจริงที่ว่าอสุรกายสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของพวกมันได้ ในช่วงที่ทำงานในฐานะผู้ประเมิน เขาได้พบกับอสุรกายหลายตัว แต่ไม่มีใครสามารถไปถึงขั้นแปลงร่างได้

เป็นเพราะประสบการณ์ในอดีตของเขาในป่าลึก ทำให้ตันซุนเชื่อในคำพูดของหลินจิน

“เราจำเป็นต้องตรวจสอบสิ่งนี้ หากมีอสุรกายที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้จริง ๆ เราต้องตามหามันให้เจอ!” ตันซุนกล่าว

หลินจินตระหนักถึงสถานะของตันซุนในเมืองหลวง เขาควรจะคุ้นเคยกับข้าราชการระดับสูงหลายคนเป็นอย่างดี เนื่องจากเขาได้แสดงความสนใจในเรื่องนี้ มันคงจะได้รับการประสานงานอย่างรวดเร็ว แล้วสิ่งต่างก็จะไม่ใช่ภาระของหลินจินอีกต่อไป

ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจก็คือการเผชิญหน้ากับอสุรกายตนนั้น ถ้าตันซุนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝาย ปีศาจวานรนั่นอาจจะแค่เดินผ่านแล้วออกจากเมืองได้อย่างง่ายดาย

หลังจากนั้น หลินจินและตันซุนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันหลังจากมื้อนี้ ชายชราถามหลินจินว่าทำไมเขาถึงมาที่เมืองหลวง คนหลังตอบโดยบอกว่าเขามาที่นี่เพราะมีคนขอให้รักษาคนไข้

ตันซุนไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม หลังจากรู้ว่าโรงแรมที่หลินจินพักอยู่ที่ใด พวกเขาแยกทางกัน คนหนึ่งมุ่งหน้ากลับไปที่สำนักงานใหญ่ อีกคนเดินต่อรอบเมือง

หลินจินเดินอย่างไร้จุดหมายและเลือกเส้นทางตามอารมณ์ ราว ๆ 30 นาทีต่อมา เขาตระหนักว่าฝูงชนเริ่มเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัดและดูเหมือนว่าจะมีวัดอยู่ที่ปลายถนนสายนี้

นี่เป็นครั้งแรกของหลินจินที่ได้เห็นวัดในเมืองมังกรหยก เนื่องจากอาคารดูใหญ่โตแม้ในระยะไกล หลินจินวางแผนที่จะเข้าไปข้างใน ทันใดนั้น เมื่อเขาเดินไปถึงประตู เขาก็ถูกทหารยามและสัตว์วิเศษของพวกเขาหยุดไว้

ทหารยามกล่าวว่านี่เป็นเขตหวงห้ามของเมืองหลวงและไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป ดังนั้นพวกเขาจึงไล่หลินจินออกไป

เนื่องจากมันเป้นเขตหวงห้าม หลินจินจึงตัดสินใจหันหลังกลับและจากไป

เมื่อเขาหันกลับมา เขาสังเกตเห็นว่ามีแผงขายชาอยู่ใกล้ ๆ และเนื่องจากเขาเดินเท้ามาไกล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจนั่งและสั่งหม้อชาให้ตัวเอง

เสี่ยวฮั่วและวานรยักษ์ขาวนอนอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างเชื่อฟัง ดวงตาของเสี่ยวฮั่วเหลือบไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังในขณะที่เจ้าลิงขาวดูผ่อนคลายมากขึ้น บางครั้งมันจะเกาตัวเองก่อนที่จะค้นหาเห็บที่ซ่อนอยู่ในขนของเสี่ยวฮั่วต่อไป แต่ก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากมันไม่พบสิ่งใดเลย

หลินจินไม่ได้สนใจพวกมัน หลังจากจิบชาแล้ว เขาถามเจ้าของแผงลอยเกี่ยวกับวัด

เจ้าของร้านชาหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “คุณชาย ข้าขอเดาว่าคุณชายคงเดินทางมาจากเมืองอื่น”

หลินจินพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ ข้าจึงตั้งใจจะเดินไปรอบ ๆ เมือง เพราะทุกอย่างที่นี่ใหม่สำหรับข้ามาก เมื่อข้าเดินมาเจอวัด ข้าตั้งใจจะเข้าไปดูแต่พวกเขาไม่ยอมให้ข้าเข้าไป”

“แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้คุณชายทำเช่นนั้น วัดนั้นไม่ธรรมดา มันเป็นวัดสำหรับมังกรหยก ว่ากันว่าสัตว์ผู้พิทักษ์อาณาจักรมังกรหยกของเรามาจากวัดมังกรหยกนี้” เจ้าของร้านกระซิบ

หลินจินรู้สึกประหลาดใจ

แต่เขาไม่แปลกใจที่พวกเขาห้ามคนธรรมดาเข้ามาในสถานที่แห่งนั้น

แน่นอนว่าหลินจินทราบถึงประวัติศาสตร์ของอาณาจักรมังกรหยก เมื่อประเทศก่อตั้งขึ้นครั้งแรก การพัฒนาของประเทศต้องขอบคุณมังกรหยกที่ทำให้สถานะของประเทศเหนือกว่าบริเวณโดยรอบ

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่จุดสูงสุด แต่ความรุ่งโรจน์นั้นอยู่ได้ไม่นาน ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบแน่ชัด ประเทศเริ่มถดถอย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้วและไม่มีการบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ สามารถรับรู้ได้ผ่านคำบอกเล่าของผู้คนในสมัยนั้นเท่านั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือสัตว์วิเศษของอาณาจักรมังกรหยกในสมัยนั้นคือมังกรหยก

หลินจินอยากรู้มากว่ามังกรหยกพันธุ์อะไร แน่นอนว่ามันต้องเป็นของสายพันธุ์หายาก เขาจึงสนใจที่จะอยากรู้ว่ามันมีลักษณะอย่างไร

ข้าง ๆ แผงขายชามีสุนัขที่เจ้าของร้านเลี้ยงไว้

ชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถซื้อสัตว์หายากได้ ดังนั้นการเลือกสัตว์เลี้ยงของพวกเขาจึงจำกัดอยู่แค่สัตว์ทั่วไป และสุนัขก็เป็นตัวเลือกยอดนิยม

พวกมันไม่เพียงแต่ปกป้องบ้านได้เก่งเท่านั้น แต่พวกมันยังสามารถบรรเทาความเหงาได้อีกด้วย แถมพวกมันก็ไม่ต้องการอาหารที่เฉพาะเจาะจงมากนัก

เจ้าสุนัขของเจ้าของกำลังจ้องมองที่เสี่ยวฮั่วและเจ้าลิงขาวด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก

“อาเป๋า กลับมา อย่าไปรบกวนลูกค้า” เจ้าของร้านเรียกและเจ้าหมาน้อย จากนั้นมันก็กลับมาไปข้างเจ้าของร้านทันที แล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟัง

เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านเป็นชายที่อยู่อย่างไม่ฟุ้งเฟ้อ ชีวิตของเขาดูเหมือนจะปราศจากภาระทั้งหมด

หลังจากจ่ายค่าน้ำชาแล้ว หลินจินก็เดินทางกลับ เมื่อถึงจุดนี้ เขาได้สำรวจเมืองเกือบทั้งหมดแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว

ถนนในเมืองหลวงค่อนข้างซับซ้อน หลินจินต้องเลี้ยวสองสามครั้งก่อนที่จะพบถนนที่เขาคุ้นเคย หลังจากเดินไปได้ไม่นาน เขาก็เห็นโรงแรมจองไว้ตรงเบื้องหน้า

เมื่อไปถึงชั้นสอง เสี่ยวฮั่วก็ส่งเสียงคำรามต่ำ ทำให้หลินจินรู้ว่ามีคนอยู่ในห้องของเขา

เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และรับรู้ถึงกลิ่นอายของดอกไม้ซึ่งบอกเขาได้ในทันทีว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญเป็นใคร

“กระหม่อมต้องขอกราบประทานอภัยองค์หญิงเจ็ดด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องทำให้พระองค์เป็นฝ่ายรอ กระหม่อมขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หลินจินกล่าวขณะผลักประตูเปิด

แน่นอนว่าเหอฉิงนั่งอยู่ข้างในพร้อมกับมังกรผีเสื้อปีกเหลี่ยมของเธอ

เหอฉิงตกใจเมื่อเห็นหลินจิน ด้วยความที่เธอเป็นสาวขี้เล่นและร่าเริง มันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจที่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่เธอต้องการ เธอซ่อนตัวอยู่ในห้องและปกปิดออร่าของเธอโดยหวังว่าจะทำให้หลินจินตกใจเมื่อเขากลับมา ใครจะรู้ว่าเขาจะรู้ถึงตันตนของเธอ ก่อนจะเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?” เหอฉิงรู้สึกสับสน

หลินจินไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเธอ เขาคงพูดไม่ได้ว่าเขาจำกลิ่นของเธอได้ใช่ไหม?

“องค์หญิงเจ็ด พระองค์ทรงมาเยี่ยมกระหม่อมโดยไม่บอกล่วงหน้า พระองค์ทรงประสงค์สิ่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หลินจินถามโดยเปิดประตูทิ้งไว้

เหอฉิงเป็นคนหัวอ่อนซึ่งทำให้เธอถูกดึงความสนใจไปเรื่องอื่นได้ เมื่อได้ยินคำถามของหลินจิน เธอลืมเกี่ยวกับแผนการร้ายของเธอในการทำให้เขากลัวและเธอก็ลุกขึ้นยืนโค้งทักทายเขา

“ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ผู้ประเมินหลินจะเป็นศิษย์ของภัณฑารักษ์ ข้าจึงตัดสินใจมาเยี่ยมท่าน อืม... เขาอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”

ขณะที่เธอพูด ดวงตาของเหอฉิงก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง

ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยคาดหวัง ราวกับว่าเธอเป็นแฟนเกิร์ลตัวน้อยที่รอพบกับไอดอลของเธอ

หลินจินรู้ว่าหลู่ปิ่นต้องบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้วางแผนที่จะปิดบัง ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและพูดว่า “กระหม่อมมาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”

เหอฉิงดูผิดหวัง

เธอนั่งลงและจ้องไปที่หลินจิน

“ผู้ประเมินหลิน ก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของภัณฑารักษ์ ข้าจึงแสดงความไม่พอใจในตัวท่าน แถมยังกล่าววาจาไม่น่าฟัง ข้า หวังว่าท่านจะสามารถยกโทษให้ข้าและลืมความผิดพลาดที่ข้าก่อไว้”

หลินจินพยักหน้าเบา ๆ

“การที่ข้าแอบออกจากวังเนื่องจากมีเหตุผลสองประการ หนึ่ง ข้าอยากจะมาขอโทษท่าน และสอง ข้าต้องการพูดคุยเกี่ยวกับอาการของพี่สาวของข้า” เหอฉิงกล่าวอย่างเงียบ ๆ

หลินจินเคยได้ยินว่าพระราชวังมังกรหยกเป็นสถานที่ที่เข้มงวดมาก ก่อนหน้านี้ ในห้องโถงเยี่ยมชม เขาจำได้ว่าเหอฉิงบ่นว่าไม่สามารถออกไปนอกกำแพงวังได้ การที่เธอสามารถเดินทางจากวังได้ไกลขนาดนี้ เธอต้องแหกกฎสองสามข้อของพระราชวัง

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะปล่อยให้เธอทำตามที่เธอพอใจ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงของเธออยู่ในระดับสี่

พระราชวังอาจทำราวกับว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังออกไปข้างนอก แต่มีแนวโน้มสูงว่ามีผู้ส่งสารของราชวงศ์บนดาดฟ้าใกล้เคียง พยายามแอบฟังการสนทนาของพวกเขา

หลินจินเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ตรงหลังคาที่อยู่ใกล้ ๆ เงาของมนุษย์สั่นไหวและหลบซ่อนจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายตัวสั่นด้วยความตกใจราวกับว่าเขาถูกค้นพบเมื่อสักครู่นี้

“ข้าเป็นถึงองค์รักษ์ระดับสูงในวัง และในทางเทคนิคแล้ว ข้าควรจะพรางตัวโดยสัตว์วิเศษของข้า ไม่น่าจะมีใครสามารถสังเกตเห็นข้าได้ ดูเหมือว่าข้าคงจะคิดมากเกินไป” องค์รักษ์พึมพำกับตัวเอง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด