ตอนที่แล้วตอนที่  5-6  ยื่นเรื่องขอจบการศึกษา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5-8 เหล่าผู้มีอำนาจของทวีปยูลาน

ตอนที่ 5-7 คนที่สองในประวัติศาสตร์


จอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 นั้นหาได้ไม่ยากนักบนทวีปยูลาน

วิหารเจิดจรัสจึงไม่ได้ให้ความสนใจจอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 มากนัก เพราะจอมเวทสองธาตุระดับ7 มีอยู่มากมายทั่วทวีปยูลาน แต่ถ้าหากเพิ่ม 'อายุ 17 ปี' ต่อข้างหลัง 'จอมเวทสองธาตุระดับ 7' ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม....

จอมเวทสองธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปีนั้น ต่อให้วิหารเจิดจรัสไม่สนใจแต่ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่บนทวีปยูลานย่อมอิจฉาผู้ที่มีจอมเวทอายุ 17 ปีไว้รับใช้หรืออยู่ในตระกูล

"อัจฉริยะ อัจฉริยะ!" รองอธิการบดีดีแลนด์ซึ่งเป็นถึงจอมเวทระดับ 8กล่าวอย่างตื่นเต้นเหลือล้น

อาจารย์ทุกคนที่มองอยู่ต่างอยู่ในอาการตกตะลึงทุกคนต่างเข้าใจดีว่าพวกตนกำลังเป็นพยานในเหตุการณ์จบการศึกษาของจอมเวทสองธาตุระดับ7 ที่มีอายุเพียง 17 ปี นี่คือเรื่องมหัศจรรย์! เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างน้อยที่สุดก็ในสถาบันเอินส์!

"หึ หึ" เยล, จอร์จ และ เรย์โนลด์ หัวเราะในใจ

พวกเขาคาดการณ์ใบหน้าของจอมเวทเหล่านี้หากได้เห็นลินลี่ย์แสดงพลังเอาไว้แล้วและมันก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้

แม้ด้านพลังแล้วรองอธิการบดีดีแลนด์ไม่อยู่ในสามอันดับแรก แต่ที่สถาบันเอินส์ตัวเขาเองถือได้ว่ามีประสบการณ์สูงเขาสามารถเก็บอาการตื่นเต้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นคนแรกที่เดินไปหาลินลี่ย์"ลินลี่ย์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 ด้วยวัยเพียง 17ปีนั้น หมายถึงอะไร?"

"หึ เขาถามเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน?" ทันใดนั้น เดลิน โคเวิร์ทลอยออกมาจากแหวนลูบเครายาวสีขาวของเขาอย่างยินดียิ่ง"เป็นลูกศิษย์ของเดลิน โคเวิร์ท จะไม่โดดเด่นกว่าผู้อื่นได้อย่างไรกัน?"

เหล่าอาจารย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่มีใครที่มีพลังใกล้เคียงกับระดับเซียนเลยแม้แต่คนเดียวดังนั้นไม่มีใครสักคนเลยที่สามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณของเดลิน โคเวิร์ท

"อายุเพียง 17 ปี ... "ดีแลนด์ถอนหายใจด้วยความชื่นชม "ในประวัติศาสตร์ของสถาบันเอินส์นักเรียนที่จบการศึกษาด้วยการเป็นจอมเวทระดับ 7 ลินลี่ย์ เจ้านั้นเป็นจอมเวทที่มีอายุน้อยที่สุดก่อนหน้านี้จอมเวทอัจฉริยะที่ได้รับการบันทึกไว้ว่าจบการศึกษาด้วยการเป็นจอมเวทระดับ7 นั้นมีอายุ 19 ปี และเขาได้กลายมาเป็นปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนในเวลาต่อมา"

ผู้เฒ่าผมเงินที่ยืนถัดจากเขาพูดต่อว่า "ไม่เพียงแค่ในสถาบันเอินส์หรอกต่อเราค้นบันทึกทั้งหมดทั่วทั้งทวีปยูลานแล้วละก็ เจ้านับเป็นจอมเวทอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดที่บรรลุถึงระดับ7 เป็นอันดับที่ 2 ที่จะถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ทั้งหมด"

ทวีปยูลานนั้นผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจนไม่อาจนับจำนวนปีได้และยังมีพื้นที่ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่มากไม่มีทางเลยที่จะมีเพียงสถาบันเอินส์ที่เก็บบันทึกประวัติศาสตร์อันเที่ยงตรงเอาไว้

"จอมเวทอัจฉริยะอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์?"

ลินลี่ย์เองก็ประหลาดใจไม่น้อย ทวีปยูลานได้สรรสร้างจอมเวทอัจฉริยะออกมามากมายนับไม่ถ้วนตลอดหลายปีที่ผ่านมาสำหรับตัวเขาเองที่กำลังจะได้รับการบันทึกเป็นจอมเวทอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดอันดับ2 ในประวัติศาสตร์นับเป็นความสำเร็จอันน่าตกตะลึงยิ่งนัก

"จอมเวทอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลานที่บรรลุเป็นจอมเวทระดับ7 ได้กลายมาเป็นปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนในเวลาต่อมา เขามีชีวิตอยู่เมื่อ 8,000 กว่าปีก่อน เขาได้บรรลุเป็นจอมเวทระดับ 7เมื่อเขามีอายุเพียง 16 ปี จอมเวทอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 คนก่อนผู้ซึ่งกลายมาเป็นอันดับ 3 ในตอนนี้ ได้บรรลุเป็นจอมเวทระดับ 7 เมื่อเขาอายุได้ 18ปี แต่สุดท้ายเขากลับไม่อาจทะลวงผ่านจุดสูงสุดของระดับ 9 ไปได้เขาประสบความล้มเหลวอย่างหนัก และด้วยเหตุนี้เองทำให้บุคคลิกของเขาเปลี่ยนไปเราสามารถบอกได้อย่างนี้ว่า ... นอกจากเจ้าแล้ว จอมเวทอัจฉริยะที่บรรลุถึงระดับ 7ในวัยเยาว์ทั้ง 10 เหล่านั้น พวกเขา 6 คนได้กลายมาเป็นปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนอีก 4 คนที่เหลือ กลายมาเป็นจอมเวทชั้นแนวหน้าระดับ 9"

โดยทั่วไปแล้วจอมเวทระดับ 7 จะได้รับฉายาว่า 'จอมเวทอาวุโส'

จอมเวทระดับ 8 จะได้รับฉายาด้วยความเคารพว่า 'อาจารย์จอมเวท'

จอมเวทระดับ 9 ได้รับฉายาอันทรงเกียรติว่า 'หัวหน้าจอมเวท'

และจอมเวทระดับเซียนจะได้รับการบูชาเป็น 'ปรมาจารย์จอมเวท'

"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ... ด้วยพรสวรรค์พื้นฐานของเจ้าการจะก้าวไปเป็นจอมเวทระดับ9 นั้นย่อมเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว อยู่ที่เวลาเท่านั้นแต่หากเจ้าต้องการก้าวข้ามไปอีกขั้น เจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเจ้ามีศักยภาพยอดเยี่ยมมากพอที่จะเป็นจอมเวทระดับเซียน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นจอมเวทอัจฉริยะระดับ7 ที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์" ผู้เฒ่าผมเงินจ้องมองลินลี่ย์อย่างจริงจัง

ลินลี่ย์นั้นมีความต้องการที่จะเป็นจอมเวทระดับเซียนเป็นอย่างยิ่งแต่ความต้องการนั้นไม่ได้มากเกินจนเกินตัว

นี่เพราะลินลี่ย์รู้ดีว่าการเพิ่มระดับพลังของจอมเวทนั้นยากกว่านักรบมากมายนัก

นักรบและจอมเวทต่างก็ขาดพลังจิตไม่ได้ทั้งคู่ก็จริงแต่ระดับความต้องการพลังจิตของพวกเขานั้นก็แตกต่างกันเช่นกัน

นักเวทจะไม่ฝึกฝนร่างกาย พวกเขามุ่งเน้นฝึกเฉพาะพลังจิตเท่านั้นพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสะสมพลังจิตเพราะระดับพลังจิตส่งผลโดยตรงต่อการรวมพลังเวทและยังใช้ในการเชื่อมต่อและควบคุมพลังธาตุ แม้แต่จอมเวทที่ทรงพลังยังจำเป็นต้องใช้พลังจิตจำนวนมหาศาล

แต่นักรบนั้นแตกต่าง

สำหรับนักรบร่างกายยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดพลังจิตและพลังลมปราณสำคัญรองลงมา เมื่อพวกเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งนั่นย่อมหมายถึงพวกเขามีพลังลมปราณจำนวนมากด้วยพลังจิตมีไว้เพื่อให้สามารถควมคุมพลังลมปราณได้ดีขึ้นเท่านั้น

หากให้เปรียบเทียบความแตกต่างของระดับพลังจิตระหว่างจอมเวทระดับ 7และนักรบระดับ 7 นั้นจอมเวทจะมีพลังจิตมากกว่านักรบถึง 10 เท่า

"แม้ว่าตัวข้าในอนาคตจะสามารถก้าวไปถึงปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนได้สำเร็จข้ามั่นใจว่าต้องใช้เวลานานมากเทียบกันแล้วพรสวรรค์พื้นฐานของข้าคือนักรบเลือดมังกรข้าสามารถที่จะบรรลุถึงระดับเซียนได้เร็วกว่ามาก"ลินลี่ย์รู้ประวัติตระกูลของเขาดีนักรบเลือดมังกรส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบปีเพื่อบรรลุถึงพลังระดับเซียน

ยิ่งกว่านั้น…

นักรบเลือดมังกรที่บรรลุถึงระดับเซียนนั้นมีพลังมากจนน่ากลัวแม้แต่ในหมู่นักรบระดับเซียนด้วยกันนักรบเลือดมังกรยังได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้ระดับสูงสุด

"ลินลี่ย์เจ้าเป็นนักเรียนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสถาบันเราเราขอให้เจ้าอยู่ที่สถาบันนี่อีกซัก 2-3 วันเราจะเชิญจิตรกรและนักแกะสลักที่ดีที่สุดมาวาดรูปเหมือนและแกะสลักรูปเหมือนของเจ้าเอาไว้เราต้องการจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกในสถาบันของเรา" รองอธิการบดีดีแลนด์กล่าวทันที

ด้วยฐานะของจอมเวทอัจฉริยะระดับ 7 ที่มีอายุน้อยที่สุดอันดับ 2ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลาน เป็นธรรมดาว่าลินลี่ย์ย่อมเป็นความภาคภูมิใจของทั้งสถาบันเอินส์

"วาดภาพเหมือน?" ลินลี่ย์ตะลึงงัน

เขาตระหนักได้ทันทีว่าต้องยืนอยู่ต่อหน้าจิตรกรและนักแกะสลักเป็นระยะเวลานานมากทันทีที่เขาตระหนักได้ ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะคิดถึงตัวเขาเอง บางทีการที่เขาเป็นจอมเวทอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดผู้บรรลุระดับ 7 อันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลานอาจไม่ใช่เรื่องราวอันแสนวิเศษอย่างที่คิด

…….

จอมเวทอัจฉริยะอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์ของสถาบันเอินส์ และจอมเวทอัจฉริยะอันดับ2 ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลาน จอมเวทสองสายธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปี ข่าวความอัศจรรย์นี้แพร่ไปทั่วสถาบันเอินส์อย่างรวดเร็ว

"จอมเวทสองธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปี? เป็นไปได้อย่างไร?"

"ข่าวนี้ไม่มีทาง  เป็นเรื่องโกหกแน่ๆอาจารย์ของสถาบันหลายคนรวมทั้งรองอธิการบดีดีแลนด์เป็นพยานในตอนนั้นด้วยพวกเขาได้เชิญจิตรกรเพื่อมาวาดภาพเหมือนของลินลี่ย์ด้วยความตั้งใจที่จะเก็บภาพของเขาเอาไว้ที่สถาบันของเราตลอดกาล"

"โอ้สวรรค์ จอมเวทสองธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปี ด้วยความเร็วระดับนี้เขาควรจะเลื่อนขึ้นไปสู่ระดับ8 ใน 10 ปี และเลื่อนไปสู่ระดับ 9 ภายใน 20 ปี เขาจะขึ้นไปยังจุดสูงสุดของระดับ 9มหาจอมเวท เมื่ออายุ 40 ปี เป็นไปได้มากว่าด้วยเวลาเพียง 100 ปี เขาจะกลายเป็นจอมเวทระดับเซียน"

"ข้าลองไปเปิดหนังสือในห้องสมุดบางเล่ม นอกเหนือจากลินลี่ย์แล้ว สุดยอดอัจฉริยะทั้งสิบคนในประวัติศาสตร์6 คนได้เป็น ปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียน อีก 4 คนที่เหลือได้เป็น มหาจอมเวทระดับ 9ชะตาชีวิตของลินลี่ย์ช่างน่าทึ่งนัก"

…..

ข่าวนี้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสถาบันเอินส์หากนักเรียนคนหนึ่งเพียงเหนือกว่าเพื่อนของเขาเล็กน้อยบางทีเขาอาจถูกมองด้วยความริษยาแต่เมื่อความสำเร็จของนักเรียนคนหนึ่งบรรลุถึงระดับสูงเช่นนี้ อย่างการกลายเป็นจอมเวทอัจฉริยะระดับ7 อันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลาน พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและเลื่อมใส

ในสายตาของพวกเขา อนาคตของลินลี่ย์นั้นไร้ขีดจำกัด ไม่มีทางที่พวกเขาจะเทียบกับลินลี่ย์ได้

ก่อนหน้านี้ พวกเขาบางคนที่ยังยืนยันว่าดิ๊กซี่เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในสถาบันแต่ตอนนี้ไม่มีใครพูดเรื่องนั้นอีกแล้ว

ไม่ต้องถามอีกแล้วว่าใครคืออัจฉริยะอันดับ 1 ของสถาบันเอินส์ เขาก็คือลินลี่ย์และไม่ใช่เพียงแค่ตอนนี้เท่านั้น ลินลี่ย์เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ตลอด 5,000 ปีในประวัติศาสตร์อันยาวนานของสถาบันเอินส์ดิ๊กซี่ที่ตอนนี้ยังเป็นจอมเวทระดับ 6ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่เพื่อเลื่อนชั้นไประดับ 7?

"ลินลี่ย์ ได้เลื่อนเป็นจอมเวทระดับ 7?" หลังออกจากการเก็บตัวฝึกสมาธิดิ๊กซี่ตกอยู่ในอาการเงียบงันหลังได้ทราบข่าวนี้จากดีเลียน้องสาวของเขา

หลังจาก 'แซง' ลินลี่ย์ได้เมื่อเขาได้เลื่อนเป็นจอมเวทระดับ 6ดิ๊กซี่มีความรู้สึกพอใจอยู่บ้างแต่ข่าวนี้กลับทำให้เขาเหมือนถูกผลักลงสู่หุบเหวลึกความเร็วของการก้าวหน้าของลินลี่ย์น่าตกใจมากแม้แต่ตอนที่เขาไล่ตามลินลี่ย์อย่างเต็มกำลัง มันดูราวกับว่าเขาถูกลินลี่ย์ทิ้งห่างไว้ข้างหลังและห่างออกไปทุกที

"พี่ใหญ่" ดีเลียพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเธอกังวลเล็กน้อยเรื่องพี่ใหญ่ของเธอ

ดีเลียรู้ดีว่านับตั้งแต่เขายังเป็นเด็กพี่ใหญ่ของเธอเป็นคนที่มีความทรนงเป็นอย่างยิ่งเขาเป็นคนที่เย็นชากับคนอื่นๆเป็นอย่างยิ่ง และยังเข้มงวดกับตัวเองมากพี่ใหญ่ของเธอไม่เคยก้มหัวให้กับผู้ใด แต่นับตั้งแต่ลินลี่ย์ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาจากระดับ4 ไปยังระดับ 5 พี่ใหญ่ของเธอรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคาม

พี่ใหญ่ของเธอฝึกฝนอย่างหนัก และในปีก่อนเขาก็สามารถข้ามไปยังจุดเริ่มต้นของระดับ6 ได้อย่างยากเย็น

แต่ลินลี่ย์กลับ...

"ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดี" ดิ๊กซี่ส่ายหน้าช้าๆ "ดีเลียข้าเองก็รู้สึกว่าไม่มีเหตุอันใดต้องรั้งอยู่ที่สถาบันอีกแล้วข้ายังวางแผนจะยื่นคำร้องขอจบการศึกษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ข้าจะเดินทางกลับไปที่จักรวรรดิและกลับเข้าสู่ตระกูล"

ดีเลียตกใจเมื่อได้ยิน

……..

ตึกส่วนตัวภายในโรงแรมฮัวเดลี่ ตึกนี้มีสี่ห้องนอนและสองห้องนั่งเล่น มีขนาดค่อนข้างใหญ่ขณะนี้ลินลี่ย์และพี่น้องทั้งสามของเขาพักอยู่ที่นี่

นับตั้งแต่ที่ข่าว ลินลี่ย์ได้กลายเป็นจอมเวทระดับ 7 ได้แพร่กระจายออกไปหอพัก1987 ไม่มีวันที่สงบสุขอีกเลยแม้แต่วันเดียว มีผู้คนมากมายมาแสดงความนับถือลินลี่ย์เขาจึงถูกบังคับให้ต้องหนีมาหลบอยู่ที่โรงแรมฮัวเดลี่ ด้วยการที่มีหอการค้าดอว์สันหนุนหลังและความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจทำให้มีน้อยคนนักที่กล้าจะบุกเข้ามาที่นี่

"น้องสาม เวลาที่เจ้าอยู่นิ่งๆ เจ้านั้นดูเหมือนไร้ตัวตนแต่สุดท้ายเมื่อเจ้าลงมือทำอะไรสักอย่างละก็สวรรค์เจ้าช่างเป็นตัวดึงดูดความวุ่นวายจริงๆ!" เยลถอนหายใจ

ลินลี่ย์หัวเราะหึๆ

อันที่จริงแล้วนี่เป็นการตัดสินใจหลังจากที่เขาได้ปรึกษาอย่างจริงจังกับเดลินโคเวิร์ทแล้ว อย่างไรก็ตามตระกูลบาลุคยังคงอ่อนแอหากพวกเขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตระกูลอย่างรวดเร็วแล้ววิธีที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้ข่าวเรื่องที่ตระกูลบาลุคของพวกเขานั้นได้มีจอมเวทระดับ7 อันทรงพลังเกิดขึ้นในตระกูล

จอมเวทสองธาตุระดับ 7 อายุ 17 ปี!นี่ย่อมเป็นสาเหตุให้องค์กรต่างๆในทวีปส่งคนมาเชิญเขาเพื่อเข้าร่วมกับองค์กรเหล่านั้นเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะพยายามเสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุดรวมทั้งสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย

และด้วยเหตุนี้อนาคตของลินลี่ย์ย่อมมีแต่ดีขึ้นและดีขึ้น

"น้องสาม ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมกับเจ้า หอการค้าดอว์สันหนึ่งในสามสหพันธ์การค้าใหญ่ในทวีปยูลานเป็นของตระกูลข้าเจ้าสนใจจะมาเข้าร่วมหอการค้าดอว์สันหรือไม่?" เยลมองลินลี่ย์อย่างจริงใจ เยลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลินลี่ย์จะเข้ามาเป็นสมาชิกของหอการค้าดอว์สัน

จอมเวทอัจฉริยะอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลาน หากได้จอมเวทอัจฉริยะเช่นนี้เข้าร่วมหอการค้าดอว์สันไม่ต้องสงสัยเลยว่าฐานะในอนาคตของเขานั้นต้องสูงส่งยิ่งแน่นอนว่าด้วยฐานะของเยลในตระกูลเองก็จะได้รับประโยชน์มหาศาลจากเรื่องนี้ด้วย

"หอการค้าดอว์สัน?!" เรย์โนลด์ตะโกนออกมาอย่างตกใจ "ว้าวพี่ใหญ่เยลข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านเป็นคนของตระกูลดอว์สันแต่มีตระกูลมากมายที่ใช้ชื่อ 'ดอว์สัน' แต่ตระกูลดอว์สันของท่านใช่ตระกูลดอว์สันที่หนุนหลังหอการค้าดอว์สันหรือไม่? หอการค้าดอว์สัน! สุดยอด ท่านร่ำรวยยิ่ง!"

จอร์จมองไปที่เยลด้วย

"พี่ใหญ่เยลนี่..." ลินลี่ย์อ้ำอึ้ง

"อย่าห่วง อย่างแรกเจ้าเป็นน้องข้าและที่สำคัญกว่านั้นข้าไม่คิดจะบังคับเจ้า" เยลหัวเราะ"ข้าไม่สามารถรับประกันอะไรได้มากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าสามารถรับประกันได้ถ้าเจ้าตัดสินใจเข้าร่วมหอการค้าดอว์สันแล้วละก็ เรื่องเงินจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเราสามารถจัดหาให้เจ้าร้อยล้านเหรียญทองเป็นอย่างน้อย"

"หนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง ?!" ลินลี่ย์ จอร์จ และ เรย์โนลด์พูดออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ

หนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง เป็นยอดเงินมหาศาลจนน่าตกใจ

ต่อให้เอาทรัพย์สินของตระกูลเศรษฐีในเมืองเฟนไลทั้งหมดมารวมกันก็ไม่แน่ว่าจะมีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง

"ลินลี่ย์ ตระกูลของพี่น้องเจ้าคนนี้ร่ำรวยมากจริงๆหนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง แม่มัน..." แม้แต่เดลิน โคเวิร์ทยังตกตะลึง

แม้แต่นักแกะสลักระดับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด รูปแกะสลักที่สร้างขึ้นมายังมีมูลค่าสูงสุดเพียง1ล้านเหรียญทองเท่านั้น นี่ถือเป็นยอดเงินมหาศาลมากแล้วแต่จะมีนักแกะสลักระดับอาจารย์กี่คนกันเล่าที่จะไปถึงจุดนั้น?

"น้องสาม ข้าขอบอกเจ้าอย่างตรงไปตรงมา นอกจากสองสหพันธ์การค้าที่เหลือทั่วทั้งทวีปยูลาน หรือแม้แต่มหาจักรวรรดิทั้ง 4 หรือแม้กระทั่งสองสหภาพใหญ่ยังไม่อาจสร้างกำไรมหาศาลเช่นนี้ได้ส่วนแคว้นเหล่านั้น...เอ่อ " คำพูดของเยลหยุดชะงักลง

มหาจักรวรรดิทั้งสี่และสองสหภาพใหญ่ พวกเขามีนักสู้ระดับเซียนเป็นของตัวเองแต่มหาจักรวรรดิทั้งสี่และสองพันธมิตรใหญ่ต้องจ่ายเงินบำรุงกองทัพขนาดใหญ่ของพวกเขาเช่นเดียวกับการใช้จ่ายเพื่อดูแลบ้านเมืองของพวกเขาถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทรัพยากรมหาศาลแต่หากให้พวกเขาจัดหาเงินหนึ่งร้อยล้านเหรียญทองในทันทียังนับเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับพวกเขาอย่างน้อยมันจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการปรึกษาหารือกันเป็นการภายใน

สำหรับผู้ที่(ยัง)ไม่ได้เป็นนักสู้ระดับเซียน? พวกเขายิ่งไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้

มีเพียงสหพันธ์การค้าทั้งสาม ด้วยทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายของพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะครอบครองเงินมากมายแต่ในแง่ของกำลังรบแล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่กองกำลังของพวกเขาก็ยังอ่อนแอกว่าจักรวรรดิทั้งสี่และสองสหภาพใหญ่ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงเร่งหาเหล่าผู้แข็งแกร่งมาเข้าร่วมสหพันธ์เพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่ง

"ก๊อก" "ก๊อก" "ก๊อก!"

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ประตูห้องของพวกเขา

เยลขมวดคิ้วและเดินไปที่ประตู ขณะที่เปิดประตูเขาพูดว่า"ข้าคิดว่าข้าบอกไปแล้วนะว่าเราไม่ต้องการถูกรบกวน?".

ผู้จัดการของโรงแรมฮัวเดลี่กล่าวตะกุกตะกักว่า "คุณชายเยล คาร์ดินัลของวิหารเจิดจรัสพร้อมด้วยนักบวชสามท่านและทหารจากกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์มารออยู่ด้านนอกของโรงแรมแล้ว"

เยลตื่นตกใจ

คาร์ดินัลนั้นถือเป็นบุคคลผู้มีตำแหน่งสูงส่ง และอำนาจคาร์ดินัลนั้นเพียงรองจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นตำแหน่งคาร์ดินัลแต่ละคนนั้นสูงส่งกว่าพระราชาของแคว้นทั่วไป หากคาร์ดินัลเดินทางมาด้วยตนเองจะนำพาทหารมากมายมาด้วยไม่มีทางที่คุณชายหอการค้าดอว์สันอย่างเขาจะเข้าไปขวางทางได้"ดูเหมือนเสน่ห์ดึงดูดของน้องสามจะทำงานอีกแล้ว!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด