ตอนที่แล้วตอนที่ 444 ทำลายล้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 446 ก่อนเริ่มต้นสงคราม

ตอนที่ 445 ศึกสุดท้ายของมวลมนุษย์


ตอนที่ 445 ศึกสุดท้ายของมวลมนุษย์

ณ เมืองหลวงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์

2 เดือนผ่านไป ตั้งแต่กองทัพจักรวรรดิชนะสงคราม หลังจากชนะสงครามช่วงเดือนแรกกองทัพจักรวรรดิก็วุ่นวายกับการจัดการภายในเมืองหลวง แต่พอผ่านเดือนแรกมาได้ ทุก ๆ อย่างก็ง่ายขึ้นเยอะ ถึงตอนนี้จะมีคนไม่พอใจกองทัพจักรวรรดิอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว

ซึ่งก็เพราะว่า ถ้าใครเคลื่อนไหวจะโดนลงโทษประหารทั้งครอบครัว ด้วยบทลงโทษที่รุนแรงทำให้กองทัพจักรวรรดิ สามารถปกครองเมืองขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

แถมในตอนนี้ กองทัพจักรวรรดิยังเกณฑ์คนจำนวนมากเพื่อก่อสร้างอีกด้วย หลายคนสงสัยว่ากองทัพจักรวรรดิต้องการสร้างอะไร แต่ไม่ว่าถามใครก็ไม่มีใครตอบได้ ทหาร อัศวิน หรือ ขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิ ไม่มีใครตอบได้

ถ้ามีคนถาม คนที่โดนถามก็จะตอบว่า ‘ไม่รู้’ หรือ ‘ถ้าอยากรู้ก็ไปถามแกรนด์ดยุก วอเตอร์ เอาเอง’ ใช่แล้ว! การก่อสร้างนี้ควบคุมโดน ไคล์ วอเตอร์ มีแต่ ไคล์ วอเตอร์ เท่านั้นที่จะสร้างอะไร และด้วยอำนาจของ ไคล์ วอเตอร์ เมื่อเขาไม่พูดก็ไม่มีใครกล้าถาม แม้แต่องค์ชาย ซิคฟรีส ที่ตอนนี้เป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิ ก็ไม่กล้าถาม

ไม่มีใครรู้ว่า ไคล์ วอเตอร์ จะสร้างอะไร แต่สิ่งที่พวกเขารู้ก็คือ สิ่งที่ ไคล์ วอเตอร์ กำลังสร้างมันจำเป็นกับสงครามที่กำลังจะมาถึง จำเป็นกับสงครามกับกองทัพพันธมิตร!

….

ณ ห้องโถงใหญ่สักห้องในโบสถ์ส่วนกลาง

“ประเทศ เวลาส ประเทศ โมวอส ประเทศ โฮเทล …. ….. …… ประเทศ เมเจอร์แลนด์ ประเทศ คอนเทโน และประเทศ ก้าชาก้า รวมทั้งหมด 27 ประเทศ ประกาศว่าจะทำตัวเป็นกลางครับ ประเทศทั้ง 27 ประเทศ คือกลุ่มประเทศที่บอกจะเข้าร่วมกับเราก่อนหน้านี้”

ไคเซอร์ กำลังรายงานให้ผมฟัง

ตั้งแต่ผมนำกองทัพจักรวรรดิยึดเมืองหลวงแห่งนี้ เวลามันก็ผ่านมาได้ประมาณ 2 เดือนเข้าไปแล้ว และในตอนนี้ข่าวแบบที่ ไคเซอร์ รายงานก็มีมาบ่อย ๆ ประเทศที่ยอมก้มหัวให้จักรวรรดิ เริ่มตีตัวออกห่างกันบ้างแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจักรวรรดิไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย

หลังจากยึดเมืองหลวงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้ จักรวรรดิก็ไม่มีคำสั่ง ไม่มีแผน ประเทศที่เคยรวมมือจะทรยศไปเข้าร่วมกับกองทัพพันธมิตรก็ไม่แปลก อ้อ! คำว่า ‘เป็นกลาง’ มันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น สถานการณ์เป็นแบบนี้เป็นกลางก็ไม่ต่างจากเหยื่อ เพราะประเทศที่เข้าร่วมกับจักรวรรดิ และพันธมิตรสามารถโจมตีประเทศเป็นกลางได้

รู้แบบนี้แล้ว ราชาประเทศไหนมันจะเลือกเป็นกลางกันล่ะ เพราะงั้น เมื่อมีรายงานว่าประเทศที่เคยอยู่ฝั่งจักรวรรดิเป็นกลาง มันก็หมายความว่า ‘ย้ายฝั่งแล้วนะ’ แล้วถ้ามีรายงานว่าประเทศที่เคยอยู่ฝั่งพันธมิตรเป็นกลาง มันก็หมายความว่า ‘ย้ายฝั่งแล้วนะ’ ช่างเป็นการกระทำที่ทำให้ปวดหัวจริง ๆ

หลังจากฟังรายงานจบ ผมก็ถามไปว่า

“แล้วประเทศที่ประกาศย้ายมาฝั่งเราล่ะ”

“มีไม่เยอะครับ ตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศที่เปลี่ยนฝั่งมาทางเรามีแค่ 7 ประเทศ แถมประเทศเหล่านั้นยังเป็นประเทศเล็ก ๆ แทนที่จะเลือกเรียกว่าเข้าร่วมกับเราเพื่อช่วยสู้ เรียกว่าเข้าร่วมกับเราเพื่อเป็นตัวถ่วงน่าจะเหมาะกว่า”

“ประกาศไปว่าเราไม่รับ”

“ครับ”

ไคเซอร์ อุทานน้ำเสียงแปลกใจ คำว่าเข้าร่วมเป็นตัวถ่วงเขาคงพูดเล่น ๆ เท่านั้น เขาคงไม่คิดว่าผมจะพูดแบบนั้นออกไป

ผมตอบไปว่า

“เราไม่จำเป็นต้องรับสมาชิกเพิ่ม เราจะรับเพิ่มเพื่ออะไร ประเทศพวกนั้นเคยยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเรามาก่อน ข้าไม่ต้องการพวกนกสองหัว”

“แต่…”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ในมุมมองของเจ้าจักรวรรดิของเราต้องพึ่งพาพวกมันด้วยหรือไง”

สิ่งที่ ไคเซอร์ ต้องการจะพูดผมเข้าใจ สถานการณ์ตอนนี้คือประเทศฝั่งจักรวรรดิลดลงทุกวัน กลับกัน ประเทศฝั่งกองทัพพันธมิตรมีแต่เพิ่มขึ้น ๆ ไคเซอร์ แนะนำให้รับประเทศที่เปลี่ยนฝั่งเอาไว้เป็นความคิดที่ถูกต้อง และถ้าคนที่คุมกองทัพจักรวรรดิไม่เป็นผม แต่เป็นองค์ชาย ซิคฟรีส หรือ จอมพล โรเจอร์ แมคซีออน พวกเขาคงรับประเทศที่เปลี่ยนฝั่งกันแน่

แต่ สำหรับผมแล้วประเทศในทวีปจะเปลี่ยนฝั่งกันหมดก็ช่างหัวพวกมัน ตอนนี้ประเทศต่าง ๆ ไม่ได้จำเป็นกับกองทัพจักรวรรดิเลย ไม่สิ! พูดให้ถูกคือ ไม่จำเป็นกับแผนของผมเลย ขอแค่ผมสามารถจัดการกองทัพพันธมิตรที่นำโดย 3 ประเทศมหาอำนาจได้ ทุกอย่างในทวีปนี้ก็จะอยู่ในการควบคุมของผม ประเทศทุกประเทศก็จะอยู่ในการควบคุมของผม

แต่ว่า หลังจากผมชนะสงคราม ผมจะไม่ลืมคิดบัญชีกับประเทศที่เป็นศัตรูกับผมตอนนี้แน่นอน หลังจากผมชนะราชวงศ์ประเทศนั้น ๆ ต้องรับผิดชอบ และการรับผิดชอบที่ผมหมายถึงก็คือ ความตาย!

หลังจาก ไคเซอร์ ไม่พูดอะไรออกมาอีก ผมก็ถามไปว่า

“อาหารของพวกเราเป็นยังไงบ้าง ซาอุส เดอุส ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีไหม?”

[ ซาอุส เดอุส เจ้าของธนาคารที่ ไคล์ วอเตอร์ เอาเหมืองทองไปจำนั้น และหลังจากนั้นไม่นานหลินฟานก็สั่งให้เขา ซื้อหมู ไก่ แกะ แพะ วัว และสัตว์อื่น ๆ จาก ราชอาณาจักร กับ อาณาจักร เข้ามาในอาณาเขตของตระกูล วอเตอร์ ]

“ครับ อาหารของเราเพียงพอไปได้เป็นปี ต้องขอบคุณท่านแกรนด์ดยุกที่เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้ ถ้าเราไม่ได้อาหารที่ท่านสั่งให้ ซาอุส เดอุส เตรียมเอาไว้ พวกเราคงอยู่ในเมืองได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น เพราะในเมืองหลวงแห่งนี้ แทบไม่มีอาหารเหลืออยู่เลย”

ไคเซอร์ ตอบด้วยใบหน้าชื่นชมมองมาทางผม

ส่วนเรื่องไม่มีอาหารเหลืออยู่ในเมือง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่กองทัพจักรวรรดิออกเดินทางพวกเราก็บอกให้เห็นกันโต้ง ๆ ว่ากำลังเดินทางมาที่นี่ เมื่อรู้ว่าเมืองตัวเองอาจโดนศัตรูยึดครองหลังสงคราม ใครมันจะโง่เก็บอาหารไว้ในเมืองกันล่ะ

และถ้าถามว่าอาหารหายไปไหน มันคิดได้ 2 อย่าง อย่างแรก ยังอยู่ในเมืองแต่โดนแอบเอาไว้ อย่างที่สอง โดนขนออกไปแอบนอกเมือง และถ้าให้ผมเดาล่ะก็ พวกนักบวชหมายเลขมันต้องส่งอาหารออกนอกเมืองไปแล้วแน่ ๆ

แล้วถ้าให้เดาอีกละก็ พวกนักบวชหมายเลข 2 – 10 ที่ผมให้เติมพลังปราณให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ คงกำลังรอให้ผมเดินทางไปหาแล้วขอที่อยู่อาหารกันอยู่แน่ ๆ และเมื่อผมเดินทางไปขอที่อยู่อาหาร พวกมันคงพยายามต่อรองหรือเรียกร้องอะไรบางอย่าง

แต่เสียใจด้วยนะ หมายเลข 2 – 10 พวกแกคงไม่สมหวังกันหรอก!

“แกรนด์ดัชเชส ยูเรีย เป็นไงบ้าง”

[ แกรนด์ดัชเชส ยูเรีย ตรง ๆ คือ เมีย ถ้าเอามีมารยาทหน่อยคือ ภรรยา เธอปรากฏตัวออกมาตอนที่ ไคล์ วอเตอร์ ยึดเมืองหลวงได้สำเร็จ มีร่างศักดิ์สิทธิ์แบบ อลิส แต่เป็นร่างรักษาไม่ใช่ร่างบ่มเพาะเหมือน อลิส ]

“ท่านแกรนด์ดัชเชสยังใช้ชีวิตปกติครับ ส่วนมากเวลาที่เธอใช้ไปจะหมดที่โรงบาล เธอกำลังใช้พลังของเธอรักษาคนป่วย และพวกทหารที่บาดเจ็บ แล้วก็… เหมือนว่าท่านแกรนด์ดัชเชสจะทำงานนักเกินไปด้วยครับ 1 วันมี 24 ชั่วโมง ท่านแกรนด์ดัชเชสรักษาไปแล้ว 20 ชั่วโมง”

เธอยังทำงานหนักเหมือนเดิมสินะ หลังจากได้ยิน ไคเซอร์ รายงานระยะเวลาการทำงานของ ยูเรีย ผมก็คิดถึงวันเก่า ๆ ในชาติที่แล้ว ในชาติที่แล้ว ยูเรีย ก็ทำงานรักษาหนักแบบนี้เหมือนกัน

“แล้วมีอีกเรื่องครับ เป็นเรื่องร้องเรียนของพวกขุนนางยศดยุก และมาร์ควิส”

เหมือนว่า ไคเซอร์ ยังมีเรื่องจะพูดต่อ

“พวกนั้นเรียกร้องอะไร?”

“เกี่ยวกับภรรยาคนที่ 2 ของท่านครับ พวกนั้นคิดว่าท่านมอบตำแหน่งแกรนด์ดัชเชสแห่งตระกูล วอเตอร์ ให้ท่าน ยูเลีย เพราะปัญหาทางการเมือง พวกนั้นพากันคิดว่า เป็นเพราะท่านต้องการปกครองอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ง่าย ๆ เลยแต่งตั้งให้ท่าน ยูเรีย เป็นแกรนด์ดัชเชส พวกนั้นต่างกลัวว่าตระกูล วอเตอร์ จะไม่มีทายาท เลยพยายามร้องขอให้ท่านเลือกภรรยาคนที่ 2”

หลังจากได้ยิน ผมอยากสวนกลับไปว่า ‘เสือก’ แต่ก็อดทนเอาไว้แล้วพูดว่า

“หรือก็คือ พวกนั้นกำลังพยายามขายลูกสาวตัวเองเพื่อแลกกับอำนาจใช่ไหม”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว พวกนั้นคงพยายามเกราะตระกูล วอเตอร์ โดยการส่งลูกสาว หรือ น้องสาวของตัวเองมาแต่งงาน แค่พวกนั้นอ้าปากข้าก็เห็นลิ้นไก่แล้ว เอาเป็นว่า บอกพวกนั้นว่าเรื่องของตระกูล วอเตอร์ คนตระกูล วอเตอร์ จะจัดการเอง บอกไปแบบนี้พวกนั้นน่าจะเข้าใจ”

ผมเว้นช่วงสักพัก จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า

“ส่วนเรื่อง ยูเรีย เน้นย้ำไปด้วยว่าข้าไม่ได้มอบตำแหน่งให้เธอเพราะการเมือง ถ้ามีใครกล้าลามปามเธอ หรือกล้าทำร้ายเธอ ข้าจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป”

ระหว่างกำลังพูดผมก็ปล่อยลมปราณออกไปด้วย การปล่อยลมปราณของผมเป็นการเตือน ไคเซอร์ ว่า เรื่องความปลอดภัยของ ยูเรีย ผมจริงจังมาก ๆ ผมจริงจังสุด ๆ ในชาติก่อนผมไม่สามารถปกป้องเธอได้ ในชาตินี้ผมจะต้องปกป้องเธอให้ได้

“…ครับ”

ไคเซอร์ ตอบด้วยท่าทางก้มหน้า

หลังจากเรื่อง ยูเรีย จบลงแล้ว ผมก็เริ่มเข้าเรื่องหลัก

“ทางกองทัพพันธมิตรเป็นยังไงบ้าง พวกมันเคลื่อนไหวยังไง”

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติครับ ตามการคำนวณของหน่วยข่าวกรอง พวกนั้นบอกว่าคงใช้เวลาประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ พวกนั้นถึงจะเดินทางมาถึง และเนื่องจากกองทัพพันธมิตรยังกระจายตัวกันอยู่ เราเลยไม่รู้ว่าทางนั้นจะบุกแบบไหน”

“ทางเหนือ!”

“ครับ???”

ไคเซอร์ ทำใบหน้าสงสัย

ผมพูดออกไปอีกว่า

“พวกมันคงจะบุกพวกเราจากกำแพงทางทิศเหนือ”

“ครับ…”

ไคเซอร์ ก้มหน้ารับคำสั่งผมอีกครั้ง

ในตอนนี้ ไคเซอร์ คงกำลังสงสัยแต่ไม่ยอมถามออกมา อยู่ ๆ ผมก็บอกว่ากองทัพพันธมิตรจะบุกโจมตีจากทางเหนือ ไม่ใช่การล้อมเมือง ไคเซอร์ ต้องสงสัยเป็นธรรมดา เพราะในสถานการณ์แบบนี้คนปกติคงคิดว่า การล้อมเมืองโจมตีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ย้ำอีกครั้งว่าคนปกติ แต่จอมพลแห่งสหราชอาณาจักร จอมพล ลีโอไนตัส ไฮเซอร์ ไม่ใช่คนปกติ ถึงผมจะไม่เคยสู้กับเขามาก่อน แต่ประวัติของเขาก็มีบันทึกเอาไว้มากมาย จอมพล ลีโอไนตัส ไฮเซอร์ สามารถชนะพวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจได้หลายสนามรบ ทั้ง ๆ ที่เสียเปรียบ ทั้งเรื่องกำลังทหาร ทั้งเรื่องทำเลการต่อสู้

ชนะได้ทั้ง ๆ ที่เสียเปรียบสิ่งนี้มันหมายความว่า จอมพล ลีโอไนตัส ไฮเซอร์ ฉลาดมาก และเพราะเขาฉลาดมากผมเลยเดาความคิดของเขาได้ ตอนนี้การต่อสู้ระหว่าง จักรวรรดิ และ พันธมิตร มาถึงจุดตัดสินกันแล้ว

พูดง่าย ๆ การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ ถ้าผมสามารถปกป้องเมืองหลวงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ จักรวรรดิก็ชนะ แต่ถ้าผมไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้ พันธมิตรก็จะชนะ และผมเชื่อว่าคนฉลาดแบบจอมพล ลีโอไนตัส ไฮเซอร์ ต้องคิดเรื่องแบบนี้ได้แน่

ในเมื่อสงครามครั้งนี้ตัดสินกันที่ปกป้องได้ หรือปกป้องไม่ได้ ไม่ใช่การทำให้กองทัพอีกฝ่ายพ่ายแพ้ หรือทำให้หมดสภาพต่อสู้ ทำไมต้องล้อมเมืองด้วยละ บุกทางเดียวมันสามารถทะลวงแนวป้องกันได้ง่ายกว่าเยอะ

เพราะแบบนี้ ผมเลยบอกว่ากองทัพพันธมิตรจะบุกทางเหนือซึ่งเป็นทิศที่บุกง่ายที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด