ตอนที่แล้วตอนที่ 120 – ตอนที่ 117 ตั๊กแตนมรณะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 122 – ตอนที่ 119 เผาให้ราบ ฆ่าให้เรียบ ปล้นให้เกลี้ยง

ตอนที่ 121 – ตอนที่ 118 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่นไม่รู้ว่านกขมิ้นอยู่ข้างหลัง


พอเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งตรงเข้ามาหาเขาพร้อมด้วยกระบี่ขนาดใหญ่ บุรุษชุดเทาหัวเราะแปลกๆ กล่าวกับบุรุษชุดดำว่า “ข้าจะรับมือนังเด็กน้อยนี่ อสูรของข้าบังเอิญเป็นดาวข่มของพวกนักรบเสริมพลัง”

เขาหยิบบอลวิเศษสีม่วงคล้ำดูแปลกๆ และโยนมันเข้าหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

เมื่อดาบใหญ่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันลงมา แสงรังสีสีม่วงเข้มนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากลูกบอล ก่อเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ มันทำให้เขากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหายไปในเวลาเดียวกัน เย่ว์หยางถึงกับสะดุ้ง พวกเขาไม่ได้อยู่ในแดนปีศาจแต่เป็นในแผ่นดินมังกรทะยาน สนามต่อสู้ดังกล่าวมาอยู่ที่นี่ได้ด้วยอย่างไร? ดูเหมือนว่าการค้นคว้าเรื่องมิติในแดนปีศาจจะสูงส่งกว่าในทวีปมังกรทะยานมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกบอลเทเลพอร์ตในแดนปีศาจใช้เวลาเปิดใช้งานในช่วงเวลาสั้น เมื่อบุรุษชุดดำเห็นอย่างนี้ เขาสบถลั่น “เจ้าบ้าลูตันนั่น มันแทบจะบ้าทันทีที่เห็นสตรี มันเป็นคนไร้ประโยชน์จริงๆ แต่ก็ยังชอบสะสมศพสตรี ช่างเป็นงานอดิเรกที่ลามกและเพี้ยนสิ้นดี เจ้านึกหรือว่าปราศจากการช่วยเหลือของเจ้า ข้าจะไม่สามารถรับมือเจ้าเด็กนี่ได้?”

“ถามหน่อยได้ไหม เจ้าจะรับมือข้าได้อย่างไร?” เย่ว์หยางถามอย่างสงสัย

เขาไม่ค่อยเข้าใจ หมอผีที่สูญเสียร่างกายไปครึ่งหนึ่งและต้องกลิ้งไปรอบๆ จะเอาชนะเขาที่ยังครอบครองอสูรทองระดับ 3 อย่างนางพญากระหายเลือดได้อย่างไร?

บุรุษชุดดำไม่สนใจเย่ว์หยาง เขากลับเรียกคัมภีร์อัญเชิญของตนเองออกมาอย่างเร็วแทน ดูเหมือนว่าในเร็วๆ นี้เขาจะได้ครอบครองคัมภีร์เงินอีกเล่มหนึ่ง ถ้าเขาสามารถทำสัญญากับคัมภีร์ที่เขาพบได้ทั้งหมดและได้อสูรพิทักษ์มาครอบครองทั้งหมด เขาจะสามารถกวาดชัยชนะไปได้ทุกที่ ขณะที่เย่ว์หยางยังคงฝันกลางวันอยู่ในใจ ทันใดนั้นเขาเห็นหมอผีชุดดำวางมือที่มีแต่กระดูกของเขาอยู่บนคัมภีร์ของเขา ชั่วเวลาต่อมา แสงสีดำครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ขณะที่ผีหัวขาดขี่ม้ามีตัวเน่าเปื่อยกลิ่นเหม็นถูกเรียกออกมา

เย่ว์หยางสังเกตดูด้วยญาณทิพย์และพบว่าปีศาจสับหัวนี้เป็นอสูรสายผีอมตะชั้นทองแดงระดับ 5

ปีศาจไร้หัวยังไม่โจมตีเย่ว์หยางทันที แต่ควบม้าโครงกระดูกเน่าเข้าหากลุ่มโครงกระดูกผีระดับ 2 แทน

ปีศาจไร้หัวชูดาบยักษ์ขึ้นและฟันลงอย่างแรงฉับเดียวทำลายปีศาจโครงกระดูกได้ทั้งหมด ผีหัวขาดขี่ม้าได้กางมือทั้งสองออกและรวบรวมลูกบอลพลังสีเขียวเข้มทั้งหมดที่หลุดออกมาจากปีศาจโครงกระดูก ก่อนจะบรรจุเข้าไปในร่างที่ทรุดโทรมของตน

หลังจากนั้นเขานำกะโหลกของปีศาจโครงกระดูกเหล็กมาสวมต่อกับคอของเขาเอง

กะโหลกเปล่งแสงสีเขียวเข้มหลังจากที่หายไปชั่วขณะ

พลังงานที่ปรากฏเห็นได้ในเบ้าตาหัวกะโหลดเริ่มหรี่ลงๆ

ในทันใดนั้น มันรวมเข้ากับร่างปีศาจหัวขาดที่ขี่ม้าเปลี่ยนร่างไปเป็นอัศวินแห่งความตาย อัศวินแห่งความตายมีร่างสีเขียวเข้ม มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งมาก

ดาบสีดำขนาดใหญ่จากเมื่อก่อน ตอนนี้มีเปลวไฟสีเขียวจากศพเผาไหม้เป็นไอจางหายไปในอากาศ

จากเดิมเป็นอัศวินแห่งความตาย อสูรทองแดงระดับ 5 ยกระดับไปเป็น อสูรทองแดงระดับ 6 เย่ว์หยางปรบมือเสียงดังขณะที่ดู และชมเชยว่า “ไม่เลว วิธีนี้อาจจะแปลกไปหน่อยแต่ก็ใช้ได้ผลมาก ดูเหมือนว่าการค้นคว้าวิธีอัญเชิญของพวกจากแดนปีศาจสูงส่งจริงๆ เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงล้าหลังอยู่บ้าง”

“เจ้าบังอาจหยิ่งยโสเกินไปยามเมื่อความตายอยู่ต่อหน้าเจ้าหรือ?” บุรุษชุดดำเรียกตะขาบยักษ์สีดำเพิ่มขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง ขนาดของมันยาวมากกว่า 10 เมตร

มันไม่ใช่ทั้งอสูรโครงกระดูกและไม่ใช่อสูรประเภทผีอมตะเหมือนอย่างปีศาจไร้หัวขี่ม้า มันเป็นอสูรประเภทสิ่งมีชีวิต

เป็นอสูรพิทักษ์ของบุรุษชุดดำนั่นเอง

ในทำนองเดียวกัน ตะขาบยักษ์ตัวนี้เป็นอสูรชั้นทองแดงระดับ 6

ใช้อสูรทองแดงระดับ 6 ถึงสองตัวเพื่อต้านทานนางพญากระหายเลือด อสูรทองระดับ 3 ปรากฏว่าความแข็งแกร่งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย นางพญากระหายเลือดมีสีหน้าแสดงความรับเกียจอยู่เล็กน้อย แต่นางยังไม่รีบเข้าโจมตี

นางบินค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่จะอยู่เบื้องหลังเย่ว์หยาง

นางมีมีดทองฆ่ามังกรเหน็บอยู่ข้างเอวและดาบจันทร์เสี้ยวของเย่ว์หยางอยู่ในมือขวาของนาง นางกำลังรอโอกาสเข้าโจมตี

รัศมีจ้าวอสูรทองอยู่รอบตัวนาง แต่พอเผชิญอสูรที่มีระดับสูงขึ้น จะยังไม่ปรากฏผลชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น อัศวินแห่งความตายเป็นอสูรประเภทผีอมตะ ทำให้แรงข่มและกดดันของจ้าวอสูรทองถูกลดลงมากขึ้น จนทำให้ไม่มีผลต่อไป สำหรับตะขาบยักษ์ มันเป็นอสูรพิทักษ์ชนิดหนึ่ง ภายใต้คำสั่งของบุรุษชุดดำ มันตั้งใจต่อสู้เต็มที่และเตรียมพร้อมอยู่บนพื้นหินอย่างต่อเนื่อง แขนขาที่คมเหมือนใบมีดนับไม่ถ้วนส่องประกายวาววับ ก้ามเหล็กทั้งคู่ของมันมีขนาดใหญ่กว่าหัวของมันแค่สัมผัสก้อนหินเบาๆ ก็ป่นจนเป็นผุยผงได้

นางพญากระหายเลือดไม่สามารถกดดันพวกมันได้มากนัก ทว่านางยังคงเป็นจ้าวอสูรทอง แม้ว่าระดับของนางจะต่ำกว่าถึง 3 ระดับ แต่อัศวินแห่งความตายและตะขาบยักษ์ก็ไม่กล้าเร่งเข้าจู่โจม

บุรุษชุดดำแสดงความหยิ่งยโสให้เห็นภายนอก แต่จริงๆ แล้วเขาระมัดระวังอยู่ในใจ

เขาเกือบจะเสียชีวิตเมื่อถูกตั๊กแตนมรณะลอบโจมตีในครั้งก่อน

ตอนนี้ เขากลับถูกเด็กมนุษย์ลอบทำร้ายอีกครั้ง ถ้าเขาไม่เพิ่มความระมัดระวัง เขาคงเป็นได้แค่ไอ้โง่

“เจ้ามีแหวนลิช*หรือ?” (ลิชริง ไอเท็มจากเกมวอร์คราฟท์) เย่ว์หยางไม่ได้สั่งให้นางพญากระหายเลือดให้ร่วมโจมตีในการต่อสู้ทันที เขากลับจ้องมองที่มือของบุรุษชุดดำอย่างไม่วางตา

บรรดาสมบัติในโลกแห่งนี้ แหวนลิช คือสิ่งที่เย่ว์หยางกังวลมากที่สุด

เหตุผลง่ายๆ ก็คือ แหวนลิชเป็นเหมือนที่เก็บของและมีความสามารถในการจัดเก็บของข้ามมิติได้ แตกต่างกันที่แหวนจัดเก็บของธรรมดาจะเก็บอะไรก็ได้รวมทั้งสิ่งมีชีวิต ขณะที่แหวนลิชเก็บสิ่งของหรือศพที่ตายแล้วเป็นหลัก แหวนจัดเก็บเป็นสมบัติที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่ฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย จุนอู๋โหย่วยังไม่มีโอกาสครอบครอง อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย เย่ว์หยางหวังว่าจะได้แหวนลิชสักวงหนึ่ง

เย่ว์หยางไม่ใช่บ้าผู้หญิงสวยเท่านั้น แต่ยังบ้าสมบัติอีกด้วย เขาชอบของวิเศษที่มีความสามารถเก็บของผ่านมิติได้ อย่างเช่นกระเป๋าจักรวาล, และเมล็ดมัสตาดที่บรรจุเขาพระสุเมรุ (อ้างอิงจากนิยายจีนอีกเรื่องกล่าวทำนองว่า พระพุทธเจ้าทรงบรรจุเขาพระสุเมรุหรือเขาสิเนรุเข้าในเมล็ดมัสตาร์ดโดยที่ขนาดเมล็ดนั้นไม่เปลี่ยนแปลง)

น่าเสียดายที่ว่าแม้ว่าเขาจะฉวยกระเป๋าจักรวาลของนักพรตเฒ่าได้แต่มันหายไปหลังจากเขาข้ามมิติมายังโลกนี้

ถ้าสันนิษฐานว่ากระบี่บินกลายเป็นเทพธิดากระบี่ฟ้า อย่างนั้นกระเป๋าจักรวาลใบนั้นล่ะ?

เย่ว์หยางคาดว่า มันคงถูกเก็บรักษาไว้โดยภรรยาคนแรกของเขา เทพธิดากระบี่ฟ้า หรือบางทีอาจเป็นโลกแห่งความฝันแสนวิเศษของเขาก็ได้ ซึ่งก็อยู่ภายในกระเป๋าจักรวาลเสมอมานั่นเอง

เย่ว์หยางไม่อาจถามเทพธิดากระบี่ฟ้าเกี่ยวกับเบาะแสของกระเป๋าจักรวาลได้ อย่างไรก็ตามเขาอยากมีของวิเศษที่เก็บของได้

แหวนจัดเก็บเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางของครอบครัว, การฆ่าและลอบวางเพลิง รวมถึงฆ่าปีศาจและล่าสมบัติด้วย

แล้วเขาจะไม่มีมันได้อย่างไร?

ถ้าเขาไม่สามารถครอบครองได้สักชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยเขาต้องมีแหวนลิช

ความจริง แหวนลิชเป็นแหวนเก็บของที่ด้อยและสถานะต่ำต้อยที่สุด แม้ว่าพื้นที่จัดเก็บของแหวนลิชจะไม่ใหญ่มากเก็บได้เพียงแต่วัตถุที่ไม่มีชีวิต แต่ในปัจจุบันนี้กลับหาไม่ได้ในทวีปมังกรทะยาน เหตุผลหลักเป็นเพราะอสูรรูปแบบพิเศษที่มีความสามารถในการผลิตของวิเศษหาได้ยากมากในทวีปมังกรทะยาน สติปัญญาของมนุษย์ยังมีไม่พอที่จะสร้างแหวนจัดเก็บได้ ตัวอย่างเช่น ตระกูลเย่ว์ สามารถสร้างอสูรหุ่นที่มีความสามารถน่าตื่นตาตื่นใจได้ ดังนั้นจึงทำให้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในตระกูลเย่ว์ทั้งหมด นอกจากภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเมื่อยุคหลายร้อยปีก่อน ก็ไม่มีใครสามารถค้นพบหลักการที่อยู่เบื้องหลังแหวนจัดเก็บได้เลย แม้ว่าภูตอัจฉริยะเย่ว์กงจะทิ้งผลงานค้นคว้าของเขาไว้เบื้องหลัง แต่ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจได้

เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตอสูรหุ่น การสร้างวัตถุศักดิ์สิทธิ์อย่างแหวนจัดเก็บ เป็นเรื่องยากลำบากอีกต่างหาก ไม่สามารถนำมาเทียบกันได้เลย

แม้แต่การสร้างม้วนคาถาเทเลพอร์ตที่ว่ายากสำหรับมนุษย์ ก็ยังยากน้อยกว่าสร้างวัตถุเก็บของต่างมิติได้

ความยากลำบากของวิธีการทำก็เหมือนการกะขนาดท้องฟ้า และคนของโลกนี้ไม่สามารถไปถึงได้

ดังนั้น จึงไม่มีแหวนจัดเก็บในทวีปมังกรทะยาน แม้แต่ของที่ด้อยที่สุดและไร้ประโยชน์ที่สุดอย่างแหวนลิชก็ไม่ยังไม่มีขายกัน

แหวนลิชเป็นสมบัติพิเศษที่มีอยู่เฉพาะในแดนอเวีจีเท่านั้น ถ้ามนุษย์ต้องการครอบครองมัน พวกเขาต้องฆ่าเจ้าของและยึดแหวนลิชที่อยู่บนมือของผู้ครอบครอง

ผู้ครอบครองแหวนจะทำสัญญากับอสูรประเภทผีอมตะ จำเป็นต้องจัดเก็บวัสดุไว้มาก อย่างเช่น โครงกระดูกมังกรยักษ์, โครงกระดูกมนุษย์, ซากศพ, ผลึกปีศาจ ฯลฯ พวกมันจำเป็นต้องใช้แหวนลิชมาใช้แก้ปัญหาที่จำเป็น ดังนั้น หมอผีปีศาจโดยทั่วไปจะมีแหวนลิชกันทั้งนั้น

“ไม่” หมอผีชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชา เจ้าเด็กบ้านี่คิดว่าแหวนลิชเป็นสินค้าที่สามารถหาซื้อได้ตามแผงลอยริมถนน ของแบบนี้จะหากันได้ง่ายๆ อย่างไร?

“อย่างนั้น ตอนนี้เจ้าก็ตายได้แล้ว” เย่ว์หยางยิ้มน้อยๆ

เขายังคงยิ้มในชั่วเวลาก่อนนี้แท้ๆ แต่ชั่วเวลาถัดมาเขากลับกลายเป็นมัจจุราชที่น่ากลัว

ภาพของเย่ว์หยางหายไปและกลายเป็นภาพชุดบิดเบี้ยวอยู่กลางอากาศ ขณะที่เขาเดินเข้าหาตะขาบที่มีก้ามยักษ์ ในอากาศนางพญากระหายเลือดยังคงกระพือปีกเตรียมพร้อมร่วมกับเย่ว์หยางเข้าโจมตีที่กลางก้ามของตะขาบยักษ์

หมอผีชุดดำหัวเราะเย็นชาในใจ เขารอเวลานี้อยู่

เขาสั่งให้ตะขาบก้ามยักษ์กระโจนขึ้นไปในอากาศเตรียมรับการโจมตี เปลือกผิวของตะขาบยักษ์ทนทานต่อการโจมตีมาก ดังนั้นมันจึงไม่กลัวมีดหรือขวาน ต่อให้มันไม่ขัดขืน ยืนเฉยๆ ให้เจ้าเด็กนี่โจมตีก็ตาม มันก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ที่สำคัญที่สุด ตะขาบก้ามยักษ์ของเขาเป็นอสูรพิทักษ์ ต่อให้ถูกฆ่า ก็สามารถเรียกมันออกมาใหม่ได้ไม่ต้องกลัวถูกโจมตีอะไรเลย

“ซวบ!”

ส่วนของใบมีดทะลุเข้าที่หน้าอกของอัศวินแห่งความตายอย่างฉับพลัน มันกำลังกระตุ้นม้าขึ้นมาเป็นกำลังเสริมข้างหน้า

ทั้งปีศาจและม้าโครงกระดูกสั่นพร้อมกันอยางแรง แสงเรืองๆ สีเขียวเข้มเปล่งออกมาจากแผล

บุรุษชุดดำถึงกับแปลกใจ เขาพยุงตัวเองและตรวจสอบพบว่าภาพที่วิ่งเข้าหาตะขาบก้ามยักษ์เป็นเพียงภาพลวงตา ขณะที่ร่างจริงของเจ้าเด็กแสบไปปรากฏอยู่ข้างหน้าอัศวินแห่งความตาย กำลังยืนยิ้มเหมือนปีศาจ เขาเสียบดาบวิเศษเข้าที่หัวใจของอัศวินแห่งความตาย อัศวินแห่งความตายที่ถูกสร้างขึ้นมาจากซากศพปีศาจทั่วไป ไม่กลัวการโจมตีด้วยวิทยายุทธเลย มีจุดอ่อนของมันเพียงอย่างเดียวก็คือหัวใจปีศาจ ซึ่งจงใจวางไว้ที่ตำแหน่งหน้าอกด้านขวา นอกจากตัวของเขาเอง ไม่มีผู้ใดรู้ความลับนี้ เจ้าเด็กตัวแสบรู้เรื่องนั้นได้อย่างไร?

ดาบวิเศษฮุยจินในมือของเย่ว์หยางเป็นเหมือนเสือหิวตะครุบเหยื่อ มันดูดพลังจากหัวใจปีศาจของอัศวินแห่งความตายอย่างเมามัน

ไม่ว่าจะเป็นแก่นหลอมเหลวหรือผลึกมังกรปีศาจ ทั้งสองต่างก็ดูดพลังจากหัวใจปีศาจเพื่อมาฟื้นฟูตนเอง

นอกจากปราณจากศพเล็กๆ น้อยๆ ที่มันไม่ต้องการ ดาบวิเศษฮุยจินยินดีรับเอาพลังรูปแบบอื่นทั้งหมด

อัศวินแห่งความตายกำลังดิ้นรนเพื่อชีวิตของมัน แต่การดิ้นรนของมันไร้ประโยชน์

“ปัง”

กะโหลกของมันระเบิดแตกเป็นเสี่ยงจนทำให้พลังในร่างของมันลดลงอย่างฮวบฮาบ จากอัศวินแห่งความตาย อสูรทองแดงระดับ 6 กลายเป็นปีศาจไร้หัวขี่ม้า อสูรทองแดงระดับ 5 ขณะที่มันยังสูญเสียพลังอีกต่อไป มันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอสูรทองแดงระดับ 4, อสูรทองแดงระดับ 3, อสูรสามัญระดับ 4 อสูรสามัญระดับ 3….

เมื่อดาบวิเศษฮุยจินดูดกลืนพลังของมันทั้งหมด ในตอนแรกจากอัศวินแห่งความตายที่น่ากลัวกลับกลายเป็นกองเนื้อเน่าและดูกที่กองกันกระจัดกระจาย

แม้แต่โครงกระดูกม้าก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่น เป็นเนื้อเน่ากระดูกผุเหมือนเจ้านายของมัน

หมอผีชุดดำตะลึงงัน ต่อให้เป็นในฝันของเขา ก็ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า เจ้าเด็กมนุษย์ฆาตกรหน้ายิ้มผู้นี้จะครอบครองอาวุธปีศาจที่น่ากลัว อาวุธปีศาจนี้ต้องเป็นของมีชีวิตแน่นอน เป็นสมบัติที่เขาอยากได้ แม้แต่ในฝันก็ตาม ถ้าเขาใช้มันสร้างโลงกระดูกได้ บางทีเขาอาจจะพัฒนาไปเป็นหมอผีปีศาจอมตะ

ขณะที่หมอผีชุดดำเพ่งมองดาบวิเศษฮุยจินอย่างอิจฉาและโลภอยู่นั้น มันกระพริบวูบวาบมีคลื่นควันดำและเปลวสีม่วงออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างช้าๆ มันเริ่มเปลี่ยนรูปของมันเอง และวิวัฒนาการไปเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

แก่นหลอมเหลวและผลึกมังกรปีศาจทั้งสองด้านเริ่มประสานเข้าด้วยกัน และลวดลายคล้ายหลอดเลือดปรากฏอยู่ทั่วทั้งดาบและขอบดาบ

กลับกลายเป็นว่าดาบวิเศษฮุยจินซึ่งตอนแรกเป็นอาวุธระดับเงิน ได้วิวัฒนาการเป็นอาวุธปีศาจระดับทองได้สำเร็จ หลังจากดูดกลืนพลังจากหัวใจของอัศวินแห่งความตาย

เย่ว์หยางชูดาบขึ้น และบรรจุปราณก่อกำเนิดเข้าไปในนั้น เพื่อกระตุ้นพลังของดาบ เปลวไฟสีม่วงควันดำพวยพุ่งขึ้นมาอย่างแรง ราวกับว่ามันต้องการจะเผาผลาญสวรรค์ พลังเปลวเพลิงยังคงก่อรูปเป็นเกราะเพลิงบนแขนของเย่ว์หยาง นอกจากนี้ ยังเพิ่มพลังป้องกันให้เขาอีกด้วย พลังยังคงเพิ่มขึ้นอีกมากและได้เสริมความแข็งแกร่งให้แขนของเขา

“เป็นไปไม่ได้!” หมอผีชุดดำแทบจะกลายเป็นบ้าด้วยความริษยา

เจ้าเด็กบ้านี่ โชคดีขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

ไม่ใช่เพียงแต่ครอบครองนางพญากระหายเลือด อสูรทองระดับ 3 เท่านั้น เขายังเป็นเจ้าของอาวุธปีศาจอย่างนี้ซึ่งสามารถดูดกลืนพลังไปวิวัฒนาการตนเองได้…

ฆ่ามัน ฆ่ามัน เขาต้องฆ่าเจ้าเด็กบ้านี่ด้วยตนเอง เขาต้องยึดอาวุธปีศาจและใช้มันสร้างโลงกระดูกซึ่งจะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นหมอผีปีศาจอมตะ ความโลภครอบงำจิตใจทั้งหมดของหมอผีชุดดำ ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน เมื่อเขาหันหน้ากลับไปดู ก็พบว่ามีมีดเล่มหนึ่งปักเข้าที่หัวของตะขาบยักษ์และมันก็พลิกตัวด้วยความเจ็บปวด ในทันใดนั้น มันเปลี่ยนเป็นแสงสีดำและกลับเข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญสีเงิน

ถ้ามันไม่ใช่อสูรพิทักษ์ มันก็คงตายไปแล้ว

มีดที่ใช้แทงมันก็คือมีดทองฆ่ามังกร มันสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อมังกรยักษ์ด้วยการโจมตีครั้งเดียว

มีดฆ่ามังกรเล่มนี้มาจากไหนกันเล่า?

ก่อนที่หมอผีชุดดำจะใช้เวลาในการทำความเข้าใจได้ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดถาโถมมาจากหลังของเขา ร่างของเขากระเด็นร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างหนัก

ในอากาศ มีขาข้างหนึ่ง กำลังบังท้องฟ้าได้ทั้งหมด

เย่วหยางเหยียบยันหลังของหมอผีชุดดำ แต่ไม่ได้ฆ่าเขาทันที เขากลับยืนมองห่างๆและหัวเราะ “ข้าว่าเจ้าต้องเป็นท่านซัวจ์ใช่ไหม? ข้าว่าเจ้าดูคล้ายนะ เจ้าจะลงมาช่วยบริวารของเจ้าไม่ใช่เหรอ? แม้ว่าการปกปิดอำพรางของเจ้าจะไม่เลว แต่ช่วยบันทึกการไหลของอากาศไว้ด้วย ครั้งต่อไปอย่าไปยืนเหนือลม มิฉะนั้น มันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่รับรู้กลิ่นศพที่โชยมากับตัวเจ้า ข้าบอกว่าครั้งต่อไป ก็หมายความว่าถ้าวันนี้เจ้ารอดได้นะ ทำไมเจ้าไม่ถือโอกาสเรียนรู้จากบทเรียนนี้?”

“เจ้านี่ช่างพูดดีจริงนะ แต่ถ้าเจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนลูเบน คนที่เจ้าเหยียบอยู่ละก็ เจ้าก็ทำผิดมหันต์แล้ว” มีเสียงของผู้มีอายุมีแววหยิ่งผยองดังก้องผ่านพื้นที่ซึ่งเปิดโล่ง

จากนั้นมีเสียงกี๊ซ กี๊ซ ตามมา

มันเหมือนกับว่าม่านป้องกันถูกลบหายไปจากท้องฟ้า ในที่ต่อหน้าต่อตาเย่ว์หยาง มังกรอสุภ อสูรเงินระดับ 7 ปีกของมันขาดรุ่งริ่งและร่างของมันก็สึกกร่อน รวมทั้งตาที่กลวงลึกดูไร้ชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามันเคยเป็นมังกรขนาดยักษ์มาก่อน

มังกรยักษ์อาจจะตายไปแล้ว แต่กลิ่นอายของมันยังคงเหลืออยู่

แม้ว่าจะกลายเป็นซากศพเคลื่อนไหวได้ แต่ระดับของมันก็ยังอยู่ในระดับสูง คืออสูรเงินระดับ 7

ผู้ที่ขับขี่มังกรอสุภเป็นชายชราใบหน้าเหี่ยวย่น เขาสวมชุดยาวสีม่วง และถืออาวุธไม้เท้าโครงกระดูกซึ่งมันเปล่งแสงสีแดง

เขามองเย่ว์หยางอย่างหยิ่งผยอง “แม้ว่าเจ้าอาจเอาชนะลูเบนได้ แต่ในสายตาข้า เจ้าก็เป็นแค่หนอนแมลงตัวน้อย ข้าคือหมอผีปีศาจที่ฝึกฝนมานาน 500 ปีแล้ว แค่ข้าโบกมือ ข้าก็สามารถจับเจ้าได้แล้ว เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็จะตายเหมือนกับเห็บเหา เอาชนะลูเบนได้ยังจะนับอะไรได้เล่า? มันเป็นแค่เพียงคนรับใช้ของข้า ร่างมนุษย์เป็นเพียงเครื่องมือที่หายใจได้ เจ้าคิดว่าสามารถใช้เขามาขู่เข็ญข้าได้หรือ?”

“ข้าไม่เคยคิดใช้มันมาคุกคามท่านเลย ข้าแค่คิดว่าจะเก็บมันไว้และค่อยๆ สอบถามมันเพื่อเอาข้อมูลที่ข้าจำเป็นต้องใช้” เย่ว์หยางใช้ดาบปีศาจของเขาฟันลงไปที่หัวกะโหลกของลูเบน หมอผีชุดดำอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็เตะกะโหลกของลูเบนกระเด็นไป 10 เมตร

“เจ้ากำลังสับสนในตัวเองหรือ เจ้าต้องการจะต่อต้านข้าหรือ? เจ้าจะเข้าใจทันทีว่าตั๊กแตนที่พยายามจะหยุดรถม้าจะมีผลเป็นเช่นไร” หมอผีปีศาจซัวจ์แค่นเสียงอย่างหยิ่งผยอง

“ไม่ใช่ มันต้องเป็นตั๊กแตนจับจักจั่นที่ไม่รู้ตัวว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง”

เย่ว์หยางหัวเราะขณะที่มีเงาสายหนึ่งกระโจนลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับกางแขนเหมือนเคียวมัจจุราช

มันเป็นเหมือนตั๊กแตนตำข้าวที่ซ่อนตัวเองมาตลอดจริงๆ

เดิมทีอาจจะมีเป้าหมายอยู่ที่เย่ว์หยางก็ได้ อย่างไรก็ตามเขากลับเปลี่ยนเป้าหมายกลับไปที่มังกรอสุภหลังจากที่เย่ว์หยางหายไปจากพื้น เมื่อหมอผีปีศาจซัวจ์ใช้ความรู้สึกของตนหาตำแหน่งเย่ว์หยางเขาก็พบว่าเจ้าเด็กตัวแสบกลับไปอยู่ข้างล่างแล้ว เขาเหยียดแขนเหมือนกับตั๊กแตนมรณะ ในมือของเย่ว์หยางถือดาบปีศาจมีเปลวไฟสีม่วงลุกโชน รังสีฆ่าฟันไม่ได้น้อยกว่าเคียวมัจจุราชเลย

ลิช — หมอผีปีศาจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด