ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ประกาศกลับมาแต่งต่อ!!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 443  ผู้นำสูงสุดเผ่าเทพ มิคาเอล! ผู้นำสูงสุดเผ่าปีศาจ ซาตาน

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 442 ระดับพระเจ้า ขั้นที่ 3 แต่เอ่ะ!?!?!? นี่มันเกิดอะไรขึ้น???


ตอนที่ 442 ระดับพระเจ้า ขั้นที่ 3 แต่เอ่ะ!?!?!? นี่มันเกิดอะไรขึ้น???

หลายชั่วโมงต่อมา

ณ ค่ายกองทัพจักรวรรดิ

ไคเซอร์ เดินเข้ามาหา ไคล์ วอเตอร์ ที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ จากนั้นก็เริ่มรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเขตทางเหนือที่ได้รับมาว่า

“รายงานการเคลื่อนไหวครับ ตอนนี้กลุ่มกองกำลังทำงานเพื่อจักรวรรดิ สามารถเอาชนะกลุ่มทางตะวันออก กลุ่มทางตะวันตก ได้เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้กำลังทุ่มกำลังโจมตีทางใต้และทางเหนือ มีรายงานมาว่ามีทหารเสียชีวิตไปหลายแสนคนในการปะทะที่เกิดขึ้น คาดว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงกองกำลังทำงานเพื่อจักรวรรดิคงสามารถชนะสงครามครั้งนี้ได้ ให้กองทัพของเราเข้าช่วยกวาดล้างเลยไหมครับ?”

ไคล์ วอเตอร์ พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ " ยังก่อน "

“แต่หากยังปล่อยเอาไว้แบบนี้ พวกกองกำลังทำงานเพื่อจักรวรรดิก็มีแต่จะลดจำนวนลงนะครับ จากการตั้งชื่อของพวกนั้นข้าคิดว่า พวกเราคงสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้” ไคเซอรฺ์ แสดงความคิดเห็น

“เรื่องนั้นข้ารู้ แต่พวกนั้นยังตายไม่พอ” ไคล์ วอเตอร์ ตอบพร้อมจิบชาในมืออีกครั้ง

ไคเซอร์ นึกไม่ออกอีกแล้วว่าจะพูดอะไรอีก เขายอมแพ้แล้วที่จะกล่อมเจ้านายของตัวเอง เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ ไคเซอร์ ก็พยักหน้าแล้วยืนเงียบไป

เหตุผลที่ ไคล์ วอเตอร์ ยังไม่ยอมเข้าร่วมสงครามตอนนี้ก็เพราะเขาต้องการพลังมากกว่านี้ ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้เคล็ดวิชาดูดซับลมปราณของเขาพัฒนาไปถึง ขั้นที่ 3 ได้สำเร็จแล้ว ขั้นที่ 3 ของเคล็ดวิชาคือสามารถดูดซับพลังปราณจากสิ่งมีชีวิตที่ตายรอบ ๆ ตัวได้ 100 กิโลเมตร ซึ่งขั้นนี้ก็เป็นระดับที่ ไคล์ วอเตอร์ เคยเข้าถึงสูงสุดในชาติที่แล้ว

แต่ขั้นที่ 3 ยังไม่ใช่ขั้นสูงสุดของเคล็ดวิชา ตามตำราทีี่บันทึกเอาไว้เคล็ดวิชาดูดกลืนลมปราณมีขั้นอยู่ทั้งหมด 5 ขั้น แต่ขนาดขั้นที่ 3 ยังมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ไคล์ วอเตอร์ ก็จินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าขั้นที่ 5 จะมีพลังในการดูดกลืนมากมายขนาดไหน

และสิ่งนี้ก็เป็นเหตุผลที่ ไคล์ วอเตอร์ ยังไม่อยากเข้าแทรกแซงการต่อสู้ ตอนนี้ ไคล์ วอเตอร์ กำลังอยู่ระหว่างคอขวดจากระดับพระเจ้า ขั้นที่ 2 ขึ้นไปขั้นที่ 3 เขาต้องการพลังจากภายนอกเพื่อช่วยทะลวงขั้นขึ้นไป หากส่งทหารของตัวเองเข้าไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว กลับกัน หากให้ทั้งสองกองทัพตีกันไปเรื่อยๆ เขาก็จะได้รับพลังปราณจากพวกที่ตายมากขึ้นไปอีก

รู้แบบนี้แล้ว ทำไม ไคล์ วอเตอร์ ต้องส่งทหารของตัวเองออกไปด้วยล่ะ!

ปล่อยให้พวกนั้นฆ่ากันเอง ตัวเขาได้ประโยชน์มากกว่าเยอะ อีกอย่างถึงพวกกองทัพนักบวชทอมสัน และกองทัพนักบวชริชาร์ดจะเปลี่ยนชื่อ ยังไงพวกนั้นก็เคยได้ชื่อว่าเคยต่อต้านมาก่อน ไคล์ วอเตอร์ ไม่แคร์พวกนั้นอยู่แล้ว

หลายนาทีต่อมา

‘ ใกล้แล้ว… อีกแค่นิดหน่อยเท่านั้น ’

‘ ฆ่ากันต่อไป ฆ่ากันให้มากกว่านี้ อีกนิดเดียวข้าก็จะสามารถทะลวงเข้าสู้ขั้นที่ 3 ได้สำเร็จ ’

ไคล์ วอเตอร์ คิดในใจระหว่างหลับตาลงและทำสมาธิ พลังที่หลั่งไหลเข้าร่างของเขาตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นพลังที่มหาศาลมาก มีคนตายเมื่อไหร่ พลังปราณก็ตรงเข้าร่าง ไคล์ วอเตอร์ เมื่อนั้น ด้วยจำนวนพลังปราณที่ไหลเข้าร่างกายจำนวนมากมาย ไคล์ วอเตอร์ จึงเตรียมตัวเข้าสู่ระดับพระเจ้า ขั้นที่ 3 แล้ว

ไคเซอร์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตได้ถึงพลังปราณที่ผิดปกติรอบตัว ไคล์ วอเตอร์ เมื่อเห็นเขาก็เดินถอยหลังให้ห่างทันที จากนั้นก็ตะโกนสั่งอัศวินที่อยู่รอบๆ ว่า

" ถอยออกไป ท่านแกรนด์ดยุกกำลังจะทะลวงขั้น “

อัศวินหลายคนหันมองไปทาง ไคล์ วอเตอร์ ด้วยสายตาเดียวกัน แต่ไม่นานทุกคนก็ทำตามคำสั่ง ทุกคนรู้ดีว่าแกรนด์ดยุก วอเตอร์ มีสุดยอดเคล็ดวิชาที่สามารถดูดซับพลังปราณจากคนอื่นๆ ได้ เพราะงั้นเมื่อมีคนตายจำนวนมากในสนามรบ แกรนด์ดยุก วอเตอร์ จะทะลวงขั้นได้ก็ไม่แปลก

ทุกคนทิ้งระยะห่างจาก ไคล์ วอเตอร์ ประมาณ 500 เมตร ทหารและอัศวินทุกคนต่างจับจ้องไปทาง ไคล์ วอเตอร์ ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า การทะลวงระดับของระดับพระเจ้าไม่ใช้อะไรที่จะสามารถเห็นกันได้ง่ายๆ บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะเห็นก็ได้ เพราะการเห็นการทะลวงขั้นของระดับพระเจ้าใกล้ๆ แบบนี้ เป็นสิ่งที่สุดยอดมาก ดีไม่ดี พวกที่อยู่ใกล้ๆ อาจได้รับพลังปราณจนช่วยยกระดับได้ด้วยซ้ำ

ดังนั้น ทหารและอัศวินบางคนก็แอบทำสมาธิเพื่อใช้โอกาสนี้ทะลวงขั้นอยู่หลายคน พลังปราณที่ปล่อยออกมาหลังจากการทะลวงขั้นก็เหมือนกับพวกของเสียที่ปล่อยออกมา หรือพูดง่ายๆ พลังพวกนั้นเป็นพลังปราณที่ร่างกาย ไคล์ วอเตอร์ ไม่ต้องการแล้ว

ทว่า พลังที่ร่างกายระดับพระเจ้าไม่ต้องการ ก็ยังถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อระดับจักรพรรดิ แต่ทหารและอัศวินที่พยายามใช้โอกาสนี้ส่วนมากอยู่ในระดับราชานักรบกันเท่านั้น ถ้าโชคดีพวกเขาอาจทะลวงขั้น หรือบางทีอาจจะทะลวง 2 ขั้น เลยก็ได้ พวกทหารไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่

ไคเซอร์ มองเห็นทหารหลายคนใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าหรือสั่งหยุดอะไร เพราะหากไม่มีพวกนี้ดูดซับเอาไว้ พลังปราณเหล่านั้นก็ต้องหายไปอยู่แล้ว แทนที่จะปล่อยให้หายไปปล่อยให้ทหารดูดซับเข้าร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง การทำแบบนี้ย่อมเกิดประโยชน์มากกว่าอยู่แล้ว

ไคล์ วอเตอร์ กำลังรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

‘ แปลกมาก? ทำไมพลังปราณในร่างกายของเราถึงได้เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ พลังปราณขนาดนี้มันมากกว่าเมื่อชาติที่แล้วของเราเกือบเท่าตัว แถมยังเพิ่มขึ้นยังไม่ถึงระดับสูงสุดด้วย??? ‘

ไคล์ วอเตอร์ รู้สึกสงสัยมากกับพลังปราณมหาศาลในร่างกายของเขา

เรื่องที่ระดับพลังปราณมากกว่าชาติที่แล้ว ไคล์ วอเตอร์ พอเข้าใจ เพราะมันมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น อายุของร่างของเขา การทะลวงพลังในช่วงอายุน้อยๆ ย่อมดีกว่าทะลวงในช่วงอายุเยอะๆ การมีพลังปราณมากกว่าชาติที่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องแปลกมากนัก

แต่ตอนนี้มันเยอะผิดปกติมากเกินไปแล้ว เมื่อชาติที่แล้วตอนเขามีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับพระเจ้า ขั้นที่ 5 ยังไม่มีพลังปราณมากมายเท่านี้เลย หากตอนนี้เขากำลังทะลวงเข้าสู้ระดับพระเจ้า ขั้นที่ 5 ไคล์ วอเตอร์ จะไม่แปลกใจ

ทว่า ตอนนี้เขากำลังเขากำลังทะลวงเข้าสู่ระดับพระเจ้า ขั้นที่ 3 เท่านั้น นี่มันแปลกมากเกินไปแล้ว อีกอย่าง ไคล์ วอเตอร์ ยังสัมผัสได้อ่อนๆ ว่ากำลังมีพลังปราณที่เข้มข้นมากกำลังไหลเข้าร่างกายตัวเอง

การทะลวงระดับก่อนหน้านี้ ไคล์ วอเตอร์ ไม่มีเวลาสังเกตอะไรมาก แต่พอระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงระดับพระเจ้า ขั้นที่ 3  ไคล์ วอเตอร์ จึงสังเกตพบว่ามีพลังที่เข้มข้นมากกำลังไหลเข้าร่างของเขา พลังที่ไหลเข้าร่างของเขาตอนนี้เป็นพลังที่อบอุ่นมาก

ไคล์ วอเตอร์ ผ่านสงครามและการต่อสู้มามากมายในชีวิตก่อน เพราะงั้นไม่ว่าพลังปราณจะอ่อนจนแทบไม่สามารถสัมผัสได้ ไคล์ วอเตอร์ ก็จะสามารถสัมผัสได้เพราะต้องเตรียมตัวเอาไว้ต่อสู้กับพวกมือสังหาร ทั้งยังสามารถแยกแยะพลังปราณที่สัมผัสได้อย่างเด็ดขาดว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

และพลังปราณเข้มข้นที่กำลังไหลเข้าร่างของเขาตอนนี้ ก็เป็นพลังที่เป็นมิตรไม่ใช่พลังปราณที่แฝ้งไปด้วยจิตสังหาร ไคล์ วอเตอร์ สงสัยอยู่หลายวินาที แต่เมื่อรู้ว่าพลังที่กำลังเข้าร่างกายเป็นพลังที่เป็นมิตร เขาจึงปล่อยให้พลังจากภายนอกที่ว่าเข้าร่างกายโดยไม่พยายามห้ามเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน ภายในสนามรบทางเขตเหนือที่กลุ่มต่างๆ กำลังฆ่าฟันกันอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสถึงพลังปราณจำนวนมหาศาลที่กำลังแพร่ออกมา พวกเขาทุกคนต่างก็หยุดโจมตีกันและกัน ทุกคนคลายมือออกจากอาวุธแล้วหันมองไปทางต้นต่อของพลังปราณที่แพร่ออกมา

“นั่นมัน… จุดที่กองทัพจักรวรรดิตั้งค่ายอยู่!”

ทหารคนหนึ่งพูดออกมา เขาสัมผัสได้ว่ามีสิ่งที่น่ากลัวอยู่ทางนั้น

ทุกคนต่างก็เลิกสนใจคู่ต่อสู้ด้านหน้า โดยเฉพาะพวกระดับสูงในกองกำลังต่าง ๆ พวกระดับสูงในกองกำลังต่าง ๆ ต่างก็เคยเจอแรงกดดันของพวกระดับ พระเจ้า มาก่อนกันแทบทุกคน

แต่… ตอนนี้แรงกดดันที่พวกเขาสัมผัสได้ มันน่ากลัว กว่าแรงกดดันระดับ พระเจ้า ของพวกนักบวชหมายเลข 1 – 10 มาก

“แกรนด์ดยุก วอเตอร์ กำลังจะพัฒนาไประดับไหนกันแน่”

โมเลีย [ผู้นำ กองกำลังทำงานเพื่อจักรวรรดิ] คิดในใจเงียบ ๆ คนเดียว

หลังจากอยู่เฉย ๆ เพราะพลังปราณจำนวนมากอยู่ ๆ ก็ปรากฏออกมา การต่อสู้ระหว่างกองกำลังต่าง ๆ ก็เริ่มอีกครั้ง

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

….

…..

…….

[ กลับมาบรรยายแบบบุคคลที่ 1 ครับ แต่ถ้าเป็นฉากอื่นที่มัน 1 ไม่ได้จริง ๆ ก็จะ 3 ]

หลายชั่วโมงต่อมา

วูม!!!!

แรงลมมหาศาลพลัดออกจากร่างของผม ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ ระดับพระเจ้า ขั้นที่ 3

หลังจากรู้ว่าระดับพลังของตัวเองเพิ่มขึ้น ผมก็เริ่มตรวจเช็คพลังปราณในร่างกายของตัวเองทันที แล้วก็เป็นแบบที่ผมคิดเอาไว้ พลังปราณในร่างกายของผมตอนนี้มันเยอะมาก เยอะมากกว่าระดับพระเจ้า ขั้นที่ 5 ในชาติที่แล้วซะอีก

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ก็อยากถามแบบนี้อยู่หรอก แต่จากประสบการณ์ของผมในชาติก่อน มันก็ทำให้ผมรู้ว่าคำตอบไม่มีทางเดินมาหาเราง่าย ๆ อยากรู้คำตอบก็ต้องหา

อีกอย่าง ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องรีบหาคำตอบเรื่องนี้ ถ้ามันมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง ๆ คนคนนั้นก็จะมาหาผมเอง คนที่อยู่เบื้องหลังคงต้องการให้ผมทำอะไรให้แน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่สนับสนุนผมแบบนี้

หลังจากตัดสินใจโยนความสงสัยทิ้งไป ผมก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

หลังจากลืมตาขึ้นสถานการณ์รอบ ๆ ตัวของผมยังเหมือนเดิม

ในระหว่างที่เรากำลังทะลวงขั้น เหมือนว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสินะ

แก๊ก

แก๊ก

ระหว่างผมกำลังกวาดตามอง ไคเซอร์ ก็วิ่งเข้ามาหาผมช้า ๆ

“ยินดีด้วยครับท่านแกรนด์ดยุก ท่านเพิ่มขั้นบ่มเพราะไปอีกครั้งแล้ว”

ไคล์เซอร์ พูดด้วยรอยยิ้ม

ผมเลยตอบไปว่า

“อื้ม! แล้วสถานการณ์หลายชั่วโมงมานี้เป็นยังไงบ้าง”

“เป็นแบบที่ท่านคาดการณ์เอาไว้ครับ พวกกองกำลังต่าง ๆ ต่างสู้กันจนบาดเจ็บหนัก แล้วอีกอย่าง ดูเหมือนพวกผู้นำก็จะบาดเจ็บหนักกันด้วย ตอนนี้เป็นโอกาสของเราแล้วครับ ถ้าเราใช้โอกาสนี้กวาดล้างพวกมันให้สิ้นซาก อาณาเขตทางเหนือแห่งนี้ก็จะตกเป็นของเรา”

ไคเซอร์ พูดด้วยใบหน้าจริงจัง

สิ่งที่ ไคเซอร์ แนะนำมามีเหตุผล ถ้าผมใช้โอกาสนี้จัดการกับพวกมัน ทางเหนือก็จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิ

จริง ๆ ผมมีแผนอีกมากเพื่อจะจัดการกับอาณาเขตทางเหนือ แต่ในเมื่อทางนี้มันสามารถจบง่าย ๆ ผมก็ควรเลือกทางนี้

สงครามครั้งนี้มันยังอีกยาวไกล หลังจากจัดการเรื่องทางเหนือเสร็จผมก็ต้องวางแผนสู้กับกองกำลังพันธมิตร ที่ประกอบไปด้วย สหราชอาณาจักร ราชอาณาจักร และ อาณาจักร จบสงครามทางเหนือได้เร็วเท่าไหร่ ผมก็มีเวลาเยอะขึ้นเท่านั้น

ผมพูดออกไปว่า

“เอาตามที่เจ้าเสนอมา บอกให้พวกทหารบุกไปได้เลย”

“ครับ”

ไคเซอร์ ตอบรับคำสั่งของผม

หลังจากผมออกคำสั่ง กองทัพตระกูล วอเตอร์ ก็เริ่มเคลื่อนไหว และการต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเหตุผลที่การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วก็เป็นเพราะว่า กองกำลังทางเหนือบาดเจ็บสาหัส และเหนื่อยล้ากันอยู่แล้ว ทำให้กองทัพตระกูล วอเตอร์ จบการต่อสู้ง่าย ๆ

ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ผมสั่งให้กองทัพตระกูล วอเตอร์ เคลื่อนไหว ฐานของกองกำลังใหญ่ ๆ ในอาณาเขตทางเหนือก็โดนทำลายหมด ในตอนนี้ เมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ตกเป็นของจักรวรรดิเรียบร้อยแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด