ตอนที่แล้วตอนที่  4-21 นักรบเลือดมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5-2 แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่

ตอนที่  5-1 ค่ายกลเวทลึกลับ


ลินลี่ย์รู้สึกว่าร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากมายนักก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาเป็นเพียงนักรบระดับ 4 แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นรวดเดียวมาที่ระดับ6  นี่ย่อมเป็นศักยภาพของนักรบเลือดมังกรโดยแท้เมื่อคิดย้อนกลับไปที่ความเจ็บปวดซึ่งเขาได้รับนั้น ลินลี่ย์รู้สึกหนาวยะเยือกอย่างช่วยไม่ได้

"ลินลี่ย์ลองทดสอบร่างมังกรของเจ้าดูสิ" เดลิน โคเวิร์ท กล่าวอย่างสนใจ

"เจ้านายลองทดสอบดู!" บีบี สนับสนุนอย่างตื่นเต้น

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็อยากจะรู้ว่าระดับพลังของเขาอยู่ที่ระดับใดเช่นกันเมื่ออยู่ในร่างมังกร ลินลี่ย์เริ่มควบคุมลมปราณเลือดมังกรให้โคจรไปรวมกันที่จุดตันเถียนที่ท้องน้อยของเขา ทันใดนั้น ...

กระแสปราณดำเริ่มไหลจากจุดตันเถียนของเขาไปยังร่างกาย แขนขา และกระดูกของเขา

"ฮ่าาาาาห์"ลินลี่ย์คำรามออกมาจากลำคอ ชั้นเกล็ดดำขนาดเล็กเริ่มงอกออกมาคลุมผิวของเขาในเวลาเดียวกันแถวของหนามแหลมเริ่มปรากฏให้เห็นบนหลังของเขา และหนามนั้นยาวขึ้นหางที่คล้ายแส้เหล็กงอกออกมาจากกระดูกก้นกบเขา

เมื่อเทียบกับมังกรเกราะหนามหนามแหลมบนหลังของลินลี่ย์ มีจำนวนน้อยกว่าและสั้นกว่า

"ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้าเต็มไปด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัด"ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เขารู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยมเหลือเชื่อนักรบเลือดมังกรเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดนักรบของทวีปยูลาน เขาเพิ่งเริ่มต้นในเส้นทางนี้แต่เขามีความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่ง

สุดยอดนักรบที่แท้จริงซึ่งได้ทิ้งนามของพวกเขาไว้!

"พลังของข้าตอนนี้จะต้องมีพลังมากกว่าร่างปกติของข้าหลายสิบเท่า" ลินลี่ย์ยืดแขนขวาของเขาซึ่งถูกปกคลุมไว้ด้วยเกล็ดออกและมองดูเล็บคมกริบราวกับมีด

ลินลี่ย์กระโดดเตะด้วยพลังเต็มที่ทันที ...

ด้วยความเร็วดุจประกายไฟลินลี่ย์ กระโดดไปที่ว่างตรงกลางถ้ำ แล้วชกออกไปที่ผนังถ้ำเต็มกำลังแผ่นดินสั่นสะเทือน หินจำนวนมากกระเด็นออกจากผนังถ้ำแขนของเขาทะลุเข้าไปในกำแพงหิน และสำหรับ ลินลี่ย์มันให้ความรู้สึกว่ามันง่ายราวกับกำลังจุ่มแขนของเขาลงไปในโคลนนุ่ม.

พลังนี้มันช่างเหลือเชื่อ

"ฮ่าห์!"เสียงตะโกนอย่างเร่าร้อน ลินลี่ย์ เตะออกไปอย่างรุนแรงสองครั้งไปที่ผนังถ้ำมันระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ทันที ทำให้หินตกลงมาจากเพดานราวกับห่าฝน

จากแรงเตะนั้นเองส่งให้ลินลี่ย์ลอยขึ้นไปในอากาศ ...

และจากนั้นลินลี่ย์ใช้สองหมัดกระแทกไปยังเพดานถ้ำอย่างรุนแรง

"ปัง!"เพดานของถ้ำปริแตกราวกับกระดองเต่า และหินยักษ์ก้อนหลังหนึ่งตกลงมาจากเพดานท่ามกลางฝนหินมากมายก่อนหน้านี้แต่ ลินลี่ย์ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยหินที่ตกลงมาจากเพดานถ้ำเหล่านี้ไม่สามารถสร้างริ้วรอยบาดแผลให้กับร่างกายของเขาได้แม้แต่รอยเดียวเกล็ดดำที่ปกป้องร่างกายของเขาอยู่ตอนนี้มีพลังมากกว่าเกราะศิลาหยกซึ่งเป็นเวทป้องกันธาตุดินของเขาเสียอีก

"ฟุบ""ควับ" "เฟี้ยว!"

ร่างของลินลี่ย์กลายเป็นภาพเบลอสีดำหม่นบางครั้งเขาอยู่บนพื้นดินบางคราว เขาโผบินอยู่กลางอากาศบางครั้งเขาจะใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดกระแทกขาลงบนผนังถ้ำด้วยลูกเตะอันป่าเถื่อนอีกหลายๆครั้งที่เขากระแทกอย่างดุดันไปยังเพดานถ้ำด้วยหมัดของเขาและปล่อยให้หินตกลงบนร่างกายของเขา

หลังจากนั้น...

ลินลี่ย์ลงสู่พื้นและพุ่งตัวตรงไปยังทางออกของถ้ำ

"ปู่เดลินท่านคิดว่ายังไง?"ลินลี่ย์เอ่ยปากถาม

ผู้คนส่วนใหญ่พบว่ายากมากที่จะต้องประเมินความแข็งแกร่งของนักรบเว้นแต่จะใช้การทดสอบแบตเตอรี่มาใช้ อย่างน้อยที่สุดลินลี่ย์เองก็ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะประเมินแต่เดลินโคเวิร์ทนั้นมีประสบการณ์สูงพอสามารถที่จะประเมินความแข็งแกร่งของเขาจากพลังทำลายล้างที่เขาเพิ่งจะได้ปลดปล่อยไปได้

"ในด้านของพลังเพียงอย่างเดียว...เจ้าน่าจะเหนือกว่าระดับเริ่มต้นของนักรบระดับแปดไปแล้ว"เดลิน โคเวิร์ท ดูท่าทางไม่มั่นใจเล็กน้อย"แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเจ้านั้นรวดเร็วมากบางทีเจ้าอาจจะได้รับการถ่ายทอดความเร็วในการเคลื่อนที่โดยธรรมชาติจากมังกรเกราะหนามความเร็วของเจ้าเทียบเท่ากับนักรบระดับ 8 ที่มีความคล่องตัวสูงส่วนพลังป้องกันของเจ้านั้นข้าไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ เนื่องจากข้ายังไม่ได้เห็น"

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

เขาเข้าใจว่าร่างมังกรของเขานั้นมีลักษณะสัมพันธ์กับมังกรเกราะหนามก็สมเหตุสมผลที่ร่างมังกรของเขามีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกันกับมังกรเกราะหนาม

"อันว่านักรบเลือดมังกรของตระกูลเรานั้นความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งคือ ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสามร่างตอนนี้ข้านั้นเป็นนักรบระดับ 6และด้วยร่างมังกรข้านั้นมีพลังในระดับเริ่มต้นของนักรบระดับ 8จากคัมภีร์ที่ข้าได้อ่านนั้น นักรบเลือดมังกรที่มีพลังถึงช่วงเริ่มต้นของระดับ 9ในร่างมนุษย์แล้วนั้น เมื่ออยู่ในร่างมังกร เขาจะมีพลังไปถึงระดับเริ่มต้นของเซียนนักรบเลยทีเดียวและถึงแม้ระดับพลังในร่างมนุษย์ของเขาถึงระดับเซียน แล้วก็ตามในร่างมังกรเขาจะยังคงอยู่เพียงระดับเซียนเท่าเดิมที่เพิ่มมามีเพียงสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้น"

ลินลี่ย์เองก็ค่อนข้างจะเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและต้นกำเนิดพลังของร่างมังกรแล้ว

วัตถุประสงค์ของการใช้ร่างมังกรนั้นก็เพราะในช่วงแรกนั้นการใช้พลังในร่างมนุษย์ปกติจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังทั้งหมดของเลือดมังกรในเส้นเลือดของเขาได้เต็มที่มีแต่การเปลี่ยนไปใช้ร่างมังกรเท่านั้นจึงจะทำให้เขาสามารถใช้พลังทั้งหมดของเลือดมังกรได้อย่างเต็มที่

แต่เมื่อเขามีระดับพลังถึงระดับเซียนแล้วได้เรียนรู้และสามารถควบคุมการใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของเลือดมังกรในตัวเขาได้เต็มที่แล้วเมื่อถึงตอนนั้นดูมีเหตุผลเพียงพอที่ร่างมังกรจะเพิ่มพลังให้เขาได้เพียงเล็กน้อย

"ลินลี่ย์ลุกขึ้นและรีบจัดการซากของอสูรเวททั้งสองซะอสูรเวททั้งสองหนึ่งนั้นมีแก่นเวทระดับเซียนส่วนอีกหนึ่งก็เป็นแก่นเวทของมังกรระดับ9" เดลิน โคเวิร์ท กระตุ้นเตือนลินลี่ย์

ลินลี่ย์ตกใจสะดุ้งตื่นจากอาการเหม่อลอยทันที

แก่นระดับ 9 กับแก่นระดับเซียน?

ลินลี่ย์รู้ค่าของแก่นเวทระดับ9 ดีมันมีมูลค่าไม่น้อยไปกว่าห้าล้านเหรียญทอง เป็นจำนวนเงินที่เกินกว่าจะจินตนาการแม้ในเมืองเฟนไลเองเงินขนาดนี้นั้นนับเป็นรายได้สุทธิตลอดปีของตระกูลที่ค่อนข้างใหญ่

แต่แก่นของอสูรเวทระดับเซียน? นั่นมันสมบัติที่หาค่าไม่ได้ชัดๆ

"ได้เลย" ลินลี่ย์คงร่างมังกรไว้แล้วรีบวิ่งไปยังศพเซียนหมีลายม่วง เพราะลินลี่ย์พังผนังและเพดานแม้แต่ศพหมีก็ยังถูกฝังอยู่ใต้กองหินที่พังลงมา

ด้วยคลื่นจากแขนขวาซึ่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดดำของเขา, ลินลี่ย์ทุบหินขนาดใหญ่บนกองซากปรักหักพังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกไปเผยให้เห็นลำตัวท่อนบนและศีรษะของเซียนหมีลายม่วง

ลินลี่ย์พยายามฉีกขนของหมีลายม่วงตรงๆด้วยกรงเล็บสองข้างที่คมดั่งมีดสองชุดของเขา

"ฮึบบบบ!" ลินลี่ย์ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาแต่ขนของหมีลายม่วงระดับเซียนกลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

“ลินลี่ย์นี่มันอสูรเวทระดับเซียนถึงแม้เจ้าจะอาศัยพลังของร่างมังกร เจ้าก็ยังเป็นแค่นักรบระดับ 8 ขั้นแรกเท่านั้นหากเจ้าต้องการฉีกขนเจ้าหมีนี่ไม่มีทางที่ตัวเจ้านั้นจะกระทำได้ด้วยตัวคนเดียว”เดลิน โคเวิร์ท หัวเราะออกมา

ลินลี่ย์ได้แต่ฝืนใจยอมรับความจริงข้อนี้

"แต่ดูนั่นสิลินลี่ย์มีหนามแหลมจำนวนมากบนร่างกายของเจ้าหมีลายม่วงระดับเซียนหนามเหล่านี้ทั้งหมดล้วนคมกริบมาก ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถใช้งานมันเพื่อตัดเปิดขนและหนังของมันได้ในตอนนี้ แต่ดูหนามที่ปักอยุ่ใกล้ดวงตาของเจ้าหมีลายสักม่วงระดับเซียนที่เจ้าต้องทำก็แค่ดึงหนามออกมาแล้วใช้กรงเล็บของเจ้าแทงลงไปที่แผลนั้นและพยายามเปิดมันให้กว้างที่สุดข้ามั่นใจว่าเจ้าจะได้แก่นเวทระดับเซียนมาครอบครองแน่นอน" เดลิน โคเวิร์ทแนะนำลินลี่ย์

สำหรับมังกรเกราะหนามตัวใหญ่ยักษ์หนามเหล่านี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าขนเส้นหนึ่ง!

แต่สำหรับมนุษย์ตัวเล็กๆเช่นลินลี่ย์หนามเหล่านี้เป็นเหมือนสว่านยาว 20 เซ็นติเมตร หลังจากดึงหนามขนาดใหญ่ออกมาจากแผลที่เปิดอยู่ใกล้ดวงตาของหมีลายม่วงเหลือเพียงสิ่งง่ายๆอย่างการดึงแก่นเวทผ่านรอยแผล

นอกจากขนอันแข็งแกร่งแล้วสมองและอวัยวะส่วนอื่นของอสูรเวทระดับเซียนไม่ได้แข็งแกร่งนัก

ลินลี่ย์ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาดึงเจ้าสว่านยักษ์แล้วใช้แขนที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดดำของเขาเข้าไปควานหาแก่นเวทขนาดหัวของเจ้าหมีลายสักม่วงนั้นใหญ่กว่า 1 เมตร ลินลี่ย์ยืดแขนของเขาเข้าไปจนข้อศอกจมลงไปในแผลก่อนที่เขาจะเจอแก่นเวทระดับเซียนและดึงมันออกมาได้

แก่นเวทระดับเซียนปกคลุมไปด้วยโลหิตแห้งเกรอะกรัง

แก่นเวทสีดำมีขนาดเท่ากำปั้น

"สัมผัสถึงกลิ่นอายของลักษณะของธาตุมืดที่มันมีอยู่ไม่ได้เลย"ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจมาก ถ้าเขาไม่ได้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าแก่นเวทของหมีลายม่วงมีขนาดเท่ากำปั้นหินสีดำเขาไม่มีทางเดาได้เลยว่านี่คือแก่นเวท

"พลังงานที่อยู่ในแก่นเวทของอสูรเวทระดับเซียนนั้นมีความหนาแน่นสูงและสงบมากเช่นเดียวกันกับแก่นเวทของอสูรเวทระดับ 9"เดลิน โคเวิร์ท อธิบาย,

ลินลี่ย์พยักหน้า

"ร่างกายของอสูรเวทระดับเซียนทั้งหมดนั้นเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่าอย่างเช่นกระดูกขาของมันมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ"เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจออกมา"น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีพลังมากพอจะทำลายพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของขนนี่ได้"

ลินลี่ย์ได้แต่พยักหน้าอย่างจนปัญญา

หมีลายม่วงระดับเซียนมีขนาดร่างกายใหญ่มากเขาไม่มีความสามารถมากพอแม้แต่จะขนซากศพมันกลับไป

“ช่างสูญเปล่ายิ่งนัก”บีบีพูดพร้อมกับเดินออกไปด้านข้าง

ลินลี่ย์หัวเราะหึๆ"เราทำได้ค่อนข้างดีแล้ว ส่วนที่มีค่าที่สุดของอสูรเวทคือแก่นเวทของมันแค่แก่นเวทระดับเซียนเพียงอย่างเดียวก็เป็นสมบัติอันหาค่ามิได้แล้วข้ารู้สึกพอใจมากแล้วที่ได้มันมา ยิ่งกว่านั้น ข้ายังมีผลึกมังกรระดับเก้าอีก"ลินลี่ย์หัวเราะในขณะที่เขาเดินไปที่ศพของมังกรเกราะหนาม

ศพของมังกรเกราะหนามมีแผลเหวอะบนหัวของมันการหาผลึกมังกรไม่ควรมีปัญหามากนัก

ลินลี่ย์จ้วงกรงเล็บอันคมกริบของเขาไปยังแผลบนหัวของมังกรเกราะหนาม

"เอ๊ะ?"

หลังจากควานหาอย่างละเอียดในกะโหลกของมังกรเกราะหนามลินลี่ย์กลับไม่พบสิ่งใด ทำให้ลินลี่ย์สงสัยเป็นอย่างยิ่ง

"ทำไมถึงไม่มีผลึกมังกร?นี่มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?"ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

"เป็นไปไม่ได้อสูรเวทอยู่ไม่ได้หากขาดแก่นเวท และเจ้ามังกรนี่ก็ต้องมีผลึกมังกรแน่ๆหลังจากอสูรเวทตาย ไม่มีทางที่ผลีกเวทจะหายไปเช่นนี้" เดลิน โคเวิร์ทเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

ทันใดนั้นลินลี่ย์พลันนึกอะไรบางอย่างออก...

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขากำลังคลั่งและดื่มเลือดของมังกรเกราะหนามเขาได้กลืนบางสิ่งที่เย็นเป็นน้ำแข็งลงไปในท้องของเขาแต่ในเวลานั้นเนื่องจากความบ้าคลั่งและความเศร้าโศกของเขา เขาไม่ได้สนใจอะไรและจากนั้นเมื่อเขาได้กินหญ้าใจฟ้า ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาค่อยๆจางไปเว้นแต่จุดที่สิ่งนั้นเคยอยู่

"ไม่มีทาง...หรือว่ามันคือผลึกมังกร?" ลินลี่ย์ถามดัวเอง,

ลินลี่ย์ยังคงเหลือความรู้สึกของความเย็นที่ไหลผ่านลำคอของเขาลงไปในท้องของเขา

"ข้ากินผลึกมังกรลงไป? นี่...มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?ในคัมภีน์ลับเลือดมังกร มีเพียงคำอธิบายเกี่ยวกับการดื่มเลือดมังกรเป็นไปได้ว่าการกิน แก่นผลึกมังกรก็ได้ผลเช่นกัน?" ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่สำคัญ ดูเหมือนเขาได้กลืนแก่นนั่นเข้าไปดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้ผลกระทบร้ายๆหรือสร้างความเจ็บปวดให้กับเขา

ลินลี่ย์หัวเราะหึๆ

"นี่ข้ากินอะไรลงไปนั่นมันไม่ใช่แค่ผลึกมังกรมันคือเงิน 5 ล้านเหรียญทองเชียวนะ" ลินลี่ย์คร่ำครวญกับตัวเอง

"นายท่าน ด ดดูนั่น!" บีบีส่งเสียงอันแตกตื่นออกมา

ลินลี่ย์ชำเลืองมองไปที่บีบีซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงกลางของกองเศษหิน และจ้องมองอย่างซึมเซาไปยังเพดานของถ้ำ ลินลี่ย์หันไปทางซ้ายทันทีและมองขึ้นไปยังเพดานถ้ำเช่นกัน

"…นั่นคืออะไร?"

ที่จุดบนสุดของถ้ำปรากฏมีแท่นกลมดำขนาดใหญ่ แท่นกลมดำนี้ฝังอยู่บนเพดานถ้ำแม้ตอนนี้ส่วนใหญ่ของมันจะถูกปกคลุมด้วยหินชัดเลยว่า...การโจมตีอย่างป่าเถื่อนบนเพดานถ้ำก่อนหน้านี้เป็นสาเหตุให้หินจำนวนมากร่วงลงมาและนั่นทำให้แท่นกลมดำนี่ปรากฏขึ้นมา

ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเพราะแท่นดำนี่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ

มีอักขระเวทมนต์อันซับซ้อนมากบนแท่นดำประเภทของอักขระเวทมนต์ทั้งหมดบนแท่นเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนอย่างที่สุดเห็นได้ชัดว่าบนแท่นดำด้านบนนั้น มีการจัดเรียงของค่ายกลเวทสักอย่างแน่ๆ แต่ลินลี่ย์ย่อมไม่เคยเห็นการจัดเรียงของอักขระเวทเช่นนี้มาก่อน

หากให้อธิบายค่ายกลเวทที่คุ้มกันประตูของสถาบันเอินส์คือ‘ดาบสายลม’หนึ่งเล่มแล้ว ค่ายกลเวทลึกลับนี่ก็เป็น‘ทอร์นาโดพิโรธ’

โดยเฉพาะเมื่อตรงกลางแท่นกลมดำนั้นมีกระบี่ที่ปกคลุมไว้ด้วยประกายแสงม่วงปักอยู่ตรงกลางแท่น

"ค่ายกลเวทมนต์นี้... เป็นไปได้อย่างไรกัน?"เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวขึ้นข้าง ลินลี่ย์แหงนหน้าของเขาและมองขึ้นไปเขาพูดออกมาว่า "เป็นไปไม่ได้ ค่ายกลเวทนี้มาปรากฏอยู่ที่นี่ได้อย่างไรแล้วยังมีกระบี่ประหลาดๆนั่นอีก"

เดลิน โคเวิร์ทผู้ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมักจะสงบและเยือกเย็นอยู่เสมอตกอยู่ในอาการตกใจในช่วงชีวิตกว่าพันปีของเขา เขาไม่เคยเห็นค่ายกลเวทที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อนอย่างไรก็ตามค่ายกลเวทนี้ยังคงสงบอยู่และยังไม่ทำงานเขาบอกได้เลยว่าค่ายกลเวทนี้มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวอยู่แน่นอน

"ท่านปู่เดลินค่ายกลเวทนี่แข็งแกร่งมากใช่หรือไม่?" ลินลี่ย์เอ่ยถาม

เดลิน โคเวิร์ท มองลินลี่ย์"แข็งแกร่งมาก?เราไม่สามารถใช้คำว่า 'แข็งแกร่ง' อธิบายพลังของค่ายกลเวทนี้ได้พลังของค่ายกลเวทนี้เหนือกว่าคาถาต้องห้ามใดๆเสียอีก เจ้าถามว่าข้าว่า มัน'แข็งแกร่ง'หรือไม่ในชั่วชีวิตของข้าไม่เคยเจอค่ายกลเวทที่ซับซ้อน ทรงพลังอย่างค่ายกลเวทนี้มาก่อนยิ่งไปกว่านั้นค่ายกลเวทนี้ยังยืมพลังจากกระบี่ประหลาดเพื่อเสริมพลังของมันเองด้วยหรือว่าผู้ที่สร้างค่ายกลเวทนี้รู้สึกว่าพลังของค่ายกลเวทเพียงอย่างเดียวไม่แข็งแกร่งพอ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด