ตอนที่แล้วตอนที่ 110 - ตอนที่ 109 ท้ารบในตระกูล P1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 112 – ตอนที่ 110 ร่ำไห้, กระอักเลือด, ริษยา P1

ตอนที่ 111 – ตอนที่ 109 ท้ารบในตระกูล P2


นักรบพฤกษาร้อยปียกแขนขนาดใหญ่ของมันและใช้หมัดของมันกระหน่ำลงบนพื้นเวที การทุบลงไปที่แผ่นหินเวทีทำให้จิ้งจอกเพลิงสับสนและวุ่นวาย

มันยิงกิ่งหนามแหลมออกมาซึ่งทะลวงเข้าไปในพื้นจนแผ่นหินแตกกระจาย เมื่อหนามโผล่ออกออกมาอีกครั้ง มันแทงเข้าที่ลำตัวของจิ้งจอกเพลิง ถ้าจิ้งจอกเพลิงไม่ใช่อสูรผู้พิทักษ์ของเย่ว์เป่า มันก็คงจะตายจริงๆ

เย่ว์ปิงควบคุมนักรบพฤกษาร้อยปีในใจสั่งให้มันคว้าหางจิ้งจอกแล้วชูขึ้น

จากนั้น นางสั่งให้มันเหวี่ยงร่างจิ้งจอกลงพื้นอย่างแรง

จิ้งจอกเพลิงไม่มีโอกาสได้ร้อง ขณะที่มันเปลี่ยนสภาพเป็นแสงสีทองและกลับเข้าไปในคัมภีร์ของเย่ว์เป่า…

“อย่านึกว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ในลักษณะนี้เชียว ฝันไปเถอะ” ทันใดนั้นเย่ว์เป่า เรียกแมมมอธศึกขนาดสูง 4 เมตรตัวหนักมากออกมา แม้ว่ามันจะไม่ใช่อสูรระดับชั้นทองแดง แต่มันก็ยังเป็นอสูรระดับ 5 เขาวางแผนใช้อสูรขนาดใหญ่นี้เป็นโล่เนื้อเพื่อให้ต่อกรกับนักรบพฤกษาร้อยปี จากนั้นโจมตีมันด้วยอาวุธลับของเขา หุ่นติดล้อฟันเลื่อยซึ่งถูกสร้างมาใช้ตอบโต้นักรบพฤกษาโดยเฉพาะ เป็นคราวซวยของนักรบพฤกษาแล้ว ไม่ว่านักรบพฤกษาจะแข็งแกร่งแค่ไหนภายใต้การโจมตีของจักรหมุนมันจะต้องพ่ายแพ้แน่

พอเห็นแมมม็อธศึกและหุ่นฟันเลื่อยตรงเข้ามาหานาง เย่ว์ปิงแค่นเสียงเย็นชา “การกระทำอย่างนี้ไร้ประโยชน์ที่จะต่อต้านข้า”

นางยกมือทั้งสองขึ้น ทันใดนั้นกิ่งพุ่มหนามโผล่ออกมาจากพื้น

แม้ว่าพุ่มหนามและหนามจะไม่สามารถตรึงร่างใหญ่โตของแมมมอธศึกไว้ได้ แต่มันตรึงขาของแมมมอธไว้ได้ข้างหนึ่งแล้ว

การวิ่งเข้าจู่โจมของแมมมอธสดุดหยุดลงทันที

แม้ว่าพุ่มหนามและหนามจะฉีกขาดจากแรงกระแทก แต่ร่างมหึมาของแมมมอธก็สูญเสียสมดุลล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่น

บนพื้นเวทีไม่มีใครรู้ว่ามันไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และไปอยู่ได้อย่างไร พื้นเวทีเต็มไปด้วยขวากขนาด 1 เมตร เมื่อแมมมอธล้มลงหนามขวากแต่ละท่อนแทงเข้าที่ตัวของแมมมอธ แมมมอธดิ้นรนลุกขึ้นอย่างเจ็บปวด ตัวของมันเต็มไปด้วยหนามของนักรบพฤกษา

พอเห็นแมมมอธได้รับบาดเจ็บหนัก เย่ว์เป่าพยายามเรียกมันกลับเข้าไปในคัมภีร์ทันที เขาคิดว่ามันจะสามารถกลับเข้าไปในคัมภีร์ได้

ใครกันจะคิดว่าแมมมอธศึกร้องลั่นออกมาคราหนึ่งก่อนที่จะล้มลงกับพื้นทันที

“นี่เป็นไปไม่ได้ มันไม่น่าจะตายแบบนั้นได้นี่ แมมมอธศึกของข้าเป็นอสูรที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งที่สุด มันจะล้มลงอย่างนั้นได้อย่างไร? นี่เป็นไปไม่ได้แน่” เย่ว์เป่าเกือบจะบ้าไปแล้ว จิ้งจอกเพลิง อสูรพิทักษ์ของเขา แม้ว่ามันจะไม่ตายจริงๆ ก็ตาม แต่แมมมอธศึกไม่เป็นแบบนั้น เนื่องจากเขาเรียกมันกลับไปไม่สำเร็จ นี่จะหมายความว่าแมมมอธศึกจะต้องตายจริงๆ เขาไม่มีโอกาสนำมันไปรักษาได้อีกต่อไป

“มันโดนพิษ” พอเห็นแบบนี้ เย่ว์เทียนรู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปในใจ

“ท่านกำลังพูดว่าเย่ว์ปิงสามารถเอาทักษะพิษร้ายแรงที่เป็นทักษะธรรมชาติของนางมาประยุกต์ใช้กับหนามของนักรบพฤกษาเหรอ?” เย่ว์เยี่ยนกำหมัดแน่น พยายามระงับความกลัวในใจด้วยกำลังของเขา

“ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นพุ่มหนามและหนามของมันทำร้ายร่างกายของมันบาดเจ็บ พิษรุนแรงก็แล่นเข้าไปในตัวของแมมมอธศึกแล้ว มิฉะนั้น หนังของแมมมอธศึกคงจะไม่โดนหนามแทงได้ง่ายๆ แน่ และมันก็จะไม่ตาย” เย่ว์หลิ่งจับไหล่เย่ว์เยี่ยนบุตรชายตนเล็กน้อย และเตือนเบาๆ ว่า “เยี่ยนเอ๋อ, เมื่อเจ้าสู้กับเย่ว์ปิง เจ้าต้องรักษาระยะห่างจากนักรบพฤกษาของนางไว้ ใช้อาวุธไฟโจมตีจากระยะไกล จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“ยิงไฟความร้อนสูง!” วิธีนั้นเย่ว์เป่าก็เพิ่งจะใช้ไป

หุ่นล้อฟันเลื่อยเริ่มพ่นไฟออกมาขณะที่แขนอีกข้างเริ่มหมุนด้วยความเร็วที่น่ากลัว เลื่อยที่อยู่บนวงล้อเปลี่ยนเป็นเครื่องตัดไม้ที่น่ากลัว

เมื่อนักรบพฤกษาติดไฟ มันออกอาการหวาดกลัวทันที เย่ว์ปิงจะสูญเสียการควบคุมของนางที่มีต่อมัน ดังนั้นแผนโจมตีต่อไปก็คือโค่นตัดนักรบพฤกษาให้ขาดกลางด้วยวงเลื่อย

ในบรรดาอสูรหุ่น หุ่นล้อฟันเลื่อยสร้างขึ้นเพื่อตอบโต้นักรบพฤกษาโดยเฉพาะ มันใช้ได้ผลมาก เมื่อนักรบพฤกษาเผชิญกับมันจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก จุดอ่อนประการเดียวที่มันมีอยู่ก็คือมันต้องคอยเติมพลังงานและคอยเปลี่ยนเกียร์เมื่อโจมตีไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เย่ว์เป่าไม่สนใจอีกต่อไป เขาแค่ต้องการล้างแค้น เขาต้องการใช้หุ่นล้อฟันเลื่อยฆ่านักรบพฤกษา จากนั้นก็ฆ่าเย่ว์ปิง มิฉะนั้นเขาคงระเบิดตายเพราะความชังและโกรธ

เย่ว์หยางยืนอยู่ข้างล่างเวที ส่งสัญญาณมือให้เย่ว์ปิงจบการต่อสู้ให้ได้

พอเห็นเช่นนั้น เย่ว์ปิงเข้าใจความตั้งใจของเขาและพยักหน้ารับทราบ นางสั่งให้นักรบพฤกษาร้อยปีกระโดดสูง “บึ้ม!” หุ่นล้อฟันเลื่อยทั้งตัวโดนย่ำจนแหลกเป็นเสี่ยง ชิ้นส่วนของหุ่นล้อฟันเลื่อยกระจายไปทั่วมีประกายไฟจนดูเหมือนพลุ

รากนับไม่ถ้วนออกมาจากตัวนักรบพฤกษาร้อยปีและพันรอบตัวของหุ่นล้อฟันเลื่อยไว้แน่น

หุ่นล้อฟันเลื่อยไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่นิ้วเดียวมีเสียงแกรกๆ ดังออกมาจากภายใน

จากนั้นนักรบพฤกษาร้อยปียกมือทั้งสองจับที่หัวโลหะของหุ่นล้อฟันเลื่อยและบิดหัวของมันอย่างโหดเหี้ยม จนหัวของมันหลุดออกจากกัน แค่เพียงชั่วครู่ ในทันใดนั้น ประกายไฟแล่บออกจากคอของหุ่นล้อฟันเลื่อยพร้อมกับมีเสียงดังซี่ออกมา

“แป๊ง” นักรบพฤกษาร้อยปีโยนหัวเหล็กลงมันพื้น จากนั้นย่ำใส่มันอย่างแรง

หุ่นล้อฟันเลื่อยถูกทำลายหมดสภาพ

อสูรที่เย่ว์เป่าเรียกออกมาแต่ละตัวตายแล้ว อีกทั้งโล่แสงก็หายไปด้วย เขามองดูนักรบพฤกษาร้อยปีอย่างหวาดกลัวสุดขีด พอเห็นมันยกแขนขึ้นสูงเท่านั้น เขาถึงกับร้องลั่นพร้อมกับปัสสาวะราดกางเกง ตาของเขาเหลือกขาวและหมดสติไปในทันที เย่ว์ปิงไม่ได้สั่งให้นักรบพฤกษาฆ่าเย่ว์เป่า แต่สั่งให้มันยื่นแขนออกมาข้างหนึ่งซึ่งหนากว่าลำต้นเสียอีกและหวดใส่เย่ว์เป่ากระเด็นลงจากพื้นเวทีราวกับว่าเขาบินได้

“พี่ไห่! แม่หนูจากตระกูลของท่านคนนี้ เก่งจริงๆ ทั้งพุ่มหนาม, หนามของต้น, พิษและขนดราก มีพวกหัวกะทิไม่มากนักที่มีทักษะแบบนี้ ในอนาคตข้าคิดว่า ใครก็ตามที่สู้กับนางคงได้เก็บกดจนตายแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชอบแม่หนูนี่เสียแล้ว จะเป็นไรไหม? ข้าขอรับนางเป็นธิดาของเรา โอว..ไม่ได้ๆ เดี๋ยวนางจะกลายเป็นผู้ใหญ่ในตระกูลโดยปริยาย จะเป็นอย่างไรไหมข้าจะขอรับนางเป็นหลานสาว?” ฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วทรงพระสรวลขณะตรัสกับประมุขตระกูลเย่ว์ไห่ เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าฮ่องเต้พระองค์นี้ไม่ทรงประพฤติพระองค์เหมาะสมกับสถานะพระองค์นัก อย่างไรก็ตามสถานะของพระองค์มั่นคงไม่คลอนแคลน พระองค์ปฏิบัติหน้าที่ฮ่องเต้มานานกว่าร้อยปีแล้ว แม้จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดเขย่าบัลลังก์พระองค์ได้

“ชะตาของปิงเอ๋อไม่ค่อยดี นี่จะทำให้นางเสียโอกาสนะ” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ยังคงปลาบปลื้มอยู่ เขาไม่เคยนึกว่านอกจากเย่ว์หยางแล้ว เย่ว์ปิงยังทำให้เขาแปลกใจอย่างหนัก

“ผู้เฒ่าไห่ อัจฉริยะ ในครอบครัวของท่านทุกคนแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก เราสามตระกูลไม่สามารถเทียบกับท่านได้แล้ว น่าอิจฉาจริงๆ” ตัวแทนจากอีกสามตระกูลเข้ามาแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ทีละคน

“เป็นโชคร้ายของบุตรข้า เฮ้อ พวกเขาเป็นคู่ที่สมกันดี” ตัวแทนจากตระกูลเฟิง เฟิงเสี่ยวหยุน ประมุขตระกูลเฟิงพูดขณะที่เขามองดูเย่ว์ปิง แล้วระลึกถึงบุตรชายของเขาที่ตายทันทีเมื่อไปพบกับจ้าวอสูรทองระหว่างการฝึก เมื่อทำอะไรไม่ได้ เขาได้แต่ถอนหายใจยาว กลับกลายเป็นว่านอกจากเฟิงชิชาแล้ว ประมุขตระกูลเฟิงยังตั้งความหวังไว้กับบุตรของตน ใครจะคิดว่าบุตรชายของเขากลับมาประสบเหตุพิบัติดังกล่าว

“บางทีอาจมีการทำนายผิดพลาดก็ได้ จะเป็นอย่างไรถ้าจะขอให้ราชครูของอาณาจักรทำนายดูอีกครั้ง” สมาชิก 2- 3 ตระกูลถามขึ้น

พวกเขาจะหาสะใภ้ดีๆ อย่างเย่ว์ปิงได้จากไหนกัน?

ถ้าเป็นการทำนายชะตาที่ผิดพลาดจริงๆ ถ้าตระกูลอื่นสามารถเกี่ยวดองกับตระกูลเย่ว์ผ่านการแต่งงานและรับตัวดรุณีน้อยเย่ว์ปิงไว้ในฐานะลูกสะใภ้หรือหลานสะใภ้ของพวกเขา ตระกูลของพวกเขาก็จะมีอำนาจเพิ่มขึ้น ในเวลาเพียงชั่วครู่ประกายโลภก็แสดงออกมาผ่านสายตาของตัวแทนตระกูลนับไม่ถ้วน

ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เห็นเหตุนี้ทั้งหมด แต่ยังคงนิ่งเงียบ

แม้ว่าเย่ว์ปิงจะชนะ นางก็ยังไม่ลงมาจากเวทีทันที นางหันไปท้าท้ายเย่ว์เยี่ยน “คู่ต่อสู้คนต่อไปของน้องเจ็ดก็คือพี่สี่ ไหนๆ ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าพี่สี่ยินดี เรามาสู้กันตอนนี้เลยก็ได้ ถ้าพี่สี่เห็นด้วยข้าอยากจะรวมทีมกับพี่สามและเรา ครอบครัวที่สี่อยากจะขอท้าพวกเท่านทั้งคู่ครอบครัวที่หนึ่งและที่สอง ข้าขอเชิญพี่สี่และพี่ห้ามาสู้ด้วยกันเถอะ”

“ไม่, เราทุกคนไม่โง่หรอกนะ เราต้องฟังคำชี้แนะของผู้อาวุโสในตระกูลของเรา ลุงใหญ่กับลุงรองโปรดลงมาสู้กับเราด้วยก็ได้”

เมื่อเย่ว์หยางพูดประโยชน์นี้ ทุกคนต่างคิดว่าเจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้วโดยสิ้นเชิง

สู้กับเย่ว์เทียน, เย่ว์เยี่ยนและเย่ว์ถิงก็ยังนับว่าดีแล้ว แต่นี่เขากลับบังอาจท้าสู้กับลุงใหญ่ลุงรองงั้นหรือ?

ต้องรู้กันว่าลุงใหญ่เย่ว์ซานและลุงรองเย่ว์หลิ่งเป็นนักสู้ที่รู้จักกันดีในโลกนี้ เย่ว์ซานเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นกลาง ขณะที่เย่ว์หลิ่งเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นต้น เจ้าเด็กบ้านี่ต้องการสู้กับพวกเขาโดยลำพังงั้นหรือ? เป็นไปได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งระดับ 7 งั้นหรือ? แต่เขาจะเอาชนะนักสู้ระดับ 6 ทั้งสองคนตามลำพังได้อย่างไร เขาช่างเพื่อฝันจริงๆ

ในหมู่ผู้ชมทุกคนรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่วิกลจริตไปแล้ว

เมื่อเสวี่ยทันหลางได้ยินเช่นนี้ ถึงกับเบิกนัยน์ตากว้างด้วยความตกใจ

เขาคาดว่าเย่ว์หยางคงจะท้าเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน แต่ไม่มีทางคิดว่าเย่ว์หยางจะหาญกล้าท้าลุงใหญ่เย่ว์ซานและลุงรองเย่ว์หลิ่ง

เจ้าเด็กนี่กล้าหรือว่าบ้ากันแน่? เขาเคยเห็นคนบ้ามาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าอย่างนี้มาก่อน เสวี่ยทันหลางรู้สึกเหมือนมีแรงกระตุ้นอยู่ในใจเขา เขาต้องการเข้าไปสู้กับเย่ว์หยางด้วยเช่นกัน เขาต้องการรู้ให้ได้ว่าวิทยายุทธของเจ้าบ้านี่ดีจริงหรือว่าเป็นเพราะสัตว์อสูรของเขาแข็งแกร่ง

จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็ตกใจอย่างหนัก พวกเขามองหน้ากันเองอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเผยอยิ้มที่มุมปาก

คล้ายจริงๆ เจ้าเด็กนี่ช่างคล้ายเย่ว์ชิวบิดาของเขาจริงๆ

อารมณ์ของเย่ว์ชิวก็เป็นแบบนี้ เขาไม่เคยกลัวอะไร เพียงแต่เย่ว์ชิวไม่ได้มีไหวพริบและกะล่อนเหมือนเจ้าเด็กนี่

เหมือนพ่อ เหมือนลูกแน่นอน

พอเห็นเจ้าลูกชายที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นคนน่าทึ่งมาก กลายเป็นนักสู้ที่เด็ดเดี่ยวในโลก บางทีวิญญาณบนสวรรค์ของเย่ว์ชิวคงยิ้มอย่างเป็นสุขแล้วกระมัง

เมื่อผู้เฒ่าเย่ว์ไห่นึกถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาของเขาที่ไม่เคยแสดงออกถึงความกังวลทั้งที่เห็นคนตายมาเป็นร้อยเป็นพันในสนามรบ เริ่มมีน้ำตาคลอเล็กน้อย เมื่อเขามองดูเย่ว์หยาง ก็รู้สึกมีความอุ่นในดวงตามากขึ้น

ตอนนี้ สายตาทุกคนมองไปที่เย่ว์ซานและเย่ว์หลิ่ง

เผชิญหน้ากับการท้าทายที่เจ้าหลานชายบ้าของพวกเขาท้าทายอยู่ ในฐานะลุงของเขา เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?

จะปฏิเสธดีไหม?

หรือว่าจะยอมรับคำท้า

ผู้ชมทุกคนรอคอยคำตอบของคนทั้งสองอย่างแทบไม่ได้หายใจ

********************************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด