ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0109
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0111

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0110


บทที่ 35 เหตุผลที่มุ่งหน้าลงใต้ (3)

* * *

ในต่างโลก ฝนไม่ค่อยตกบ่อยนัก

จากรายงานสภาพอากาศของ OWIC สาเหตุไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นต่างโลกหรือไม่

เพียงแต่ในจุดที่มีประตูมิติเปิดอยู่ จะมีสภาพอากาศแบบแห้งและเย็น

ซู่ว!

ทันทีที่ข้ามประตูมิติ ฝนเย็นฉ่ำกระหน่ำเทลงมาอย่างโหดร้าย จินซอยอนมุ่งหน้าไปยังโรงแรมเพื่อสงบอาการมวนท้อง

“สามหมื่นหน้าพันวอนค่ะ”

มองไปยังร่มที่ยุนมินจียื่นให้ ดวงตาจินซอยอนสั่นเทา

“สามหมื่นห้า… เมื่อก่อนแค่หมื่นห้าเองไม่ใช่หรือ”

“เป็นค่าเสี่ยงภัยค่ะ ในระยะหลังเกิดเหตุร้ายขึ้นบ่อยครั้ง”

เป็นร่มใสแบบใช้แล้วทิ้งราคาสี่พันวอน ที่หาซื้อทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ

จินซอยอนจ้องหน้ายุนมินจี

อีกฝ่ายกำลังหลับตาพลางดื่มด่ำไอน้ำจากปากแก้ว ราวกับไม่สนใจว่าเธอจะทำหน้ายังไง

จากนั้นก็ลืมตาขึ้นหนึ่งข้างและพูด

“รับกาแฟไหมคะ? หนึ่งหมื่นสองพันวอน”

“ไม่เป็นไร ฉันไปแบบเปียกๆ เซ็งๆ ดีกว่า”

“ล้อเล่นค่ะ รับไปสิ”

ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม ใครจะไปรู้ว่าล้อเล่น?

ซู้ด!

ยุนมินจียิ้มหลังจากจิบกาแฟหนึ่งคำ แสงเทียนบนโต๊ะมอบบรรยากาศคล้ายกับตำหนักโหราจารย์มากกว่าโรงแรม

ห้องอาหารยามเช้ามืดในต่างโลกค่อนข้างเงียบ

ถนนยามค่ำคืนไม่ได้ปลอดภัยเหมือนกับโลกยุคใหม่ ผู้คนจึงมีแนวโน้มที่จะเดินทางข้ามโลกตอนกลางวันมากกว่า

เธอถือร่มเดินไปตามถนนชุ่มโคลน ไม่มีการจุดคบเพลิงเนื่องจากฝนกำลังเท และเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากมีชาวต่างโลกมาเยือน

จินซอยอนแหงนมองท้องฟ้า ผืนนภาในต่างโลกส่องแสงสีม่วงจางท่ามกลางเมฆหนา

กระทั่งแสงจันทร์ของอุนเดราก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เดินไปบนถนนแย่ๆ ได้ง่ายนัก

ณ ทางเข้าออกหมู่บ้าน เธอพยักหน้าทักทายเวรยาม

เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเป็นจินซอยอน ทุกคนรีบทักทายตามมารยาทและข้ามขั้นตอนพื้นฐาน

“ฉันอาจจะลาออกจาก OWIC แล้วก็ได้นะ”

“นักวิจัยไม่มีทางลาออกจากบริษัทหรอกครับ”

จินซอยอนยิ้มขื่นขม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเห็นด้วย

แต่ตอนนี้ยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม?

จินซอยอนเองก็ไม่มั่นใจ คังซอนฮูเปลี่ยนให้เธอเป็นแบบนี้ภายในระยะเวลาแสนสั้น

แม้ความหลงใหลในงานจะยังอยู่ แต่ความรักที่มีให้บริษัทจืดชืดไปหมดแล้ว

เธอเดินผ่านรั้วหมู่บ้านและเห็นอาคารสำนักงานสองชั้นของกิลด์นักสำรวจ

จินซอยอนมิอาจกลั้นขำในตอนที่ได้ยินชื่อดังกล่าวครั้งแรก แต่ปัจจุบัน กิลด์นักสำรวจกลายเป็นองค์กรที่มีอนาคต ถึงจะยังไม่ใหญ่โต แต่ก็ไม่อายที่จะแบกชื่อไว้บนบ่า

จินซอยอนมีความสุขเล็กๆ เมื่อคิดแบบนั้น

คาดไม่ถึงว่าเธอจะมีโอกาสได้ตั้งวงเหล้าดื่มกับเพื่อนร่วมงานเหมือนบริษัทอื่น

เธอห่างหายจากบรรยากาศดังกล่าวตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัย

คังซอนฮูมีความหมายกับจินซอยอนถึงเพียงนั้น

เขามอบโอกาสให้เธอไตร่ตรองว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่ใช่จมอยู่กับชีวิตที่มีแค่การเลื่อนขั้นและทำผลงาน

เดาได้ไม่ยากเลยว่า จุดเปลี่ยนครั้งนี้จะกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเมื่อมองย้อนกลับมา

รู้ตัวอีกที ตึกสำนักงานก็อยู่ตรงหน้า

แสงสลัวจากค่ำคืนในต่างโลก แทบไม่เพียงพอที่จะช่วยให้มองเห็นตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนป้าย

<CLOSE>

หลังจากอ่านป้ายน่ารักๆ ที่น่าจะเป็นฝีมือการเลือกของชาโซฮี จินซอยอนยิ้มพลางหมุนลูกบิด

แกร่ก!

บานประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงบานพับเสียดสีแผ่วเบา

สายลมค่อนข้างอุ่นพัดมาจากด้านใน

“…?”

มืดสนิท

‘หายไปไหนกันหมด?’

เธอพอจะเดาได้หลังจากมองผ่านหน้าต่างเข้ามา แต่ไม่คิดว่าจะมืดสนิทไร้แสงเช่นนี้

จินซอยอนเปิดสวิตช์ไฟข้างประตู

กริ๊ก!

“…?”

ไฟไม่ติด จินซอยอนทั้งกังวลและสงสัย

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธอเกิดความอยากรู้อยากเห็น

กึก!

เสียงรองเท้าเหยียบพื้นดังกังวาน

ด้านหลังห้องรับแขก ประตูที่นำไปสู่ห้องนั่งเล่นกำลังเปิดอ้า

แสงสีม่วงจางๆ จากหน้าต่าง สาดลงบนพื้นอันมืดมิดจนดูคล้ายพรม

ใจกลาง ‘พรม’ มีเงาดำทอดยาว

จนกระทั่งสายตาจินซอยอนปรับตัวเข้ากับความมืด

เธอเห็นสตรีคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น

เปรี้ยง!

ทำไมฟ้าต้องผ่าตอนนี้? บางครั้งโลกก็โหดร้าย

จินซอยอนเห็นมีดอันน่าขนลุกในปากสตรี

ดวงตาของอีกฝ่ายส่องแสงสีฟ้าซีด

ลมหายใจจินซอยอนขาดห้วงทันที มือไม้สั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม

เธอคิดว่าตัวเองเผลอก้าวถอยหลัง แต่เมื่อได้สติกลับมา ส้นเท้ากลับไม่เคยยกออกจากตำแหน่งเดิม

กึก!

มีเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้น

ไม่ใช่ของจินซอยอน

กึกกึก!

เสียงนั้นขยับใกล้เข้ามา

“กรี๊ดดดดดด!”

กริ๊ก!

วินาทีเดียวกัน ไฟสว่างขึ้น

จินซอยอนแข้งขาอ่อนแรงจนล้มก้นจ้ำเบ้า ส่งผลให้มือเป็นแผล

ใครบางคนจากบนบันได ก้มจ้องเธอพลางกะพริบตา

เป็นชาโซฮี

“ทำอะไรน่ะ?”

“ค…คนประหลาด…”

จินซอยอนชี้นิ้วไปยังกึ่งกลางห้องนั่งเล่น

จากนั้นก็หันไปมองตามนิ้วตัวเอง

“…?”

รู้ตัวอีกที สตรีปริศนากำลังยืนอยู่เบื้องหน้า พลางจับนิ้วจินซอยอนที่ยื่นออกไป

แสงสลัวเอ่อล้นจากฝ่ามืออีกฝ่าย

เมื่อวีว่าซิสซิโม่ชักมือกลับ บาดแผลที่เกิดจากการล้มสมานตัวในพริบตา เหลือไว้เพียงคราบเลือด

“ใครโวยวายอะไร? ชาโซฮี เธอกลิ้งตกบันไดอีกแล้วหรือ”

“ฉันยังไม่ได้ดื่ม!”

จินซอยอนสบตากับคังซอนฮูที่เดินลงจากบันไดพร้อมกล่องเครื่องมือ

* * *

“ฮะฮะฮ่า! เหมาะเหม็ง!”

“…”

จินซอยอนโล่งใจเมื่อได้ยินคังซอนฮูอธิบายว่า เขาต้องดึงเบรกเกอร์ลงสักพักเพื่อซ่อมไฟ

เธอเปลี่ยนจากเสื้อเปียกชุ่ม เป็นชุดออกกำลังกายที่ชาโซฮีหามาให้ สองมือลูบแก้วช็อกโกแลตร้อนแนบแน่น

“…ที่นี่ไม่ใช่ชมรมกีฬาสักหน่อย ทำไมถึงมีแต่คนแต่งชุดกีฬา?”

คังซอนฮูกวาดตามองสามสหายในชุดออกกำลังกาย สองคนเป็นมนุษย์ อีกหนึ่งเป็นแวมไพร์

มีเพียงนักบุญหญิงที่สวมเครื่องแบบ

คังซอนฮูอธิบายเรื่องราวให้จินซอยอนฟัง ดูเหมือนเธอจะไม่รู้มาก่อนว่าแขกพิเศษในคราวนี้เป็นนักบุญหญิง

“ตามปกติแล้ว หน้าที่ในการรับมือชาวต่างโลกจะเป็นของแผนกยุทธศาสตร์ และฉันก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าเธอเป็นนักบุญหญิงคงกระตือรือร้นตั้งแต่แรก”

พูดจบ จินซอยอนไม่เก็บซ่อนสายตาที่มองไปทางนักบุญหญิงด้วยความตื่นเต้น

“…ฉันมีคำถามในใจเพียบ แต่สภาพนี้คงคุยกันไม่ได้สินะ”

“อันดับแรก บอกเหตุผลที่เธอมาที่นี่ก่อน”

ได้ยินคำพูดคังซอนฮู จินซอยอนนำฮาร์ดดิสก์แบบต่อพ่วงออกจากเสื้อ

ชาโซฮีรับไปและเชื่อมกับเครื่องฉายโพรเจกเตอร์อย่างชำนาญ วิดีโอถูกเล่นบนผนังสีขาวทันที

ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

มนุษย์ (?) ทั้งห้าเอาแต่จ้องวิดีโอด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง

ชาโซฮีเปิดปากเป็นคนแรก

“…นั่นมันทหารของโลกไม่ใช่หรือ”

“น่าจะเป็นทหารของ OWIC”

จินซอยอนพูดขึ้น ชาโซฮีหันกลับไปมองวิดีโออีกครั้ง

เป็นวิดีโอจากแอกชันแคม (Action Cam)

กล้องที่ติดอยู่กับหน้าอกใครสักคน ถ่ายทอดสถานการณ์อันดุเดือดได้อย่างคมชัด

ช่างภาพเดินผ่านสมรภูมิที่เต็มไปด้วยแสนยานุภาพของอาวุธสมัยใหม่ แสงไฟจากกระบอกปืนมอบความสว่างแก่ดินแดนอันกว้างขวาง

บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างมืด ไม่ว่าจะภูเขา หมอก หรือหญ้าหร็อมแหร็มที่ถูกความตายกัดกร่อน

เป็นดินแดนอันแห้งแล้งที่แค่มองก็อยากจะไอแห้ง แต่ในเวลาเดียวกัน คล้ายกับมันชุ่มฉ่ำไปด้วยความชั่วร้าย

จากตรงนี้มองไม่เห็นเส้นขอบฟ้า เพราะถูกพายุทรายสีดำที่กว้างสุดลูกหูลูกตาบดบัง

ช่างภาพหยุดมองฉากดังกล่าวสักพัก

ดูราวกับเป็นโลกที่ถูกพายุทรายตัดขาดจากภายนอก

ช่างภาพซึ่งน่าจะเป็นทหาร เริ่มเดินไปตามทางด้วยความเร่งรีบ

“…นี่มัน แนวรบ”

แนวรบที่มีปืนใหญ่อัตตาจรจอดอยู่หลายคัน

ถึงตรงนี้พอจะเห็นภาพชัดขึ้น

นี่คือแนวรบผสานระหว่างชาวโลกและต่างโลก

ชายที่น่าจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพของชาวโลก กำลังแบ่งปันแนวคิดกับจอมเวทชาวต่างโลก

ชุดของจอมเวทบ่งบอกชัดเจนว่ามาจากจักรวรรดิ

ปืนใหญ่อัตตาจรกระหน่ำยิงพร้อมกันเป็นระลอก

กล่องสั่นเล็กน้อยก่อนจะกลับมาโฟกัสอีกครั้ง

ลูกระเบิดอานุภาพแรงสูงกว่าสิบนัด ปะทะกับพายุทรายสีดำในจุดห่างไกล

เกิดระเบิดขึ้นในจุดตกกระทบพร้อมกับสร้างเปลวไฟสีส้ม แต่ไม่นานก็ดับมอดและเลือนหาย

จากนั้น

“โฮกกก…!”

เสียงร้องของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ดังขึ้น ราวกับฟ้าดินกำลังสั่นสะเทือน

ร่างของตัวตนดังกล่าว สามารถมองเห็นได้เลือนรางผ่านกำแพงพายุทราย และน่าจะเป็นแค่ส่วนหัว

กล้องถ่ายภาพพยายามซูมเข้าไป แต่ก็ไม่ทันกาล เงาลางเลือนหายไปในพายุอีกครั้ง

แต่เท่านี้ก็เพียงพอ ทุกคนทราบดีว่าเจ้าของร่างกายใหญ่โตนั่นเป็นใคร

ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ดูน่าเหลือเชื่อราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์ แต่นี่คือวิดีโอที่ถ่ายจากสถานที่จริงแน่นอน

จินซอยอนนั่งบนโซฟาในท่ากอดอก ชาโซฮีพยายามเรียบเรียงคำพูดก่อนจะพึมพำ

“นั่นมันตัวอะไร”

“โบนดราก้อน” (Bone Dragon)

ประตูห้องนั่งเล่นถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงเสียดสี เสียงฝนกระหน่ำดังแทรกเข้ามาในห้องอยู่ครู่หนึ่ง

ซอจีอาที่ตัวเปียกโชกพูดขณะเดินเข้ามา คล้ายกับเธอได้ยินทุกบทสนทนาในห้องด้วยประสาทสัมผัสชนิดพิเศษ

“โบนดราก้อน?”

“ปีศาจ… ปีศาจที่ปรากฏตัวในช่วงสิ้นสุดยุคทอง”

ดูเหมือนว่าซอจีอาจะรู้จักดี

* * *

โบนดราก้อนเป็นชื่อเล่นที่ถูกตั้งขึ้นในยุคหลัง

เหตุผลไม่ซับซ้อน เพราะรูปลักษณ์ของมันคือมังกรที่เหลือแต่กระดูก

การดำรงอยู่ที่ทอดตัวยาวไปตามแนวเทือกเขา ในอดีตถูกมองว่าเป็นเพียงโครงกระดูกมังกร

ใครหลายคนคิดว่า คงเป็นซากของมังกรที่ร่วงหล่นและตายบนภูเขา จึงมองเป็นส่วนหนึ่งของภูเขามาตลอด

ทว่า นั่นไม่ควรเป็นแค่ซากมังกร

ทุกคนควรจะเอะใจ มังกรคือนิรันดร์ชน ความตายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะย่อมไม่ใช่เรื่องปกติ

มังกรคือสิ่งมีชีวิตชุดแรกที่เทพสร้างขึ้น

เทพองค์หนึ่งร่วงหล่นด้วยเหตุผลบางประการ และพระวรกายแปรเปลี่ยนเป็นผืนแผ่นดิน

เช่นนั้นแล้ว จะไม่มีมังกรตนใดตั้งคำถามกับสาเหตุการร่วงหล่นของบิดาเลยหรือ?

การถือกำเนิดของปีศาจตนนี้ คือสิ่งที่อยู่ในขอบเขตการคาดเดา

ลงเอยด้วย นิรันดร์ชนฆ่าตัวตายเพื่อติดตามบิดา

ไม่มีใครทราบว่าทำไปเพื่ออะไร

วัฒนธรรมต่างๆ เลือกที่จะตีความในเชิงอภินิหาร

แต่บางส่วนก็อ้างว่า เป็นเพราะมังกรตระหนักถึงข้อเท็จจริงเบื้องหลังความตายของบิดา จนจิตใจแตกสลาย

การโต้เถียงยังคงดำเนินเรื่อยมา แต่บางที ประเด็นสำคัญอาจไม่ได้อยู่ตรงที่ ‘ทำไปทำไม’

ประเด็นสำคัญก็คือ วิญญาณนิรันดร์ชนซึ่งตายไม่ได้ กลายเป็นปีศาจที่เป็นสัญลักษณ์ของความตายต่างหาก

นั่นคือเรื่องที่ควรกังวลมากที่สุด

ซอจีอาพรั่งพรูทุกข้อมูลที่เธอทราบ หนึ่งในเผ่าพันธุ์ต่างโลกที่อายุยืนที่สุดย่อมเต็มไปด้วยองค์ความรู้

“ข้าสืบข้อมูลได้คร่าวๆ จากฮาวนด์ แต่ดูเหมือนว่านักวิจัยของเราจะนำหน้าไปหนึ่งก้าว เจ้าไปเอาวิดีโอนี้มาได้ยังไง?”

“จีฮุนส่งมาให้ เห็นว่าถ่ายเมื่อหนึ่งปีก่อน”

“เขาเอามาจากไหน?”

“…พอได้ยินว่าคังซอนฮูจะลงใต้ ผู้อำนวยการแผนกจึงมอบให้เขา”

ค่อนข้างน่าตกใจที่ผอ.แผนกยอมบอกข้อมูลสำคัญระดับนี้

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน นั่นไม่ใช่ประเด็น

ทุกคนหันมาจ้องคังซอนฮู

คังซอนฮูเอาแต่ก้มมองเข็มชี้ทองคำ

ข้อเท็จจริงที่ว่า เข็มชี้ทองคำยังคงตรงดิ่งไปทางทิศใต้ ทำเอาซอจีอาใจคอไม่ดี

“…ไม่มีใครเข้าใกล้ปีศาจนั่นได้ เว้นเสียแต่จะแข็งแกร่งเทียบเท่านิรันดร์ชน… มันแตกต่างจากทุกสิ่งที่เจ้าเคยเผชิญ”

“หืม…”

ซอจีอาไม่เข้าใจว่าทำไมคังซอนฮูถึงยังทำตัวผ่อนคลาย

เอาแต่จ้องรูปถ่ายผีสุนัขด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ลิลี่”

“อื้อ”

“พวกเราจะออกเดินทางในวันมะรืน”

“ตกลง”

ทั้งสองทำราวกับจะไปปิกนิก

คนที่เหลือต่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เห็น

“เจ้าไม่ได้ยินหรือ? ปีศาจตัวนั้นไม่ธรรมดานะ”

“นั่นก็ยิ่งคุ้มค่าที่จะเสี่ยง”

ก็ยังไม่มีใครเข้าใจอยู่ดี

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด