ตอนที่แล้วตอนที่ 98 สั่งสอนบ่าวทาสให้หนัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 100 จับมันยัดใส่โลงทันที

ตอนที่ 99 ฆ่าพวกมันทุกคนให้กับข้า


เมืองไป๋ฉือ เจ้าหน้าที่ดูแลประตูเทเลพอร์ตกำลังจะเตรียมปิดก่อนมุ่งไปดื่มสังสรรค์ที่โรงเหล้าในทิศตะวันออก ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงโครมและมองเห็นคนมากกว่า 10 คนล้อมตัวเขาไว้

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร? ข้า…” เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลวงแหวนเทเลพอร์ตยังพูดไม่ทันจบ ก่อนที่บุรุษตัวสูงที่สุดจะจับตัวของเขายกขึ้น กล่าวเสียงเข้มในขณะเดียวกันว่า “คนของครอบครัวที่สี่อยู่ที่ไหน?”

“อ่า..เมื่อสักครู่คุณชายสามและคุณหนูเจ็ดกลับมาแล้วและพาคุณนายสี่จากไปแล้ว ยังมีบ่าวรับใช้ติดตามพวกเขาไปอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเทเลพอร์ตไปที่เมืองอูถู่..” ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดูแลประตูเทเลพอร์ตจะพูดจบ หัวหน้ากลุ่มตะโกนลั่นว่า “โธ่เว้ย!” พอเหวี่ยงเจ้าหน้าที่ผู้นั้นออกไปด้านข้าง เขานำกลุ่มของตนเดินลงส้นปังๆ ออกไป เจ้าหน้าที่ผู้เฝ้าประตูเทเลพอร์ตนั้นไม่รีบร้อนลุกจากพื้นทันที เขาตบหน้าอกตัวเอง “เป็นไปตามคาด คุณชายสามพูดถูก มีคนตาบอดไม่กี่คนตามก่อปัญหาให้กับตระกูลเย่ว์ พวกมันคิดว่าด้วยกำลังคนเพียงสิบกว่าคน มีหรือพวกคนโง่ๆ อย่างพวกมันจะกล้าเผชิญหน้าตระกูลเย่ว์ใน 4 ตระกูลใหญ่อย่างงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เนื่องจากได้รับเงินมาแล้ว เรายังต้องทำตามคำแนะนำที่คุณชายสามให้ไว้ด้วย”

เมื่อพบว่าเหรียญทองในกระเป๋ายังคงอยู่ดี เขาก็อารมณ์ดีขึ้นทันที

เขาได้รับรางวัลอย่างจุใจถึง 5 เหรียญทอง โดยช่วยคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์โกหกนิดหน่อย เขาจะไปหาข้อตกลงดีๆ เช่นนี้ได้ที่ไหน?

เย่ว์หยางไม่ได้พาหญิงงามไปที่เมืองอูถู่ แต่ไปที่เมืองลู่ฉูแทน หลังจากไปถึงเมืองลู่ฉูแล้วเย่ว์หยางให้ทอง 5 เหรียญแก่ลุงหนานบ่าวชราและคนอื่นๆ เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต แล้วบอกว่าพวกเขาจะกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์เมื่อเริ่มงานปีใหม่ สำหรับตอนนี้ให้พวกเขาหาที่สำหรับพักสัก 2 วัน

ลุงหนานและบ่าวคนอื่นรู้ดีว่าพวกเขาเป็นเพียงตัวถ่วงคุณชายสาม ดังนั้นพวกเขาพยักหน้าเห็นด้วยและหาที่พักอยู่ในเมืองลู่ฉู

เย่ว์หยางอุ้มเด็กหญิงที่เหนื่อยมากจนหลับไปแล้ว พาหญิงงามและเย่ว์ปิงไปเช่ารถม้าที่ใหญ่และสะดวกสบายที่สุดมุ่งหน้าสู่ปราสาทตระกูลเย่ว์

ถ้ามีแค่เย่ว์หยางเพียงลำพัง หรือพาแค่เย่ว์ปิงไปด้วย เย่ว์หยางคงเลือกประตูเทเลพอร์ตไปที่เมืองอูถู่ ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้ปราสาทตระกูลเย่ว์มากที่สุด มีเหตุผลที่ต้องเลือกไปเมืองลู่ฉูก็เพราะ ประการแรก เมืองลู่ฉูอยู่ไม่ห่างจากเมืองอูถู่มากนัก และมีถนนหลักตรงไปยังปราสาทตระกูลเย่ว์ ประการที่สอง ในสายตาและความคิดของคนปกติจะคิดว่าเย่ว์หยาง, เย่ว์ปิงและคนอื่นๆกำลังรีบ ก็จะมุ่งตรงไปที่เมืองอูถู่ ดังนั้นจึงมองข้ามเมืองลู่ฉูซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย

แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะมีคนมาขัดขวางในกลางทาง แต่ก็เป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุด

ตอนนี้เขาพาหญิงงามและทารกหญิงมาด้วย จึงใช้ความเร็วไม่มากนัก นอกจากเกิดความมั่นใจว่าการเดินทางจะไม่ทำให้พวกนางเหนื่อยล้าเกินไป นอกจากนี้เขายังไม่ยอมให้พวกนางอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ดังนั้น เย่ว์หยางจึงหารถม้า 4 ล้อที่ดีที่สุดให้หญิงงาม, เย่ว์ปิงและเด็กหญิงนั่งโดยสารภายใน ขณะที่เขานั่งอยู่ข้างสารถีคอยสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเขา ถ้ามีคนบุกโจมตี เย่ว์หยางจะปล่อยให้ฮุยไท่หลางจัดการพวกมัน

ไม่นานมานี้ฮุยไท่หลางกินอยู่เหมือนเป็นเจ้าชาย มันไม่มีอะไรทำจึงได้แต่กินแล้วนอน ถ้าสังเกตให้ดี ตัวมันจะอ้วนขึ้น

เขาให้ทองแก่สารถีจำนวนมาก จ้างให้เขาขับขี่ในตอนกลางคืน

หลังจากควบขับมาทั้งคืน ก็เข้ารุ่งสางของวันที่สอง พวกเขามาถึงหมู่บ้านตระกูลเย่ว์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากปราสาทตระกูลเย่ว์ 10 ไมล์

หมู่บ้านเหล่านี้เป็นที่อยู่ของสมาชิกสาขาตระกูลเย่ว์ เครือญาติและครอบครัวที่มีความเกี่ยวดองกันห่างๆ แม้ที่นี่จะเรียกว่าหมู่บ้านตระกูลเย่ว์ แต่ก็มีขนาดคล้ายกับเมืองไป๋ฉือ ภายในหมู่บ้าน มีกำแพงเมืองและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นสมาคมทหารรับจ้าง สมาคมนักรบและร้านเหล้า

ความจริงหมู่บ้านตระกูลเย่ว์เป็นประตูที่หนึ่งของปราสาทตระกูลเย่ว์และตั้งอยู่ในกลางหุบเขาลึก หลังจากทะลุผ่านไปแล้ว จะมีถนนใหญ่ 2 สายคดเคี้ยวนำขึ้นไปจนถึงปราสาทตระกูลเย่ว์ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กึ่งกลางความสูงของภูเขา

“คุณชาย! มีคนขวางทางข้างหน้าเรา…” สารถีกลัวจนสั่นไปทั้งตัว

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาปราสาทตระกูลเย่ว์ แต่เขาไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

หน่วยคุ้มกันตระกูลเย่ว์เกือบร้อยคนกำลังป้องกันอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านตระกูลเย่ว์ ทุกคนมองดูการมาถึงของเขาอย่างประสงค์ร้าย ปกติแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนี้ แม้ว่ามักจะมีคนมาสอบปากคำคนที่เข้ามาหมู่บ้านตระกูลเย่ว์เสมอ นอกจากพวกเขามีอาการเย่อหยิ่งอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยขัดขวางเลย แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าคุณชายท่านนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่ว์ แต่เหมือนกับคนที่พกพาความแค้นมาด้วยมากกว่า แต่ถ้าพกพาเอาความแค้นมาด้วย ทำไมถึงพาสตรีมาด้วยถึง 3 คน 2 คนก็ยังเยาว์วัยอยู่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ยิ่งคิดมาก ก็ยิ่งทำให้สารถีกลัวมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้า เขาก็สั่นและงอตัวลงไม่เต็มใจที่จะกระตุ้นม้าให้เดินต่อไปข้างหน้า

ทันทีที่เย่ว์หยางเห็นเจ้าผู้ไม่ได้เรื่องแล้ว เขาค่อยล้วงเหรียญทองมากำมือหนึ่งยัดลงไปในกระเป๋าของสารถี จากนั้นเตะเขาออกไปและขับขี่รถม้าด้วยตนเอง

“เสี่ยวซาน, อะไรกันนี่, นี่หมายควมว่ากระไร? อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะใช้กำลังฝ่าเข้าไปข้างใน?” จากในกลุ่มของหน่วยคุ้มกันตระกูลเย่ว์ นักรบในชุดเสื้อคลุมสีม่วงสง่างามผู้หนึ่งก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและหยุดอยู่หน้ารถม้า “ตามที่บ่าวรับใช้รายงาน เจ้าไม่เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของบิดาเจ้าและยังมองข้ามการตัดสินใจของประมุขตระกูลและผู้อาวุโสในตระกูลเท่านั้น แต่เจ้ายังทุบตีพ่อบ้านครอบครัวที่สองผู้ซึ่งประมุขตระกูลส่งไปเชิญเจ้าจนเขาต้องกลายเป็นคนพิการ ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสไม่พอใจกันมาก พวกเขาร้องขอให้ท่านประมุขตระกูลลงโทษเจ้าสถานหนัก เจ้าขึ้นเขาไปได้ แต่ต้องลงจากรถม้า และน้อมตัวกล่าวคำขอโทษไปก้าวละครั้ง”

“อาเขยแปด..ทำไมท่านถึงกล่าวหาพวกเขากระทำโดยไม่จำแนกถูกผิดเล่า?” เย่ว์ปิงเลิกม่านที่ปิดตรงทางขึ้นรถม้าและถามอย่างไม่พอใจ “เห็นได้ชัดว่าพวกสุนัขจากบ้านแรกได้รับแรงหนุนให้รังแกคนอื่นๆ เมื่อพวกมันถึงกับมาโอ้อวดความแข็งแกร่งที่บ้านเรา พี่ชายข้าออกหน้าลงมือสั่งสอนพวกบ่าวเลวร้ายด้วยตัวเอง เรื่องนั้นมีอะไรผิดด้วย? แน่นอนว่าเราจะไม่ยอมก้มหัวขอโทษแน่ แต่ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือพวกท่านยังกล้ามาสร้างความลำบากใจให้กับเราอีกหรือ?”

“เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของรุ่นผู้เยาว์ ยังไม่ยอมแสดงความเคารพญาติผู้ใหญ่ของเจ้า อาเซียนอบรมธิดาของนางยังไงกันนี่?” บุรุษผอมสูงโผล่ออกมาจากกลุ่มคนอีกครั้ง

“อาเซียนไม่รู้วิธีสนับสนุนสามีของตน ไม่รู้วิธีอบรมบุตรธิดาของนาง จึงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น นางก็เลยจะไปพบท่านพ่อและอ้อนวอนขอให้ยกโทษให้เขา” หญิงงามได้รับคำแนะนำจากเย่ว์หยางไว้ก่อนแล้ว ว่าให้ตอบเพียงประโยคเดียว นางไว้วางใจให้เย่ว์หยางจัดการเรื่องทุกอย่าง

หญิงงามรู้สึกว่าบุตรของนางเติบโตขึ้นมาก และไม่เด็กขี้อายอีกต่อไป เด็กชายตัวเล็กๆ ที่ไม่กล้าปล่อยมือนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ข้าไม่สุภาพต่อผู้อาวุโสเหรอ? ข้าเกรงว่าคงเป็นบางคนที่ไม่มีความน่าเคารพสมกับเป็นผู้ใหญ่ มีเรื่องบางเรื่องถ้าหากข้าพูดออกไปมีแต่จะทำให้ทั้งโลกเยาะเย้ยและทำให้ผู้เยาว์ขายหน้า” เย่ว์ปิงไม่เคยขัดแยังกับผู้อาวุโส เดิมทีนางได้แต่กล้ำกลืนความอายไว้ในใจ ทันทีที่นางเห็นพี่ชายที่อยู่ใกล้ๆ พยักหน้าให้กำลังใจ ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงกระแสของความกล้าจนไม่ได้กังวลเลยว่านางกำลังเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสถึงสองคน นางไม่ได้แสดงสัญญาณของความอ่อนแอเลย ดรุณีน้อยคิดว่า เนื่องจากนางและพี่ชายของนางไม่ได้ตั้งใจจะทำผิดใดๆ พวกเขาแค่ถูกรังแกจนสุดจะทน ไม่ใช่ว่าครอบครัวที่หนึ่งกับครอบครัวที่สองจะได้รับอนุญาตให้ข่มเหงผู้คนอย่างเดียว ครอบครัวที่เหลือไม่ได้รับอนุญาตให้ป้องกันตัวได้หรือ?

“พวกเจ้าจะถูกหรือผิด ผู้นำตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสจะตรวจสอบเอง เราจะไม่ถามอีกต่อไป ตอนนี้ เว้นแต่พวกเจ้าอยากจะสละชีวิตของพวกเจ้า จงทำตามคำสั่งของท่านประมุขตระกูล ลงจากรถม้า แล้วขึ้นเขาไปขออภัยจากเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลเสียแต่โดยดี” นักรบชุดม่วงแค่นเสียงหนัก

“ขอข้ารู้ก่อนได้ไหม เราจะได้รับผลอะไรสำหรับความผิดของพวกเรา? คงไม่ใช่ตัดศีรษะใช่ไหม?” เย่ว์หยางยิ้มน้อยๆ ไหนๆ พวกเขาจะเล่นกันแล้ว ก็ต้องเล่นด้วยเดิมพันที่ใหญ่กว่า

“ท่านประมุขตระกูลมีคำสั่งออกมาว่า : คุณนายเซียนไม่สามารถอบรมบุตรธิดาให้อยู่ครรลองอันควร ให้ลงทัณฑ์ด้วยการเฆี่ยน 10 ไม้ ในบัญชีความดีที่ทำมาหลายปี ในฐานะที่เป็นสะใภ้กตัญญูผู้ไม่เคยก่อปัญหายุ่งยากใดๆ ชื่อของเจ้าจะถูกลบล้างและบุตรธิดาของเจ้าจะได้รับอนุญาตให้รับโทษแทนเจ้าครึ่งหนึ่ง ส่วนเย่ว์ปิงผูกใจเจ็บและช่วยพี่ชายทำร้ายผู้อาวุโส ตามในบัญชียังถือว่าไม่เป็นผู้ใหญ่และโฉดเขลา ให้ลงโทษเฆี่ยน 15 ไม้ ชวงเอ๋อยังเป็นเด็กและไม่รู้ความ ดังนั้นให้ยกเว้นโทษ สำหรับเจ้า เสี่ยวซาน เจ้าเป็นตัวการหลัก ทำร้ายคนอื่นๆ จนบาดเจ็บหนัก โหดร้าย คุกคามความสามัคคีของตระกูล ทำลายชื่อเสียงตระกูล เหล่านี้ทั้งหมดถือเป็นความผิดรุนแรง เป็นการลบหลู่คำสั่งของประมุขตระกูล มันเป็นเรื่องยากที่จะปลอบขวัญมวลชนโดยไม่มีการลงโทษที่รุนแรง ดังนั้นนอกจากเฆี่ยน 100 ไม้แล้ว เจ้าจะต้องถูกคุมขังให้สำนึกผิดเป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้เจ้ายังต้องจ่ายค่าชดใช้สำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาล ครอบครัวที่สี่ยังจะต้องจ่ายทองอีก 100 เหรียญ เป็นค่ารักษาบาดเจ็บพ่อบ้านและผู้คุ้มกันที่เข้ามาจัดการเหตุการณ์อีกด้วย” เมื่อคนผอมสูงอ่านข้อความออกมาดังๆ เขาฉีกยิ้มทันที

เขารู้สึกว่าในที่สุดเย่ว์หยางจะไม่ยอมรับการลงทัณฑ์ ถ้าคุณชายสามที่เป็นสวะผู้นี้วู่วามและปฏิเสธที่จะยอมรับหรือพยายามใช้กำลังหักหาญ อย่างนั้นก็อาจมีการบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น แม้แต่ความผิดก็จะใหญ่ตามไปด้วย

เมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนั้น ต่อให้พวกเขาเป็นฝ่ายไร้เหตุผลก่อน แต่มันก็จะกลายเป็นความผิดอย่างร้ายแรง

ทันทีที่เย่ว์ปิงได้ยินคำนี้ สีหน้าของนางถึงกับซีดราวกับคนตาย

นี่เท่ากับบังคับให้พวกนางต้องลุกขึ้นต่อต้าน ยังไม่ต้องพูดถึงตัวนางเองและพี่ชายเท่านั้น พวกเขาต้องการโบยตีมารดาของนางด้วยเหรอ? พวกเขาทำเกินเลยไปจริงๆ

ทุกๆ เรื่องที่พวกเขาเห็นและได้ยิน เย่ว์หยางรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก นี่เป็นกับดักใหญ่ที่ต้องการให้เขากระโดดลงไป ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น มันก็ไม่สำคัญว่าใครจะถูกส่งมารายงานข่าวการแต่งงาน ต่อให้ส่งมาแต่จดหมายก็ยังได้ ทำไมพวกเขาถึงต้องส่งพ่อบ้านจอมหยิ่งมาด้วย? ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายได้คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว ไม่ว่าครอบครัวที่สี่จะมีท่าทีอะไรหรือไม่ก็ตาม ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงแผนร้ายนี้ไปได้

ยกตัวอย่าง เจ้าสองคนที่อยู่ข้างหน้านี้ ถ้าพวกเขาต้องการชำระเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่ส่งผู้อาวุโสที่จิตใจอ่อนโยน อัธยาศัยดีมาไกล่เกลี่ยเล่า?

ด้วยแนวคิดที่ไม่ประนีประนอมและคุกคามดังกล่าว เหตุผลง่ายๆ ก็คือ มันคือการกดขี่ข่มเหงพวกเขา

ทันทีที่แผนนี้สำเร็จ บางทีแม่สี่จะไม่มีที่ยืนหยัดในตระกูลเย่ว์ นางและตัวเขาเองรวมทั้งเย่ว์ปิงและเย่ว์ชวง คงจะถูกขับไล่ และคุณหนูจากตระกูลเฟิงก็จะแต่งงานเข้าตระกูลเย่ว์อย่างราบรื่น กลายเป็นภรรยาหลวงของอาสี่…

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามเตรียมตัวเองไว้พร้อมขนาดไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถทำนายอนาคตได้

เย่ว์หยางในปัจจุบันไม่ใช่คนเดียวกับเจ้าเด็กผู้น่าสงสาร และแน่นอนว่าไม่ใช่ซานเอ๋อผู้อ่อนแอและไร้พลัง เขาคือบุรุษผู้กล้าที่มาจากโลกอื่น

เขาครอบครองปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิด, ปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลี, อสูรทองตัวน้อย, จ้าวอสูรทองอย่างนางพญากระหายเลือด, โคเงา, ฮุยไท่หลาง, นางพญาดอกหนามมงกุฏทองในอนาคตและคัมภีร์อัญเชิญอีกสองเล่ม ด้วยพลังทั้งหมดนี้ เขายังจำเป็นต้องกลัวพวกเขาอีกหรือ? อย่าว่าแต่ลุงใหญ่เย่ว์ซานที่เป็นผู้รักษาการณ์ประมุขตระกูลเลย ต่อให้เป็นประมุขตระกูลตัวจริงอย่างเย่ว์ไห่ ผู้บัญชาการทหารแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยก็ตาม ตาเฒ่าผู้นั้นต้องการออกคำสั่งให้โบยแม่สี่ เย่ว์หยางจะยอมเปลี่ยนจากมิตรกลายเป็นศัตรูแน่นอน ตราบใดที่เขาผู้เป็นบุตรชายนางอยู่ที่นั่น เขาจะไม่ยอมให้ใครได้มีโอกาสแม้แต่คิดแตะต้องปลายเส้นผมของแม่สี่เด็ดขาด

ทวีปมังกรทะยานคือโลกของนักรบ

ผู้ใดมีกำปั้นใหญ่กว่า มีพลังแกร่งกว่า ผู้นั้นถือว่าเป็นใหญ่ คำพูดของผู้นั้นคือกฎ!

ตอนนี้เย่ว์หยางต้องการใช้กำปั้นบอกพวกคนในตระกูลเย่ว์ว่า “ตอนนี้ ถึงคราวที่สวะผู้นี้จะพูดบ้าง ถ้าพวกเจ้าไม่ชอบ มาถามกำปั้นข้าดูก่อน”

ภายในรถ เย่ว์ชวงและหญิงงามกอดกันกลมตัวสั่นเล็กน้อย นางเคยจำยอมรับสภาพที่ตัวเองทุกข์ยากมาแล้ว แต่นางไม่ใช่หญิงโง่ นางรู้ว่าทุกอย่างการเป็นกระทำของตระกูลที่หนึ่งและที่สอง แต่นางก็ยังฝืนทน นางหวังจะให้บุตรและธิดาของนางอยู่รอดปลอดภัย และรอให้พวกเขาเติบใหญ่โดยเร็ว นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะยอมอะลุ้มอล่วยและทนต่อไปได้อีก คงจะมีสักวันที่นางจะถูกบังคับจนอยู่ในจุดที่นางไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก

“ซานเอ๋อ, ปิงเอ๋อ, ทำไมเราไม่กลับไปเมืองไป๋ฉือล่ะ ไม่ว่าตระกูลเย่ว์จะเป็นอย่างไร เราไม่ต้องสนใจมันอีกต่อไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้แล้ว” หญิงงามยินดีที่จะปล่อยให้ตนเองต้องทนทรมานทุกอย่าง แต่นางไม่ยอมเห็นบุตรและธิดาของนางเสี่ยงชีวิตเพื่อนาง แม้ว่าลูกๆ ของนางจะฝึกมาอย่างหนัก แต่พวกเขายังอายุน้อยเกินไป

“แม่สี่, อย่ากลัวไปเลย ลูกชายอยู่ที่นี่ทั้งคน ภายใต้ท้องฟ้าใบนี้ ท่านสามารถไปไหนก็ได้ เว้นเสียแต่ข้าตาย จะไม่มีใครแตะต้องแม้แต่ปลายผมของท่านและน้องสาวทั้งสองของข้า” เย่ว์หยางตะโกนเฉียบขาด ทันใดนั้น เขายืนขึ้นบนรถม้าแล้วตะโกนลั่นว่า “ฮุยไท่หลาง เจ้าหมากระจอก, แกยังจะรออะไรอยู่อีก? ลุยเลย! ใครบังอาจขวางทางข้า ฆ่าได้ไม่ต้องลังเล ข้าคือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์กำลังกลับมาปราสาทตระกูลเย่ว์ ใครก็ตามบังอาจขวางทางข้า จงสละชีวิตพวกเจ้ามา นี่คือคำเตือนสุดท้ายของข้า พวกเจ้าทุกคน จะหลบไปให้พ้นทาง หรือว่าจะให้ข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด”

ฮุยไท่หลางซ่อนอยู่ข้างหลังรถม้ามาตลอดทาง

ทั้งนี้เป็นเพราะทันทีที่มันปรากฏตัว จะเป็นเหตุให้ม้าทั้งสองตัวกลัวเกินไปจนตัวสั่นและไม่สเถียรในเวลาเดินทาง

ตอนนี้เมื่อมันหลับพักอยู่หลังรถ พอได้ยินเสียงตวาดดุจฟ้าผ่าของเย่ว์หยาง มันรีบพุ่งออกมาทันทีเหมือนลูกธนูมาอยู่ที่หน้ารถม้า จากนั้นชูคอส่งเสียงหอนยาว และคำรามใส่ผู้คุ้มกันตระกูลเย่ว์ที่อยู่ในด้านตรงข้าม หัวทั้งสองของมันพ่นควันประหลาดสีดำออกมา ตัวของมันมีเปลวไฟลุกไหม้ที่คุกคามสัตว์อสูรระดับต่ำของผู้คุ้มกันตระกูลเย่ว์ได้ พวกมันขัดขืนไม่มีความคิดจะสู้กับฮุยไท่หลาง พวกมันกลัวจนประสาทเสียไปหมด อสูรที่อ่อนแอที่สุดกลัวจนสลบไปก็มี นอกจากพวกอสูรระดับต่ำแล้ว แม้แต่อสูรของนักรบชุดม่วงและของบุรุษผอมสูงก็ยังกลัวลนลานจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จนค้อมหัวหูลู่ไม่อาจมองฮุยไท่หลางโดยตรงได้

“เจ้าบังอาจขัดขืนคำสั่งของประมุขตระกูลหรือ?” บุรุษผอมสูงหวังอยู่ในใจว่าเย่ว์หยางจะวู่วามและเดินหน้าต่อต้าน เดิมที เขามีความพอใจเป็นอย่างมาก แต่ทันทีที่เห็นเขาเรียกหมาป่าปีศาจสองหัวออกมา และยังเป็นอสูรทองแดงระดับ 5 อีกด้วย ถึงกับตะลึงอย่างหนัก และรู้สึกเสียใจเหมือนถูกบังคับให้กลืนคำพูดเลวทรามของตนทั้งหมดทันที

อย่างนั้นก็เพิ่มความผิดเป็นผู้พิฆาตคนในตระกูลอีกกระทงก็แล้วกัน“  เย่ว์หยางตะโกนลั่น”ฮุยไท่หลาง! ฆ่าเจ้าพวกสวะทุกคนที่บังอาจขวางทางรถม้านี้!”

*********************************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด