ตอนที่แล้วตอนที่ 85 ความเร็วที่เป็นไปไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 87 ฆ่าล้างสำนัก

ตอนที่ 86 ความตั้งใจของข่งโหย่วหลิน


มองจากมุมระยะไกลภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่องเกราะจักรกลสีบรอนซ์หม่นกำลังทะยานอยู่บนท้องฟ้าโดยฝีมือเด็กหนุ่มผู้คะนอง

เสือเขี้ยวดาบกระโจนได้สูงเหมือนนกยักษ์

ปิงตกใจปฏิกิริยาแรกที่เขามีก็คือ ความเคลื่อนไหวนี้ผิดธรรมดา  การกระทำนี้ไม่สมเหตุผล  การกระทำนี้มัน..

เขาเป็นเจ้าหน้าที่ทหารผู้เคร่งครัดและเข้มงวดกับการอบรมมาก  แต่ขณะที่เขาตามเสือเขี้ยวดาบในอากาศ  หัวใจของเขาบอกเบาๆ เหมือนกับว่าทุกอย่างจางหายไป จากนั้นเขาเห็นเสือเขี้ยวดาบแสงอยู่บนแสงอาทิตย์เหมือนกับเป็นภาพลวง เพราะเสือเขี้ยวดาบเป็นเหมือนกำลังบินอยู่กลางอากาศ

ปิงมองดูด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

เสือเขี้ยวดาบที่มีขนาดหนักเริ่มร่วงลง ถังเทียนเหยียดตัวกลางอากาศและยกแขนทั้งสองขึ้น  เขาเตะขาข้างหนึ่งออกขณะที่อีกข้างหนึ่งงอ  พื้นขยายใหญ่ขึ้นในสายตาของถังเทียน ถังเทียนไม่กลัว นัยน์ตาเขาเหมือนมีไฟลุกโชนรอยยิ้มกระหยิ่มปรากฏเต็มใบหน้าเขา

ตึ้ก!

เหมือนกับใช้มีดตัดเต้าหู้เสือเขี้ยวดาบเหยียดขาออกและเหมือนกับตะปู ขาของมันจมลึกลงไปในดินถึงเข่า

เสือเขี้ยวดาบไม่ได้ขยับ

เจ้าเด็กนี่...

ปิงมองเห็นขาของเสือเขี้ยวดาบอีกข้างหนึ่งที่คอยค้ำไว้จากที่ไกลและช่วยดึงขาที่จมลึกในดินออกมา  หัวใจของปิงเต้นแรง สีหน้าเขาซับซ้อน  ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดถึงผลกระทบดังกล่าวแต่นี่กลับไม่อยู่ในเรื่องเช่นนั้น เขาไม่เคยดูถูกศักยภาพของถังเทียน แต่...

เขามองเสือเขี้ยวดาบบรอนซ์ด้วยความงุนงงขณะที่มันดึงตัวออกจากดินอ่อน

เป็นครั้งแรกที่เขาได้เรียนรู้การเร่งความเร็ววิ่งระยะสั้น  แต่เขากลับทำให้สมบูรณ์แบบนี่สร้างความประหลาดใจให้กับปิง แต่นี่ก็เป็นเพียงความประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ปิงอึ้งก็คือถังเทียนกระโจนขึ้นไปในกลางอากาศ  โดยไม่รู้ความคุ้มค่าของการก้าวกระโดด  แต่ปิงรู้ชัดเจนในเรื่องนั้นนี่เรียกว่าท่าก้าวกระโจนในตำนาน มันอาจฟังดูแล้วธรรมดา  และจำเป็นต้องใช้ในบทเรียนตามปกติเท่านั้นแต่ระยะที่สามารถทำได้อย่างเหมาะสมก็คือสองร้อยเมตรและนั่นก็นับว่ายากในตัวเองอยู่แล้ว  แต่การกระโจนในระยะที่ไกลมากขนาดนี้ จำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้แรงกระโดดสูงสุด

ระยะกระโดดของถังเทียนเกินสองร้อยเมตรไปแล้ว  แน่นอนว่ามันคือระยะสองร้อยยี่สิบสี่เมตร  มาตรฐานขนาดนี้ แม้แต่ในอดีตที่ผ่านมา....

ปิงไม่เคยสอนถังเทียนถึงวิธีกระโจนระยะไกล

เจ้าเด็กบ้านี่ผิดมนุษย์มนาชัดๆ...

ถังเทียนลืมเลือนความจริงไปว่าเขาได้ทำสิ่งที่พิเศษ  แต่เมื่อสามารถทำผลงานสำเร็จในแปดวินาที  เขามีความสุขทันที  ถ้าเขาอยู่ในที่ปลอดภัย  เขาคงจะเปิดโชว์หน้าและคำรามใส่ปิงแล้วแต่สถานที่ในปัจจุบันนี้เขาทำได้เพียงตั้งท่าเบ่งกล้ามของบุรุษผู้แข็งแกร่งอวดความยินดีของตนเอง

ปิงหน้าเขียวคล้ำ

ไอ้เด็กบ้านี่....

โชคดีที่เจ้าเด็กบ้านี่ไม่ได้อยู่ในใต้บังคับบัญชาของเราในอดีต  มิฉะนั้นบรรยากาศคงได้เลวร้ายเป็นแน่

ปิงคำรามด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว เขาลอยตัวมาอยู่ด้านข้างถังเทียนด้วยเร็วกว่าสายฟ้าเสียอีก

“ผู้เฒ่า!ตกใจล่ะสิที่หนุ่มน้อยชาวฟ้าทำได้ถูก” ถังเทียนดีใจ “ท่านผู้เฒ่ายังไม่เข้าใจถึงพลังของหนุ่มน้อยผู้นี้”

“ผู้เฒ่า...หึหึ...”  ปิงหัวเราะเหี้ยมเกรียมพร้อมกับแผ่รังสีอำมหิต

ถังเทียนกลัวรังสีอำมหิตของปิงจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“หยา...เราต้องเร่งฝีเท้ากันแล้ว ไม่งั้นเจ้าบ้านั่นหนีไปแน่”

พอพูดจบถังเทียนหลบสายตาอำมหิตของปิงและกระโจนไปที่กำแพงอย่างรวดเร็ว

เขาตีลังกาลงบนกำแพง  ทันทีที่หยุดได้  ถังเทียนตัวแข็งชะงักค้างกับที่  สิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาก็คือหมาป่าจักรกลบรอนซ์กำลังจ้องมาทางเขา  เทียบกับนกกระจอกเทศจักรกลแล้ว หมาป่าจักรกลที่อยู่ต่อหน้าเขาเล็กและประณีต  ด้วยรายละเอียดที่ดีและประณีต  รูปร่างของมันเทียบได้กับหมาป่าแท้ แต่ตลอดทั้งตัวของมันเป็นชิ้นส่วนจักรกลทำด้วยบรอนซ์ด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อน กรงเล็บทั้งสี่คมเหมือนมีด ถ้าโดนมันตะปบใส่ ความแหลมคมคงได้ทำให้คนหวาดหวั่นได้ นัยน์ตาของหมาป่าบรอนซ์เปล่งประกายเป็นมันวาวเขียวมองดูแล้วแทบทำให้ถังเทียนขนลุกผมตั้งชันได้

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือขณะที่มองถังเทียน ประกายสีเขียวของนัยน์ตาของหมาป่าบรอนซ์ค่อยๆ สลัวลง

หมาป่าบรอนซ์หมุนตัวและจากไป

จากนั้นปิงมาโผล่อยู่ข้างๆถังเทียนและพูดขึ้นทันทีว่า “ตระกูลหลินนี้งี่เง่า อสูรหุ่นกลนี้ความจริงจำแนกความแตกต่างคนอื่นไม่ได้

ถังเทียนที่อยู่ภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่กระโดดด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดปิงอยู่ข้างๆ เขา

หือ

นิ้วของปิงวางทาบที่ริมฝีมือของเขาหน้าของเขาสงบและไม่แยแส ทำให้ถังเทียนคำรามอยู่ในลำคอ

หลังจากนั้นเขาค่อยแสดงความมั่นใจอีกครั้ง

ตาเฒ่านี่..จงใจทำ

ถังเทียนเกลียดมันจนกระทั่งฟันเขาเริ่มชา  แต่มันไม่ใช่ที่จะระบายอารมณ์โกรธ  ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธ

พอเห็นอสูรกลทุกตัวเมื่อผ่านพื้นที่ไป  เมื่อใดก็ตามที่เสือเขี้ยวดาบเข้าไปใกล้พวกมัน  อสูรหุ่นกลจะแสดงความระมัดระวังตาของมันจะเขียวขึ้น แต่แล้วก็หรี่สลัวลงอย่างรวดเร็ว

ที่คาดไม่ถึงก็คือถังเทียนไม่ได้ถูกขัดขวางเลยตลอดเส้นทาง

ทันใดนั้นข้างหน้าของเขามีเสียงดังเล็ดลอดออกมา   ถังเทียนตื่นจากภวังค์ทันทีและเขาก้าวไปข้างหน้าเงียบๆ

※※※※※※※※

“ทุกครั้งที่ข้ามาที่บ้านท่านข้าประทับใจเสมอ” ข่งโหย่วหลินกวาดสายตาไปที่เครื่องกลบรอนซ์รอบๆ ตัวเขา

“ชมเกินไปแล้วพี่ข่ง” หัวหน้าตระกูลหลินพูดนอบน้อม เขาเป็นบุรุษวัยราวสี่สิบและผอม แต่นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยชีวิต เขาสวมชุดยาวเขียวและหัวเราะขณะกล่าว “เทียบกับพี่ข่งแล้ว  ข้าก็ไม่มีอะไร  เกราะหงส์ของพี่ข่งมีชื่อเสียงมาก  ขณะที่ข้าอยู่ในภูมิภาควิญญาณ  ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อข้า”

ข่งโหย่วหลินหัวเราะออกมาดังๆ“ด้วยมาตรฐานอย่างข้า  ข้าอายนัก”  เขาลดเสียงลงและแกล้งทำเป็นถ่อมตัว  “ตรงกันข้ามกับน้องสาวของข้าเธอบรรลุเป็นนักสู้ระดับแปดไปแล้วสร้างความลำบากใจให้ข้าในฐานะเป็นพี่ชายนัก”

หลินเจียงตื่นเต้น  “ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด คุณหนูอี้หวี่อายุเพียงยี่สิบแปดปี  และปีนี้ก็เลื่อนเป็นนักสู้ระดับแปดแล้วด้วยพรสวรรค์ขนาดนั้น ช่างน่ายินดียิ่งนักนะ พี่ข่ง”

ข่งโหย่วหลินแกล้งทำเป็นละอายตนเอง  “ที่หลิน!อย่าล้อข้าเล่นต่อไปเลยข้าไม่อาจเทียบได้กับน้องสาว ว่าไปแล้วช่างน่าละอายยิ่งนัก”

ระหว่างที่เขาพูด  เขาซ่อนความหยิ่งยโสไว้  น้องสาวเขาข่งอี้หวี่ได้เป็นนักสู้ระดับแปดก็หมายความว่าอำนาจของตระกูลข่งจะเพิ่มขึ้น    เขาจะได้รับประโยชน์จากมันแน่นอน  หลินเจียงจงใจพูดสร้างมิตรภาพเขาจะไม่ได้ยินได้ยังไง?

“พี่ข่ง,            ที่ท่านพูดมานั้นได้แบบอย่างที่น่าเชื่อมั่นทรงพลังแบบนั้นในตระกูล  ยังมีวันและคืนอีกยาวนานสำหรับน้องสาวอย่างนั้น”หลินเจียงทำเป็นสงบใจอยู่ไม่ได้

“ฮ่าฮ่า”ข่งโหย่วหลินหัวเราะ

ถึงตอนนี้ จู่ๆเด็กหนุ่มคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับตะโกน “ท่านพ่อ  ท่านพ่อ”

หลินเจียงขมวดคิ้วและพึมพำ “เกิดอะไรขึ้น?  ทำไมเจ้าตะโกนลั่นไปทั้งบ้านอย่างนั้น?”

ถ้าถังเทียนอยู่ตรงนั้นด้วย  เขาคงจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือกลุ่มเด็ก 2-3คนที่เขาเล่นงาน ชื่อว่าหลินเว่ย หลินเว่ยถูกหลินเจียงดุสั่งสอนและมองเห็นอาคันตุกะ  เขารีบกล่าว “โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ข้าไม่เชื่อฟัง”

พอเห็นหลินเว่ยแสดงความสุภาพออกมา  หลินเจียงค่อยผ่อนคลายลงบ้าง

ข่งโหย่วหลินยิ้มกว้าง “นี่คือลูกชายคนดีของท่านใช่ไหม?  เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก  ข้าสามารถเห็นความเยาว์วัยของท่านในตัวเขาได้”

สีหน้าหลินเจียงผ่อนคลาย “เร็วๆมาคารวะท่านลุงข่งซะ”

หลินเว่ยได้ยินจึงก้าวออกมาแสดงความเคารพเขาทันที

ข่งโหย่วหลินประคองหลินเว่ยขึ้นและยิ้มอ่อนโยน“หลานชาย, เจ้ารีบร้อนเข้ามา คงมีเรื่องรีบด่วนบางเรื่อง  เชิญปรึกษากับบิดาเจ้าเถอะ  ไม่ต้องเกรงใจข้า”

หลินเจียงโบกมือ “พี่ข่ง,ไม่ต้องมากมารยาทก็ได้ พูดออกมาได้เลย ลุงข่งเป็นคนกันเอง”

หลินเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงเรียนตามตรง  “เจ้าอันธพาลที่ขี่นกกระจอกเทศบรอนซ์โผล่มาอีกแล้ว  แต่คราวนี้ ดูเหมือนเขาจะไปสุมหัวกับเซรีน”

“เซรีน?”หลินเจียงขมวดคิ้ว

ข่งโหย่วหลินประหลาดใจ  “นกกระจอกเทศบรอนซ์ของกองทัพดาวกางเขนใต้น่ะหรือ?”

หลินเจียงค่อยรู้สึกตัว และพยักหน้า“ถูกแล้ว  เป็นของนั้นนั่นเอง  วันนั้นลูกชายข้าเห็นว่าของนั่นใหญ่และน่าทึ่งจึงต้องการซื้อมันทันที คาดไม่ถึงเลยว่าผู้นั้นจะมีอารมณ์ที่ดุร้ายก้าวร้าว ใช้พลังของเขารังแกและกรรโชกทรัพย์พวกเด็กๆ  พลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก  ความขัดเคืองใจเล็กๆ น้อยๆนี้ปกติตระกูลหลินเราจะไม่เก็บมาใส่ใจ แต่ก็อย่างที่พี่ข่งรู้ สำหรับตระกูลหลิน นกกระจอกเทศกลมีความสำคัญมาก ถ้าข้าได้เห็นด้วยตนเองสักครั้งการประดิษฐ์เครื่องกลของตระกูลหลินอาจจะก้าวหน้าไปอีกระดับก็ได้  ถ้าเขาสามารถเข้าร่วมได้  ตระกูลหลินยินดีจะจ่ายให้เท่าใดก็ได้”

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าพาหนะจักรกลโบราณของกองทัพดาวกางเขนใต้จะคงอยู่มาถึงยุคนี้ได้จริงๆ”  ข่งโหย่วหลินประหลาดใจ  แต่ปลอบใจว่า “เรื่องนี้ข้าจะช่วยสนับสนุนพี่หลินเอง  พาหนะจักรกลอย่างนี้อยู่ในมือพวกเขาถือว่าเสียของเปล่าๆ แต่ถ้าอยู่ในมือของพี่หลินวิชาประดิษฐ์เครื่องกลจะได้รับการฟื้นฟูและแสดงคุณค่าที่แท้จริงของมันได้”

หลินเจียงตอบไม่แยแส  “มีเพียงพี่ข่งที่รู้ใจข้าดีที่สุด”

“คนอื่นๆอาจไม่รู้ผลสำเร็จของพี่หลิน แต่ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง?” ข่งโหย่วหลินถาม “สนามซ้อมขจัดจุดอ่อนที่พี่หลินสร้างขึ้น ภายในสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธล้วนสรรเสริญกันทั้งนั้น

หลินเจียงถ่อมตัวทันทนี “พี่ข่ง,  ท่านยกยอข้ามากไปแล้ว นั่นยังคงเป็นครั้งแรกที่ข้าสร้างผลงานอย่างนั้น  ข้าสงสัยว่าสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนเป็นยังไงบ้าง?”

“เอ่อ,นั่นคือเหตุที่ข้ามาที่นี่” ข่งโหย่วหลินกล่าว

“ไม่ทราบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสนามซ้อมขจัดจุดอ่อนหรือเปล่า?”หลินเจียงชะงักและพูดโดยเร็ว

“พี่หลิน  ท่านอาจจะไม่ได้ยินเรื่องนี้มา  สนามซ้อมขจัดจุดอ่อนไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว”  ข่งโหย่วหลินถอนหายใจเบาๆและถูกจ้องมองด้วยสายตาประหลาดใจจากหลินเจียงและหลินเว่ย  “ไม่มีอีกต่อไปแล้ว  ข้าได้ไปคัดเลือกตัวเด็กจากดาวอู่อัน  หนึ่งในเด็กใหม่นั้นท้าประลองกับเวทีขจัดจุดอ่อน แต่เขากลับทำให้เวทีขจัดจุดอ่อนทั้งหมดและตาแมวสีสวาดระเบิด และการ์ดอื่นๆพลอยถูกทำลายไปด้วย”

“เป็นไปไม่ได้”หลินเจียงตกใจและโพล่งออกมาทันที

ข่งโหย่วหลินลำดับเหตุการณ์และเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีกครั้ง

หลินเจียงนั่งฟังเงียบๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น“ข้อสันนิษฐานของพี่ข่งเป็นไปได้มากที่สุด นอกจากพลังของสายเลือด ข้าก็เหมือนกัน ไม่คิดว่าพลังงานแบบนั้นจะทำให้ตาแมวสีสวาดระเบิดได้ แต่ส่วนที่แพงและสำคัญของเหตุการณ์นี้ก็คือสมบัติดวงดาว  นอกจากนี้ พลังของสายเลือดช่างไร้ประโยชน์นัก”

“ใช่แล้วโอนั่นคือเหตุผลที่เขาถูกส่งตัวไปค่ายสุสานใหญ่” ข่งโหย่วหลินสรุปและยิ้ม “สำหรับนักสู้ที่มีสายเลือดดุร้ายและแข็งแกร่งอย่างนั้น  จะปล่อยให้องค์การวิญญาณมืดจับตัวไปไม่ได้”

พอได้ยินชื่อค่ายทหารสุสานใหญ่หลินเจียงใจตกวูบ ทั้งที่ข่งโหย่งหลินเป็นคนอำมหิต  แต่เขาก็ยังพูด “พี่ข่ง ท่านช่างใจดีนักยังอุตส่าห์ไว้ชีวิตเขา”

“เฮ้อ...ท่านก็รู้ปัญหาของข้า บางครั้งข้าก็ยังลังเลอยู่บ้าง”ข่งโหย่วหลิงแสร้งหัวเราะเยาะตนเอง “แต่ครั้งนี้ ข้าอยากจะขอร้องพี่ร้องพี่หลินช่วยข้าสร้างเวทีขจัดจุดอ่อนขึ้นมาอีกครั้งได้ไหม?

หลินเจียงมีสีหน้ายุ่งยาก

ข่งโหย่วหลินคาดไว้นานแล้วว่าเวลาที่หลินเจียงใช้สร้างเวทีขจัดจุดอ่อนนั้นนานมาก  แต่เนื่องจากเขามาแล้ว  เขาจึงจำเป็นต้องได้บางอย่างไว้พึ่งพาเป็นธรรมดา  ดังนั้นเขาจึงยิ้มและกล่าว “พี่หลินข้ารู้ว่าท่านยุ่งอยู่กับงานท่าน ข้าได้ยินมาว่าอสูรเครื่องกลของตระกูลหลินถูกขายออกไปในหมู่ดาวที่อยู่ห่างไกล  วันนี้ข้าเอาของดีๆ ติดตัวมาด้วย”ข่งโหย่วหลินฉีกยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด