ตอนที่แล้วตอนที่  4-7  ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่  4-9  รอยร้าว (1)

ตอนที่  4-8  ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (2)


ลินลี่ย์เกิดลังเลขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ภาพอดีตมากมายแล่นขึ้นมาในหัวแต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ใช่แล้ว นางชื่อว่าอลิซ”

ดวงตาของดีเลียพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ข้ายินดีด้วย”

ดีเลียหันหลังกลับไปอย่างเร่งรีบ ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่ไหลลงมาอาบหน้าได้เลยนางวิ่งออกไปจากห้องอ่านหนังสือในทันที

แต่ลินลี่ย์ไม่ทันได้เห็นน้ำตาของนาง

“เฮ้อ...” หลังจากตอบคำถามดีเลียไปตามตรง ลินลี่ย์ก็พลันรู้สึกกระสับกระส่ายแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายลงเช่นกัน

หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ใดมารบกวานการอ่านหนังสือของลินลี่ย์อีกเขาอ่านจนกระทั่งหมดความสนใจแล้ว จึงนำหนังสือกลับไปเก็บที่ชั้น

ระหว่างทางกลับหอพัก ลินลี่ย์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เจ้านาย! ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเองก็ชอบดีเลียเช่นกันใช่หรือไม่?” บีบีกล่าวอย่างกระตือรือร้นเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้“ในความคิดของข้า ดีเลียเป็นผู้หญิงที่ดีมาก นางน่าจะดีกว่าอลิซเสียอีก ท่านก็รู้?”

“หุบปากเถอะน่า!” ลินลีย์ตะคอกมันผ่านทางจิต

“หืม หืม ถ้าพูดกันด้านความรวยล่ะนะ ข้าผิดด้วยหรือ?” มันพูดอย่างไม่มีความสลด

ลินลี่ย์ถอนหายใจยาวๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “ลืมมันซะข้าจะทำให้อะไรชัดเจนขึ้นสำหรับดีเลีย และจะไม่กลับมาคิดเรื่องนี้อีก อืม...ใช่แล้ว เมื่อข้าไปพบอลิซพรุ่งนี้ ข้าจะเตรียมของขวัญไปให้นางด้วย”

แค่ได้คิดถึงอลิซ ลินลี่ย์ก็รู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายแล้ว

……

บ่ายวันที่ 29 ธันวาคม ลินลี่ย์แยกตัวออกจากเยลและพี่น้องคนอื่นมุ่งหน้าไปยังที่พักของอลิซตามนัดหมายของพวกเขา ครั้งนี้ ลินลี่ย์ตั้งใจเตรียมของขวัญพิเศษไปเพื่อนางด้วย

ในวันที่ 1 ในเดือนแรกของแต่ละปีเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “วันเทศกาลยูลาน”เป็นวันหยุดยาวของทุกจักรวรรดิบนแผ่นดินยูลาน ในวันนั้นของทุกปี วิหารเจิดจรัสจะจัดพิธีกรรมทางศาสนาครั้งใหญ่

เป็นที่รู้กันว่า เมืองเฟนไลเป็น ‘เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์’และศูนย์กลางการปกครองของวิหารเจิดจรัสก็ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเมืองเฟนไลนี้เองเป็นธรรมดาที่พิธีกรรมของเมืองเฟนไลจะเป็นหนึ่งในพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนทวีปยูลานเมื่อถึงตอนนั้น วิหารเจิดจรัสจะเป็นแม่งานใหญ่ในการจัดงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และมีผู้เข้าร่วมอย่างล้นหลาม

วันที่ 1 มกราคม

ทางตะวันตกของเมืองเฟนไล สำนักงานใหญ่ของวิหารเจิดจรัส อารามเจิดจรัสเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่มีความสูงเกือบร้อยเมตรไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในเมืองเฟนไลก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ด้านหน้าของอารามเจิดจรัสคือจัตุรัสขนาดมหึมาที่มีความกว้างมากกว่า 1,000 เมตรทั้งลานถูกปูด้วยหินขัดเรียบที่มีขนาดเท่ากันทุกก้อน และในขณะนี้จัตุรัสเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ ลินลี่ย์และอลิซก็รวมอยู่ในนั้น

มีอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเจิดจรัสหลายคนอยู่ที่นั่นเช่นกันจุดประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัยท่ามกลางฝูงชน แต่อันที่จริงผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว

“พี่ลินลี่ย์ วันนี้ตอน 8 โมงจะมีนักบวชระดับสูงของวิหารเจิดจรัสมาพบกับชาวบ้านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เองก็ออกมาด้วยเช่นกัน” อลิซเอ่ยกับลินลี่ย์ด้วยเสียงอ่อนหวาน

ลินลี่ย์พยักหน้าพลางจ้องมองอัศวินของวิหารเจิดจรัสที่กำลังเดินตรวจตราอย่างเคร่งครัด“อลิซ ลองมองดูอัศวินเหล่านั้นสิ แม้จะมาจำนวนมากมายนับพันคนแต่ไม่มีคนใดเลยที่อ่อนแอ”

“แน่นอน ในเทศกาลยูลานปีนี้มีกลุ่มอัศวินจากวิหารเจิดจรัสคอยดูแลความปลอดภัยตลอดงานอัศวินแต่ละคนเป็นนักสู้ที่มีฝีมือเทียบเท่านักรบระดับ 5 เป็นอย่างน้อย” อลิซที่เติบโตมาในเมืองเฟนไลรู้เรื่องราวดีกว่าลินลี่ย์มากนัก

หัวใจของลินลี่ย์เต้นรัว

อัศวินทั้งหมดเป็นนักสู้ระดับ 5 หรือสูงกว่า? ช่างเป็นกองทัพที่ทรงพลังยิ่งแม้บนข้อสันนิษฐานที่ว่าอัศวินทุกคนเป็นนักรบระดับ 5ก็นับว่าเป็นกองกำลังที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย และยิ่งหากทั้งหมดเป็นจอมเวทระดับ5 ด้วยแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้ากองอัศวินนี้ ตัวเขาคงไม่สามารถนับเป็นตัวอะไรได้เลย

อลิซชี้ไปยังกลุ่มคนที่ใส่เสื้อผ้าโดดเด่นกว่าคนอื่น “ดูนั่นขุนนางระดับสูงหลายคนก็มาร่วมงานในวันนี้ด้วย อีกซักพักคงได้เห็น 6 ตระกูลเชื้อพระวงศ์ของสหภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่”

เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว แค่เพียงพริบตาก็ถึงเวลา 8 โมงเสียแล้ว

ทันใดนั้น อารามเจิดจรัสที่มีความสูงกว่าร้อยเมตรก็พลันส่องแสงสีขาวมายังจัตุรัสสว่างจ้ารูปปั้นเทพองค์มหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัสก็พลันเปล่งประกาย ในขณะเดียวกันทั่วทั้งลานกว้างก็ปกคลุมไปด้วยเสียงบทเพลงอันไพเราะดุจท่วงทำนองแห่งเทพ

ณ เวลานั้น ก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากอารามเจิดจรัส เบื้องหน้าของพวกเขามีแถวหน้ากระดานหลายแถวของกลุ่มชายที่แต่งกายด้วยชุดเกราะสีขาวเปล่งประกายและหมวกเกราะที่ประดับด้วยขนนกสีแดง  ทั้งหมดเป็นอัศวินของอารามเจิดจรัสซึ่งล้วนแล้วแต่มีบุคลิกสง่าผ่าเผยสมดังยศอัศวินกองอัศวินกว่าร้อยคนที่ก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงกันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้รับชมไม่น้อยบรรยากาศกดดันทำให้ทั่วสารทิศตกอยู่ในความเงียบ

“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าวิหารเจิดจรัสจะทรงอำนาจถึงขนาดนี้อัศวินเกือบร้อยคนนั่นคงเป็นนักรบระดับ 7 เป็นอย่างต่ำ” เดลิน โคเวิร์ทปรากฏกายขึ้นถัดจากลินลี่ย์ชายชราประเมินกลุ่มคนเบื้องหน้า “วันนี้ก็มีนักสู้ระดับเซียนมาด้วยอย่างนั้นหรือ? ช่างมัน! ข้าหลบอยู่ในแหวนเพื่อความแน่ใจดีกว่า”

จากนั้นเดลิน โคเวิร์ทก็หายตัวไป

“นักสู้ระดับเซียน?” ลินลี่ย์ลอบประเมินกลุ่มคนเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง

ด้านหลังอัศวินแห่งอารามเจิดจรัส คือกลุ่มคน 10 คนในชุดคลุมยาวสีขาวและเบื้องหลังพวกเขาคือชายแก่ศีรษะล้านในชุดคลุมสีเงินซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคาร์ดินัลที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงเข้ม

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”

เป็นที่แน่ชัด ว่าชายศีรษะล้านในชุดสีเงินเป็นดั่งศูนย์กลางและหัวใจของคนกลุ่มนี้ลินลี่ย์อดที่จะสังเกตพฤติกรรมของชายคนนี้ไม่ได้ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นชายร่างสูงประมาณ2 เมตร มือซ้ายของเขากวัดแกว่งคทารูปสลักที่มีความยาวไม่แพ้ตัวเขาเลย

เบื้องหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และคาร์ดินัล เป็นชายชรา 4 คนในชุดสีดำและนักรบในชุดสีม่วงนับร้อยคน ยามที่กลุ่มคนเหล่านี้เดินอย่างเป็นระเบียบลงไปกลางลานกว้างผู้ชมนับแสนรอบๆไม่มีแม้สักคนที่กล้าส่งเสียง

“ปู่เดลิน ท่านพูดว่ามีนักสู้ระดับเซียนมาในวันนี้ด้วยคนใดในกลุ่มนี้คือนักสู้ระดับเซียนหรือ?” ลินลี่ย์ถามทางจิต

“เพียงได้มองครั้งเดียวข้าก็บอกได้ทันที จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และชายชุดดำ 1ใน 4 คนนั้นเป็นนักสู้ระดับเซียน พวกเขามั่นใจในตัวเองมากเสียจนไม่แม้แต่จะปกปิดพลังข้าไม่เคยคาดคิด...ว่า 5 พันปีต่อมา วิหารเล็กๆที่ต้องหลบซ่อนตัวในยุคสมัยของจักรวรรดิพูเอนท์จะพัฒนาจนมาถึงระดับนี้”เดลิน  โคเวิร์ทถอนหายใจติดต่อกันไม่หยุด

“ไม่ปกปิดพลังของตนเองอย่างนั้นหรือ?”

ได้ยินดังนั้น ลินลี่ย์ก็จ้องมองไปยังกลุ่มคนนั้นอีกครั้ง พูดตามตรงเมื่อมองไปที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และชายชุดดำทั้ง 4 คนด้านหลัง ลินลี่ย์เพียงแค่รู้สึกว่ามีบรรยากาศของความสูงศักดิ์และสง่างามเท่านั้นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังที่รั่วไหลออกมาได้เลย

แต่เดลิน โคเวิร์ทกลับกล่าวว่า...ทั้งสองนั้นเป็นนักสู้ระดับเซียนซึ่งไม่ได้เก็บซ่อนพลังแม้แต่น้อย?

“ลินลี่ย์ เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมากนัก ในแผ่นดินยูลาน การเป็นจอมเวทระดับ 5นั้นถือว่ายังอ่อนด้อย เมื่อใดที่เจ้าบรรลุถึงระดับ 7 เจ้าจึงจะคู่ควรกับคำว่า‘ทรงอำนาจ’ ถึงกระนั้น นักสู้ระดับ 7เมื่ออยู่ต่อหน้าหนึ่งในขุมอำนาจใหญ่บนทวีปนี้แล้ว ย่อมไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลง”

“บนแผ่นดินนี้ วิหารเจิดจรัส ลัทธิเงา  สี่จักรวรรดิใหญ่ และองค์กรลึกลับอีกมากมายเมื่อรวมกันแล้วอาจมีเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากมายกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึงในตอนนี้ตัวเจ้ามีพลังเพียงน้อยนิด มิหนำซ้ำยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจเหล่านี้จึงมีมุมมองที่แคบนัก เรื่องนี้ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจเอง” เดลิน โคเวิร์ทพูดกลั้วเสียงหัวเราะ“ข้อได้เปรียบของเจ้าก็คือความหนุ่มแน่นความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ทรงอำนาจนี้ย่อมไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวจงฝึกฝนให้หนักเข้า และในอนาคตเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเอง”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

เพราะอยู่ในสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์มักถูกชื่นชมว่าเป็นอัจฉริยะในจิตใจของเขาจึงประเมินตนเองไว้สูงมาก แต่คำพูดของเดลิน โคเวิร์ทได้เตือนสติเขาว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเหล่ายอดฝีมือบนแผ่นดินยูลานแล้วอย่างเขาไม่สามารถนับเป็นตัวอะไรได้เลย

เมื่อกลุ่มของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาถึงทุกคนในจัตุรัสต่างพูดคุยถึงพวกเขาผ่านการกระซิบ

“พี่ลินลี่ย์ ดูนั่น! 6 ตระกูลเชื้อพระวงศ์มาถึงแล้ว ด้านหน้าสุดนั้นคือราชตระกูลจากเมืองเฟนไลชายร่างกายสูงใหญ่ที่มีผมสีทองนั้นเป็นพระราชาของเรา เขาเป็นนักรบระดับ 9ที่ทรงพลังมาก” อลิซกระซิบเบาๆที่ข้างหูของลินลี่ย์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด