ตอนที่แล้วตอนที่  4-6  กุหลาบเหมันต์ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่  4-8  ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (2)

ตอนที่  4-7  ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (1)


เมื่อถูกพี่น้องทั้งสามคาดคั้น ลินลี่ย์ก็เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอลิซตามตรงเรื่องนี้ทำให้เสือผู้หญิงอย่างเยลและเรย์โนลด์ถึงกับทึ่ง

ถึงอลิซจะตกลงเป็นคนรักกับเขาแล้วอย่างไรก็ตามทั้งสองนั้นอยู่คนละสถาบันทำให้สามารถพบเจอกันได้เพียงเดือนละครั้ง

แค่เพียงกระพริบตาอีกเดือนก็ผ่านพ้นไป วันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันที่ลินลี่ย์อารมณ์ดีอย่างยิ่งเพราะเขากำลังจะได้เจ้ากับอลิซที่เมืองเฟนไล

“เฮ้, ลินลี่ย์”

“ว่าไง, เดวิด”

ขณะกำลังเดินไปตามถนนในสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์ก็ได้ทักทายเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง

“เจ้านาย, ดูเหมือนเจ้านายจะอารมณ์ดีนะวันนี้ เป็นเพราะว่ากำลังจะไปเจออลิซใช่หรือไม่?” บนบ่าของลินลี่ย์ เจ้าบีบีกำลังทำจมูกฟุดฟิดอย่างล้อเลียน“ดูรอยยิ้มโง่ๆของท่านสิ ตลอดทั้งเดือนนี้เจ้านายเอาแต่ยิ้มเหมือนคนปัญญาอ่อน”

ในอดีต แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ได้มีบุคลิกเย็นชา แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่ายแต่ช่วงเดือนนี้กลับดูอารมณ์ดีอย่างยิ่งจึงมักเห็นเด็กหนุ่มส่งยิ้มและหัวเราะทักทายผู้คนไปทั่ว

“เจ้าตัวเล็กนี่! เจ้าจะไปรู้อะไร” ลินลี่ย์เหลือบตามองบีบีขณะที่ย่างก้าวเดินไปยังห้องสมุดหลังจากเปิดดูผ่านตาก็พบหนังสือเวทธาตุลมที่น่าสนใจ 2 เล่ม ลินลี่ย์เข้าไปในพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือและเริ่มอ่านทันที

ในพื้นที่ให้อ่านหนังสือนั้นค่อนข้างเงียบ มีผู้คนอยู่ประมาณ 20 – 30กระจายตัวอยู่อย่างเบาบาง

ลินลี่ย์เลือกบริเวณที่ห่างจากคนอื่นพอสมควรแล้วเริ่มอ่านหนังสือ ลินลี่ย์สามารถหาความรู้หลากหลายได้ที่ห้องสมุดของสถาบันเอินส์นี้ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ อสูรเวท การปกครอง เวทมนต์...แต่ส่วนใหญ่เขาจะเข้ามาศึกษาบทเวทลมเสียมากกว่า

ที่สำคัญ ลินลี่ย์เป็นเป็นผู้ใช้เวทธาตุดินและลมในส่วนของธาตุดินเขาได้ปรมาจารย์จอมเวทผู้วิเศษอย่างเดลิน  โคเวิร์ทเป็นอาจารย์ส่วนตัวถือเป็นโชคดีมหาศาลแต่ในส่วนของธาตุลมไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ในขณะอ่านหนังสือ ลินลี่ย์พยายามอย่างมากที่จะเรียนรู้เพื่อนำมาพัฒนาเวทธาตุลมของตนบางครั้งเขาก็พยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว

ในห้องอ่านหนังสือ เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลินลี่ย์ปิดหนังสือเบื้องหน้า“ปู่เดลิน มันช่างเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจหลักการของเวทธาตุลมได้อย่างถ่องแท้อีกทั้งจำนวนบทเวทที่ข้าประดิษฐ์ด้วยตนเองก็ยังน้อยนัก”

ในการใช้เวทนั้น ผู้ใช้เวทจะต้องทราบบทเวทอย่างแน่ชัดก่อนจะร่ายบทเวทคนปกติจะท่องจำบทเวทนั้นจนขึ้นใจโดยไม่สนใจความหมายของมันแต่สำหรับผู้ที่สามารถเข้าใจถึงหลักการของเวทอย่างถ่องแท้ย่อมทราบถึงคำร่ายของบทเวทนั้นๆไปโดยปริยายหรือแม้แต่กลั่นคุณภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น และพัฒนาความสามารถในการเชื่อมต่อกับธาตุของตน”

“ปกติแล้วเจ้าคิดว่าบทเวทนั้นสามารถสร้างได้โดยง่ายอย่างนั้นหรือ?” เสียงของเดลิน โคเวิร์ทดังขึ้นในหัวของลินลี่ย์

“ตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจตรงนั้น ข้าหวังเพียงจะได้บทเวทระดับ 7 บ้างแต่สถาบันนี้ช่างตระหนี่เสียจริง บทเวทระดับ 7, 8, 9 นั้นไม่เคยจะเปิดเผยให้เห็นเลย” แม้ลินลี่ย์จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่ก็รู้ดีว่าเบื้องหลังสถาบันแห่งนี้คือวิหารเจิดจรัส ทางวิหารเจิดจรัสย่อมไม่ยอมยกบทเวทที่ทรงพลังให้คนจากจักรวรรดิอื่นอย่างแน่นอน

ลินลี่ย์นับว่าโชคดีที่มีปู่เดลินคอยสนับสนุนอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเวทธาตุดิน

ลินลีย์เริ่มอ่านต่อ เขาพลิกหน้าหนังสือเวทธาตุลมอ่านดูต่อไป....

“สรุปแล้วเวททุกธาตุรวมถึงธาตุลมจะใช้คำร่ายบางคำร่วมกัน ยกตัวอย่างเวทธาตุลม‘ใบมีดสายลม’ และบทร่ายที่ระดับสูงกว่า ‘โซ่มีดสายลม’ แม้แต่ที่ระดับสูงกว่าอีก‘ระบำคมมีดสายลมคลั่ง’ จนถึงบทเวทระดับ 9 ‘เทคนิคทลายสูญญากาศ’ล้วนประกอบด้วยคำร่ายชุดเดียวกันซึ่งเป็นการพัฒนาและปรับปรุงบทเวท ‘ใบมีดสายลม’ไปคนละทาง แต้ท้ายที่สุดก็จะสามารถพัฒนาไปสู่เวท ‘ผ่ามิติ’ซึ่งเป็นเวทต้องห้าม...”

หลังจากอ่านรายละเอียดส่วนนี้ของบทเวท ‘ใบมีดสายลม’ ลินลี่ย์ก็เริ่มรู้สึกสนใจ

หนังสือเล่มนี้เขียนจากมุมมองของจอมเวทระดับสูงซึ่งค้นคว้าและจัดแบ่งเนื้อหาอย่างเป็นระบบถือเป็นหนังสือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่มีพื้นฐานไม่มากช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจโครงสร้างของเวทมนต์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“อันที่จริงวิชาลอยตัว ถือเป็นวิชาที่เข้าใจง่าย แต่จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนักเนื่องจากเป็นวิธีที่ต้องการการเชื่อมต่อของธาตุลมในระดับสูงยิ่งมีการเชื่อมต่อสูงเท่าไรยิ่งง่ายในการค้นหาและควบคุมสายลมและธาตุลมบริสุทธิ์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้นทำให้สามารถบินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ‘เคล็ดทะยานฟ้า’ นั้นถือเป็นเคล็ดขั้นสูงกว่าในขณะที่เคล็ดลอยตัวทำได้แค่การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง เคล็ดทะยานจะทำให้ทะยานและบินบนอากาศแม้ว่าจะดูเหมือนสามารถเคลื่อนที่ได้ทุกทิศทาง แต่ในความจริงแล้ว เคล็ดทะยานนี้มีคุณสมบัติมากกว่าเคล็ดลอยตัวเพียงเล็กน้อยคือจะทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่ในแนวราบได้ด้วย ยกตัวอย่างหากบินลงไปด้านล่างและด้านขวาในขณะเดียวกันก็จะสามารถเคลื่อนที่ลงด้านล่างแบบเฉียงออกทางขวาได้พูดให้ง่ายคือหากมีการฝึกฝนเพียงพอและมีพื้นฐานบทเวทจากเคล็ดลอยตัวแล้วโดยหลักการจะสามารถใช้เคล็ดทะยานได้นั่นเอง”

หลังจากอ่านในส่วนนี้ ก็พลันเหมือนมีแสงสว่างผุดขึ้นมาในใจ

ใช่แล้ว เคล็ดทะยานก็แค่เพิ่มบางอย่างจากเคล็ดลอยตัว คือการเคลื่อนที่ซ้าย-ขวา หน้า-หลังเพียงเปลี่ยนจากการใช้กระแสลมรอบตัวบังคับให้เคลื่อนที่ในทิศทางเดียวเป็นหลายทิศทางในเวลาเดียวกัน

“ใช่ เพียงแค่เพิ่มหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา หากทฤษฎีนี้ถูกต้อง การเรียนรู้เคล็ดทะยานก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอันใด”ลินลี่ย์ลองจินตนาการขั้นตอนในใจ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทฤษฎีนี้จะเป็นจริงหรือไม่ มีแต่ทดลองเท่านั้นที่จะสามารถตอบได้!

ก่อนหน้านี้ในคาบเรียนธาตุลม ลินลี่ย์ประทับใจในเคล็ดทะยานฟ้าซึ่งสามารถทำให้สามารถโบยบินได้ดังใจนึกและคิดว่าบทร่ายของมันต้องยุ่งยากและซับซ้อนเป็นแน่

แต่ตอนนี้ เพียงแค่เพิ่มเข้าไปอีก 4 ทิศทางจากเคล็ดลอยตัว ระดับความยากของเคล็ดทะยานในจิตใจของลินลี่ย์ก็ลดลง

ลินลี่ย์อ่านต่อด้วยความตื่นเต้น

“แน่นอนยิ่งระดับการเชื่อมต่อกับธาตุสูงเท่าไรประสิทธิภาพในการใช้เวทก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นยกตัวอย่างเวทที่ระดับสูงกว่าในสายเดียวกับเคล็ดทะยาน คือ เวทปีกแห่งสายลมซึ่งจะบังคับมวลธาตุอากาศรอบกายมาสร้างเป็นปีกล่องหนขนาดใหญ่ยักษ์ให้กับผู้ร่ายบทเวทนี้ยากกว่าเคล็ดทะยานมากนัก และแทบไม่มีใครสามารถทำได้เลย

ลินลีย์พยักหน้ายอมรับ

ยิ่งได้อ่านมากเท่าไร ลินลี่ย์ก็ยิ่งรู้ซึ้งว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเกี่ยวกับบทเวทเป็นแน่เพราะทั้งเนื้อหาและคำอธิบายล้วนอ้างอิงจากรากฐานและทฤษฎีเวท มันได้ชี้แนะหนทางในการทำความเข้าใจหลักการในการความคุมธาตุและที่มาของบทเวทแต่ละบทอย่างถ่องแท้แต่ไม่ได้กล่าวถึงการพัฒนาพลังของบทเวทเลยแม้แต่น้อย

คนส่วนใหญ่ที่เห็นข้อความมากมายกล่าวถึงทฤษฎีเวทและเวทธาตุที่ลึกซึ้งในหนังสือเล่มนี้ย่อมส่ายหน้าหนีไม่อ่านต่อเป็นแน่

แต่ลินลี่ย์รู้ดีว่าหากเขาสามารถเข้าใจที่มาของบทเวทแต่ละบทได้เขาย่อมสามารถเรียนรู้การควบคุมพลังเวทของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเช่นนั้นอำนาจของบทเวทที่เขาร่ายก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“ลินลี่ย์” ในขณะที่ลินลี่ย์กำลังจมดิ่งไปกับหนังสือ เสียงกังวานใสก็ดังขึ้นจากด้านข้าง

เขาเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปหาต้นเสียงเบื้องหน้าเขาคือร่างสูงโปร่งของหญิงงามคนหนึ่ง เป็นเพื่อนสาวของเขา ดีเลียนั่นเองแต่สีหน้าของนางกลับดูไม่ยินดีนัก

“เฮ้ ดีเลีย มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ

ดีเลียขบกัดริมฝีปากล่างของนางอย่างเงียบๆอยู่สักครู่ ก่อนเอ่ยถาม “ลินลี่ย์ข้าได้ยินมาว่า...เจ้ามีคนรักแล้วหรือ?” ดวงตากลมโตคู่งามของดีเลียจับจ้องเขม็งที่ลินลี่ย์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด