ตอนที่แล้วEp.452 - เพลิงสีชาดผู้ตื่นรู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.454 - เริ่มท้าทาย

Ep.453 - กำราบ


2/3

Ep.453 - กำราบ

เผ่าทรายสีชาดระดับสูงถือกำเนิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้

พวกมันอยู่ในสถานที่นี้ เป็นประชากรของเทือกเขาทรายสีชาด

ในฐานะผู้อยู่อันดับสูงที่สุดในกลุ่ม ด้วยพลังรบของเพลิงสีชาด มันสามารถสั่งการเหล่าสายพันธุ์รองของเผ่าทรายสีชาดได้หลายพันตน ดังนั้นต้องรีบกำจัดเจ้าหมอนี่

ถ้าพวกมันพบผู้บุกรุกและจัดตั้งกองกำลังขนาดใหญ่สำเร็จ สถานการณ์อาจเลวร้าย!

ฮังอวี่เปิดโจมตีอย่างกะทันหันกับเผ่าทรายสีชาดระดับสูง

โชคดีที่เพลิงสีชาดตอบสนองช้า

ทำให้ฮังอวี่เปิดใช้งานจัตุรัสคุกโลหิตได้ทันเวลา ด้วยการควบคุมหน่วงเหนี่ยวของสกิลนี้ สมาชิกระดับสูงของเผ่าทรายสีชาดจึงถูกขังอยู่ข้างใน หากคิดหลบหนีในช่วงเวลาสั้นๆ ยากจะทำได้

ฉินมู่เพิ่มสกิลควบคุมภาคสนามอีกสองสามอย่างลงไป ปิดกั้นการรับรู้และกลิ่นอายทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์ทรายสีชาดสายพันธุ์รองที่สัญจรไปมาใกล้ๆ ไม่สามารถรับรู้ถึงสถานที่แห่งนี้

“เกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเขาเป็นใคร?”

เผ่าทรายสีชาดที่นำโดยเพลิงสีชาด แม้พวกมันจะตื่นรู้เป็นสายพันธุ์ที่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ยังคงอยู่ และด้วยสติปัญญาที่มี ทำให้สามารถนึกคิดได้ ไม่เหมือนตอนเป็นสายพันธุ์รอง สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ

ฮังเสี่ยวไป๋ปลดล่อยแสงแห่งแดนมายา

ภาพลวงตาเข้าโจมตีจิตใจของเหล่าเผ่าทรายสีชาด

นอกเหนือจากเพลิงสีชาดที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถขจัดสิ่งรบกวนนี้ได้ในพริบตาแล้ว อีกหลายตนตกอยู่ในภาวะเฉื่อยชา

เพลิงสีชาดตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดี ยกง้าวขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างสับออกไป เล็งใส่ฮังอวี่ผู้ปลดปล่อยคุกโลหิต

จ้าวหมิงเห็นแบบนั้น รีบเปิดใช้งานเกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์ของเขาทันที เข้าป้องกันการโจมตีอันหนักหน่วงด้วยโล่ยักษ์ เนื่องจากนี่ไม่ใช่การโจมตีด้วยธาตุไฟ อุปกรณ์กันไฟเต็มตัวจึงไร้ความหมาย เกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์แตกเป็นเสี่ยงๆ

พลังโจมตีรุนแรงมาก!

ชายผู้นี้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมฮังอวี่!

และถ้าเทียบกับฮังอวี่แบบชัดๆ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแกร่งกว่าเล็กน้อย

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจ้าหมอนี่เคยเป็นถึงมอนสเตอร์ระดับทรราชย์ขั้นโกลด์ ขณะที่ระดับปัจจุบันของฮังอวี่คือพลังรบในระดับมอนสเตอร์ทรราชย์ขั้นซิลเวอร์

ในกรณีสู้แบบตัวต่อตัว ฮังอวี่อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเพลิงสีชาด

เช่นนั้นแล้วสถานการณ์ในตอนนี้เล่า?

ผลลัพธ์ไม่ต้องลุ้นเลย!

นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่สามารถเปิดการโจมตีก่อนได้สำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะขณะที่วิญญาณของเพลิงสีชาดเกิดการเปลี่ยนจากการตื่นรู้ ค่าร่างกายและพลังจิตของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

ตามปกติแล้วมอนสเตอร์ระดับทรราชย์ขั้นโกลด์เลเวล 15 อย่างน้อยที่สุดต้องมีพลังชีวิตและพลังจิตประมาณ 60,000 และพลังการฟื้นฟูก็สูงจนน่าตกใจ

แต่ราคาที่ต้องแลกคือการขาดสติปัญญา

เมื่อเพลิงสีชาดมีสติปัญญา ค่าพลังชีวิต , ค่าพลังจิต , อัตราการฟื้นฟู จึงลดลงอย่างมาก ทุกวันนี้มันเหลือพลังชีวิตแค่ประมาณ  2,000 เท่านั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง

หลังจากเพลิงสีชาดตื่นรู้ มันได้รับสติปัญญา ความนึกคิด และการตระหนักรู้ในตนเอง

แต่ก็สูญเสียค่าพลังชีวิต ค่าพลังจิต และคุณสมบัติอื่นๆ ไปมาก

ตราบใดที่ล่อมันให้ติดกับได้ อัตราความสำเร็จในการฆ่าเพลิงสีชาด ง่ายยิ่งกว่าการสังหารจอมพลสีชาดมาก!

“สะบั้นเพลิงคลั่ง!”

“เพลิงพิโรธสะบั้นต่อเนื่อง!”

“เพลิงทำลายล้าง!”

พลังรบอันแก่กล้าของเพลิงสีชาดได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ สกิลรบอันดุร้ายดุดัน แม้แต่จ้าวหมิงก็ยังรู้สึกเต็มกลืน  แต่ด้วยการสนับสนุนจากผู้รักษาเจียงหนาน และคนอื่นๆช่วยแบ่งเบาภาระ ทำให้ยังไม่ถึงขีดอันตราย

ถึงขั้นนี้แล้วยังทำอะไรไม่ได้ เพลิงสีชาดรู้สึกว่าไม่มีทางสู้ได้เลย!

อย่างแรกคือมันไม่มีกระทั่งโพชั่น อีกทั้งยังไม่มีผู้รักษาคอยเติมเลือด และไม่ต้องกล่าวถึงพลังในการฟื้นฟูพลังชีวิตที่สูญเสียไปจากการตื่นรู้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ไม่นานทุกตนก็ถูกกำราบอย่างรวดเร็ว

การสังหารหมู่แทบจะถูกตอกตะปูฝาโลง!

เพลิงสีชาดรู้สึกได้ถึงความกลัว การมีสติปัญญา ความนึกคิด และการตระหนักเท่าทันตนเองเป็นสิ่งที่วิเศษ

มันไม่อยากหายไปอีกแล้ว! ไม่อยากกลายเป็นมอนสเตอร์อีกต่อไป!

หากถูกฆ่าตายที่นี่ แล้วโดนอีกฝ่ายทำลายแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพในถ้ำ

จากนั้นวิญญาณของมันที่เพิ่งตื่นรู้ก็จะแหลกสลายไปอีกครั้ง

เพลิงสีชาดเพิ่งตื่นรู้ได้แค่กี่วัน? เวลานี้มันจึงเหมือนเด็กที่เพิ่งรู้จักโลกใบนี้ เมื่อต้องเผชิญกับความตายก่อนวัยอันควรทั้งๆที่ยังไม่เห็นโลกกว้าง มันก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

ไม่!

เพลิงสีชาดสูญเสียพลังชีวิตอย่างรุนแรง มันเริ่มอ่อนแอลง จังหวะนั้นรีบตะโกนทันที “ช้าก่อน!”

ใจของฮังอวี่กระตุกวูบ

“เหล่าฉู ลุค หยุดก่อน ฟังว่ามันอยากจะพูดอะไร”

เพลิงสีชาดรักษาชีวิตไว้ได้ชั่วคราว

สมาชิกเผ่าทรายสีชาดหลายตนก็ได้สติกลับมาแล้วเช่นกัน

เมื่อชาวโลกวิญญาณที่ไม่เคยพบเจอโลกกว้างเหล่านี้ได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทุกตนดูหวาดกลัวมาก กลัวว่าจะล่วงลับอีกครั้งทั้งๆที่เพิ่งตื่นจากนิทรา

ฮังอวี่มองเพลิงสีชาดด้วยความสนใจ “นายควรมีเหตุผลมากพอที่จะแยกแยะสถานการณ์ ถ้าพวกเราต้องการฆ่านาย ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ว่าแต่นายจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตตัวเอง?”

เพลิงสีชาดรู้สึกสับสน

มันเพิ่งตื่นได้สิบวัน!

ยังเป็นแค่เด็ก!

มันไม่มีอะไรอยู่ในมือ นอกเหนือจากชุดคุณภาพสีฟ้าบนตัว

แต่มันคงไม่สามารถมอบอุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกไหม? เพราะต่อให้รอดพ้นจากภัยคุกคามนี้ แต่เมื่อครั้งที่สองและสามตามมา คงไม่รอดแน่ๆ

เพลิงสีชาดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน และพบว่ามีทางออกเดียว “ข้ายินดีขอลี้ภัยไปอยู่กับท่าน”

เหล่าเผ่าทรายสีชาดตนอื่น ๆ พอได้ยิน

พวกมันทั้งหมดก็รีบแสดงความเต็มใจที่จะลี้ภัยเช่นกัน

พวกมันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

แม้มีบางตนเคยแนะนำให้ยึดครองดินแดน แต่พวกมันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาณาจักรมังกรโลกา หากรีบร้อนออกจากอาณาเขตเทือกเขาสีชาด ไม่ต้องกล่าวถึงความสำเร็จ บางทีอาจกลายเป็นล่วงเกินผู้คนไม่น้อย

แทนที่จะเป็นอย่างนั้น

สู้รักษาชีวิตไว้จะดีกว่า

เข้าร่วมกองกำลังเบื้องหน้า

ฮังอวี่เอ่ยถามตรงๆ “นายชื่ออะไร แล้วมีมรดกหลักคืออะไร?”

อีกฝ่ายตอบว่า “ข้าชื่อเพลิงสีชาด มรดกหลักคือจ้าวสงครามขั้น 4”

ทุกคนต่างประหลาดใจ

เจ้าหมอนี่มีมรดกขั้น 4 ที่เหมือนกับคาลิมัวงั้นหรือ? ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรแบบนี้!

ชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณมีสองประเภท

ประเภทแรกคือคนส่วนใหญ่ที่เติบโตอย่างช้าๆจากจุดต่ำสุดและก้าวสู่อำนาจใหญ่ คนกลุ่มนี้อาจได้ขึ้นเป็นผู้ครองแคว้น หรือกระทั่งราชา

แต่ประเภทที่สองนั้นตรงกันข้าม ทันทีที่ตื่นขึ้นมา พวกเขาก็พบว่าตัวเองมีพลังรบทัดเทียมกับขุนนางใหญ่ หรือมีกระทั่งอำนาจของระดับราชันย์ มีทุนมากพอที่จะเรียกลมฝนในโลกวิญญาณ

แม้ว่าสถานการณ์นี้จะหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน

คาลิมัวเป็นประเภทแรก

เพลิงสีชาดเป็นประเภทที่สอง

บรรพบุรุษของเพลิงสีชาด คือจอมพลทรายสีชาด จุดเริ่มต้นสูงมาก

จอมพลทรายสีชาดก็มีความสามารถคล้ายๆกับเพลิงสีชาด ดังนั้นการได้ครอบครองมรดกนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก

พูดถึงเรื่องนี้

จ้าวสงครามเป็นมรดกที่มีค่ามาก!

หากอีกฝ่ายมีประสบการณ์มากพอ และเติบโตขึ้น บวกกับมีความทะเยอทะยาน หลังจากนี้ไปคงควบคุมยากมาก

อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการสืบทอดความทรงจำมา แต่ชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านี้ส่วนใหญ่คัดลอกมาจากบรรพบุรุษมากกว่าประสบการณ์ของตนเอง ยังขาดความรู้ความเข้าใจ

พูดตามตรงก็คือ ถ้าสั่งสอนและควบคุมดีๆ น่าจะใช้งานเขาได้

เจียงหนานอดพูดไม่ได้ว่า “พลังรบของเขาแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าคาลิมัวแน่นอน แต่ถ้าเลี้ยงเสือไว้จะไม่โดนแว้งกัดหรอ?”

ฮังอวี่พูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องกังวล ฉันพอมีวิธี”

วิธีที่ว่าคืออะไร?

แน่นอนว่ามันคือการทำสัญญาอุปการะ!

ตราบใดที่เพลิงสีชาดกลายเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเขา

จากนั้นก็ไม่มีโอกาสทรยศอีก และจะเท่ากับว่าเมืองธารทะเลทรายมีจ้าวสงครามเพิ่มเข้ามา นี่ช่วยเสริมพลังรบโดยรมของกองทัพได้มาก

เพียงแต่ว่าเพลิงสีชาดอยู่ในเลเวล 15 แล้ว นอกจากนี้ยังเทียบเท่ากับทรราชย์ขั้นโกลด์ ดังนั้นสัญญาจะต้องมีคุณภาพสีฟ้าใสเลเวล 15 จึงจะใช้ได้

แต่สัญญาระดับนี้ เป็นของหายากมาก!

ต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้!

ฮังอวี่พูดกับเพลิงสีชาด “ฉันยอมรับการขอลี้ภัย แต่เพื่อป้องกันการกลับคำ หลังจากนี้ฉันจะให้คนของฉันผนึกพลังของนาย”

ไม่มีทางเลือกอื่น

มีแค่ยอมรับไม่ก็ตาย!

เสี่ยวไป๋เปิดใช้งานเทคนิคผนึกขั้น 4 ‘ผนึกพลังจิต’

สกิลนี้เป็นเทคนิคผนึกใหม่ที่เธอเพิ่งเรียนรู้มา มันสามารถผนึกพลังจิตของเป้าหมายได้ ล็อคพลังจิตผู้ถูกผนึกไว้ที่ 0 และไม่มีโอกาสฟื้นฟู

ฉินมู่เพิ่มผนึกขั้นสามไปอีกสองสามอย่าง จำกัดพลังชีวิต จำกัดความว่องไว และคุณสมบัติอื่นๆ

หากทำแบบนี้ เพลิงสีชาดก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขาชั่วคราว ตราบใดที่เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี