ตอนที่แล้วตอนที่ 77 พัฒนาการในภูมิภาควิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 79 เครื่องกล

ตอนที่ 78 หยาหยา


ปิงตื่นเต้นมาก

ฉากภาพที่คุ้นเคยทำให้เขาระลึกถึงช่วงเยาว์วัย

มีหน้าผาแดงขนาดมหึมาสูงราวๆยี่สิบเมตรสีแดงราวกับสนิม พื้นผิวแข็งเป็นพิเศษคล้ายกับนักรบเดียวดายยืนตระหง่านในถิ่นทุรกันดาร

ปิงลอยตัวไปข้างๆหินยักษ์สัมผัสหน้าผาแดงเบาๆ ด้วยความคิดพลุกพล่าน เขารำพึง “เจ้ายังคงเหมือนเมื่อตอนนั้นอยู่เลย...”

ถังเทียนฟังอย่างไร้จุดหมาย  แต่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ปิงพยายามยับยั้งความคิดกลับสู่สภาพที่สงบและกล่าว“ตำหนักวิญญาณพลังยุทธประกอบด้วยสถานที่ที่น่าหนักใจ ดังนั้นเจ้าต้องหมั่นทำจุดอ้างอิงเพื่อใช้ในการระบุตำแหน่งเป็นประจำหินแดงนี้ เราใช้มันโดยเรียกว่ายามสีแดง ถ้าเรายังคงเดินตรงต่อไป เราจะเข้าสู่พื้นที่ล่าวิญญาณ โชคดีที่สถานที่นี้ไม่ต่างไปจากในอดีตยุคข้ามากนัก”

ถังเทียนเดินตามปิงไปเรื่อยๆแต่ทันใดนั้นรอบๆ ตัวกลับเย็นลงอย่างรวดเร็ว ในท่ามกลางป่ารกทึบป่าหินปรากฏอยู่ต่อหน้าถังเทียน มีหินรูปร่างแปลกประหลาดล้วนตั้งตรงตระหง่านทั้งหมดเป็นสีซีดๆ ให้ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นขวัญผวา

“ระวังไว้” ปิงเตือนถังเทียน

ถังเทียนไม่พูดอะไรและเรียกเกราะนกยูงครามและและเพลิงเตาหลอมออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้  เขารู้ว่าพลังของเขายังอ่อนอยู่  ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังถึง 120%

ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกถึงบางอย่าง และเขาต่อยออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

ปึ้ก!

หมัดของเขาต่อยใส่เงาสีเทานุ่มจนมันกระเด็นไปกระแทกผนังหินตรงกันข้าและมันพุ่งกลับตรงมาที่เขา

เจ้าตัวน้อยนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บและยังคึกคักปราดปราดเปรียวมากและในที่สุดถังเทียนก็เห็นว่ามันคือขุนพลวิญญาณขนาดเท่ากำปั้น  ถังเทียนตะลึง เขาไม่เคยเห็นขุนพลวิญญาณขนาดเล็กอย่างนั้นมาก่อนและแม้ว่ามันจะเล็กมาก แต่มันก็มีเกราะดูเรียบร้อยและดูสมจริง

ขุนพลวิญญาณน้อยคำรามเสียงแหลมอีกครั้งและทันใดนั้นก็พุ่งเข้าหาถังเทียน  มันใช้ธนูน้อยในมือเพื่อขับเคลื่อนตัวเองและพุ่งเข้าใส่ถังเทียน

ถังเทียนสั่นและมีปฏิกิริยาโต้ตอบมันทันที ขุนพลวิญญาณน้อยที่ไม่ได้รับเชิญ  เขาปล่อยหมัดออกไป

ปัง

หมัดนี้กระแทกใส่มันจนได้  ขุนพลวิญญาณน้อยปลิวละลิ่วกลับไปกระแทกผนังและจมลึกลงไปในผนังหิน

“นี่.. นี่มันตัวอะไรกัน?”  ถังเทียนกลืนน้ำลายและถามอย่างยากลำบาก

“โอว, ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ”  ปิงตอบตามปกติ “สถานที่นี้เต็มไปด้วยเจ้าพวกนี้  โดยพื้นฐานพวกมันเป็นระดับต่ำที่สุดของขุนพลวิญญาณที่จะพัฒนาได้  เศษจิตวิญญาณพลังยุทธโบราณเหล่านี้หลังจากผ่านเวลาไปนานก็จะกลายรูปเป็นขุนพลวิญญาณ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณนี้นับว่าอ่อนแอที่สุด พวกมันจะมีพลังราวๆระดับสองหรือสาม แต่เจ้าต้องระวังให้ดี  พวกมันยากที่จะทำลายได้”

ขณะที่ปิงพูดจบ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณก็ร่วงลงมาจากผนังหิน   ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณยกธนูน้อยและปล่อยลูกธนูในมือมันธนูสองสามดอกถูกยิงตรงมาที่ถังเทียน

ถังเทียนหัวเราะ และร้องไปด้วยขณะที่ขุนพลวิญญาณยิงลูกธนูน้อยขนาดเท่าไม้จิ้มฟันใส่  แต่เขาก็ยังเงื้อหมัดต่อยออกไป

ลูกธนูสีเทาขนาดไม้จิ้มฟันร่วงทันที

ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณโกรธ ขณะที่มันร้องเสียงแหลมเล็กด้วยความโกรธ กระโดดสูงและยกธนูเล็งแล้วปล่อยธนูสองดอกพุ่งใส่ถังเทียน

มันถูกกระแทกกลางอากาศอีกครั้ง

ปั้ก!

มันจมลึกลงไปในหินอีกก้อนหนึ่ง

“อย่าไปยุ่งกับมันเลย  เจ้าพวกตัวน้อยทั้งหมดนี้ไม่ได้คุกคามแต่อย่างใด  แต่มันยากจะทำลายได้  โอว..เจ้าสามารถกลืนกินมันได้นะ  มีผลมากทีเดียว” ปิงกล่าว

ถังเทียนขบคิดชั่วขณะ และแค่คิดว่าหยิบร่างเจ้าตัวน้อยใส่ปาก มือเท้าของมันดิ้นกระแด่วอยู่ภายในปากของเขา ทันใดนั้นมันก็ระเบิดอยู่ในปากอย่างเยือกเย็นและชั่วร้าย  เขาส่ายศีรษะ “ลืมเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า”

“งั้นก็ไปกัน” ปิงนำทางเดินไปต่อ

ถังเทียนเตรียมจะก้าวไปต่อ ขณะที่ความรู้สึกเตือนเขาอีกครั้ง และเขาหมุนตัวปล่อยหมัดออกไป

หมัดกระทบอะไรบางอย่าง

ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณปลิวไปในอากาศอีกครั้ง

ถังเทียนรู้สึกปวดหัว เป็นอย่างที่ลุงปิงว่าจริงๆ เจ้าตุ๊กตานี่ยังไม่ยอมจบเรื่อง โดยไม่ต้องพูดอะไรเขาเริ่มวิ่งหนีจากเจ้าตัวยุ่งยากน้อยนี้

ขณะที่เขาเริ่มวิ่งไปได้สองก้าว จากตรงมุมสายตาเขา เขาเหลือบไปเห็นโขดหินข้างๆ ร่างน้อยๆ กำลังกวดไล่ตามหลังมาอย่างกระชั้นตัวอ่อนขุนพลวิญญาณเป็นเหมือนกระสุนกลม พุ่งมาจากโขดหินด้วยความเร็วสูง  มันสังเกตว่าถังเทียนกำลังมองมันมันจึงยกธนูในมือและเล็งใส่ถังเทียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

ถังเทียนถลกข้อมือ และประกายสีดำถูกยิงออกมากลางอากาศ

เป็นธนูลับแขนเสื้อนั่นเอง

ถูกเป้าหมาย

ถังเทียนดีใจที่มีพลังอย่างคาดไม่ถึง เขาเคยทดสอบพลังธนูลับแขนเสื้อมาแล้ว เช่นกับลำต้นไม้ก็ยังถูกเจาะทะลุได้เจ้าตัวน่ารำคาญนี่ไม่มีทางหนีได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ถังเทียนตะลึง

ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณถูกธนูลับแขนเสื้อเฉียดพลิกกระเด็นไปอย่างไม่คาดหมาย

ในวินาทีต่อมาก็มีเสียงคำรามร้องด้วยความโกรธเหมือนกับเสียงสุนัขบ้าพุ่งออกมาจากโขดหินด้านหลังใกล้เข้ามาทุกที ขณะที่ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณปรากฏออกมาที่โขดหินอีกครั้งหน้าของมันแดงคล้ำจากความโกรธ ขณะที่มันใช้ธนูและลูกธนูด้วยพลังทั้งหมดของมัน พร้อมกับตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้าใส่

ถังเทียนตะลึงงัน มันไม่ถูกยิงทะลุหรือนี่?  ทำไมมันพลิกตัวได้ทันล่ะ?

และมันยังดื้อดึงยิ่งกว่าเราเสียอีก...

“ถ้าเจ้าต้องการสัตว์เลี้ยงก็ลองโยนแก่นพลังวิญญาณให้มันดูสิ” ปิงชำเลืองมองและบอก

แก่นพลังวิญญาณ! ถังเทียนไม่สามารถทนต่อความรำคาญได้อีกต่อไปจึงโยนแก่นพลังวิญญาณของวานรไม้เขียวออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สีหน้าของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณชะงักค้าง จมูกน้อยๆของมันเดี๋ยวเชิดขึ้นเดี๋ยวก้มลง ใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความโกรธหายไปทันทีมันวิ่งมาที่แก่นพลังวิญญาณ ตาของมันหยีจนเป็นเส้นตรงมันสะพายธนูของมันไว้ข้างหลังและใช้สองมือถือแก่นพลังวิญญาณ

ถังเทียนระบายลมหายใจ

ถ้าเป็นวันธรรมดา ต้องมาสูญเสียแก่นพลังวิญญาณไปคงทำให้เขาปวดใจ  แต่เมื่อถูกเจ้าตัวน้อยไล่กวนใจไม่เลิกราทำให้ถังเทียนต้องยอมใช้แก่นพลังวิญญาณมาแก้ปัญหาอย่างช่วยไม่ได้ทำให้เขาได้หายใจโล่งอกอีกครั้ง

ความจริงมีเงินสามารถจ้างผีโม่แป้งได้ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณเหล่านี้กินได้จุจริงๆ

ถังเทียนเก็บความคิดไว้ในใจ เตรียมยกขาก้าวเดินต่อไป

ปุ ปุ ปุ เสียงดังพอได้ยินอีกครั้ง

ถังเทียนยืดคอมองดู ก็เห็นแต่เพียงตัวอ่อนขุนพลวิญญาณกอดแก่นพลังวิญญาณวิ่งตามถังเทียนมา  ถังเทียนถอยและใช้มือทั้งสองโบกไล่มัน “ข้าให้แก่นพลังวิญญาณแกไปแล้วยังต้องการอะไรจากข้าอีก ถึงได้ตามมา?”

“วี้ด วี้ด วี้ด วี้ด”

ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณปล่อยแก่นพลังวิญญาณในมือของพยายามแสดงอารมณ์ความรู้สึก พร้อมกับใช้มือทั้งสองทำท่าอย่างต่อเนื่อง

“โอ, เขาบอกว่าเขายอมรับเจ้าให้เป็นเจ้านายแล้ว” ปิงที่ยืนอยู่ด้านข้างดูเหมือนจะคุ้นเคยอยู่แล้วและแปลให้ถังเทียนฟังอย่างใจเย็น

“ยอมรับข้าเป็นเจ้านายเหรอ?”  ถังเทียนดูเหมือนอารมณ์พลุกพล่านและใช้นิ้วชี้ที่จมูกตนเอง

“อืม..ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณรับของเซ่นได้ง่ายที่สุด  ทันทีที่เจ้าโยนแก่นพลังวิญญาณให้พวกมันก็หมายความว่าพวกมันถูกซื้อตัวแล้ว และจะทำตัวเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ดี พวกมันฉลาดจริงๆ” ปิงคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างแท้จริง

ถังเทียนส่ายหัวรัวเหมือนตีกลอง “ลืมไปได้เลยแค่ดูแลตัวเองข้าก็มีปัญหามากพออยู่แล้วแล้วท่านยังต้องการให้ข้ามีสัตว์เลี้ยงอีก ข้าไม่ต้องการ”

ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณพุ่งเข้ามาหาพร้อมทั้งน้ำตาไหลนองหน้า  มันร้องไห้ขณะเดียวกันก็ใช้มือน้อยๆปาดน้ำตาออกไป

ถังเทียนอ้าปากค้าง พลางขยี้เท้า

“โอว,ตราบที่เจ้ายอมรับขุนพลวิญญาณน้อยนี้ พวกขุนพลวิญญาณน้อยอื่นๆ ก็จะไม่กวนใจเจ้า” ปิงพูด

ถังเทียนยื่นมือออกมาทันที ทันใดนั้นในใจเขาจินตนาการภาพว่ามีตัวอ่อนขุนพลวิญญาณนับไม่ถ้วนไล่ตาม  ทำให้เขาตัวสั่น  เขาเปลี่ยนใจทันที “เอาอย่างงั้นก็ได้  เจ้าติดตามข้าได้”

น้ำตาของขุนพลวิญญาณน้อยหยุดไหลทันที และมันมีความสุขดีใจทันที  มันประจบขณะที่แบกแก่นพลังวิญญาณและพุ่งเป็นกระสุนไปอยู่ที่ไหล่ของถังเทียนทันที

ถังเทียนอึดอัดเล็กน้อย  เขาไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาก่อน

“ตั้งชื่อให้เขาด้วย”  ปิงกล่าว

ถังเทียนขมวดคิ้วคิดชั่วขณะ “เรียกว่า หยาหยาก็แล้วกัน”

น้ำเสียงของปิงเต็มไปด้วยแววเย้ยหยันทันที  “ในกองทัพในอดีต  ชื่อหยาหยานั้น แม้มีไม่ถึงพันแต่ก็ไม่น้อยกว่าแปดร้อย”

ถังเทียนเหลือกตาบ้าง “แต่ตอนนี้มีแค่ชื่อเดียว”

ปิงหยุดพูด

ถังเทียนตระหนักได้ทันที่ว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปไม่ค่อยเหมาะสมเขาจึงขอโทษทันที “ลุงปิง, ข้าขอโทษ”

“มีอะไรต้องขอโทษด้วยเล่า?”  น้ำเสียงของลุงปิงราบเรียบตามปกติ  “ไม่ว่ากองทัพจะแข็งแกร่งเพียงไหน  แต่ในที่สุดก็จะสูญสลายไป  ในโลกนี้มีอะไรบ้างเล่าที่คงอยู่ได้ตลอดไป?นี่เป็นกฎของธรรมชาติ แต่ตราบใดที่ทิ้งสัญลักษณ์ของเราไว้ในยุคนี้  แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว”

ถังเทียนเงียบ

พวกเขาผ่านดงหินไปอย่างรวดเร็วและมาถึงซากปรักหักพังข้างหน้า

พอจ้องดูซากปรักหักพังชั่วเวลาสั้นๆ ปิงกล่าว “เข้าไปกัน”

※※※※※※※※※※※※

ไกลออกไปเบื้องหลังโขดหินสองสามก้อน จู่ๆ ปรากฏร่างคนสองสามคน

“เป็นไปตามคาด  พวกเขาเข้าไปในซากหักพัง”  หนึ่งในนั้นที่เป็นบุรุษผอมสูงกล่าว  ศีรษะเขาพันด้วยผ้าสีม่วง มีสีหน้าดูน่าอันตราย

“พี่ใหญ่มองการณ์ไกลได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ”

“พี่ใหญ่สามารถทำนายเรื่องอย่างนี้ได้  ท่านก็มีพลังมากเหมือนกัน”

คนอื่นๆ ในกลุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่าบุรุษหนุ่มจะเข้าไปในซากหักพังจริงๆ

ผู้นำที่พันผ้าม่วงดูเหมือนจะไม่ยินดีแม้แต่น้อย  “พวกแกทุกคนตื่นตัวไว้ให้มากดีกว่า  ขุนพลวิญญาณของเจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งมาก  กลุ่มโจรแพนด้ายังพลาดท่าในเงื้อมมือเขามาแล้ว เราต้องไม่พ่ายแพ้ในลักษณะเดียวกัน”

“อย่าห่วงเลยพี่ใหญ่,กลุ่มโจรแพนด้าเป็นแค่ตัวโง่งมสามคน จะเอาพวกนั้นมาเทียบกับเราได้ยังไง”  บุรุษร่างกำยำตบอกตัวเองพลางกล่าวอวดตัว

หัวที่พันผ้าม่วงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “พวกแกบอกว่าพวกนั้นเป็นตัวโง่งม  อย่างนั้นพวกแกนั่นแหละที่จะเป็นเหมือนกัน”

แววลำบากใจปรากฏอยู่เต็มสีหน้าของบุรุษร่างล่ำสัน

สีหน้าของหัวหน้าผู้พันหน้าสีม่วงแปรปรวนไม่แน่นอน  เนื่องจากนานมาแล้วซากปรักหักพังถูกมองว่าลึกลับ มีหลายคนลองไปสำรวจแล้วแต่มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตออกมา  บุรุษหัวหน้าที่พันผ้าสีม่วงเคยพบซากปรักหักพังที่เป็นฐานทัพของกองทัพดาวกางเขนใต้โดยบังเอิญ สิ่งที่ทำให้เขาใจสั่นรัวด้วยความกระตือรือร้นก็คือภายในฐานทัพทหารนั้นเป็นที่ตั้งของคลังอาวุธทหาร

คลังอาวุธของกองทัพดาวกางเขนใต้

การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาตื่นเต้นมากจนมึนชาไปทั้งตัว  ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป จะต้องดึงดูดยุคสมัยที่น่ากลัวกลับมาแน่เว้นแต่ลูกน้องและคู่หูของเขา เขาไม่ยอมเปิดเผย และไม่ปล่อยให้ข้อมูลนี้รั่วไหลออกไป

ยุคของสามกองทัพใหญ่ซึ่งกองทัพดาวกางเขนใต้ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น   พวกเขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องกลศาสตร์ที่ไม่มีใครเทียบ กองทัพดาวกางเขนใต้มีชื่อเสียงเลื่องลือในสาธารณะชนว่าเป็นสุดยอดผู้บุกเบิกยุคเครื่องจักรกล  แต่เครื่องจักรกลนั้นต่อมาที่รู้จักกันภายหลังเรียกว่าเครื่องจักรกลของราชวงศ์สกอร์เปียน ความจริงนั้น ตกต่ำลงมาแล้ว

คลังอาวุธของทหาร

แม้ว่าถ้าพวกเขาเอามาได้สักชิ้น ก็อาจถูกมองว่าพวกเขาตกทองได้

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เขาได้ค้นพบไปแล้วมีใครบางคนถูกพบเห็นว่ากำลังขี่นกกระจอกเทศกลวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน

นกกระจอกเทศกลชั้นทองแดง ก็ยังเป็นเครื่องหมายของกองทัพดาวกางเขนใต้

เขาคาดเดาทันทีว่า คนผู้นั้นต้องเก็บมาจากซากปรักหักพังเดียวกัน

เจ้าเด็กนี่แทบจะคาดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ตั๊กแตนไล่จับจักจั่น นกขมิ้นกลับไล่ตามหลังพวกมัน

เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด