ตอนที่แล้วEp.449 - สู้กับทีมเมืองฟ้าเดียวดายเพียงลำพัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.451 - กลิ่นอายประหลาดของมอนสเตอร์

Ep.450 - ทำลายล้างทีมออร์ค


2/3

Ep.450 - ทำลายล้างทีมออร์ค

ทีมเมืองฟ้าเดียวดายค้นพบว่า หลังจากถูกขังในคุกโลหิต ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันได้รับผลกระทบอย่างมาก ท่ามกลางสารสีแดงเหนียวหนืดที่เหมือนกับเลือดนองทั่วพื้น ราวกับมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นจับข้อเท้าพวกมันไว้ ทุกก้าวย่างแสนยากลำบาก

-9!

-8!

-7!

ในเวลาเดียวกัน ภายในกรงขังยังมีละอองสีเลือดจำนวนมาก เมื่อถูกพวกมันปกคลุม ทุกตนรู้สึกได้ถึงการถูกกัดกร่อน พลังชีวิตลดลงอย่างช้าๆ มีบางตนพยายามออกจากคุก

แต่คุกโลหิตก่อตัวเสร็จสิ้นแล้ว เวลานี้จึงสายเกินกว่าจะหลบหนี

ทุกครั้งที่พยายามฝ่าออกไป จะถูกพลังงานบางอย่างสะท้อนกลับมา ไม่ยินยอมให้แหกคุกสำเร็จ

ซาร์โกเอ่ยเสียงเข้ม “อย่าพยายามเลย ด้วยพลังรบของพวกเรา เกรงว่าคงไม่สามารถฝ่า ‘จัตุรัสคุกโลหิต’ ด้วยกำลังได้”

ออร์คตนหนึ่งเอ่ยถาม “สกิลนี้มีอำนาจควบคุมอันแก่กล้าถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”

ซาร์โกกล่าวว่า

“จัตุรัสคุกโลหิตคือสกิลหลักของมรดกปีศาจคลั่งอาบโลหิตในขั้น 4 เมื่อถูกปลดปล่อยออกมา มันจะลากเป้าหมายทั้งหมดที่อยู่ใกล้เข้าสู่คุกโลหิต ถ้าเป็นตามสถานการณ์ปกติ  มีเพียงสองวิธีในการแหกคุก”

“อย่างแรกคือการปลดปล่อยสกิลที่สูงกว่าผู้ร่ายหนึ่งขั้น ใช้กำลังแหกคุกออกไป”

“อย่างที่สองคือฆ่าผู้ร่าย!”

จริงอย่างที่ซาร์โกพูด

อย่างไรก็ตาม เกรงว่าทั่วทั้งแคว้นเดียวดาย พลังรบของเหล่ายอดฝีมือไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก หากคิดใช้วิธีแรก ไม่ต้องกล่าวถึงซาร์โก ต่อให้เป็นผู้ครองแคว้นก็ไม่สามารถทำได้

ดังนั้นตัวเลือกที่มี คือวิธีที่สองเท่านั้น

ต้องฆ่าฮังอวี่!

เอฟเฟกต์ของจัตุรัสคุกโลหิตไม่ใช่อะไรเรียบง่ายอย่างแค่การกักขังควบคุม แต่เป้าหมายทั้งหมดที่ถูกคุมขังในจัตุรัสคุกโลหิต ค่าคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความเร็วในการเคลื่อนที่ , ว่องไว , พละกำลัง ฯลฯ จะลดลง

และยิ่งการต่อสู้ดำเนินไปเป็นเวลานานเท่าไหร่ เอฟเฟกต์ของคุกโลหิตก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเท่านั้น

ฮังอวี่รับบทเป็นผู้ร่ายคุกโลหิต ทุกครั้งที่เขาทำดาเมจแก่เป้าหมายในคุกโลหิต คุกโลหิตจะสามารถดูดซับเลือดของอีกฝ่ายที่เสียไป เปลี่ยนพลังชีวิตให้กลายเป็นพลังงานของคุกได้

ยิ่งดูดพลังงานมาก

คุกโลหิตก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น

และเอฟเฟกต์เชิงลบต่างๆก็จะยิ่งรุ่นแรงขึ้น

นอกจากนี้คุกโลหิตยังมีประโยชน์มากสำหรับผู้ร่าย ทุกครั้งที่ฮังอวี่สังหารเป้าหมายข้างในคุก เขาจะได้รับค่าพลังจิตและค่าพลังชีวิตจำนวนมาก และนั่นทำให้คุกโลหิตคงสถานะได้นานขึ้น

ไม่อย่างนั้น ด้วยค่าพลังจิตของฮังอวี่เพียงคนเดียว อย่างมากสามารถคงสภาพคุกได้สูงสุด 2 - 3 นาทีเท่านั้น

การใช้สกิลขั้น 4 สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องฆ่าไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ศัตรูถูกสังหาร พลังงานก็จะไม่มีวันหมด!

“ฮึ่ม! จัตุรัสคุกโลหิตค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ” ซาร์โกพูดเสียงเข้ม “แต่พวกเรามีกันตั้งแปดตน หากคิดสังหารเขาเพียงผู้เดียว มันง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ!”

เหล่ายอดฝีมือจากเมืองฟ้าเดียวดายพยักหน้า

อำนาจของคุกโลหิตเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดก็จริง แต่คนๆเดียวไม่สามารถรับมือกับคนนับร้อยที่อยู่ในคุกโลหิตได้

ยิ่งจำนวนคนเพิ่มขึ้น เอฟเฟกต์ของคุกโลหิตก็จะยิ่งบางเบาลง แม้ว่าความเร็วในการเคลื่อนที่และค่าคุณสมบัติของแต่ละตนจะลดลงมาก แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ทนไหว

ขอเวลาแค่สักสองสามนาที ก็มากพอที่จะสังหารฮังอวี่ได้!

อย่างไรก็ตาม

ในเวลานั้นเอง

-39!

-38!

-39!

ทีมออร์คยังไม่ทันได้เปิดการโจมตี จู่ๆพวกมันก็รู้สึกได้ ว่าดาเมจที่ตัวเองได้รับ พุ่งพรวดขึ้นอย่างกะทันหัน และในเวลาเดียวกัน ตามตัวพวกมัน เปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นเอง

สีหน้าของซาร์โกแปรเปลี่ยนไป “เกิดอะไรขึ้น?”

ณ ขณะนี้ สร้อยคอตรงอกของฮังอวี่กำลังเปล่งประกาย

เขาเปิดใช้งานหนึ่งในสกิลของผู้ปกครองโลกันต์โลกาวินาศ ‘โลกันต์โลกาวินาศ!’

สกิลนี้อ่านข้อมูลผ่านๆอาจไม่ทรงพลัง เมื่อใดก็ตามที่สร้างความเสียหายให้กับเป้าหมาย เอฟเฟกต์ไฟโลกันต์จะทำงาน เพิ่มดาเมจ 30 หน่วยโดยไม่คำนึงถึงพลังป้องกันและค่าความต้านทาน

ถูกตัอง

30 หน่วยอาจฟังดูไม่มาก

แต่มันคือดาเมจที่เพิกเฉยต่อพลังป้องกัน ค่าความต้านทาน หรือแม้กระทั่งเลเวล!

ต่อให้ฮังอวี่ทำดาเมจแก่ศัตรูแค่ 1 หน่วย แต่ด้วยไฟโลกันต์ ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเป็น 31 หน่วยทันที!

นอกเหนือไปจากนี้ ความเสียหาย 30 หน่วยที่เพิ่มเข้ามายังใช้ได้กับในทุกๆการโจมตี ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยอาวุธ สกิล หรือการโจมตีทางเวทมนตร์ ตราบเท่าที่มันสามารถทะลุการป้องกันและทำดาเมจแก่เป้าหมายได้ สกิลนี้ก็จะถูกกระตุ้นทันที ส่งผลให้เป้าหมายได้รับดาเมจเพิ่มเติมจากไฟโลกันต์

ณ ขณะนี้ออร์คทั้งแปดตกอยู่ในคุกโลหิตของฮังอวี่

พวกมันได้รับดาเมจเพียงเล็กน้อยแต่ต่อเนื่อง เมื่อเสริมทับกับไฟโลกันต์ ทำให้สูญเสียพลังชีวิตมากกว่า 30 หน่วยต่อวินาที หรือเกือบ 2,000 หน่วยต่อนาที!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ยกโพชั่นฟื้นฟูระดับกลางหรือสูงขึ้นดื่ม หรือใช้พลังฟื้นฟูของตัวเอง ก็ยังรักษาไม่ทัน!

เมื่อต้องตกอยู่ในภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฮังอวี่ก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าฝ่ายไหนมันจะอึดกว่ากัน!

ซาร์โกโกรธมาก “กำจัดเขา!”

ระหว่างกล่าว ซาร์โกกระโจนออกไป หอกยาวทิ่มแทงอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากสกิลขั้น 4 ของมัน ทำให้ทุกครั้งที่ซาร์โกปลดปล่อยสกิลโจมตีของนักรบ อาวุธของมันจะมาพร้อมปราณสงครามอันทรงพลัง

แม้แต่ฮังอวี่ก็ยังไม่กล้าทานรับตรงๆ เขาเลือกเปิดใช้งานสิกลต่างๆ ปัดป้องซาร์โกสองสามรอบ

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์ของพวกเราจะอันตรายมาก!”

“รีบไปช่วยท่านรองขุนนาง!”

เหล่ายอดฝีมือจากเมืองฟ้าเดียวดาายสังเกตเห็นว่าไฟสีดำไม่มีทีท่าจะดับลง พวกมันเริ่มตื่นตระหนกทันที

“เทคนิคฟื้นฟูพลังชีวิตหมู่!”

“สายลมแห่งการเยียวยา!”

นักบวชศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยสองสกิลหมู่อย่างรวดเร็ว ช่วยฟื้นพลังชีวิตสหายตนอื่นๆให้กลับคืนมาอีกครั้ง

นักรบทั้งห้ารวมไปถึง ซาร์โกลงมือพร้อมกัน แยกออกเป็นสองทางอย่างรวดเร็ว

ส่วนนักเวทย์ นักบวช และผู้ใช้วิญญาณที่เหลืออยู่ด้วยกัน

นักเวทย์ร่ายคาถา ปลดปล่อยสกิลเขตแดนขั้น 4 เพื่อปกป้องนักบวช

ผู้ใช้วิญญาณร่ายสกิลควบคุมใส่ฮังอวี่

ในบรรดานักรบทั้งห้า ซาร์โกนำอีกสองตนเข้าโจมตีระยะประชิด ส่วนอีกสองตนคอยโจมตีระยะกลางและไกล

ตนหนึ่งหยิบธนูขึ้นยิง อีกตนคอยพ่นลูกดอกอาบยาพิษ

สกิลอันหลากหลายประทังเข้าใส่ฮังอวี่

ฮังอวี่คอยตอบโต้และล่าถอย ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

เมื่อต้องต่อกรกับทีมยอดฝีมือทั้ง 8 ตนที่ประสานงานกันเป็นอย่างดี ต่อให้เป็นเขาก็ถูกสะกดข่ม

หากไม่ใช่เพราะเอฟเฟกต์จากปราณสงครามเกราะของฮังอวี่ ที่ช่วยให้สกิลสายควบคุมหลายอย่างอ่อนแอลง เกรงว่าเขาคงถูกตรึงให้อยู่กับที่ จากนั้นถูกพวก ซาร์โกระดมโจมตีตายในครั้งเดียวไปแล้ว

“อืม พลังรบของคู่ต่อสู้ไม่เลว โดยเฉพาะเจ้าซาร์โก ถ้าคิดโค่นมันโดยพึ่งพาแค่สกิลไฟโลกันต์จากสร้อยคอกับจัตุรัสคุกโลหิต น่ากลัวว่าคงไม่พอ”

“อีกฝ่ายมีนักบวชสายรักษาเพียงตนเดียว แต่ได้รับการปกป้องอย่างดี การไปฆ่าตรงๆนั้นยากมาก”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ...”

ทุกการทิ่มแทงจากหอกของซาร์โกล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และปราณสงครามอันน่าสะพรึง ความเร็วของมันด้อยกว่าของฮังอวี่เล็กน้อย เมื่อตกอยู่ในคุกโลหิต ความต่างชั้นจึงยิ่งชัดเจน

เป็นเหตุให้โจมตีพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า

หากปราศจากการช่วยเหลือของสหาย ไม่มีทางรั้งฮังอวี่ได้

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ จู่ๆ ซาร์โกก็รู้สึกตัว ว่าจากร่างของฮังอวี่ กำลังปลดปล่อยกลิ่นอายธาตุไฟอันทรงพลังออกมาอย่างกะทันหัน

เป็นสกิลอะไรกัน?

พิจารณาจากอำนาจที่แผ่ออกมา มันใกล้เคียงกับเวทย์ขั้น 4!

เป็นไปไม่ได้!

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักรบ แล้วจะมีมรดกสายเวทย์ได้อย่างไร?

“มังกรโลกาวินาศ!”

ฮังอวี่ปลดปล่อยพลังจิตจำนวนมาก เพื่อเปิดใช้งานสกิลที่สองจากสร้อยคอของเขา

เปลวไฟจำนวนมาก ปะทุขึ้นอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง พวกมันรวมตัวกันเป็นมังกรเพลิงสีแดงทอง ลอยเหนือหัวอย่างรวดเร็ว

เหล่าสหายจากเมืองฟ้าเดียวดายแตกตื่น ลอบร้องในใจ ‘ไม่ดีแล้ว!’

มังกรโลกันต์ที่ลอยเหนือหัวของฮังอวี่ค่อยๆอ้าปากให้เห็นซี่ฟันแหลม และค่อยๆกางกรงเล็บออก

อย่างแรกที่มันทำคือพุ่งเข้าหาซาร์โกที่อยู่หน้าสุด พ่นไฟอันสว่างไสวออกมา เกิดเสียงบรึ้มราวกับฟ้าร้องและมาพร้อมกับพลังอันน่าสะพรึงกลัว

“จงถูกทำลาย!”

ซาร์โกแทงหอกเข้าตอบโต้เสาเพลิง ปราณสงครามถูกปลดปล่อยและขยายตัวต่อเนื่อง

ราวกับมีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นเข้าขวางกั้น เสาเพลิงเกิดการระเหยอย่างบ้าคลั่ง ลดทอนพลังโจมตีอันน่าสะพรึงของมังกรโลกันต์

อย่างไรก็ตาม ระหว่างกระบวนการนี้ มังกรโลกันต์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ จู่ๆพลันสะบัดคอ เปลี่ยนไปพ่นไฟใส่นักรบในบริเวณใกล้เคียงหลายตน

บรึ้ม!

ทะเลเพลิงอันน่าสะพรึงกวาดกลืนกินร่างเหล่านักรบออร์ค พวกมันต้องปลดปล่อยปราณสงครามเพื่อต้านทาน

ไม่นานการโจมตีครั้งที่สองของมังกรโลกันต์ก็จบลง เหล่าออร์คต้านทานได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม มังกรโลกันต์ยังไม่หายไป มันยังคงลอยอยู่เหนือหัว แต่เป็นในตำแหน่งที่ห่างจากเหล่านักรบออร์คออกไปร้อยเมตร หรือก็คือตำแหน่งของพวกนักเวทย์ นักบวช และผู้ใช้วิญญาณนั่นเอง

“นี่มันสกิลอะไรกัน?”

ภายใต้การเหม่อมองของทั้งสาม มังกรโลกันต์ไม่ตอบคำ ทั้งตนทั้งร่างของมันลุกไหม้ ถลาลงกระแทกเข้าใส่เขตแดนของนักเวทย์ทันที

ภายใต้แรงปะทะอันบ้าระห่ำ เขตแดนขั้น 4 ตรงจุดนั้นแตกสลายทันที

โอกาสมาถึงแล้ว!

ฮังอวี่ระเบิดปราณสงครามของเขา

อันดับแรกปัดเป่าการแทรกแซงจากผู้ใช้วิญญาณ

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เปิดใช้งานกลบฝังปีศาจคลั่ง

วินาทีต่อมา ร่างสูงใหญ่ของเขาสั่นไหว เสมือนดั่งลำแสง พุ่งฉิวทะลุเขตแดนที่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยความเร็วที่ไวเกินกว่าผู้ใดจะตอบสนอง

เกิดเสียงบรึ้มดังสนั่น!

เขตแดนถูกทำลายอย่างสมบูรณ์!

ฮังอวี่ที่ทั้งตัวห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงจากกลบฝังปีศาจคลั่ง พุ่งไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วจากหนึ่งกระบี่ล่าแสง เข้าตีผู้ใช้วิญญาณก่อนเป็นอย่างแรก

ผู้ใช้วิญญาณที่เปราะบางถูกฆ่าตายทันที!

จากนั้นหันไปเล่นงานนักบวช

พลังชีวิตของนักบวชเดิมลดลงเหลือสองในสาม พริบตาเดียวลดฮวบลงเหลือหนึ่งในห้า มันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะรักษาตัวเอง หรือเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์ เพราะแรงปะทะอันดุเดือดจากกลบฝังปีศาจคลั่ง เพียงพอแล้วที่จะทำให้นักบวชที่มีค่าเจตจำนงสูง เข้าสู่อาการมึนงงชั่วขณะ

และฮังอวี่ไม่พลาดโอกาสนั้น

สังหารลมกรด!

พลังชีวิตของอีกฝ่ายลดฮวบถึงจุดต่ำสุด ปลิดชีพนักบวชก่อนที่จะทันได้ช่วยเหลือตัวเอง!

นักเวทย์คนสุดท้ายหันหลังหนีไปอีกทาง รีบแยกตัวออกมา พยายามรักษาะระยะห่างที่ปลอดภัย

เทคนิคบลิงค์!

ฮังอวี่โผล่พรวดมาข้างหน้ามัน

ภายใต้สายตาสิ้นหวังของนักเวทย์ กระบี่หนักนักฆ่าขุมนรกฟันลงบนไหล่มัน สะบั้นแขนข้างหนึ่ง จากนั้นพลิกคมกระบี่กลับมา แทงเข้าที่อกด้วยการโจมตีที่มาพร้อมเปลวไฟสีดำ สังหารมันในพริบตา

นักบวช นักเวทย์ ผู้ใช้วิญญาณแนวหลังตายหมดแล้ว!

ทีมเมืองฟ้าเดียวดายเหลือเพียงนักรบห้าตน

และพลังชีวิตของพวกมันลดลงในทุกๆวินาที

ถึงขนาดนี้แล้ว ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ยังเป็นไปในทิศทางอื่นได้อีก?

ฮังอวี่ไม่จำเป็นต้องดื่มโพชั่น เขาสังหารยอดฝีมือสามตนติดต่อกันในคุกโลหิต และนั่นช่วยฟื้นฟูค่าพลังจิตให้เขามาก

เจ้าตัวเปิดใช้งานปลดปล่อยสัจธรรม

บลิงค์อีกรอบไปกลางวงเหล่านักรบออร์ค กระบี่หนักที่ฉาบไปด้วยชุบโลหิตและเสริมดาเมจจากเปลวไฟสีดำแผดเผา กวาดเข้าใส่นักรบทั้งสาม ทำดาเมจเยอะมาก ขณะเดียวกันขัดจังหวะไม่ให้พวกมันดื่มโพชั่น

เกิดเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมาติดๆ นักรบแห่งเมืองฟ้าเดียวดายสามตนสูงไฟโลกันต์แผดเผาจนตาย

ฮังอวี่ระบำกระบี่หนักเข้าสังหารนักรบตนที่สี่

จนในที่สุดเหลือแค่ซาร์โก

ซาร์โกยังเหลือพลังชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง มันใช้ปราณสงครามต้านทานการโจมตีจากมังกรโลกาวินาศ  แต่ถึงจุดนี้มันทราบแล้วว่าตัวเองปราศจากโอกาสที่จะชนะ

นั่นเพราะอำนาจของคุกโลหิตยิ่งมายิ่งแก่กล้า

หรือถ้าให้พูดอีกอย่าง ต่อให้คุกโลหิตไม่แก่กล้าขึ้น แต่ชัดเจนว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮังอวี่

ซาร์โกประเมินพลังรบของฮังอวี่ต่ำเกินไป แม้เขาจะยังไม่ได้สืบทอดมรดกขั้น 4 ที่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขุนนางใหญ่อีกสามตน!

“เมืองฟ้าเดียวดายจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”

“ก็ให้พวกมันมา หวังว่าผู้ครองแคว้นจะไม่อ่อนแอแบบแก!”

ฮังอวี่ฟันกระบี่สุดท้าย ปลดปล่อยความเดือดดาลที่สั่งสมจากโทสะปีศาจคลั่ง รัศมีสีแดงเลือดกวาดผ่าน ทำลายร่างซาร์โกเป็นชิ้นๆ