ตอนที่แล้วตอนที่ 49 แกจะฆ่าใคร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 51 เพลิงเตาหลอม

ตอนที่ 50 สู้เสี่ยงตาย


ถังเทียนวิ่งเข้าไปตรวจดูอาโมรี่ชั่วขณะ พอเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมารวบรวมสินสงครามอีก

ทุกคนทำเป็นหันไปมองทางอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามสุดยอดนักเรียน ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด

นักเรียนสามสุดยอดรู้สึกอึดอัดมาก ดังนั้นพวกเขาจึงทำเหมือนกับว่ากำลังปรึกษาอะไรบางอย่าง

“ตอนนี้  ในเหตุการณ์เช่นนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล” เหลียงชิวพูดจริงจัง

“นั่นสินะ  มีบางอย่างไม่ถูกต้อง  แสงภาพและหินแตกต่างกันทั้งหมด  ฉันสงสัยว่าคงจะมีใครบางคนทำอะไรบางอย่างเอาไว้  ถ้าไม่อย่างนั้น  แค่นี้ก็น่าจะจบแล้ว”  ซือหม่าเซียงซานเป็นพวกที่ชอบทฤษฎีสมคบคิด  และตาของเขาดูเหมือนตาแมวในความมืด

นักเรียนที่อยู่โดยรอบแอบได้ยินการปรึกษาของนักเรียนสามสุดยอด ก็เครียดขึ้นมาทันที  เนื่องจากทุกคนรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริงๆ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาได้ยินจากนักเรียนสามสุดยอด  ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันและเครียดทันที

เพียงแต่ตอนนี้  จู่ๆมีเสียงรำพันอย่างมีความสุขดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศเครียด

“อ่าฮะ,, ไอ้เด็กนี่มันแพะอ้วนชัดๆ!  การ์ดวิญญาณชั้นเงินระดับสี่  โห โห ว้าว.. หินดวงดาวระดับสี่!”

อารมณ์เครียด และบรรยากาศอึมครึมทั้งหมดพลันสลายคลาย

เหลียงชิวพึมพำ  “ก็แค่การ์ดวิญญาณชั้นเงิน...แล้วก็แค่หินดวงดาว.. นี่หรือเจตนาของนายสินะ...”

ซือหม่าเซียงซานรำพึงกับตนเอง “เอาน่ะ..ทำต่อไปเถอะ ได้โปรดอย่างน้อยนายต้องแสดงออกให้ดีกว่านี้สักเล็กน้อย การ์ดวิญญาณชั้นเงินและหินดวงดาว  ทั้งหมดนี้มันดูปลอมๆเกินไปแล้ว”

หานปิงหนิงยังคงบ่นต่อไป  “เชิญแสดงสันดานที่แท้จริงของนายต่อไปเถอะ...”

คนที่รายล้อมทำนัยน์ตาประหลับประเหลือกแต่พวกเขายังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร ถังเทียนเป็นคนที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา  พวกเขาไม่สามารถต่อต้านเขาได้   เมื่อเห็นวิธีที่ถังเทียนฆ่าโจวเผิงตรงๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพโดยไม่ลังเลใจเหมือนกับฆ่าไก่ แม้แต่ศิษย์ตระกูลโจวคนอื่นๆ ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน

คนแบบนี้ ไม่ควรยั่วให้เขาโกรธ

“โอ้โห, ตัวเขาก็มีเช่นกัน”

“เฮ้ย...นี่ก็ของดี”

สามสุดยอดนักเรียนมองหน้ากันเองและทุกคนตกลงใจว่าจะปิดปากเงียบต่อไป   สำหรับการปรึกษาหัวข้ออย่างนั้นและในบรรยากาศที่แปลกประหลาดเช่นนั้น เป็นเรื่องทำได้ยากเกินไป

ทันใดนั้น เสียงลั่นครืนครันสามารถได้ยินได้และเศษหินนับไม่ถ้วนเริ่มกลิ้งร่วงลงมา

เอ๋?

ถังเทียนหยุด, แล้วมองดูด้านบน  มันอยู่ข้างบน

เขาคุ้นเคยเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ยุบพังทลายและแผ่นดินไหวอยู่ทำให้เขามีสัมผัสที่ไว ทันทีที่เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้เท้า ก็สามารถกำหนดถึงสาเหตุจุดเริ่มต้นของแผ่นดินไหวได้  และมันมาจากเหนือศีรษะพวกเขา

“พวกเขาอยู่เหนือศีรษะพวกเรา”  ถังเทียนตะโกนไปทางหานปิงหนิง  เนื่องจากในที่นี้ เขาคุ้นเคยกับเธอที่สุด

ถ้าเป็นซือหม่าเซียงซาน  เขาคงจะคลางแคลงใจเนื่องจากเขาไม่มั่นใจว่าถังเทียนมีแรงจูงใจซ่อนเร้นหรือไม่  แต่หานปิงหนิงไม่สงสัยเขา  เธอยืนขึ้นทันทีและถาม “ศิษย์พี่ที่ใช้ค้อนเป็นอาวุธคู่มืออยู่ที่ไหน?”

“ฉันเอง”  นักเรียนร่างกายกำยำสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาในมือถือค้อนฟักทองด้ามยาว   เป็นค้อนเหล็กที่ใหญ่และแปลกทำให้ผู้คนเห็นแล้วต้องสูดลมหายใจ เขามีร่างที่ใหญ่และมีกล้ามเนื้อเป็นมัดดูเหมือนกับว่าร่างของเขาสร้างจากทองแดงและเหล็ก  เทียบกับอาโมรี่แล้ว  เขาอยู่ในระดับสูงกว่า

นักเรียนร่างกำยำสูดลมหายใจลึกและตะโกนทันทีแล้วทะยานขึ้นไป  ค้อนฟักทองในมือของเขาเรืองแสงและเปล่งรัศมีสีเหลืองพุ่งกระแทกเข้าใส่เพดานถ้ำ!

ครืนนนน

เพดานถ้ำหินถล่มทันทีและหินหลายก้อนร่วงกราวลงมาทันที

เงาร่างที่รวดเร็วพุ่งลงมาและคว้าตัวนักเรียนร่างกำยำไว้  เป็นซือหม่าเซียงซานนั่นเอง  เขาสะบัดข้อมือ ร่างกำยำของนักเรียนผู้นั้นก็ถูกเหวี่ยงไปอีกด้านหนึ่ง

เงาสองสามร่างร่วงลงมาช้าๆ

“อาจารย์ใหญ่!”  “อาจารย์ใหญ่!”

นักเรียนหลายคนร้องเรียกพร้อมกัน

ถังเทียนมีสีหน้าประหลาดใจ “ปู่เว่ย! ปู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย”

ผู้อำนวยการสถาบันเทียนจิง, เป่ยเยี่ยนและเหมิ่งโซ่ว  ผู้เฒ่าเว่ยก็เช่นกัน  ทั้งสี่คนล้อมคนๆ หนึ่งไว้

ผู้อาวุโสอู่!

หลายคนได้รับบาดเจ็บหนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด

“เฮ้! ผู้แซ่อู่ แกไม่มีทางหนีได้อีกแล้ว” ครูใหญ่สถาบันเหมิ่งโซ่วตะโกน   “แกติดตั้งกับดักไว้  แกต้องมีความตั้งใจทะเยอทะยานบางอย่างแน่”

“ฉันขอแนะนำให้คุณชดใช้เรามาอย่างยุติธรรมดีกว่า”  อาจารย์ใหญ่สถาบันเป่ยเยี่ยนพูดเสียงเย็นชา

อาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิงเพ่งสายตามองผู้เฒ่าเว่ย  ผู้เฒ่าเว่ยชำเลืองมองแว่บหนึ่ง“นายมองฉันหาเรื่องอะไรอีก?”

อาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิงเค้นเสียง “ฉันสามารถบอกได้ว่าเราเคยเป็นคู่หูกันมายี่สิบปีแล้ว นายมีความตั้งใจอะไรอยู่  ฉันจะได้บอกพวกเขาในตอนนี้”

นักเรียนทุกคนตกตะลึง แม้แต่อาจารย์ใหญ่อีกสองสถาบันก็พลอยตะลึงไปด้วย  ผู้เฒ่าเว่ยนี้ดูๆ ไปไม่มีอะไรเด่น แต่เขากับอาจารย์ใหญ่ของเทียนจิงเคยเป็นคู่หูกันจริงๆผู้เฒ่าเว่ยนี้มาจากที่ไหนกันแน่?

ซือหม่าเซียงซานและเสิ่นหยวนจ้องดูอย่างมึนงง พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนว่าผู้เฒ่าเว่ยและอาจารย์ใหญ่ของพวกเขาขัดแย้งกัน แต่ไม่มีใครคิดว่าทั้งสองคนจะเป็นคู่หูกันมาก่อน  เสิ่นหยวนหน้าขาวซีดด้วยความอ่อนอกอ่อนใจถ้าเขาเห็นว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ อย่างนั้นสถาบันเทียนจิงกับคาราเมลก็เป็นสถาบันพี่น้องกันสินะ?ไม่?  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  มีหรือที่เขาจะกล้าไปหาเรื่องกับสถาบันคาราเมล....

อาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิงในเมืองซิงฟงมีชื่อเสียงมาก  ไม่มีใครรู้อดีตของเขา แต่ทุกคนรู้ว่าเขามีพลังลึกซึ้งและเป็นคนมีเกียรติ ไม่เห็นแก่ตัว

ผู้เฒ่าเว่ยหัวเราะ “แน่นอน นายสามารถบอกได้ ฉันก็ไม่ลำบากใจที่บอกกับคนอื่น สมบัติน้อยๆ เหล่านั้นจะเป็นของฉันทั้งหมด สถาบันคาราเมลเป็นสถาบันเล็กๆ และยากจน นักเรียนสองคนของฉันก็ไม่มีอะไรเลย, พวกเราน่าสงสารจะตายไป”

ซือหม่าเซียนซานและนักเรียนคนอื่นมีสีหน้าพิกล  แน่นอนว่าบริวารมักจะถือผู้บังคับบัญชาของตนเป็นแบบอย่าง มิน่าเล่าผู้เฒ่าเว่ยและถังเทียนถึงได้มีบุคลิกคล้ายกัน

“อย่างนั้นก็ดี!”  อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ผมไม่มีปัญหาเหมือนกัน”อาจารย์ใหญ่สถาบันเหมิ่งโซ่วพยักหน้า

พลังของผู้เฒ่าเว่ยทำให้อาจารย์ใหญ่ทั้งสองประหลาดใจ  และสมบัติดวงดาวระดับทองแดงทั้งสามชิ้น  สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าไม่มีอะไรใหญ่โต การจ่ายราคาต่ำขนาดนั้นเพื่อสร้างมิตรภาพกับเขา  พวกเขาคงจะเห็นด้วยแน่นอน

“อย่างนั้นก็ดี, พูดก็พูดเถอะ ที่นี่ไม่มีใครแย่งสมบัติไปจากนายได้หรอก” อาจารย์ใหญ่เทียนจิงพูดเย็นชา

“พวกแกยังคาดการณ์ออกด้วยหรือ? ฮ่าฮ่า” ผู้อาวุโสอู่หัวเราะลั่น “แค่อาศัยพวกแกไม่กี่คน, พวกแกทุกคนยังจะทำอะไรได้สำเร็จ? เรียกยอดฝีมือที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังพวกแกทุกคนออกมา”

“ฉันเดาเอาไม่ได้เหรอ?” ผู้เฒ่าเว่ยหัวเราะเสียงเย็นชา “ทันทีที่ฉันเห็น ‘เนตรโลหิต’ ฉันก็เข้าใจแล้ว  ให้ฉันบอกแกก็ได้  บังเอิญฉันก็มี ‘เนตรโลหิต’ ของหมู่ดาวกล้องจุลทรรศน์ด้วยเหมือนกัน สมบัติดวงดาวชั้นทองแดง ขอเพียงมีผู้ใช้มันออกมาก็จะใช้ระบุสายเลือดว่าดีหรือเลวได้ ฉันเข้าใจถูกหรือเปล่า?”

“แก.....”  สีหน้าของผู้อาวุโสอู่ชะงักค้าง

“นั่นคือการคาดเดาที่ดี แกวางแผนการใหญ่และให้เจ้าเมืองย้ายงานชุมนุมวิทยายุทธมาจัดที่นี่ มีโอกาสเป็นไปได้ถึงเก้าในสิบที่แกมีความคิดจะเก็บสายเลือดไว้  จากนั้น ขอฉันเดาก่อนแกได้รับวิชาลับในการฝึกฝนบ่มเพาะกับสายเลือด แต่วิชาลับทั้งหมดเหล่านั้นต้องการเลือดเป็นจำนวนมากและจำเป็นต้องเป็นเลือดที่สมบูรณ์ ถ้าแกทำเช่นนี้ในกลุ่มดาวในสวรรค์วิถี แกกลัวว่าจะตกเป็นที่สนใจของคนอื่นๆ ดังนั้นแกจึงวิ่งมาที่ดาวอู่อัน ดาวเคราะห์ชายขอบ แกใช้การเปิดประตูดวงดาวปลอมนี้สร้างเป็นเหตุการณ์พิเศษทำให้คนตายไปมากมากไม่มีใครจะตั้งคำถามหรือสงสัยแกจะไม่มีความตายในการค้นหาประตูดวงดาวได้ยังไง? ในเมื่อการเสียชีวิตผู้คนมากมายถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา”

ผู้เฒ่าเว่ยมองดูผู้อาวุโสอู่อย่างเย็นชา นัยน์ตาของเขาแฝงแววอำมหิต

“ประตูดวงดาวเป็นของจริง  วงกตวิญญาณก็เป็นของจริง   เพราะเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน  ทุกคนจะได้สับสน  โดยแกเพียงแต่ลงมือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสายเลือดดีๆอยู่เงียบๆ  ใช้เนตรโลหิตเพื่อแยกแยะค้นหาเป้าหมายของแก แล้วทำให้พวกเขาหายไปอย่างเงียบๆแล้วเลือกสายเลือดที่แกต้องการ    เพราะแกเป็นคนจัดเตรียมวงกตวิญญาณทั้งหมดไว้ เพียงแต่แกไม่ทราบว่าล้มเหลวในช่วงการลงมือครั้งสุดท้าย”

ผู้เฒ่าเว่ยจ้องผู้อาวุโสอู่เขม็ง  แล้วค่อยๆ เน้นคำพูดทีละคำ “ฉันพูดถูกหรือเปล่า? ท่านอู่แห่งองค์กรวิญญาณมืด”

ผู้อาวุโสอู่มองดูผู้เฒ่าเว่ยอย่างหวาดกลัว “แก... แกเป็นใครกันแน่”

“ว้าว! ปู่, ปู่นี่ เจ๋งเป้งเป็นบ้า” ถังเทียนตะโกนขณะที่เขามองมาด้วยความประหลาดใจ

บรรยากาศและอารมณ์ตึงเครียดทั้งหมดสูญสลายไปในอากาศ ความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและทัศนคติที่ลึกลับของผู้เฒ่าเว่ยหายวับไปหมดทันที

ผู้เฒ่าเว่ยเหลือกตา เขาอดเบือนหน้าหนีไม่ได้ แล้วดุใส่ถังเทียน “มันจะตายไหมวะ ถ้าแกอยู่เงียบๆ ซักประเดี๋ยว?”

“อ๋า, ทำไมฉันจะต้องเงียบด้วยเล่า”  ถังเทียนประหลาดใจ

ผู้เฒ่าเว่ยหันไปรอบๆ อย่างท้อแท้และมองดูอาจารย์ใหญ่สถาบันเทียนจิง “นี่แหละ,ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ไง” จากนั้นไม่ลืมย้ำคำพูดว่า “ฉันขอบอกไว้ก่อน สมบัติระดับทองแดง 2-3ชิ้นจะตกเป็นของฉัน”

ผู้อาวุโสอู่เงยหน้ามองและกู่ร้องสุดเสียง “ใครกัน? ใครทำลายแผนของฉัน, ออกมา,ออกมาเดี๋ยวนี้”

“เลิกตะโกนได้แล้ว คนอื่นๆมีสถานะสูงกันทั้งนั้นและจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน  พวกเขาจะลงโทษแก”  ผู้เฒ่าเว่ยกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง  “แกแค่ต้องยอมสารภาพผิดมาตามตรง  เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมาก  และทำให้พวกเราประหยัดเรี่ยวแรงอีกด้วย”

“ถูกแล้ว”  อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนกล่าวด้วยความแค้นขณะที่เธอเค้นเสียง “ต้องมีผู้บริหารระดับสูงรู้เห็นเป็นใจกับความผิดของคุณและคงปล่อยคุณไปไม่ได้แน่”

พวกเขาทั้งหมดเข้าใจว่า ต้องมีผู้บริหารระดับสูงคอยช่วยเหลือเขา  ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยพลังของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะติดตั้งกับดักได้ถึงขนาดนั้น ความแข็งแกร่งของวงกตวิญญาณมิอาจคาดเดาได้ ควบคู่กับการใช้สมบัติดวงดาวระดับทองแดงสามอย่างของศัตรูแล้วถือว่าเป็นวิธีการที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสี่คนติดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน โดยที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

“ฮึ!  อาศัยพวกแกทุกคนยังจะหยุดฉันได้หรือ?” ผู้อาวุโสอู่หัวเราะเย็นชา ความกลัวบนใบหน้าของเขาหายไป และรังสีอำมหิตของเขารุนแรงยิ่งขึ้น “เมื่อแกไม่ต้องการออกมา  อย่างนั้นฉันจะบังคับให้แกออกมาเอง”

กระบี่บางเบาสีดำในมือของผู้อาวุโสอู่เริ่มพลิ้วโค้งพร้อมกับการสะบัด แรงสั่นสะเทือนทำให้หูทุกคนสั่น

ร่างของเขาเคลื่อนไหวเหมือนสัตว์ประหลาดประกายเงาดำไวเหมือนสายฟ้าชี้ไปที่อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยน

“ระวัง! มันคือสมบัติชั้นทองแดง กระบี่ทะลวงร่างจากหมู่ดาวปลาบิน”  ผู้เฒ่าเว่ยรีบเตือนทันที

อาจารย์ใหญ่เป่ยเยี่ยนกระแอมในลำคอทันทีเหลืออยู่แต่ความสงบนิ่ง   กระบี่ของเธอปล่อยสายน้ำพุทันที  แค่เพียงได้ยินเสียงพายุฝนเท่านั้น  อาจารย์ใหญ่อีกสามคนไม่ลังเลใจ และลงมือทันที

เมื่อพลังงานระเบิดออก ก็ปล่อยพลังท่วมท้นมาจากทิศทั้งสี่

เด็กนักเรียนโดยรอบถูกความตกใจครอบงำ พลังระเบิดของปราณเที่ยงแท้ระดับห้ามีอำนาจในการทำลายล้าง

ซือหม่าเซียงซาน, หานปิงหนิงและเหลียงชิวไม่ได้ถอย  พวกเขาถืออาวุธไว้ในมือตนเอง  ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูขนาดมหึมาก็จะได้ช่วยเสริมตลอดเวลา  ถังเทียนก็ไม่ถอยเช่นกัน  ที่สำคัญเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นศัตรูผู้แข็งแกร่งขนาดนั้นด้วยตาตนเอง

ผู้อาวุโสอู่มีพลังและฝีมือแน่นอน เกินกว่าใครจะคาดคิด  สู้หนึ่งต่อสี่และเขาต้องตลุยผ่านไปให้ได้  ร่างของเขาว่องไวถึงขีดสุด  ถังเทียนสามารถเห็นแต่เพียงเงาของเขาได้แว่บเดียวและเงาของเขาก็หายไปอย่างสิ้นเชิง  กระบี่อ่อนที่แกล้วกล้าและยืดหยุ่นในมือของผู้อาวุโสอู่เต็มไปด้วยพลังรังสีฆ่าฟัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนการต่อสู้ดุเดือดจะเริ่มขึ้นผู้อาวุโสอู่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว และเสียเลือดไปเล็กน้อย  ตอนแรก ชุดเขาเริ่มเปียกโชกและความเคลื่อนไหวของกระบี่ของเขาเริ่มช้าลง

อาจารย์ใหญ่ทั้งสี่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชนโดยมิต้องสงสัย  พวกเขาฉลาดและมีความมั่นคงในการใช้กลยุทธต่อสู้ และทุกคนแค่ตั้งใจทำให้ผู้อาวุโสอู่เหน็ดเหนื่อย

ผู้อาวุโสอู่รู้สึกได้ถึงเจตนาของคนทั้งสี่จึงกระตุ้นปราณเที่ยงแท้ของเขา  แววเจ้าเล่ห์สีแดงปรากฏบนใบหน้าของเขา  เขาเพิ่มความเร็วกะทันหันและกระบี่ดำเรียวยาวในมือเขาเปล่งเสียงแหลมหวีดหวิว

อยู่ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่สี่สถาบัน พวกเขารู้ว่านี่คือการสู้เสี่ยงตายของผู้อาวุโสอู่  เขาจะทุ่มพลังทั้งหมดเข้าต่อสู้

เงาร่างของผู้อาวุโสอู่วิ่งเข้ามาทั้งสองด้าน ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจตรวจสอบได้ปรากฏออกมาจากรังสีรบทั้งสี่รูปแบบ ประกายรังสีเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งพาดขวางนัยน์ตาของผู้อาวุโสอู่ ร่างของเขาสั่นและหลอกล่อให้ทั้งสี่คนเคลื่อนไหว  เมื่อเขาส่งเสียงตวาดกระบี่เรียวบางในมือเขาปล่อยแสงทำให้ตาพร่าได้ฉับพลัน

บึ้ม!

กระบี่ทะลวงกายแตกระเบิดออกเป็นสิบส่วน เหมือนฝนพร่างพรายโจมตีใส่คนผู้หนึ่งจากทุกตำแหน่ง  ตามมาด้วยเสียงหวีดหวิวเหมือนลูกธนู  อาจารย์ใหญ่ทั้งสี่สถาบันสีหน้าเปลี่ยน  พวกเขาป้องกันตัวทันที

ผู้อาวุโสอู่ถือโอกาสที่ได้เปรียบนี้ฉากหนีจากการต่อสู้

เหลียงชิวกราดฝ่ามือออก ซือหม่าเซียงซานใช้แส้ และหานปิงหนิงใช้กระบี่ออกพร้อมกัน  ทั้งสามคนนี้ฉลาดจริงๆ  พวกเขารู้ว่าต้องกักผู้อาวุโสอู่ไม่ให้ออกไป

ผู้อาวุโสอู่สูดลมหายใจลึก หน้าของเขาเป็นสีแดงเข้ม  ขณะที่แขนเสื้อยาวของเขากวาดออกเสียงดังก็ระเบิดใส่พวกเขาทั้งสามคน

บึ้ม!

แขนเสื้อของเขาระเบิดเป็นผุยผง เผยให้เห็นผิวของเขาที่มีเลือดสดๆอยู่บนแขนทั้งสอง

ผู้อาวุโสอู่บ้วนเลือดออกมาคำหนึ่งแววดุร้ายและเจ้าเล่ห์ฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา เขาเริ่มเร่งความเร็วของเขาถังเทียนตกตะลึงเมื่อคู่ต่อสู้วิ่งตรงมาทางเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด