ตอนที่แล้วตอนที่ 41 ความเศร้าของอวิ๋นฉีหลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 อี้เหรินกลายเป็นองครักษ์

ตอนที่ 42 กับดักสาวงามของอวิ๋็นฉีหลัว


ซูสือจ้องอวิ๋นฉีหลัวอย่างว่างเปล่า

จักรพรรดินีมารผู้เลือดเย็นเผยด้านของเด็กสาว?

เขาต้องยอมรับว่านางสวยมากจริงๆ

ผมดำกับผิวเนียนนุ่ม คิ้วโก่งเหมือนภูเขา ดวงตาเหมือนเมฆบางที่ปกคลุมดวงจันทร์

ชุดธรรมดาที่นางสวมไม่อาจปกปิดหุ่นประดุจนางแบบ และข้อมือขาวกับคอที่นางมักเผยก็ขาวเนียนเสียยิ่งกว่าหิมะ

นางดูเหมือนคนที่หลุดจากภาพวาด

แม้ซูสือจะเห็นสาวงามมามาก เขาก็ยังทึ่งกับความงามของนาง

"ตอนแรก เพื่อปกป้องเจ้า ข้าได้แต่ปล่อยเจ้าไปภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ในฐานะแม่ทัพ"

"ตอนนี้เจ้ายังมีพรสวรรค์โดดเด่นเช่นนี้ ข้าจะถอนอุปสรรคทั้งหมดและให้เจ้าเป็นศิษย์สืบทอด'

อวิ๋นฉีหลัวมองเขา"ในร้อยก้าว ข้าจะเดินให้ 99 ก้าว แล้วทำไมเจ้าถึงยังไม่เต็มใจก้าวสุดท้ายอีก?"

ซูสือกลืนน้ำลาย

ทำไมมันถึงฟังเหมือนการสารภาพรัก?

"อย่าลืม ตัวเจ้าพูดเองว่าเจ้าจะปกป้องข้าตั้งแต่ต้น"

"นั่นก็แค่คำพูดของเด็ก.."

"แต่ข้ายึดถือมันอย่างจริงจัง"

อวิ๋นฉีหลัวมุ่ยปาก ดูเหมือนจะไม่พอใจ

หัวใจของซูสือเต้นเร็วขึ้น

วันนี้จักรพรรดินีมารเป็นอะไร?

โดยปราศจากท่าทางกดขี่ตามปกติ นางเหมือนเด็กสาวอกหัก!

ใจเย็น!

ผู้หญิงตรงหน้าข้าคือจักรพรรดินีมารขุมนรกผู้โหดเหี้ยม

ซูสือลอบหยิกตัวเอง

อวิ๋นฉีหลัวลุกและเดินมาหาเขา ชุดของนางเต็มไปด้วยกลิ่นหอม

"ตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจกลายเป็นศิษย์สืบทอด เจ้าจะยืนเหนือทุกคนและมีทรัพยากรบ่มเพาะไร้สิ้นสุด"

"ถ้าทุกอย่างไปด้วยดี ทั้งสำนักยักษ์มารขุมนรกจะเป็นของเจ้าในอนาคต"

"ความมั่งคั่ง ฐานะ ผู้หญิง ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เจ้าไม่อาจได้รับ"

เสียงของนางดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน

พอมองสาวงามบรรลือโลกใกล้ๆ ซูสือก็พูดอย่างเขินอาย"รวมถึงฝ่าบาทด้วยหรือ?"

"หะ?"

อวิ๋นฉีหลัวเงียบไป"เจ้าพูดว่าไงนะ?"

ดวงตาของซูสือล้ำลึก"ในเมื่อทั้งสำนักจะเป็นของข้า มันก็ย่อมรวมถึงฝ่าบาทด้วยใช่ไหม?"

หัวใจของอวิ๋นฉีหลัวเต้นกระหน่ำ!

สีแดงเริ่มแต่งแต้มแก้มนาง เหมือนดวงอาทิตย์ตกยามพลบค่ำในท้องฟ้า

นางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดอะไรแบบนี้

แต่น่าแปลก ในใจนางกลับไม่มีความโกรธ มันกลับเป็นความตื่นตระหนกและเขินอาย

"เจ้า เจ้าต้องการข้า?"

"ทุกคนล้วนชมชอบสาวงาม และมันก็เป็นปกติสำหรับผู้น้อยที่จะชื่นชอบฝ่าบาทผู้มีความงามประดุจเทพธิดา"

ปากของซูสือแห้ง ความคิดเขาสับสนวุ่นวาย และเขาก็พูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด

หน้าอกของอวิ๋นฉีหลัวพองขึ้นยุบลงอย่างแรง ดวงตานางเต็มไปด้วยแสง"เจ้าจะจ่ายไหวหรือ?ความปรารถนาในตัวข้าอาจต้องจ่ายด้วยชีวิตเจ้าเลยนะ"

"ถ้าข้าสมควรตายภายใต้ดอกโบตั๋น เป็นผีข้าก็จะยังชื่นชมมันได้"(ถ้าตายใต้กระโปรง เป็นผีก็ยังแอบมองได้)

ซูสือเงยหน้าขึ้นและพูด"ผู้น้อยเต็มใจตายเพื่อฝ่าบาท"

อวิ๋นฉีหลัวกัดริมฝีปาก ดูเหมือนจะมีน้ำเอ่อล้นในดวงตานาง

ทั้งสองเข้าใกล้กันขึ้น

ซูสือสามารถได้กลิ่นหอมของตัวนาง เห็นภาพสะท้อนของตัวเขาในดวงตาของนางและยังรู้สึกถึงลมหายใจที่เร็วขึ้นของนาง

บางสิ่งไม่ถูกต้อง!

เขาพบว่าตัวเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ผิดไปมาก!

สามัญสำนึกบอกเขาว่าเขาควรหยุด แต่ตัวเขาหลุดการควบคุม และทั้งหมดที่เห็นก็คือใบหน้าละเอียดอ่อนประดุจดอกไม้

จากนั้น เสียงของข้ารับใช้ก็ดังด้านนอกประตู

"ฝ่าบาท มื้อเย็นพร้อมแล้วขอรับ"

บรรยากาศนี้พลันแหลกสลาย ทั้งสองกระโดดแยกออกจากกันเหมือนโดนไฟช็อต

ซูสือพูดตะกุกตะกัก"ผู้น้อย...ผู้น้อยทำเกินเลยไป หวังว่าฝ่าบาทจะให้อภัย"

ใบหน้างามของอวิ๋นฉีหลัวแดงก่ำขณะที่นางแสร้งทำเป็นสงบ"เอาล่ะ ไปโถงอาหารก่อนเถอะ ข้าจะตามไปทีหลัง"

"ขอรับ'

ซูสือรีบหนีออกไป

พอมองแผ่นหลังเงอะงะของเขา อวิ๋นฉีหลัวก็เอามือปิดแก้มร้อนๆของนาง

"ข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!'

พวกนางเกือบจะ....

พอคิดถึงความใกล้ชิดนั่น นางก็แทบอดใจไม่ไหวที่จะหารูในพื้นเพื่อซ่อนตัว!

"นี่มันวิชาอะไรกัน!"

นางหยิบตำราโบราณที่เขียนว่า'วิชาเสน่ห์สาวงาม'ขึ้นมา

เซินไป่หู่บอกว่าซูสือชอบความงาม นางจึงวางแผนลองด้วยตัวเองและเพื่อยืนยันผล นางพบตำรานี้ในคลังตำราของนาง

วิชานี้มีความสามารถบังคับจิตใจ ทำให้คนหยุดคิด ปัดเป่าสามัญสำนึก และกระตุ้นสัญชาตญาณในส่วนลึกสุด

แต่นางไม่คิดว่าแม้แต่นางก็ยังได้รับผล!

นางตั้งใจจะหว่านเสน่ห์ใส่ซูสือ แต่นางไม่อยากเอาตัวเองไปเกี่ยว!

"ซูสือเจ้าชู้จริงๆ เขากล้าดียังไงมาพูดจาหวานใส่ข้า!"

"แต่ ทำไมข้าถึง.."

"มันต้องเพราะเขาแน่ ข้าไม่ใช่ผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้น!"

อวิ๋นฉีหลัวกระทืบเท้าด้วยความอายและโกรธ

สุดท้ายนางก็สรุปว่า"ทั้งหมดเป็นความผิดของเซินไป่หู่!"

"ใครก็ได้เข้ามา!"

ข้ารับใช้ด้านนอกโถงเดินเข้ามา"ผู้น้อยอยู่นี่ขอรับ"

อวิ๋นฉีหลัวกัดฟัน"บอกนักบุญตะวันตกให้ไปแนวหน้าเพื่อกำราบศัตรูเดี๋ยวนี้ และบอกเขาว่าห้ามกลับมาหากข้าไม่สั่ง!"

"ขอรับ"

ข้ารับใช้ถอยไป

สีแดงบนหน้าของอวิ๋นฉีหลัวยังไม่หายไป

นางอยากขว้างมันทิ้ง แต่ดวงตาซื่อตรงของซูสือก็พลันปรากฏในหัวนาง

นางลังเลชั่วขณะและวางตำราโบราณลงเงียบๆ

"วิชานี้ชั่วร้ายเกินไป มันไม่ดีที่จะกระจายออกไป มันดีกว่าที่ข้าจะเก็บไว้เอง"

...

ในห้องอาหาร

ซูสือนั่งหน้ามึน

เขามองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร และไม่สามารถระงับความกระหายของตัวเองได้

"ในชีวิต ภาพมายาทุกชนิดจะทดสอบเราตลอดเวลา และบางครั้งความคิดเดียวก็สามารถทำให้ผู้คนตกลงสู่หุบเหวแห่งปรารถนาได้"

พอคิดถึงฉากก่อนหน้า เขาก็ขมขื่นมาก

"ข้าพยายามจะจูบจักรพรรดินีมารเนี่ยนะ?'

"นั่นเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!"

"ข้าต้องหาทางหนีไปจากที่นี่ ไม่งั้นทุกอย่างจะจบตอนนางมาที่นี่"

แต่มันสายไป อวิ๋นฉีหลัวเดินเข้ามาแล้ว

ท่วงท่านางกลับเป็นเย็นชา ดวงตาของนางไม่อาจเห็นอารมณ์ใดได้

นางนั่งลงเงียบๆ

บรรยากาศเงียบสงัด

ซูสือกลืนน้ำลายและพูดอย่างยากลำบาก"ฝ่าบาท เรื่องที่เกิดขึ้น..."

"หุบปาก!"

อวิ๋นฉีหลัวจ้องเขา"กินอาหารของเจ้าไปซะ!"

"..."

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด