ตอนที่แล้วบทที่ 823 ค่อนข้างยุ่งยาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 825 บ้าคลั่งจากความเจ็บปวดที่ฝังใจ!

บทที่ 824 ความเกลียดชังที่ฝังลึก(ตอนฟรี)


บทที่ 824 ความเกลียดชังที่ฝังลึก

“ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน!” โจวเฟยเฟยยิ้มเหยียดเบาๆ “โชคดีที่ในเวลานั้นหัวหน้าแก๊งคนเก่าของแก๊งตงไห่มีลูกสาวคนเล็กที่ชื่อซูยาหยุน เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง มีความเด็ดขาดและกล้าหาญ เธอพาลูกน้องเก่าที่ซื่อสัตย์ที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่คนของพ่อเธอต่อสู้กับซูหลง แต่ก็ต้องต่อสู้กันอยู่หลายครั้ง ว่ากันว่าแม้แต่พวกระดับสูงก็ยังนั่งกันไม่ติด”

“โอ้?”

จี้เฟิงแอบตกตะลึงอยู่พอสมควร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ผู้หญิงที่ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเธอไม่ได้มีทักษะพิเศษบางอย่างหรือมีจิตใจและร่างกายที่แข็งแกร่งมากจริงๆ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำกำลังคนเข้าต่อสู้ตอบโต้ศัตรูได้แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เธอคงผ่านอะไรมากมากมายจริงๆ!

“ต่อมา ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาแทรกแซงเกี่ยวกับความบาดหมางของทั้งฝ่าย และบอกว่าถ้าใครริเริ่มที่จะมีการเคลื่อนไหวอีก จะโดนปราบปรามขั้นรุนแรง!” โจวเฟยเฟยกล่าว “แต่ซูยาหยุนนั้นไม่ยอมลดละ เธอยังคงพยายามต่อไป จนท้ายที่สุด ซูหลงก็ต้องถูกบังคับให้ออกจากแก๊งตงไห่ และนำคนของเขาก่อตั้งแก๊งพยัคฆ์มังกรจนมาถึงปัจจุบัน”

“หึ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียง “พูดถึงเรื่องแก๊งพยัคฆ์มังกร ก็ถือว่าเป็นเรื่องเล่าระดับตำนานได้เลยนะเนี่ย! แต่ยังไงก็เถอะ พี่สาวของซูยาหยุนอยู่ที่ไหน? เธอยังคงติดตามซูหลงอยู่หรือเปล่า?”

“จากที่ได้ยินมาก็ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะ ว่ากันว่าซูหลงไปแต่งงานใหม่นางซูก็เลยถูกไล่ออกจากบ้าน เรื่องหลังจากนี้ฉันก็รู้ไม่มากนัก” โจวเฟยเฟยกล่าว

จี้เฟิงขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “แล้วเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“หลายปีแล้ว ตอนนั้นฉันยังเรียนมัธยมอยู่เลย ได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้เป็นครั้งคราวเท่านั้น” โจวเฟยเฟยทำท่าครุ่นคิด “อืม... น่าจะสัก 7-8 ปีหรืออาจจะนานกว่านั้น ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ”

“ก็ผ่านไปนานอยู่เหมือนกันแฮะ... และเพราะแบบนั้น แก๊งพยัคฆ์มังกรก็เลยเติบโตมาอย่างยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบันงั้นเหรอ?” จี้เฟิงถาม

“ใช่ค่ะ.. ถ้าในหางโจว แก๊งพยัคฆ์มังกรก็เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงมากทีเดียว” โจวเฟยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย “นอกจากนี้ ตั้งแต่ซูหลงก่อตั้งกลุ่มบริษัทเฟยหลง ทรัพยากรทางการเงินของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาก็มักจะปรากฏตัวตามหอการค้าบางแห่งในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ซูหลงเป็นคนที่ชั่วช้าและมีความทะเยอทะยานสูง แต่ฉันก็ไม่คาดคิดว่าแก๊งพยัคฆ์มังกรของเขาจะติดต่อกับแก๊งมาเฟียยามากุจิแห่งเจี๋ยเผิงด้วย”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ทีนี้ผมก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมแก๊งพยัคฆ์มังกรถึงได้มารวมตัวกับยามากุจิ-กุมิเพื่อโจมตีแก๊งตงไห่ ปรากฏว่ามีเรื่องราวอยู่ตรงกลางนี่เอง”

“ซูยาหยุนแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกเนื้อเฉือนกระดูกของซูหลงและซูหลงก็ต้องการที่จะกำจัดซูยาหยุนและลูกน้องของเธอตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากเบื้องบน ฉันเกรงว่าพวกเขาคงสู้จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายนั่นแหละ!” โจวเฟยเฟยส่ายหัวเล็กน้อย

จี้เฟิงพยักหน้ารับฟังด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ ท้ายที่สุด สิ่งต่างๆในเส้นทางนี้ก็หนีไม่พ้นการรบราฆ่าฟันแย่งชิงอำนาจกัน ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับความปลอดภัย เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถอนตัว ไม่อย่างนั้นความขัดแย้งนั้นก็จะยังคงอยู่ ถึงแม้จะสงบลงได้ชั่วครั้งชั่วครู่แต่สุดท้ายมันก็จะแตกออกมาไม่ช้าก็เร็ว

และหลังจากที่ความขัดแย้งปะทุขึ้นอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อถอนรากถอนโคนอีกฝ่าย ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครอยากจะคอยมาระแวดระวังแม้กระทั่งเวลาหลับ

ดังนั้น เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างแก๊งตงไห่และแก๊งพยัคฆ์มังกร จี้เฟิงไม่ต้องการถามและไม่มีความสนใจที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก สิ่งที่จี้เฟิงกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือจะใช้วิธีการไหนในการจัดการกับคนเจี๋ยเผิง

วิธีจัดการกับซาซากิ ทาโร่และบุคคลสำคัญคนอื่นๆนั้นยากที่สุด

เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะฆ่าคนเหล่านี้โดยตรง ยังไงคนเหล่านี้ก็เดินทางมาประเทศจีนด้วยช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย และถ้าจู่ๆพวกเขาหายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่บอกก็น่าจะพอนึกภาพออกว่าปัญหาจะตามมามากมายขนาดไหน

แต่ในทางตรงกันข้าม หากปล่อยพวกเจี๋ยเผิงให้กลับไปง่ายๆ ความเย่อหยิ่งจองหองของคนเหล่านี้ก็จะยิ่งทวีคูณมากขึ้น พวกเขาจะยิ่งได้ใจและคิดว่าจะทำอะไรกับคนจีนก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้จี้เฟิงจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ดังนั้นในตอนนี้ จี้เฟิงจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เขาอดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ ‘ให้ตายเถอะ ไอ้พวกเวรเจี๋ยเผิง... จับพวกมันมาได้แล้วแท้ๆ แต่ไม่รู้จัดการกับพวกแม่งยังไงดี!’

“คุณโจวคะ การที่เราพาตัวสมาชิกแก๊งพยัคฆ์มังกรมาไว้ในสถานที่ของคุณแบบนี้ ถ้าเกิดพวกเขาต้องการมาแก้แค้นคุณจะทำยังไงล่ะคะ?” จู่ๆ จี้ยูเหวินก็ถามขึ้น “ยังไงก็ตาม เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะฉัน ถ้าคุณต้องมามีอันตรายเพราะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันคงรู้สึกผิดมากๆ”

โจวเฟยเฟยส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “ฉันไม่รู้ว่าแก๊งพยัคฆ์มังกรกับพวกเจี๋ยเผิงต้องการจะจัดการกับใคร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขาโจมตีรถของฉันโดยตรง ในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับโจวเฟยเฟย ไม่มีใครกล้าล้ำเส้นตระกูลโจวแบบนี้!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้จี้ยูเหวินก็เข้าใจทันทีว่าไม่เพียงแต่โจวเฟยเฟยจะไม่ทิ้งเรื่องนี้ไว้กลางคันและเพิกเฉยต่อมัน แต่เธอจะเข้าร่วมอย่างเต็มตัว และมันก็เป็นความจริงที่แก๊งพยัคฆ์มังกรโจมตีรถของโจวเฟยเฟย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้สืบสวนเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าโจวเฟยเฟยก็อยู่ในขบวนรถนี้ด้วยเช่นกัน

ถึงกระนั้น สมาชิกของแก๊งพยัคฆ์มังกรก็ยังกล้าที่จะโจมตี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้หวั่นเกรงตระกูลโจวเลย

แล้วโจวเฟยเฟยจะทนนิ่งเฉยได้อย่างไร?!

อย่างไรก็ตาม จี้ยูเหวินก็ยังคงรู้สึกเป็นกังวล ตระกูลจี้เป็นเพียงนักธุรกิจ แม้ว่าพวกเขาจะมีอำนาจมาก แต่ก็เป็นในเรื่องของธุรกิจและการเงิน พวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีต่อกรกับพวกอันธพาลอย่างแก๊งพยัคฆ์มังกรได้อย่างนั้นหรือ?

ครั้งนี้สมาชิกของแก๊งพยัคฆ์มังกรกล้าที่จะเหมารวมโจวเฟยเฟยให้เป็นปลาติดร่างแหไปด้วย ดังนั้นจึงชัดเจนมากว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวตระกูลโจวเลย!

จี้เฟิงที่นั่งฟังอยู่เงียบๆก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม เมื่อโจวเฟยเฟยพูดแบบนี้ เธอดูเหมือนกับราชินีที่มีอำนาจมหาศาลอยู่ในมือ ดูน่าเกรงขามทีเดียว

“คุณชายจี้!”

เมื่อเห็นรอยยิ้มขี้เล่นเบาๆของจี้เฟิง โจวเฟยเฟยก็หน้าแดงทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างฉุนเฉียว “อย่ามาหัวเราะนะ!”

“ฮ่าๆๆ...”

ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ “ไม่เห็นเป็นไรเลย สีหน้าท่าทางของคุณตอนนี้ดูยิ่งใหญ่สง่างามจะตาย เท่ไม่หยอก!”

โจวเฟยเฟยยิ่งอายมากขึ้น ก่อนนี้เธอโกรธมากจริงๆ ถึงได้พูดคำเหล่านั้นออกมา แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอเป็นลูกหลานตระกูลจี้

การอวดศักดิ์ศรีต่อหน้าจี้เฟิงก็เหมือนกับนักรบเลเวลหนึ่งแสดงความสามารถต่อหน้าแม่ทัพ! ซึ่งเป็นอะไรที่ไร้สาระจริงๆ

จี้เฟิงโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใจเย็น อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะหัวเราะเยาะคุณ ผมแค่คิดว่ารูปลักษณ์ของคุณตอนนี้... เอ่อ... มันเท่มากจริงๆ!”

ยิ่งจี้เฟิงพูด โจวเฟยเฟยก็ยิ่งอาย เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนขึ้นมา ใบหน้าที่สวยงามของโจวเฟยเฟยก็แดงก่ำเพราะความอับอาย ดวงตากลมโตคู่นั้นมีน้ำเอ่อขึ้นมาเล็กน้อยทำให้ดูแวววาวเป็นประกายคล้ายกับแอ่งน้ำในฤดูใบไม้ผลิ

จี้เฟิงที่หัวเราะก็ถึงกับหยุดชะงักและมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า

จี้ยูเหวินที่มองทั้งสองคนอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก มุมปากของเธอโค้งขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มที่แฝงความหมายบางอย่าง

“เดินไป!”

เสียงตะโกนที่ดุดันทำลายบรรยากาศที่ชวนให้เคอะเขินและกระอักกระอ่วนเล็กน้อยในทันที คุณชายรองของแก๊งพยัคฆ์มังกรและอาเต๋อถูกพาตัวขึ้นมาจากชั้นใต้ดินและทรุดนั่งลงบนพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้วโดยมีบอดี้การ์ดสองสามคนคอยจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

“นี่มันอะไรกัน”

คุณชายรองบ่นพึมพำ จากนั้นก็กวาดสายตามองดูจี้เฟิงและคนอื่นๆที่นั่งอยู่บนโซฟาครึ่งวงกลม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นโจวเฟยเฟยที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ปากของเขาเปิดอ้าออกทันทีแต่เขาไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงได้แค่เรียกชื่อด้วยเสียงที่แผ่วเบา “โจว... คุณโจว...”

หัวใจของอาเต๋อเต้นแรงขึ้นมาทันที ‘โจวเฟยเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย!’

เขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ ‘จบแล้ว... มันจบลงแล้ว!’

“คุณโจว... พวกเรารู้จักกันนี่นา เรามานั่งคุยกันดีๆดีไหม?” คุณชายรองถามอย่างระมัดระวัง แต่ภายในใจอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ

‘ให้ตายเถอะ ไอ้พวกคนเจี๋ยเผิง เก่งนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงปล่อยฉันให้มาตกอยู่ในมือของคนพวกนี้ได้?!’

‘การทำให้ตระกูลโจวขุ่นเคือง เรื่องก็จะไม่ง่ายอีกต่อไป ทุกอย่างมันจบลงแล้ว อย่าว่าแต่รอการแก้แค้นจากตระกูลโจวเลย ฉันเกรงว่าตาเฒ่าในตระกูลคงจะทุบตีฉันจนตายไปก่อนที่จะถูกแก้แค้นเสียอีก!’

“ว่าไงนะ? อยากจะขึ้นมานั่งคุย?” โจวเฟยเฟยยิ้มเหยียด ใบหน้าที่สวยงามของเธอแสดงความเย็นชา “คุณคิดว่าฉันจะตอบรับคำขอมั้ยล่ะ?”

“คุณโจว พวกเราทุกคนก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า ยังไงเราก็รู้จักกัน คุณคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย?” คุณชายรองยิ้มแห้ง แต่อาจเป็นเพราะเขาพูดมากเกินไป อาการบาดเจ็บที่ซี่โครงถึงได้แล่นขึ้นมาอย่างกะทันหันจนแทบจะร้องไห้ “ซี่โครงของฉันหัก ขาของฉันก็หัก คุณโจว คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”

“เหรอ?”

โจวเฟยเฟยหัวเราะเยาะ “เรารู้จักกัน? ฉันไปรู้จักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ?!”

“คุณโจว ฉันชื่อซูจุนไช่จากเฟยหลงกรุ๊ป ฉันเคยส่งดอกไม้ให้คุณหลายครั้งแล้ว คุณจะไม่รู้จักฉันได้ยังไง?!” คุณชายสองที่ชื่อซูจุนไช่รีบขอร้องและพูดต่อไปว่า “คุณโจว ในฐานะคนรู้จักกัน ได้โปรดให้ฉันนั่งบนโซฟาเถอะ ซี่โครงของฉันหัก มันปวดจนทนไม่ได้จริงๆ!”

“ถ้าคุณยังพูดจาไร้สาระอีกเพียงคำเดียว สิ่งที่จะหักเป็นอย่างต่อไปจะไม่ใช่แค่กระดูกซี่โครง!” โจวเฟยเฟยพูดอย่างเย้ยหยัน แต่ในใจเธอกำลังโกรธมาก แน่นอนว่าเธอรู้จักไอ้สารเลวคนนี้ เคยเจอและทักทายกันตามงานเลี้ยงต่างๆในแวดวงสังคม หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ก็มักจะส่งดอกไม้และของขวัญให้เธอเหมือนกับลูกชายตระกูลอื่นๆ

แต่ที่น่าขยะแขยงมากที่สุดก็คือคราวนี้เขาสามารถโจมตีเธอได้โดยไม่มีความละอายใดๆเลย!

จี้ยูเหวินอยู่กับโจวเฟยเฟยแทบจะตลอดเวลา และเนื่องจากซูจุนไช่สามารถตรวจสอบที่อยู่ของจี้ยูเหวินได้ รู้แม้กระทั่งว่าเธอจะไปไหนและใช้เส้นทางไหนในการเดินทาง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้ว่าเธอก็อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม ไอ้สารเลวนี้ก็ยังคงลงมือ เห็นได้ชัดว่าเขาก็ต้องการที่จะฆ่าเธอไปด้วยในคราวเดียว!

แล้วจะให้โจวเฟยเฟยใจอ่อนให้กับคนชาติชั่วสารเลวแบบนี้ได้อย่างไร?

เมื่อเห็นสายตาที่เย้ยหยันของโจวเฟยเฟย ซูจุนไช่ก็เข้าใจทันทีว่าโจวเฟยเฟยไม่มีทางเห็นด้วยกับคำขอของเขา ซ้ำร้าย เธอเหมือนอยากจะฉีกทึ้งร่างของเขามากกว่าจะเชิญให้ไปนั่งบนโซฟา!

แต่แทนที่เขาจะหวั่นเกรง เขากลับพูดด้วยรอยยิ้มมั่นใจ “โจวเฟยเฟย เรื่องที่ตระกูลของคุณแข็งแกร่งมาก ฉันยอมรับนะ แต่แก๊งพยัคฆ์มังกรของเราไม่ใช่เด็กอมมือ ดังนั้นฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะกล้าฆ่าฉันโดยตรง! ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าคุณยังกล้าหยาบคายกับฉันอีก ตราบใดที่ฉันกลับไป ฉันและแก๊งพยัคฆ์มังกรจะไม่ปล่อยตระกูลโจวของคุณไปอย่างแน่นอน!”

“อ่าหะ..”

โจวเฟยเฟยยิ้มบางๆ แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเธอนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง “หักขาทั้งสองข้างของเขาซะ!”

ห๊า??

ใบหน้าของซูจุนไช่ซีดเผือดขึ้นมาทันที แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “โจวเฟยเฟย! เธอกล้าทำร้ายร่างกายฉันงั้นเหรอ?! อย่าให้มันมากเกินไปนัก!”

“หักแขนของเขาด้วย” โจวเฟยเฟยพูดเบาๆ

“ครับ!”

บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ๆตอบกลับทันที และกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

“เดี๋ยวก่อน!”

อาเต๋อรีบตะโกน แต่ถูกจี้เฟิงขัดจังหวะ “จะเดี๋ยวทำไม แค่หักแขนหักขาแค่นั้นเอง.. จัดการเลย!”

“ครับ!” บอดี้การ์ดพยักหน้า

“หยุด! ได้โปรดหยุดก่อน!”

อาเต๋อซึ่งนั่งอยู่บนพื้นตกใจจนหน้าซีดเผือด เขารีบพูดทันที “ประธานโจว คุณโจว ขอโอกาสให้ผมได้พูดอะไรสักหน่อย... คุณชายรองของเราเป็นคนพูดจาโผงผางไม่มีหัวคิด ความรู้และประสบการณ์ยังน้อยนัก ได้โปรดคุณโจวอย่าถือสา สิ่งที่เขาพูดไปเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์... ที่จริงแล้วคุณโจวและตระกูลโจวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ อย่ามาแลกกับสิ่งเล็กน้อยแบบนี้เลยครับ”

“แม้ว่าเขาจะเป็นเศษขยะไร้ค่า ฉันก็จะฆ่าเขาในวันนี้!” จู่ๆเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังมาจากชั้นบน เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังที่ฝังลึกราวกับว่าผู้พูดและซูจุนไช่มีความเกลียดชังกันมาแต่ชาติปางก่อน!

เสียงนี้ทำเอาคนที่ได้ยินหนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว!

.......จบบทที่ 824

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด