ตอนที่แล้วตอนที่ 2-16 เวทธาตุลม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2-18 ช่วงเวลาเรียนรู้ (2)

ตอนที่ 2-17 ช่วงเวลาเรียนรู้ (1)


ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปและฤดูใบไม้ร่วงเวียนมาถึง พริบตาเดียวลินลี่ย์ใช้เวลาอยู่ในสถาบันเอินส์ถึงครึ่งปีแล้ว

ช่วงวันเวลาเหล่านั้นในโรงเรียน  ลินลี่ย์เป็นเหมือนคนที่กระหายน้ำในทะเลทรายดื่มกินความรู้เวทขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับเวทลม ความรู้และพลังของลินลี่ย์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเดลินโคเวิร์ทได้ชี้แนะทุกอย่างบ่อยๆ เช่นกัน

วันนี้แสงตะวันสาดส่องดูงดงาม

สี่พี่น้องหอพัก 1987เพิ่งทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาอยู่ในชุดยาวสีท้องฟ้าซึ่งเป็นเครื่องแบบของสถาบัน  เพราะฝึกฝนร่างกายอย่างต่อเนื่องรูปร่างลินลี่ย์จึงน่ามองน่าหลงใหลมาก ด้วยรูปร่างที่มีชุดยาวสีฟ้าคลุมอยู่นี่คือสาเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงสองสามคนในชั้นเรียนเวทลมชอบคุยกับลินลี่ย์

ในตอนนี้สี่พี่น้องกำลังเดินทอดน่องคุยกัน

“จริงสิ, ลินลี่ย์  วันนี้พวกข้าที่เหลือจะเข้าไปร่วมงานรับน้องใหม่  เจ้าจะไปด้วยไหม?” จอร์จหัวเราะ

จอร์จชอบมีส่วนร่วมในชมรมนักเรียนและคบหามิตร และเขาจะเก่งมากในเรื่องในการหาข่าวและหาเพื่อนใหม่ แม้ว่าจะอยู่ในโรงเรียนมาเพียงครึ่งปีเท่านั้น  แต่บรรดานักเรียนปีแรกของสถาบันเอินส์จอร์จกลายเป็นคนที่กระตือรือร้นและมีอิทธิพลคนหนึ่ง

“ไม่” คำตอบของลินลี่ย์ตรงไม่อ้อมค้อม

“ฮ่าฮ่า,ข้ารู้แล้วว่าลินลี่ย์คงไม่ไปแน่ๆ” เรย์โนลด์หัวเราะลั่น

เยลใช้แขนโอบไหล่ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ลินลี่ย์, สหายรัก, ไม่จำเป็นต้องขยันขนาดนี้ก็ได้  เมื่อถึงเวลาเรียน ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า  ถ้าเจ้าใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย ในสามสิบปีเจ้าจะเป็นจอมเวทระดับหกได้ง่ายๆ ทำไมเจ้าต้องพากเพียรเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น? เจ้าควรจะเรียนรู้อย่างสบายๆและสนุกกับชีวิต มีเด็กผู้หญิงน่ารักหลายคนในงานรับน้องใหม่นะ เจ้าก็รู้”

“ใช่แล้ว เด็กผู้หญิงหลายคนน่ารักจริงๆ”  เรย์โนลด์ทำตาโตและพยักหน้า

ลินลี่ย์ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

ภายใต้คำแนะนำของเยลเด็กที่ไร้เดียงสาอย่างเรย์โนลด์ก็เริ่มใจแตก

“เยล, เจ้ามันลามก เลิกกวนใจข้าได้แล้วตอนนี้ข้าจะไปฝึกต่อ พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นเดือน ตอนนั้นข้าค่อยออกไปกับพวกเจ้า”  ลินลี่ย์หัวเราะ  สองวันสุดท้ายของเดือนลินลี่ย์ยอมให้ตัวเองได้พักผ่อนสองวัน

พอได้รับรู้อารมณ์ของลินลี่ย์  เยล, เรย์โนลด์และจอร์จก็พยักหน้ากันทุกคน

ลินลี่ย์เดินแยกออกมาทันทีแต่รีบมุ่งหน้าไปที่ภูเขาด้านหลังโรงเรียนอย่างเงียบๆ   มีนักเรียนหลายพันอยู่ในสถาบันเอินส์และมีนักเวทหลายคนกำลังค้นคว้าเวทใหม่ๆ ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีคนรับใช้จำนวนมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ สถาบันเอินส์กลายเป็นสถานที่มีประชากรหนาแน่น

บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ภูเขา นักเรียนหลายคนที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน

“กรรรรร..” เสียงคำรามต่ำดังขึ้น

ลินลี่ย์หันไปมองข้างๆและนัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “อสูรเวท!”

แผงขนคอที่เรียบลื่นขนสีฟ้าเนียน และขาใหญ่สี่ข้างที่ทรงพลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและอำมหิตกรงเล็บทองส่องประกายเยือกเย็นทำให้คนที่มองเห็นหัวใจสั่นรัว

อสูรเวท หมาป่าสายลม

อสูรเวทที่น่ากลัวเคลื่อนไหวได้เร็วราวกับลมพัด

สิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดที่คนสามารถเผชิญหน้ากับอสูรเวทในป่าก็คือฝูงหมาป่าสายลม  ถ้าท่านเผชิญกับมัน  ด้วยความเร็วของพวกมันไม่มีทางที่ท่านจะหลบหนีได้เลย

บุรุษหนุ่มรูปงามผมดำนั่งอยู่บนหมาป่าสายลม  บุรุษหนุ่มมองดูรอบๆ ตัวอย่างสุขใจดูเหมือนเขาจะภูมิใจมากที่มีอสูรเวทชั้นดีอย่างนั้น

“นี่คงเป็นอสูรเวทระดับห้าหรือระดับหก”  ลินลี่ย์สรุป

ที่สถาบันเอินส์มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่มีอสูรเวท นอกจากนักเวทผู้ได้รับเชิญให้มาสถาบันเอินส์ นักเรียนระดับห้าและระดับหกสามารถซื้อม้วนเวทผูกวิญญาณและฝึกอสูรเวทให้เชื่องและใช้เป็นพาหนะของพวกเขาได้

“เป็นแค่อสูรเวทตัวหนึ่ง  ทำไมต้องกวนโมโหมากขนาดนั้นด้วย?”  ลินลี่ย์มองอย่างเหยียดหยามไปที่นักเวทผู้หลงตัวเอง

หลังจากออกจากโรงเรียน  ลินลี่ย์เข้าไปที่หุบเขาด้านหลังเขา

ภูเขาด้านหลังสถาบันเอินส์เป็นแนวเขากว้างนานมากแล้วที่อสูรเวทได้อาศัยอยู่ในภูเขานี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อสูรเวทถูกนักเวทของสถาบันฆ่าตายหมด  ตอนนี้ตอนนี้จึงมีสัตว์ป่าธรรมดาไม่กี่ตัวอาศัยอยู่ที่นี่

พอเข้าไปในภูเขาความเร็วของลินลี่ย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ปกติเขาเริ่มใช้เวทลมคาถาความเร็วเหนือเสียง ทำให้ตลอดทั้งร่างของเขาเบาเหมือนใบไม้  เหมือนกับวิญญาณเขาลดเลี้ยวไปตามเส้นทางในภูเขา  หลังจากวิ่งมาหลายกิโลเมตร  ลินลี่ย์ก็ไปถึงจุดหมายของเขาเป็นสถานที่ว่างติดลำธาร

“จี๊ด จี๊ด” บีบีร้องทักลินลี่ย์อย่างร่าเริง

ลินลี่ย์หัวเราะและพูดว่า“เจ้าต้องการออกไปเล่นเหรอ?  ก็ได้แต่อย่าไปไกลนักนะ? ลินลี่ย์เชื่อใจบีบีมาก หนึ่งปีผ่านไปตั้งแต่เขาได้พบกับเจ้าตัวน้อย  แต่บีบีก็ยังไม่โตขึ้นยังคงมีตัวขนาดยี่สิบเซนติเมตร มีแต่ความเร็วของมันที่เพิ่มขึ้นมากมาย

“นักเวทหรือ? บางทีนักรบระดับแปดก็สามารถจับหนูเงาน้อยได้  แต่จอมเวทระดับเซียนเท่านั้น ถึงจะสามารถทำอย่างเดียวได้”  ลินลี่ย์ทราบดีว่าร่างกายของจอมเวททั้งหมดแข็งแกร่งขนาดไหน

หนูเงาน้อย บีบีพุ่งเข้าไปในป่าในภูเขา

“ปู่เดลิน ได้โปรดออกมาสอนข้าที” ลินลี่ย์พูดผ่านจิตทันที

หมอกสายหนึ่งลอยออกมาและกลายเป็นเดลิน โคเวิร์ท  เดลินโคเวิร์ทกระพริบตาและจ้องมาทางลินลี่ย์  “ลินลี่ย์!เกิดอะไรขึ้น? เมื่อก่อนนั้น เจ้ามักจะไม่สนใจตาแก่ผู้นี้และเข้าสมาธิก่อนไม่ใช่หรือ?  ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าออกมาตอนนี้เล่า?  ข้ากำลังหลับเพลินๆ ฮึ่ม..เจ้าทำฝันหวานของข้าป่นปี้หมด”

ลินลี่ย์เบะปาก

แม้ว่าปู่เดลินจะเป็นจอมเวทผู้วิเศษระดับเซียน    หลังจากรู้จักกับเขาลินลี่ย์ก็ตระหนักว่าแม้ว่าภายนอกเขาจะดูใจดีและเป็นมิตร  แต่ว่าภายในนั้น เขายังชอบกลั่นแกล้งเหมือนเด็ก

“ปู่เดลิน, ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าจะเข้าถึงขอบเขตจอมเวทระดับสองแล้ว  ข้าอยากให้ท่านช่วยดูข้าด้วยตัวท่านเอง”  ลินลี่ย์พูดในที่สุด

“จอมเวทระดับสองหรือ?”

เดลินโคเวิร์ทครุ่นคิดและประเมินดู “ฮืม.. ใช่แล้วมันผ่านไปได้ปีหนึ่งแล้วตั้งแต่เจ้าเริ่มเรียนกับข้า  ก่อนอื่นให้ใช้เวทหินแตก  เจ้าจงทำให้ดีที่สุด เข้าใจไหม?”

“เวทหินแตก” ถูกมองว่าเป็นคาถาที่เอาไว้ใช้วัดผล

มีเวทหินแตกซึ่งเป็นเวทระดับหนึ่ง  แต่ก็ยังมีเวทระดับเซียนที่เรียกว่าเวทหินแตกเหมือนกัน  เพียงแต่ชื่อที่เรียกกันก็คือเวทดาวตกสวรรค์  ตามปกติเมื่อความแข็งแกร่งของจอมเวทธาตุดินเพิ่มขึ้น พลังของเขาในการใช้เวทหินแตกก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

“ได้เลย ปู่เดลิน”

ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มร่ายเวทอย่างเงียบๆ  ลินลี่ย์จำคำทั้งหมดได้นานแล้วถึงขนาดที่ท่องออกมาได้โดยไม่ต้องคิด ขณะที่ร่ายเวทต่อเนื่อง เลนลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงพลังจิตของเขาทั้งหมดกำลังเข้าสู่สภาวะพิเศษ

พลังเวทดินที่เขาสะสมในอกเขาก็เริ่มไหลออกมาและพลังธาตุก็เริ่มรวมตัวเช่นกัน

ทันใดนั้นดินที่อยู่ใกล้ๆ ก็แตกกระจาย

ก้อนหินขนาดเท่าหัวกะโหลกห้าลูกลอยขึ้นและเริ่มวนรอบศีรษะลินลี่ย์  หินห้าก้อนทั้งหมดปกคลุมด้วยจุดแสงสีธาตุดิน  และขณะที่นัยน์ตาของลินลี่ย์เริ่มเรืองแสง  เขาตวาดเต็มที่ หินทั้งห้าก้อนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับหอบเอาลมไปกับมันด้วย

“โครม!”

หินทั้งห้าก้อนที่ปกคลุมด้วยแสงธาตุดินกระแทกเข้าต้นไม้ใหญ่  ต้นไม้โอนเอน แต่ลำต้นไม่ได้สั่นมากนัก ในที่สุดก้อนหินทั้งห้าก้อนก็ร่วงลงมาบนพื้น

“อืม..ไม่เลว” เดลิน โคเวิร์ทตาเป็นประกาย “สามารถควบคุมก้อนหินทั้งห้าก้อนในคราวเดียวด้วยความเร็วที่น่าประทับใจขนาดนั้น  ความจริงนั่นเป็นพลังของจอมเวทระดับสอง”  เดลินโคเวิร์ทพอใจกับการร่ายเวทของลินลี่ย์เป็นอย่างมาก

ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน

เขาเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าวแล้ว

ลินลี่ย์ไม่มีทางจะลืมคำพูดของบิดาเขาที่พูดกับเขาไว้ตอนที่เขาจากมา  “ถ้าลูกไม่สามารถนำมันกลับมาได้  ต่อให้พ่อตาย พ่อจะไม่ยกโทษให้ลูก” คำพูดเหล่านี้เหมือนกับมีดคมที่แทงใจของลินลี่ย์และเขายังนึกถึงอยู่เสมอ

ตอนนี้ เดลินโคเวิร์ทหัวเราะอย่างมีความสุข “แต่ว่าลินลี่ย์ เจ้าต้องเข้าใจนะว่าจอมเวทระดับสองยังนับว่าเป็นเด็กน้อย  เกี่ยวกับระบบการจัดลำดับของเรา  นักเวทระดับหนึ่งหรือระดับสองถูกจัดเป็นนักเวทระดับเริ่มต้น นักเวทระดับสามและระดับสี่มองว่าเป็นนักเวทระดับกลางและนักเวทระดับห้าหรือหก ถูกมองว่าเป็นนักเวทระดับสูง  นักเวทระดับเจ็ดเรียกว่าจอมเวทอาวุโส   จอมเวทระดับแปดเรียกว่าอาจารย์จอมเวท  จอมเวทระดับเก้าเรียกว่าปรมาจารย์เวท  ระดับเจ็ดถึงระดับเก้าเป็นระดับที่สูงสุด  เส้นทางที่เจ้าต้องเดินทางยังอีกไกลนัก”

“ข้าทราบ” ลินลี่ย์พยักหน้า

“ดี จงฝึกให้หนัก”  เดลิน โคเวิร์ทกลับเข้าไปในแหวนมังกรอีกครั้ง

ลินลี่ย์ตั้งสติตนเองระงับความตื่นเต้นจากการได้เป็นจอมเวทระดับสอง เขานั่งสงบจิตใจอีกครั้ง และเข้าสมาธิ  ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทีละขั้นผ่านผลสำเร็จหลายครั้งครา

ห่างจากลินลี่ย์ไปสามกิโลเมตร

จอมเวทที่เป็นครูของลินลี่ย์เทรย์ จอมเวทระดับหกขมวดคิ้ว “หืม.. คาถาเวทดิน หินแตก?พลังขนาดนี้น่าจะเป็นจอมเวทระดับสอง จอมเวทระดับเริ่มต้นที่มาฝึกในหุบเขาเป็นใครกัน?

จากนั้นเทรย์ใช้เวทลมตรวจสอบ และได้รู้สึกถึงเวทดินซึ่งลินลี่ย์เพิ่งร่าย

จากแรงสั่นสะเทือนของเวท  เทรย์ก็สามารถระบุได้ว่าเป็นเวทชนิดไหน

เทรย์เดินไปในทิศนั้นด้วยความสงสัยด้วยพลังเวทระดับหกของเขา เขาใช้เวทเหนือเสียงได้แข็งแกร่งกว่าลินลี่ย์มากนักเหมือนกับเมฆหมอกที่ผ่านไป เทรย์เคลื่อนผ่านภูเขาได้อย่างราบรื่นง่ายดาย

ในชั่วพริบตาเทรย์ก็มาถึงจุดที่ห่างจากลินลี่ย์สองร้อยเมตร

เขายืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่  เทรย์เห็นลินลี่ย์จากที่ไกล

เป็นเขาเองหรือ?

ธรรมดาเทรย์จะจำนักเรียนของเขาเองได้ “เด็กคนนี้ชื่อลินลี่ย์ไม่เคยพูดในชั้นเรียนเลยแม้เมื่อถึงเวลาทดลองเวทใหม่ๆ  คนอื่นๆพยายามจะทดลอง แต่เขาจะแค่ยืนมองจากที่ไกลไม่เคยแสดงพลังของตนเองออกมา ดูเหมือน...เด็กที่ชื่อลินลี่ย์นี้จะเป็นจอมเวทระดับสองไปแล้ว  เราจำได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเรียนใหม่ของเรา  คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีพรสวรรค์มาก”

ลินลี่ย์รู้วิธีร่ายเวทแล้ว  ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อครูบอกให้นักเรียนอื่นทำดูเขาจะแค่ยืนมองเฉยๆ

ไม่เคยทำอะไรร่วมกับกลุ่ม ความลึกลับของลินลี่ย์เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกๆ คนที่รู้จักเขา “หึหึ,ดูเหมือนเราจะมีอัจฉริยะในหมู่ลูกศิษย์แล้วสินะ อืม.. ดูเหมือนปีนี้เราควรจะได้รับรางวัลเมื่อการแข่งขันนักเรียนปีหนึ่งเริ่มขึ้น”  รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเทรย์  ขณะที่ในตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังเข้าสมาธิอยู่  เขาสัมผัสรู้สิ่งใดไม่ได้ในระยะร้อยเมตรห่างจากตัวเขาไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด