ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 38 ใครกล้ารังแกลูกชายข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 40 การรวมตัวของอัจฉริยะ

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 39 กระบี่เมฆาม่วงปรากฏ


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 39 กระบี่เมฆาม่วงปรากฏ

ในขณะที่เซียวจ้านและหยางเหอกำลังต่อสู้กัน คนอื่นก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน

ผู้อาวุโสซูได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป หยางเสี่ยวผู้ซึ่งเห็นโอกาสกำลังจะลงมือ ทว่ามีชายชราชุดเทาเดินมาอยู่ข้างเซียวอี้อย่างมั่นคง ชายคนนั้นคือหวังไห่

“ยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับอีกคนหนึ่ง บัดซบ… ยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับสองคนของตระกูลเซียว มาด้วยกันจริง ๆ” หยางเสี่ยวพึมพำและถอยกลับไปข้างหลังทุกคนทันที ในเวลานี้ การตัดสินของการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับสองคนด้านหน้าเท่านั้น

การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถนนทั้งสายอยู่ในสภาพโกลาหล ผู้คนต่างหวาดกลัวเขียนตายและหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านไม่โผล่หัวกล้าออกมาแม้แต่น้อย

“หยางเหอ ผ่านมาหลายทศวรรษแล้ว! เจ้ามีดีแค่นี้หรือ” ยิ่งเซียวจ้านต่อสู้นานขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเท่านั้น มือข้างหนึ่งของเขาสามารถสะกันค้อนระเบิดของหยางเหอไว้ได้ และโต้กลับอย่างได้เปรียบ

แม้ว่ารากฐานของตระกูลเซียวจะไม่แข็งแกร่งเท่าของตระกูลหยาง แต่พวกเขาก็ยังมีเซียวจ้าน ชายคนนี้สามารถแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า เขามีตำนานการต่อสู้ที่ไม่เสียเปรียบ แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับถึงสองคนก็ตาม

นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตระกูลเซียวสามารถตั้งหลักได้ในเมืองกวงหลิง

“ฮึ่ม เซียวจ้าน เจ้าจะต่อต้านตระกูลหยางของข้าเพื่อปกป้องสตรีทั้งสามนี้จริงหรือ” หยางเหอรู้ว่าตนเสียเปรียบ ดังนั้นเขาจึงล่าถอยทันทีและใช้ไม้อ่อน

ก่อนที่เขาจะมา เขาต้องการใช้จ้าวว่านเอ๋อและหลินชิงจู้เป็นข้ออ้างในการโจมตีตระกูลเซียว ใครจะไปคิดว่าตระกูลเซียวที่ถอยร่นจะกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายในวันนี้

สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย

“ช่างน่าขัน ลูกชายของข้าถูกรังแก ข้าจะกล้ำกลืนความโกรธของข้าในฐานะบิดาได้อย่างไรกัน”

ด้วยการฟาดฟันอย่างโหดร้าย หยางเหอถูกเซียวจ้านผลักตกลงมาจากท้องฟ้าทันที เขาดูราวกับเทพเจ้าแห่งสงคราม แข็งแกร่งและไม่ยอมใคร

หยางเหอกระอักเลือดออกมาเต็มปากและใช้ยันต์เคลื่อนย้ายออกไปทันที ในชั่วพริบตา เงาดำหลายร่างก็วูบไหวไปมา ในเวลาไม่ถึงนาที ทั้งถนนก็เต็มไปด้วยผู้คน

พวกเขาทั้งหมดเป็นยอดฝีมือจากตระกูลหยาง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เซียวจ้านเข้าใจทันทีว่าเขาตกหลุมพรางแล้ว

“เซียวจ้าน ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง! ออกไปจากที่นี่แล้วส่งสตรีทั้งสามนี้ไปยังตระกูลหยางของข้า ข้าสามารถแสร้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้” หยางเหอลุกขึ้นยืนอีกครั้งและกล่าวอย่างเย็นชา

หยางเสี่ยวบอกกับเขาแล้วว่าสตรีสองคนนี้ไม่ได้ไว้หน้าตระกูลหยางเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เขาต้องลงโทษพวกนาง

ให้โลกได้เห็นผลของการท้าทายตระกูลหยาง

นอกจากนี้ เขาสังเกตเห็นว่าหลินชิงจู้และจ้าวว่านเอ๋อเกิดมาพร้อมกับกระดูกศักดิ์สิทธิ์

ในเวลานั้น หยางเหอได้เก็บงำเจตนาชั่วร้ายไว้ เขาต้องการที่จะขุดกระดูกศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางออกมาและต่อกิ่งให้กับลูกชายของเขา ไม่เช่นนั้นเหตุใดเขาต้องลงมือเพียงเพราะหยางเสี่ยวต้องการสตรีกัน

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นมีเซียวจ้านเป็นก้างขวางคอ ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับเขา

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะจะจัดการกับจ้าวว่านเอ๋อและหลินชิงจู้ก่อน เพราะมีโอกาสมากมายในอนาคตที่จะจัดการกับตระกูลเซียว

ในขณะนี้ สีหน้าของเซียวจ้านดูเคร่งขรึมเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าตนทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเขาไม่รู้ว่าสตรีสองคนนี้สำคัญกับเย่ชิวมากเพียงใด หากทั้งคู่เป็นเพียงศิษย์ธรรมดา ตระกูลเซียวของพวกเขาอาจไม่สามารถทดแทนกับสิ่งนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเสี่ยงชีวิตของทั้งตระกูลก็ตาม

ในขณะนี้จ้าวว่านเอ๋อเดินออกมาอย่างใจเย็น เมื่อมองดูบรรยากาศที่ตึงเครียด นางพูดกับเซียวจ้านว่า “ลุงเซียว เราขอขอบคุณในความกรุณาของท่าน อย่างไรก็ตาม เราทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นคนสละชีวิตมากมายเพื่อพวกเรา ชีวิตและความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา เราได้เห็นทุกสิ่งที่ตระกูลเซียวทำในวันนี้แล้ว หากเราสามารถออกจากที่นี่ได้ในวันนี้ได้ เราจะตอบแทนน้ำใจของลุงเซียวในอนาคตอย่างแน่นอน”

เซียวจ้านรู้สึกประทับใจอย่างมากหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังเกรงใจเขาและไม่ใช่คนลืมบุญคุณ เนื่องจากเป็นเช่นนี้ เขาไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป “สาวน้อย ข้าจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน”

“ฮึ่ม ช่างดื้อรั้น”

ขณะที่หยางเหอกำลังจะออกคำสั่งโจมตี หลินชิงจู้ก็ดึงกระบี่เมฆาม่วงออกมา

ความสนใจของทุกคนถูกดึงไปยังนางทันที

“นี่คือ…”

“กระบี่เมฆาม่วง”

“นั่นไม่ใช่กระบี่ของซวนเทียนเจินเหรินหรอกหรือ เหตุใดมันถึงอยู่ในมือของสตรีคนนั้น…”

หัวใจของหยางเหอสั่นสะท้าน ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือรุ่นเก่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จักกระบี่นี้ นี่เป็นเพราะเจ้าของมันเคยเป็นตัวตนที่ทำให้ตระกูลหลักทั้งหมด สำนักเซียน และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องรู้สึกหวาดกลัว

ปรมาจารย์คนก่อนของขุนเขาเมฆาม่วง ยอดฝีมือระดับยอดยุทธผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน สหายเต๋าซวนเทียน

“ฮ่าฮ่า มันคือกระบี่เมฆาม่วงจริง ๆ” เซียวจ้านหัวเราะเมื่อเห็นกระบี่เมฆาม่วง เขาเข้าใจได้ทันทีว่าตัวตนของหลินชิงจู้นั้นพิเศษเพียงใด

กระบี่เมฆาม่วงเป็นสัญลักษณ์ของสถานะ ซึ่งหมายความว่านางคือผู้สืบทอดคนต่อไป และในฐานะผู้สืบทอดของเย่ชิว เห็นได้ชัดว่านางมีความสำคัญต่อเย่ชิวมากเพียงใด ก่อนหน้านี้เขายังคงสงสัยว่าสองคนนี้มีค่าควรแก่การช่วยชีวิตหรือไม่ เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้แล้ว มันคุ้มค่าแล้ว คุ้มค่าอย่างแท้จริง

“เจ้าเป็นใครกันแน่” ในขณะนี้แม้แต่หยางเหอก็ยังมีความหวาดกลัวค้างอยู่บนใบหน้าของเขา

หลินชิงจู้เดินออกจากฝูงชนอย่างเย็นชา นางถือกระบี่ของนางไว้ข้างหน้านางและกล่าวว่า “ข้าคือหลินชิงจู้ศิษย์คนแรกของปรมาจารย์ขุนเขาเมฆาม่วง เย่ชิว”

ฝูงชนตกตะลึงกับคำพูดของนาง

“เย่ชิว… ไม่ถูกต้อง มันเป็นไปไม่ได้”

ในเวลานี้ ใบหน้าของหยางเสี่ยวซีดเซียวอย่างน่าสยดสยอง หัวใจของเขาซีดก็เหมือนกับขี้เถ้า เขาไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริง ทว่าเขาก็ไม่สามารถอธิบายกระบี่เมฆาม่วงที่อยู่ในมือของหลินชิงจู้ได้

คนอื่นอาจไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่เขามีความประทับใจอย่างลึกซึ้ง

นั่นเป็นเพราะอาจารย์ของเขาเป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาสวรรค์ นั่นคือหลี่ชางกง ผู้ที่เคยปะทะกับเย่ชิวในตอนนั้น เขายังอยู่ที่นั่นขณะที่เย่ชิวเอาชนะยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับสองคนด้วยการโจมตีครั้งเดียว

เหตุการณ์นั้นยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจของเขาราวกับฝันร้าย ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นหลินชิงจู้ที่อยู่ข้างหลังเย่ชิว มิฉะนั้น เขาคงไม่กล้าที่จะยั่วยุหลินชิงจู้

เมื่อเขาได้ยินว่านางเป็นศิษย์ของเย่ชิว ใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที

สำนักเยียวยาสวรรค์ไม่ได้ด้อยไปกว่าภูเขาสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของความแข็งแกร่ง สำนักนี้เหนือกว่าภูเขาเซียนเสียอีก

ใบหน้าของหยางเหอเปลี่ยนเป็นสีซีดเซียวเช่นกันเมื่อเขาได้ยินว่านางเป็นศิษย์ของเย่ชิว เขาจ้องมองลูกชายของเขาอย่างโกรธเคือง เจ้าลูกไร้น้ำยาคนนี้โกหกกล้าเขาจริง ๆ และบอกว่านางเป็นเพียงคนธรรมดา

“มารดามันเถอะ! เราควรทำอย่างไรดี” ยอดฝีมือทั้งสองมาข้างหลังหยางเหอโดยไม่รู้ตัว พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับยอดฝีมือสองคนจากตระกูลหลินที่โดนเย่ชิวโจมตีเช่นกัน คงเป็นการยากที่จะแก้ไขเรื่องนี้เมื่อพวกเขาทำได้ให้เย่ชิวขุ่นเคืองไปแล้ว

“บัดซบ! ไม่น่าแปลกใจที่ชายชราเซียวจ้านปกป้องพวกเขา ปรากฎว่าเขาวางเดิมพันกับสำนักเยียวยาสวรรค์ บัดซบ…”

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพวกเขา แม้แต่จ้าวว่านเอ๋อก็มองด้วยความประหลาดใจและถามด้วยความสงสัย “พี่สาว กระบี่เล่มนี้มีต้นกำเนิดอย่างไรกัน เหตุใดพวกเขาจึงหวาดกลัวเช่นนี้”

หลินชิงจู้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์ว่ากระบี่เมฆาม่วงนี้เป็นกระบี่เล่มแรกของขุนเขาเมฆาม่วงที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ชื่อเสียงส่วนใหญ่นั้นล้วนมาจากซวนเทียนเจินเหริน อย่างไรก็ตาม ท่านอาจารย์ไม่เคยพูดถึงปรมาจารย์รุ่นก่อนเลย

“ท่านอาจารย์บอกข้าว่าหากพบยอดฝีมืรุ่นเก่า ข้าจะปลอดภัยตราบใดที่ข้าชักกระบี่เมฆาม่วงออกมา ปรมาจารย์คนก่อนของเราต้องเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่หวาดกลัวขนาดนี้”

“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าขุนเขาเมฆาม่วงของเราจะมีปรมาจารย์ที่น่าเกรงขามเช่นนี้นอกจากท่านอาจารย์” จ้าวว่านเอ๋อรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

ดูเหมือนว่าพวกนางจะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติในวันนี้ได้ นางไม่เคยคิดเลยว่าเย่ชิวจะทิ้งกลอุบายดังกล่าวไว้ให้กับหลินชิงจู้

เมื่อกระบี่เมฆาม่วงปรากฏขึ้น ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลหยางก็ไม่กล้าลงมือต่อ

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด